Home / รักโบราณ / ดอกเหมยสีชาด / ชายารองลู่ถูกพิษ

Share

ชายารองลู่ถูกพิษ

last update Last Updated: 2025-09-01 15:02:44

แม้องครักษ์บางส่วนของตำหนักตงหยางจะเป็นคนของชินอ๋อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าองครักษ์ทั้งหมดเป็นของเขา ย่อมมีองครักษ์บางส่วนที่เป็นคนของเสวียนเยี่ยนฟางปะปนอยู่

ตระกูลแม่ทัพคู่บัลลังก์จะปล่อยให้บุตรสาวอยู่แบบสิ้นไร้ไม้ตอกได้อย่างไร

เมื่อได้รับสัญญาณคำสั่ง พวกเขาจึงเข้าค้นเรือนนอนของทั้งสามอย่างรวดเร็ว

หยุนอันลอบเข้าไปในเรือนนอนของผู้เป็นนาย โดยสามารถลบเลี่ยงสายตาของทหารเหล่านั้นไปได้ เพียงครู่นางก็ออกมา จากนั้น ก็ลอบมาที่เรือนพระชายา

หลินเฟยหลันตามไปห่างๆ นางไม่เข้าใจว่าบ่าวผู้นี้จะมาที่เรือนมารดานางทำไมกัน

“พี่หญิง อุ๊บ!”

หลินเฟยฉีที่เห็นพี่สาวดูลับๆ ล้อๆ จึงคิดจะเอายถาม แต่ก็ถูกนางเอามือปิดปากไว้เสียก่อนพร้อมกับยกมือส่งสัญญาณว่าไม่ให้พูด เขาจึงเงียบ

เขาซ่อนตัวแล้วรอให้พี่สาวมาหาอยู่นาน แต่รอนานมากพี่สาวก็ไม่มาสักทีจึงได้เผลอหลับไป และเพิ่งตื่นขึ้นมา ก็เห็นหลังของพี่สาวเดินผ่านไปพอดี จึงได้ตามมา

หลินเฟยหลันจึงบอก “มีคนขโมยสมบัติของเสด็จแม่ อย่าได้เสียงดัง”

ท่านชายสี่กำหมัดแน่นอย่างกรุ่นโกรธ

ขโมยสมบัติของเสด็จแม่ เท่ากับขโมยสมบัติของเขา เขาไม่ยอมหรอก ฮึ!

ไม่นาน สองพี่น้องก็เห็นหยุนอันออกมาจากเรือนนอนของมารดา

องครักษ์มากระซิบบางอย่างกับหนิงอ้าย ซึ่งนางก็นำความมาแจ้งแก่ผู้เป็นนาย

เสวียนเยี่ยนฟางขมวดคิ้ว

แต่แล้วแววตาของนางก็มีประกายขบขัน เมื่อเห็นหีบเก็บของจากเรือนทั้งสามราวยี่สิบหีบถูกขนออกมาวางตรงลาน

ได้ยินว่า ตระกูลลู่เติมสินเดิมให้ลู่หว่านเหลียนจำนวนมาก แต่เหตุใดตอนนี้ สามแม่ลูกจึงมีสมบัติรวมกันเพียงสามสิบหีบเล่า

มิใช่ว่าถูกผลาญไปจนหมดแล้วรึ!

ซึ่งในความเป็นจริง แม้บิดาจะรักใคร่ แต่ทว่าสินเดิมของลู่หว่านเหลียนกลับไม่ได้มีมากเท่าที่ควร

นางเป็นเพียงบุตรอนุ ฮูหยินเอกแห่งจวนลู่ย่อมมิอาจให้สินเดิมข้ามหน้าข้ามตาบุตรสาวของตน เดิมทีชินอ๋องเองก็คิดจะเติมสินเดิมให้สตรีที่รักเทียบเท่าชายาเอก หากแต่ถูกไทเฮาปรามไว้

