เช้าวันต่อมาหลังจากที่รู้สึกตัวตื่นแล้ว นางเองรู้สึกประหม่าไม่น้อยแต่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าท่วงท่าลีลาของเสิ่นหมิงนั้นเร้าใจนางน่าดู ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะไม่เคยผ่านสตรีใดมาก่อน
ด้านเสิ่นหมองนั้นก็กระอักกระอ่วนไม่ต่างกันเลย ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่กำลังลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า ทำราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
"ตั้งแต่เกิดมาข้าเพิ่งจะเคยเจอสตรีที่ไร้ยางอายเช่นเจ้า นี่เจ้าไม่รู้สึกกระดากอายบ้างเลยหรือ"
มู่เถาฮวาที่สวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็หันมามองเสิ่นหมิงก่อนจะเอ่ย
"ข้าต้องนั่งร้องไห้หรือ หรือว่าจะให้ข้ากระโดดน้ำฆ่าตัวตายในสระบัว ข้าไม่ทำหรอกนะ ข้ารักชีวิตจะตายไป ในเมื่อแก้ไขสิ่งใดไม่ได้แล้ว ก็ต้องยอมรับ"
"เหอะ"
"ทำไม หรือว่าองค์ชายรองเกิดติดใจร่างกายนี้ของข้าขึ้นมา"
"เหลวไหล เจ้าเป็นเพียงแค่ยันต์ดอกไม้กันภัยของข้าเท่านั้น"
มู่เถาฮวาเบ้ปากอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากที่คนทั้งสองจัดการสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เสิ่นหมิงก็ให้คนไปเรียกนักพรตเจี่ยงให้มาพบเขา
นักพรตผู้นี้มีนามว่าเจี่ยงเฉิง อายุยังไม่มากเท่าใดนัก ดูเหมือนจะรุ่นราวคราวเดียวกับเสิ่นหมิงเสียด้วยซ้ำ
เจี่ยงเฉิงที่ถูกมู่เถาฮวาจ้องมองอย่างไม่ละสายตาก็รีบเอ่ยถามทันที
"แม่นางท่านนี้ เหตุใดจึงจ้องหน้าข้า นักพรตไม่สนใจสตรีหรอกนะ"
มู่เถาฮวาเบ้ปากคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"ท่านเป็นนักพรตจริงหรือ"
"ก็จริงน่ะสิ"
"เป็นนักพรตประสาอันใดกัน ไม่เห็นหรือว่าบนตัวขององค์ชายรองมีผีสาวชุดดำเกาะอยู่"
เสิ่นหมิงและเจี่ยงเฉิงหันขวับมามองมู่เถาฮวาเป็นตาเดียว เสิ่นหมิงถึงกับเดินเข้ามาหานางพลางเอ่ยถามอย่างร้อนรน
"เจ้าเห็นจริงจริงหรือ"
"ท่านก็รู้ดีแก่ใจไยยังมาถามข้าอีกเล่า ท่านถูกคุณไสย เป็นคุณไสยที่ร้ายแรงเสียด้วย คนทำหมายเอาชีวิต ไม่ขอปิดบัง ในเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วข้าก็จะบอกความจริงกับพวกท่าน ข้ามองเห็นวิญญาณได้ และสามารถจัดการมันได้ เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาเสียหน่อย"
นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง เสิ่นหมิงเดิมทีคิดว่านางพูดเหลวไหล แต่เมื่อมู่เถาฮวาบอกลักษณะของผีสาวได้ตรงตามที่เขาเคยเห็น เสิ่นหมิงจึงเชื่ออย่างสนิทใจ
เขาไม่แน่ใจว่าตอนที่เขาเห็นผีสาวตนนั้น เป็นยามครึ่งหลับครึ่งตื่น หรือเขามองเห็นมันด้วยตาเนื้อจริงๆ แต่มันน่ากลัวมาก
นักพรตเจี่ยงเฉิงย่นหัวคิ้ว ก่อนจะหันมาเอ่ยถามมู่เถาฮวา
"เจ้าคงไม่ได้หลอกลวงพวกเราอยู่หรอกนะ"
มู่เถาฮวาเมื่อได้ยินก็หันมาเท้าเอวพลางจ้องเจี่ยงเฉินเขม็ง
"ใครหลอกลวง ข้าพูดความจริง นี่นักพรตเจี่ยง ข้าว่าท่านต่างหากที่เป็นนักพรตปลอม นักพรตประสาอันใดมองไม่เห็นภูตผีปีศาจ"
"ก็ข้าไม่ใช่หมอผี ข้าเป็นเพียงผู้บำเพ็ญพรตที่จริงใจ!"