แม้จะได้ตำแหน่งชายารองมาครอง แต่ลู่หว่านเหลียนก็ถูกกดทับไว้ด้วยความแตกต่างของตระกูลอยู่ดี

เพื่อชดเชยให้กับสตรีที่รัก หลังแต่งเข้าตำหนัก หลินฉิงจวินจึงอนุญาตให้ชายารองของตนมีสิทธิ์ใช้สมบัติของเขาได้

เสวียนเยี่ยนฟางเลิกคิ้วด้วยความสุนทรีย์ นางอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ

อนุสุดที่รักของเขามีสมบัติเพียงเท่านี้? เฮอะ! น่าขัน ยามดอกบัวเน่าอยู่ข้างนอกทำตัวราวกับมาจากตระกูลใหญ่

ที่แท้ก็เท่านี้

ลู่หว่านเหลียนถึงกับต้องกำมือแน่น ใบหน้างามแดงก่ำด้วยความอับอาย นางรึอุตส่าห์ให้คนประโคมข่าวเรื่องสินเดิม แต่วันนี้กลับถูกทำให้ขายหน้าต่อคนนอกเสียได้

หลินเฉิงจวินถึงกับหน้าคล้ำอีกรอบ

มีอย่างที่ไหน บอกให้พวกเขาค้น ก็ค้นทุกซอกทุกมุมจริงๆ 

แต่พอจะเปิดปากตำหนิคนของตน เมื่อมองไปเห็นใบหน้าจริงจัง แววตาเถรตรงของเหล่าองครักษ์ ทำเอาชินอ๋องถึงกับใบ้กิน

สินเดิมส่วนที่เหลือที่หายไป ล้วนเป็นของพระราชทาน ซึ่งจะพิเศษกว่าตรงที่ว่าจะมีการสลักหรือมีสัญลักษณ์ให้รู้ว่าพระราชทานมาจากผู้ใด

ขณะที่นางกำนัลอาวุโสจะลงมือตรวจสอบหีบจากเรือนของชายารอง ลู่หว่านเหลียนก็กระอักเลือดแล้วล้มลงหมดสติต่อหน้าทุกคนเสียก่อน

หลินเฉิงจวินใจหาบวาบ เขารีบช้อนตัวของลู่หว่านเหลียนขึ้นมา แล้วเข้าไปในห้องทันทีพร้อมกับตะโกนบอกให้คนตามหมอหลวงมาอย่างเร่งด่วน

หลังจากหลังจากที่หมอหลวงได้ตรวจดูอาการของลู่หว่านเหลียนก็ได้บอกว่านางถูกพิษ ซึ่งทำให้หลินเฉิงจวินรู้สึกโกรธมาก

สายตาพยัคฆ์จ้องไปยังเสวียนเยี่ยนฟางอย่างโกรธแค้น เพราะเขาเชื่อว่าต้องเป็นฝีมือของนางอย่างแน่นอน “เจ้า”

แต่พระชายากลับยกยิ้มที่มุมปาก สายตาที่จ้องมองชินอ๋องเต็มไปด้วยความดูแคลน พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ท่านอ๋อง ข้าวกินอย่างไรก็ได้ หากแต่คำพูดมิอาจกล่าวซี้ซั้ว จะจับคนต้องมีหลักฐาน สินเดิมข้าหาย ข้ายังต้องหาหลักฐาน หากท่านคิดว่าเป็นข้าที่วางยาพิษนาง ก็ให้หาหลักฐานมา อย่าได้คิดมากล่าวหาเช่นนี้ มิเช่นนั้นคนอื่นจะคิดว่าชินอ๋องเป็นพวกโง่เขลาเบาปัญญา”

ตอนนี้ นางไม่สนใจธรรมเนียมหรือมารยาทใดๆ แล้ว แทบจะไม่อยากมองหน้าของบุรุษผู้นี้ด้วยซ้ำไป

อ๋องโง่นี่ คนรักของเจ้าถึงบุตรสาวของหมอหลวง จะโง่ให้ตัวเองโดนพิษไปทำไม หากไม่มีแผนการร้าย

บุญบาปอันใดของข้า ถึงได้แต่งให้คนที่หูตามืดบอกเช่นนี้กัน

อ้อ! ลืมไป ข้าถูกสมรสพระราชทานบังคับ

แต่ก็นึกไม่ถึงว่าสตรีแซ่ลู่จะถึงขั้นลงมือกับตนเอง เพื่อให้บุตรสาวพ้นจากข้อครหา

ช่างกล้าได้กล้าเสียจนน่ากลัว

เอาล่ะมาดูกันว่าหมากตานี้ เป็นข้าหรือเจ้าที่จะม้วย

หลินเฟยหลันเข้าไปกอดเพื่อปลอบมารดา ท่านหญิงใหญ่มองผู้เป็นบิดาด้วยแววตาเย็นชา

หลินเฟยฉีเองก็อยากทำเช่นเดียวกับพี่สาว แต่เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไร ก็ล้วนถูกบิดาตำหนิ จึงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ มารดา

สายตาของบุตรสาวคนโตทำให้ผู้เป็นบิดารู้สึกอึดอัด เขาจึงสะบัดตัวแล้วหันหลังให้ทั้งสาม

จากนั้นก็สั่งให้มีการค้นเรือนทุกหลังอีกครั้งเพื่อควานหาตัวคนร้าย แต่ถึงแม้จะค้นเรือนของทุกคนทุกซอกทุกมุมหมดแล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ

ชินอ๋องจึงสั่งให้คนที่ตัวของทุกคนแทน ซึ่งนั่นก็ทำให้ได้พบกำไลหยกดำที่หลินเฟยหลันตามหานั้นอยู่ที่ฝูกงกง และยังพบปิ่นปักที่เป็นของตกทอดจากไทเฮาผู้ล่วงลับที่ตัวของหลินฟางซินอีกด้วย

ใบหน้าของหลินเฉิงจวินจึงแทบดูไม่ได้

ลู่หว่านเหลียนที่นอนอยู่บนเตียงหันไปสบตากับคนสนิท หยุนอันเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงไม่พบห่อยาพิษที่เรือนของพระชายา

เสวียนเยี่ยนฟางและบุตรทั้งสองถูกกักตัวไว้ที่เรือนใหญ่ จนกว่าจะหาตัวคนร้ายได้

“ได้ตัวคนร้ายแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง” เสิ่นฟู่เอ่ยรายงาน

ชายหนุ่มวัยสิบแปดปี ผู้ที่เป็นทั้งองครักษ์ข้างกายและเป็นลูกศิษย์ที่ชินอ๋องไว้วางใจ

เขาผลักหยุนอันลงต่อหน้าทุกคน ซึ่งตอนนี้รวมตัวกันอยู่ที่ห้องข้างกับห้องนอนของชายารอง แล้วเอ่ยต่อ “กระหม่อมพบบ่าวผู้นี้ลักลอบไปยังห้องของพระชายา และสงสัยว่านางจะเป็นคนร้ายตัวจริง เราพบยาพิษที่ตัวนางพ่ะย่ะค่ะ”

ลู่หว่านเหลียนได้ยินเช่นนั้นถึงกับใจสั่น

ชินอ๋องตบโต๊ะอย่างเดือดดาล “บ่าวชั่ว ชายารองดีต่อเจ้าถึงเพียงนี้ เจ้ายังคิดร้ายกับนางได้ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะการทำการนี้ด้วยตัวคนเดียว นำตัวไปลงโทษ จนกว่าจะรับสารภาพ”