"พวกเจ้าสองคนหยุดเถียงกันสักที!!"
เสิ่นหมิงหมดความอดทนแล้ว เขาจึงห้ามปรามสงครามน้ำลายของคนทั้งสอง ตอนนี้เขาไม่สนใจสิ่งใดแล้ว ขอเพียงมีคนที่สามารถกำจัดคุณไสยนี้ได้เขาเองก็ไม่รังเกียจที่จะให้คนผู้นั้นอยู่ข้างกายและพร้อมจ่ายเงินโดยไม่ตระหนี่ แต่ถ้าคนผู้นั้นคิดหลอกลวงเขา เขาก็จะไม่เก็บมันเอาไว้
เขาและเจี่ยงเฉิงเป็นสหายรักกัน เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเจี่ยงเฉิงไม่มีทางโกหกเขา
เสิ่นหมิงปรายตามองมู่เถาฮวาคราหนึ่ง
เขาและนางเพิ่งจะรู้จักคุ้นเคยกัน เขายังไม่พร้อมจะบอกเล่าเรื่องราวของตนให้นางรู้ และอีกอย่างหนึ่งก็คือเขาเองยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเรื่องนี้ใช่ฝีมือของสวีกุ้ยเฟยและองค์ชายใหญ่หรือไม่
มู่เถาฮวาเองก็ไม่ได้เร่งรัดเขา นางเข้าใจเขาดี อย่างไรเรื่องนี้ย่อมต้องใช้เวลา
คนทั้งสามมองหน้ากันไปมา ก่อนที่เสิ่นหมิงจะบอกให้ทุกคนออกไป เขาต้องการใช้ความคิดเพียงลำพัง
มู่เถาฮวาและเจี่ยงเฉิงเดินออกมาพร้อมกัน คนทั้งสองเดินมาตามทางที่ปูลาดด้วยหินอ่อน เจี่ยงเฉิงหันมาเอ่ยถามมู่เถาฮวาด้วยความสงสัย
"แม่นางมู่ ที่เจ้าบอกว่าองค์ชายรองมีวิญญาณตามติดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือ"
มู่เถาฮวาหันมามองเจี่ยงเฉิงก่อนจะเอ่ยตอบ
"จริงสิ ข้าโกหกไปจะได้อันใด ข้าเห็นมันเกาะอยู่บนไหล่ขององค์ชายรอง ดูเหมือนจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสุขภาพไม่สู้ดี ว่าแต่เหตุใดท่านจึงมองไม่เห็นทั้งที่บำเพ็ญพรตแท้ๆ"
เจี่ยงเฉิงขมวดคิ้วมุ่น พลางส่ายหน้าไปมา
มู่เถาฮวาเองก็แปลกใจเช่นเดียวกัน นางจ้องมองเจี่ยงเฉิงนิ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม
"ระยะหลังมานี้ท่านได้ดื่มหรือกินสิ่งใดที่แปลกๆบ้างหรือไม่"
เจี่ยงเฉิงมีท่าทีครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยตอบ
"ไม่มีนะ จะมีก็เพียงน้ำแกงที่ท่านแม่ของข้าทำ ทำไมหรือ"
"ข้าเคยอ่านเจอว่ามีสมุนไพรชนิดหนึ่ง คนที่ฝึกบำเพ็ญจะดื่มไม่ได้ เพราะจะปิดผนึกพลังตบะไม่ให้เห็นวิญญาณและสัมผัสถึงพลังของคุณไสยได้ไม่มาก หากมีเวลาท่านเอาน้ำแกงถ้วยนั้นมาให้ข้าดูหน่อยจะได้หรือไม่"
"ได้"
เจี่ยงเฉิงแม้จะไม่ค่อยเชื่อแต่กลับพยักหน้ารับก่อนจะขอตัวกลับ ก่อนกลับมู่เถาฮวาได้ขอยันต์จากเขามาหลายแผ่น เจี่ยงเฉิงมอบให้นางโดยไม่หวงของแม้แต่น้อย อีกทั้งยังกำชับให้นางดูแลเสิ่นหมิงให้ดี