หยุนอันถูกทรมานอยู่หนึ่งวันกับหนึ่งคืน จึงสารภาพว่า พระชายาเป็นผู้บงการ

ชินอ๋องจึงใช้โอกาสนี้ ส่งตัวพระชายาของตนไปที่ศาลต้าหลี่ทันที

ท่านหญิงใหญ่และท่านชายสี่ร้องไห้กอดมารดาเอาไว้อย่างไม่อายผู้คน เมื่อมารดาถูกนำตัวไปต่อหน้า

ชาวเมืองต่างมุงดูอย่างใคร่รู้

บางส่วนก็สงสารปนเวทนา

บางคนก็คิดว่าสมควรแล้ว

“ช่างเป็นพระชายาที่โหดร้ายยิ่งนัก ตนเองไม่เป็นที่โปรดปรานของสามีกลับหาเรื่องของอนุภรรยาผู้หนึ่ง ถึงขั้นวางยาพิษ”

“ตระกูลเสวียนเลี้ยงดูคนให้มีจิตใจอำมหิตเกินไปแล้ว”

แม้ว่าลู่หว่านเหลียนจะเป็นอนุภรรยา แต่ชื่อเสียงด้านความเมตตาของนางล้วนเป็นที่ประจักษ์ของชาวเมือง โรคระบาดเมื่อหลายปีก่อนนี้ก็ได้นางเป็นผู้คิดค้นยารักษา ชาวเมืองจำนวนมากรู้สึกชื่นชมนาง

ทุกสิบห้าวัน โรงหมอของตระกูลลู่จะเปิดให้ตรวจโรคสำหรับคนยากไร้โดยไม่คิดเงิน 

แล้วตระกูลเสวียนเล่า ทำประโยชน์อันใด

เมื่อลู่หว่านเหลียนถูกรังแก ชาวเมืองส่วนใหญ่จึงทนไม่ได้

หลายคนต่างทวงถามความยุติธรรมให้แก่นาง คำสาปแช่งตระกูลเสวียนดังขึ้นทั่วเมือง

แต่พวกเขากลับลืมไปว่า ที่พวกเขาได้นอนหลับกินอิ่ม ล้วนมาจากการเสียสละเลือดเนื้อของตระกูลเสวียนทั้งสิ้น

สำหรับสะใภ้เชื้อพระวงศ์และตระกูลใหญ่ พวกเขารู้สึกสนุกที่ได้เห็นการฟาดฟันระหว่างพระชายาเสวียนและชายารองลู่

ชีวิตของคนในตำหนักตงหยางช่างคึกคักเหลือเกิน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดอกเหมยสีชาด   เขาคือสวามีในฝันของนาง

    เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับ คุณหนูหลายคนก็ยังไม่อยากจะกลับ เพราะอยากจะอยู่คุยกับพี่สาวหลิน จนหลินเฟยหลันต้องรับปากว่า อีกครึ่งเดือนจะเชิญมาที่จวนอีก ดรุณีน้อยจึงยินยอมอย่างว่าง่ายเสวียนเยี่ยนฟางรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ครั้งนี้ชื่อเสียงของบุตรสาวเป็นไปในทางที่ดี ทั้งสิบตระกูลมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา แม้ไม่สามารถเกี่ยวดองกันได้ แต่หากสามารถสร้างสายสัมพันธ์ที่ดี บุตรสาวของนางย่อมไม่เสียเปรียบ ส่วนบุตรชายก็พลอยได้รับประโยชน์ไปด้วยเมื่อส่งทุกคนกลับไปหมดแล้ว นางจึงเอ่ยกับบุตรสาว “ดึกแล้วไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ลูกคงเหนื่อยมาก”หลินเฟยหลันจึงกอดเอวมารดาอยา่งออดอ้อน “เพคะ เชื่อฟังเสด็จแม่ รักเสด็จแม่ที่สุดเลย”หลินเฟยฉีก็ไม่ยอมหน่อยหน้าพี่สาว “ฉีเอ๋อร์ ก็รักเสด็จแม่ เชื่อฟังเสด็จแม่เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”“แม่ก็รักลูกทั้งสองคนเช่นกัน” เสวียนเยี่ยนฟางไม่หวงที่จะบอกรักบุตรทั้งสองนางได้รับคำแนะนำจากพี่สะใภ้ไม่น้อย เมื่อทำตามก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกนั้นดีขึ้นมากหลังจากที่ส่งน้องชายเข้าเรือน หลินเฟยหลันก็กลับไปยังเรือนของตัวเองที่อยู่อีกฝั่ง โดยมีจูฉีเดินตามหลังแต่เมื่อเดินผ่านตรงบริเวณสระน้ำ

  • ดอกเหมยสีชาด   งานวันเกิดของท่านหญิงหลิน

    แล้วฮ่องเต้อนุญาตให้พระชายาเสวียนย้ายไปพำนักที่จวนแถวชานเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ชาวเมืองที่เห็นขบวนอันยาวเหยียด จึงสอบถามจากคนเฝ้าประตูก็ได้ความว่า ท่านหญิงหลินได้รับบาดเจ็บต้องพักรักษาตัว พระชายาเสวียนเกรงว่า ท่านหญิงหลินจะเบื่อที่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้อง จึงย้ายที่ประทับไปที่จวนชานเมืองเป็นการชั่วคราวแม้ว่าฮ่องเต้จะออกคำสั่งห้ามแพร่งพราย แต่ปากคนหรือจะห้ามได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่องค์ชายสี่ดูแคลนท่านหญิงหลิน หรือเรื่องที่ท่านหญิงหลินและท่านชายหลินถูกองค์หญิงเก้าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บหนัก ต่างแพร่สะพัดในเขตราชวังขุนนางที่มาร่วมประชุมในช่วงเช้าต่างก็พลอยได้ยินข่าวลือไปด้วยกำแพงล้วนมีหู ประตูย่อมมีช่องไม่นาน เรื่องราวก็กระจายไปทั่วเมืองหลวงฮองเฮาต้องปิดตำหนัก เว้นการให้สนมเข้าคารวะเป็นเวลาหนึ่งเดือนส่วนพระสนมชุนต้องปิดตำหนักเงียบเช่นกันองค์ชายสี่และองค์หญิงเก้า ถูกลงโทษเพียงแค่กักบริเวณในตำหนักเท่านั้นทำให้ขุนนางหลายฝ่ายเคลื่อนไหว เพราะท่านหญิงหลินถือเป็นคนในราชวงศ์เช่นกัน การที่ถูกดูแคลนจากคนของราชวงศ์ ขุนนางฝ่ายของเสนาบดีเสวียนย่อมไม่พอใจ ส่วนขุนนางฝ่ายตรงข้ามกับฮองเฮาและพระสนมช

  • ดอกเหมยสีชาด   ข้าจะทบทวนความจำให้พวกเจ้าเอง

    “เสด็จแม่ น้องเป็นอย่างไรบ้าง” หลินเฟยหลันเปิดปากถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงหลินเฟยฉีกุมมือพี่สาวเอาไว้ “พี่หญิง ฉีเอ๋อร์ปลอดภัย ฮึก”เสวียนเยี่ยนฟางลูบศีรษะของบุตรสาว พร้อมกับบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักผ่อนเสียก่อน อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย”แต่หลินเฟยหลันกลับร้องไห้สะอื้น นางเอ่ยกับมารดาด้วยน้ำเสียงสั่น “เสด็จแม่ ลูกเจ็บ ที่นี่น่ากลัวเหลือเกินเพคะ มีแต่คนเกลียดพวกเรา ฮึก...องค์ชายสี่ บอกว่าลูกร้ายกาจ บอกลูกว่าไม่คู่ควรเป็นเชื้อพระวงศ์ ลู่ฟางซินต่างหากที่สมควรอยู่ในตำแหน่งท่านหญิงแห่งชินอ๋อง ฮึก..หากเปลี่ยนเป็นลู่ฟางซินกับลู่เฟยเทียน คงจะมีแต่คนรัก ฮืออออ...เสด็จแม่ ลูกไม่เป็นแล้วท่านหญิง ไม่เป็นแล้ว..ลูกจะไปอยู่กับท่านตา ไปเป็นคุณหนูเสวียน พาลูกกลับ ลูกกลัว พาลูกไปอยู่กับท่านตานะเพคะ ฮือออออออ”เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับสายน้ำ ทำเอาเสวียนเยี่ยนฟางสะท้านในใจ จึงตอบ “ได้ๆ พวกเรา จะไปอยู่กับท่านตา”นางมิได้ล้อเล่น คนพวกนี้ทำร้ายร่างกายบุตรสาวนางยังไม่พอ ยังมาพูดจาทำร้ายจิตใจบุตรสาวของนางอีกคิดว่าข้าอยากเป็นเชื้อพระวงศ์นักรึ!องค์ชายสี่องค์หญิงเก้าอย่าหาว่าข้ารังแกเด็กก็แล้วกัน!หมอหลวงหญิงและ