เมื่อคนจากไปแล้ว มู่เถาฮวาก็กลับมาที่ห้องพร้อมกับพิจารณายันต์ในมือ
มันคือยันต์กันวิญญาณแต่เพราะเป็นไปได้ว่าเจียงเฉินถูกผนึกพลังบำเพ็ญจึงทำให้ยันต์เหล่านี้ใช้ไม่ได้ผล และคุ้มครองเสิ่นหมิงไม่ได้
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงจัดการวาดยันต์แผ่นใหม่ และทดลองใช้มัน พบว่ามันสามารถใช้งานได้
หญิงสาวยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเก็บยันต์เหล่านั้นเอาไว้กับตัว
กลางดึกมู่เถาฮวานอนไม่หลับ นางเดินมุ่งหน้ามาที่เรือนของเสิ่นหมิง นางไม่ได้คิดจะมายั่วยวนเขาแต่อยากจะดูเขาเสียหน่อย
เมื่อเข้ามาใกล้เรือนของเสิ่นหมิง นางก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ภายในห้อง
ภายนอกเรือนมีองค์รักษ์เฝ้าอยู่ แต่เหมือนพวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงภายในห้อง แต่นางกลับได้ยินอย่างชัดเจน
มู่เถาฮวารู้ว่าไม่ง่ายเลยที่จะเข้าไปด้านใน นางเดินวนอยู่ที่ด้านนอกสองสามรอบจนพบทางเข้าห้องของเสิ่นหมิง
ประตูหน้าต่างถูกเปิดอ้าเอาไว้ นางจึงรีบกระโดดเข้าไปด้านใน ภาพที่เห็นทำเอานางถึงกับชะงักไปเล็กน้อย
ตอนนี้เสิ่นหมิงกำลังนอนอยู่บนเตียง เขาดิ้นทุรนทุรายอย่างน่าสงสาร โดยที่มีผีสาวชุดดำนั่งคล่อมอยู่บนตัวและใช้เล็บแหลมคมกรีดลากไปทั่วทั้งลำคอของเขา
เขาไม่เข้าใจเลย ทุกคราความทรมาณนี้จะเกิดขึ้นทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง แต่ครานี้เหมือนมันจะหนักข้อ ผีสาวตนนี้เริ่มรบกวนเขาบ่อยครั้งขึ้น
ความทรมานจากปีศาจมักไม่ปรากฏร่องให้เห็นชัดเจนนัก มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมองเห้นด้วยตาเปล่าได้ ต่างจากคนที่มีวิชาอาคมที่สามารถมองเห็นได้
มู่เถาฮวามองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเย็นเยียบ ก่อนที่นางจะล้วงหยิบยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นและวิ่งเข้าไปหาผีสาวอย่างไม่รอช้า
"ทำลาย!!"
ยันต์สีทองแปะอยู่กลางหน้าผากของผีสาว มันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะหายไปอย่างไร้รองรอย
เสิ่นหมิงแม้เจ็บปวดเจียนตายแต่กลับยังมีสติ ดวงตาของเขาพร่าเลือน ภาพเบื้องหน้าปรากฏร่างของมู่เถาฮวาที่ช่วยเขาจากอันตรายเอาไว้
"องค์ชายรอง!!"
มู่เถาฮวารีบเข้ามาประคองเสิ่นหมิง แต่เหมือนว่าเขาจะอ่อนแรงจึงสลบไปในอ้อมกอดของนางไปเสียอย่างนั้น มู่เถาฮวาขมวดคิ้วมุ่นพลางครุ่นคิด
ใครกันที่ใช้วิธีโสมมเช่นนี้กับเขา?