  • ดอกเหมยสีชาด   ถูกรังแก

    “พี่หญิงเขาไปแล้ว แล้วเราจะไปดูปลาที่ไหน” หลินเฟยฉีสะกิดพี่สาว เขาไม่ได้สนใจการมากันไปของผู้ใดทั้งสิ้น เขามีเพียงพี่สาวเท่านั้น ในเมื่อองค์ชายสี่ไม่ใยดีต่อพี่สาว เขาก็ไม่จำเป็นต้องให้ความเคารพแก่องค์ชายผู้นี้เช่นกันหลินเฟนหลันมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นนางกำนัลสองคนกำลังเดินมา นางจึงเอ่ยกับน้องชาย “เช่นนั้นเราลองถามนางกำนัลเถอะว่าสระที่มีปลาอยู่แถวไหน”ไม่ช้าสองพี่น้องก็ได้คำตอบนางกำนัลสองคนของตำหนักฮองเฮา รู้ว่าทั้งสองเป็นบุตรของพระชายาเสวียน จึงนำทางสองพี่น้องมายังบ่อปลาของฮ่องเต้ทั่วพระราชวังย่อมรับรู้ว่า พระชายาเสวียนและบุตร ต่างได้รับป้ายทองพระราชทาน พวกนางที่พาท่านหญิงและท่านชายมาที่นี่ ย่อมไร้ความผิดเห็นปลาตัวโตสีขาว แต่มีลวดลายหลากสี ไม่ว่าจะเป็นสีส้ม สีแดง หรือบางตัวก็มีสีเหลืองแซม แหวกว่ายไปมา หลินเฟยฉีที่เพิ่งมีโอกาสได้เห็นจึงรู้สึกตื่นเต้น เขาวิ่งทางที่ปลาแหวกว่ายไปอย่างร่าเริงในอุทยานหลวงแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้ที่งดงาม ผีเสื้อหลากสีสันก็ต่างเข้ามาดอมดม หลินเฟยหลันเองก็รู้สึกว่าอยากจะวิ่งเล่นแบบนั้นบ้าง หลังจากที่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้องเพราะต้องพิษมาเป็นเวลานาน ตอนนี้มารด