ด้านเสิ่นหมิงนั้นหลังจากที่สะสางเรื่องราวต่างในเมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินทางออกจากเมืองหลวงพร้อมกับเจี่ยงเฉิง ยามนี้ขั้วอำนาจมั่นคง ขุนนางที่ไว้ใจได้ล้วนมีไม่น้อย เขาจึงไม่ได้มีเรื่องให้กังวลเท่าใดนักก่อนหน้านี้เขาได้ออกตามหามู่เถาฮวาไปทั่วทุกที่ แต่ยังเหลืออีกที่หนึ่งที่เขายังไม่ได้ไปนั่นก็คือเมืองทางทิศใต้เขายังคงมีความหวังว่าจะได้พบเจอมู่เถาฮวาอีกสักครั้ง ไม่ว่านางจะอยู่ในสภาพไหน เขาก็ยินดีที่จะรับนางกลับเมืองหลวงไปใช้ชีวิตร่วมกันเขาเดินทางมาจนถึงเมืองทางทิศใต้ ที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีฝนตกลงมาประปรายอีกด้วย ชายหนุ่มเดินมาทางมากับเจี่ยงเฉิงผ่านร้านรวงต่างๆมากมาย มีเหล่าองครักษ์ลับปลอมตัวเป็นชาวบ้านคอยอารักขาเขาอยู่ห่างๆเดินทางมานานก็เริ่มรู้สึกหิว จึงถามคนในละแวกนั้นว่ามีร้านอาหารใดขึ้นชื่อบ้าง ชาวบ้านบอกว่าที่นี่มีร้านสุราขึ้นชื่ออยู่ร้านหนึ่ง เจ้าของร้านร้านหมักสุราได้รสชาติดีเป็นอย่างมาก เขาและเจี่ยงเฉิงจึงรีบไปที่ร้านนั้นในทันทีเมื่อมาถึงกลับได้ยินเสียงทะเลาะกันดังขึ้น อีกทั้งยังมีการทำลายข้าวของภายในร้านด้วย เสิ่นหมิงรีบเข้าไปดูเผื่อว่าจะห้า
เวลาก็ล่วงเลยผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่มู่เถาฮวาออกไปจากชีวิตของเสิ่นหมิง หญิงสาวเร่ร่อนไปเรื่อยๆ ทำการค้าเล็กๆน้อยเลี้ยงชีพ โชคดีทีมีเครื่องประดับติดตัวมาบ้าง นางจึงนำมันไปขายแลกเงินมาเปิดร้านค้าเอาไว้เลี้ยงชีพ นางเปิดร้านสุราแห่งหนึ่งอยู่ที่หมู่บ้านกว่างหลิง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแคว้นหนานจง หมู่บ้านแห่งนี้เงียบสงบเป็นอย่างมาก ร้านสุราของนางเป็นเพียงร้านเล็กๆร้านหนึ่งเท่านั้น แต่ผู้คนก็แวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย เมืองแห่งนี้แม้สงบแต่ค่อนข้างเจริญอยู่บ้าง มีการค้าทางเรือและทางบก ที่ท่าเรือก็ค่อนข้างคึกคักไม่น้อยเลยมู่เถาฮวาใช้ผ้าโพกคลุมศีรษะของตนเอาไว้ ยามนี้ผมของนางเป็นสีขาวโพลนเหมือนหญิงชราเนื่องจากสูญเสียพลังชีวิตไป แต่ความงดงามของนางยังคงไม่จางหายไปแม้จะไม่ได้รับเคราะห์แทนเสิ่นหมิงแล้ว แต่สุขภาพของนางกลับไม่สู้ดีเท่าใดนัก มักจะเจ็บป่วยออดๆแอดๆ เพราะไม่มีเงินมากพอไปหาหมอดีดีมารักษาทำให้อาการป่วยเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆมู่เถาฮวาส่งเสียงไอออก ก่อนจะจัดการเก็บกวาดร้านเพื่อเตรียมเปิดขายสุรา"แม่นางมู่ สุราไหหนึ่ง ขอกับแกล้มดีดีด้วยล่ะ""ได้ๆ รอสักครู่"เปิดร้านไม่นานก็มีลูกค้าเข้าร้านมาแล
รัชศกหมิงปีที่1 เสิ่นหมิงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เหล่าขุนนางที่มีใจคิดไม่ซื่อถูกกวาดล้างไปจนหมด มีการเปิดสอบขุนนางใหม่เข้ามาทำงานในราชสำนัก ขุนนางใหม่ล้วนมีใจซื่อสัตย์และไม่คิดคดทรยศต่อบ้านเมือง ขั้วอำนาจที่ไม่ดีล้วนถูกเสิ่นหมิงกวาดล้างจนหมดสิ้น ไม่นานนักอดีตฮ่องเต้ผู้เป็นพระบิดาก็สวรรคตจากไป ก่อนตายยังสั่งให้ฝังพระศพของตนไว้ใกล้กับซ่งฮองเฮาอีกด้วยเสิ่นหมิงนั่งอ่านฏีฎาอยู่ในห้องทรงอักษรด้วยจิตใจที่เหม่อลอย นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่เขาตามหามู่เถาฮวาไม่พบเจี่ยงเฉิงเองก็ช่วยเขาออกตามหามู่เถาฮวาเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่พบร่องรอยของนางเลยแม้แต่น้อยกล่าวถึงเจี่ยงเฉิงแล้วนั้น หลังจากเกิดเรื่องเขาก็พามารดาออกมาจากจวนตระกูลเจี่ยง มาซื้อจวนใหม่อยู่ด้วยกันสองคนแม่ลูก ใช้ชีวิตเรียบง่ายด้วยกันอย่างมีความสุข เสิ่นหมิงให้เจี่ยงเฉิงรับราชการเป็นหัวหน้าสำนักโหราศาสตร์ คอยดูทิศทางของดวงดาวและทำนายเรื่องราวต่างๆในเมืองหลวง เสิ่นหมิงไม่สนใจเรื่องราวที่ผ่านมาของตระกูลเจี่ยงเพราะเขาแยกแยะได้ว่าเจี่ยงเฉิงเป็นคนดีเมื่อเสิ่นหมิงจัดการงานทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ก็ออกจากห้องทรงอักษร เขาสวมชุดชาวบ้านธ
เสิ่นหมิงนำกองกำลังทหารเข้าห่ำหั่นกับเสิ่นหลาง ยามนี้เสิ่นหลางไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นคนดีอีก เขาต่อสู้กับเสิ่นหมิงอย่างไม่ยอมแพ้ แต่กลับพบว่าพละกำลังของเสิ่นหมิงไม่ถดถอยลงเลย อีกทั้งยังไม่ยอมแพ้เขาโดยง่ายอีกด้วยไม่รู้เพราะเหตุใดเสิ่นหลางจึงรู้สึกว่าจิตใจไม่ค่อยสงบ คล้ายว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร เขาและเสด็จแม่วางแผนอย่างรัดกุมแล้ว ย่อมไม่มีทางที่จะทำผิดแผน อีกอย่างตอนนี้เสด็จพ่อก็ใกล้จะไปปรโลกเต็มทีแล้ว รอให้เขาเอาศีรษะของเสิ่นหมิงไปมอบให้ตาแก่นั้นดู มันก็คงจะตายตามบุตรชายตนเขาแค้นเคืองเสด็จพ่อยิ่งนัก เขาก็เป็นบุตรชายอีกคนเช่นกัน แต่เหตุใดเสด็จพ่อจึงรักเขาน้อยกว่าเสิ่นหมิงกันเล่าเสิ่นหมิงมองเสิ่นหลางด้วยแววตาเย็นชา เขาจุดพลุสัญญาณขึ้นฟ้า ไม่นานก็ปรากฏกองทัพนับแสนเข้าสังหารทหารของเสิ่นหลางจนหมด เสิ่นหลางที่เห็นเช่นนั้นตื่นตระหนกเป็นอย่างมากของในมือเสิ่นหมิงนั่นมันตราทหารของเสด็จพ่อใช่หรือไม่ เขาเคยเห็นครั้งหนึ่ง และคิดว่าจะต้องได้ครอบครองมันแต่กลับหาไม่พบ ไม่คิดว่ามันจะตกมาอยู่ในมือของเสิ่นหมิง!ยังไม่ทันที่เขาจะได้เข้าสู้กับน้องชายตนต่อ ก็รู้สึกจุกที