  • ดอกเหมยสีชาด   เข้าเฝ้าฮองเฮา

    เมื่อจับร่างอันบอบบางขอบบุตรสาวหันซ้ายหันขวาขวาอยู่หลายครั้งจนพอใจ เสวียนเยี่ยนฟางก็พยักหน้า ทำให้หลินเฟยหลันต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกฮองเฮามีประสงค์ให้ทั้งสามเข้าเฝ้า นางก็ถูกมารดาจับแต่งตัวมาเกือบหนึ่งชั่วยาม เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกก็ยังไม่ถูกใจมารดาของนางเสียที หลินเฟยฉีที่นั่งกินขนมรอจนอิ่ม เขาแทบจะหลับไปอีกรอบรถม้าของพระชายาเสวียนมาถึงประตูพระราชวัง หลังจากได้รับการตรวจตราพอเป็นพิธี ทหารองครักษ์ก็นำทางทั้งสามไปยังทางเข้าพระราชวังฝ่ายในเส้นทางที่แคบ กำแพงสูงที่ขนาบตลอดทางเดินสร้างความกดดันให้หลินเฟยฉีไม่น้อย คิ้วของเขาขมวดยุ่งราวกับปมเชือกพอมาถึงประตูทางเข้าพระราชวังฝ่ายใน ทหารองครักษ์ที่นำทางก็ขอตัวกลับ พวกเขาไม่สามาถเข้าไปภายในเขตของฝ่ายในได้สามแม่ลูกเดินต่อไปจนถึงตำหนักของมารดาแผ่นดิน โดยที่ไม่มีแม้แต่นางกำนัลจะนำทางสีหน้าของพระชายาเสวียนยังคงเรียบเฉย นางไม่รู้สึกยินดียินร้ายที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ หากแต่ทดความโมโหนี้ไว้ในใจ โดยเฉพาะเจ้าของตำหนัก ที่ทำให้บุตรทั้งสองคนของนางต้องพลอยลำบากไปด้วยสองพี่น้องเหงื่อผุดเต็มใบหน้า พระชายาเสวียนมองภาพผู้เป็นพี่สาวใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเห

  • ดอกเหมยสีชาด   ตระกูลเสวียนมาเยือน

    หลังจากที่รับสำรับมื้อเที่ยง ผู้ใหญ่จึงปล่อยให้เด็กๆ ได้เล่น ได้พูดคุยกัน เพื่อให้สนิทสนมกันมากขึ้น ส่วนพวกเขาก็นั่งอยู่ที่ศาลาแปดเหลี่ยมไม่ไกลจากสวนที่เด็กๆ เล่นอยู่เสวียนไห่จึงเอ่ย “เรื่องราวร้ายๆ ก็ผ่านไปแล้ว พี่ใหญ่ น้องเล็ก อย่าได้โทษตัวเองอีกเลย ท่านพ่อเองก็ไม่สบายใจที่ทั้งสองยังโทษตัวเองอยู่จนถึงทุกวันนี้”เสวียนเกาจึงหันไปสบตากับเสวียนเยี่ยนฟาง แล้วทั้งสองก็พยักหน้าเป็นเชิงรับปากเสียนหมิ่นจึงถามขึ้น “เอาล่ะเรื่องร้ายก็ผ่านไปแล้ว ต่อไปเจ้าจะทำอย่างไรน้องเล็ก ในเมื่อไม่สามารถหย่าขาดจากหลินเฉิงจวินได้”เสวียนเยี่ยนฟางถอนหายใจ “ข้ามาลองคิดดูแล้ว ตอนนี้อาจจะยังเป็นเวลาที่ไม่เหมาะสมที่จะหย่าขาดกับหลินเฉิงจวิน เพราะอย่างไรเสีย ข้าก็อยากให้หลันเอ๋อร์ได้ออกเรือนในฐานะบุตรสาวของชินอ๋อง”เสวียนเกาพยักหน้าเห็นด้วย พลางเอ่ยเสริม “พี่เห็นด้วย อย่างน้อยหากพี่และท่านพ่อถอนตัวจากราชสำนัก ฐานะบุตรีของชินอ๋องยังสามารถทำให้หลันเอ๋อร์ได้แต่งเข้าในตระกูลที่ดีได้”“แต่สิ่งที่ต้องระวังคือสมรสพระราชทานกับองค์ชาย”แค่เพียงเห็นใบหน้าของหลานสาว อีกไม่กี่ปีก็จะกลายเป็นโฉมสะคราญเช่นเดียวกับมารดา ก็ทำให้ท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status