เจี่ยงเฉิงที่ได้รับจดหมายจากเสิ่นหมิงก็เร่งรุดมาที่จวนองค์ชายรองอย่างไม่รอช้า เมื่อมาถึงก็พบว่ามู่เถาฮวากำลังรออยู่ในห้องทำพิธี เขารีบเข้ามาทันที"แม่นางมู่ เหตุใดจึงรีบร้อนถึงเพียงนี้เล่า เดิมทีจะต้องทำพิธีถอนคุณไสยในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่กำลังจะมาถึงไม่ใช่หรือ”มู่เถาฮวากันมามองเจี่ยงเฉิง ก่อนจะเอ่ยตอบ“เราจะรอเวลาไม่ได้แล้ว ท่านคงทราบเรื่องที่สวีกุ้ยเฟยและเสิ่นหลางองค์ชายใหญ่ยึดครองอำนาจแล้ว อีกทั้งยังมีราชโองการจากฝ่าบาทให้สวีกุ้ยเฟยเป็นผู้สำเร็จราชการแทน หากเป็นฝีมือของสองแม่ลูกที่ทำคุณไสยใส่เสิ่นหมิงจริงๆ เราก็ไม่อาจรอได้แล้ว""เจ้าเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่หรือไม่"“อืม”มู่เถาฮวามอบยันต์หลายแผ่นให้กับเจี่ยงเฉิง พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ข้าจะทำพิธีสะท้อนคุณไสยกลับไปหาคนที่ลงมือ โดยใช้ผีสาวชุดดำเป็นสื่อกลาง แต่วิธีนี้เสิ่นหมิงอาจจะเจ็บตัวเสียหน่อย แต่ไม่เป็นอันตรายอันใด หากกระอักโลหิตออกมาก็ถือว่าหายดีแล้ว""ได้ ข้าจะช่วยเจ้าเอง""อืม"เสิ่นหมิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ออกคำสั่งให้ทหารคุ้มกันจวนองค์ชายรองอย่างแน่หนา จนกว่าพิธีแก้คุณไสยจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีสายลมพัดพาเอาความ
การแช่น้ำใต้แสงจันทร์ผ่านไปด้วยดี หลังจากที่มู่เถาฮวานอนหลับไปแล้ว เจี่ยงเฉิงก็เดินเข้ามาหาเสิ่นหมิง ตอนนี้คนทั้งสองยังนอนไม่หลับ เจี่ยงเฉิงเองก็ยังไม่ได้กลับจวนตระกูลเจียงเพราะต้องการอยู่เป็นเพื่อนเสิ่นหมิงคนทั้งสองยกจกสุราขึ้นดื่ม ก่อนจะมองไปบนท้องฟ้าคราหนึ่ง เจี่ยงเฉิงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน"อาหมิง เจ้าชอบนางหรือ"เสิ่นหมิงวางจอกสุราลง ก่อนจะหันมามองเจี่ยงเฉิง"ใช่ เจ้าว่าข้้าเหลวไหลเกินไปหรือไม่ ปากไม่ตรงกับใจใช่หรือไม่"เจี่ยงเฉิงส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่คิดสิ่งใด"ไม่หรอก ความรู้สึกเช่นนี้บางคราเราเองก็ไม่อาจห้ามใจได้ อีกอย่างข้าว่านางก็เป็นคนดี หากเราไม่พบนางบางคราอาจจะหาทางแก้ปัญหาในตอนนี้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ อีกอย่าง นางช่วยให้ข้ามีพลังกลับคืนมา ไม่ต้องถูกผนึกพลังวิญญาณ"เสิ่นหมิงเมื่อที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเจี่ยงเฉิงแล้ว ชายหนุ่มมองหน้าสหายตนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม"เจ้าหาตัวคนที่ลงมือได้หรือยัง"เจี่ยงเฉิงหันมามองเสิ่นหมิงพลางส่ายหน้าไปมาอย่างอับจนหนทาง หลายวันมานี้เขาพยายามสืบแล้ว พบว่าท่านแม่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใ