Home / รักโบราณ / ดอกเหมยสีชาด / สินเดิมที่หายไป

Share

สินเดิมที่หายไป

last update Last Updated: 2025-09-01 15:01:40

หลินเฟยหลันกำมือแน่น

ใช่แล้ว นางลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

ในฝันของนาง ตอนที่นางจะออกเรือน มารดาได้มอบสินเดิมให้ แต่พอตรวจสอบของที่เก็บไว้ในคลังส่วนกลาง สินเดิมของมารดานางกลับหายไปหลายอย่าง จากการสอบสวนจึงพบว่า เป็นนางกำนัลใหม่ขโมย จึงถูกลงโทษด้วยการโบยและขายไป

แต่เครื่องประดับที่หายไม่สามารถตามกลับมาได้แม้แต่ชิ้นเดียว

ตอนนั้น นางกล่าวโทษมารดาของนางที่ไม่รู้จักรักษาสมบัติให้ดี

ซึ่งดูเหมือนว่า สมบัติของมารดาของนาง จะถูกคนโลภมากฉกชิงไปตั้งแต่แรก

แล้วนางก็พอจะรู้แล้วว่าสินเดิมที่หายไป

หายไปด้วยวิธีใด

และเพราะใคร

หมาป่าตาขาวพวกนี้ร่วมมือกันมานานแค่ไหนแล้ว!

หลังจากที่ฟังเรื่องราวจากบุตรสาว เสวียนเยี่ยนฟางก็เอ่ย “จะจับโจรต้องมีพยานและหลักฐาน”

ว่าแล้วก็พยักหน้ากับบ่าวคนสนิท

หนิงอ้ายพยักหน้ารับ แล้วถอยออกไป

แล้วนางก็เอ่ยกับบุตรสาว “หลันเอ๋อร์ วันนี้ แม่จะสอนอะไรบางอย่างกับลูก จงตั้งใจฟังและจดจำให้ดี”

หลินเฟยหลันพยักหน้า

เมื่อหนิงอ้ายกลับมา เสวียนเยี่ยนฟางก็พาบุตรสาวตรงไปยังเรือนกลาง

นางให้หนิงอ้ายมาบอกกล่าวแก่หัวหน้าขันที ว่าต้องการเลือกของฝากแก่บ้านเดิม

เพราะกุญแจของห้องสมบัติอยู่กับขันทีผู้นี้ ดังนั้นจึงต้องให้เขามาเป็นคนเปิด หากมีอะไรเกิดขึ้นคนของตำหนักตงหยางจะได้ไม่มากล่าวโทษอันใดกับนาง

“พระชายา ท่านหญิงใหญ่” ฝูกงกงค้อมตัวลงเล็กน้อย หากแต่สายตากลับสบมองสองแม่ลูกอย่างถือดี

พระชายาเสวียนไม่สนใจท่าทีของขันทีเจ้าเล่ห์ จึงบอกเพียงว่า “เปิดห้องเถอะ”

ลิ้นสองแฉกเช่นนี้ นางไม่ให้ค่าให้เสียเวลาหรอก

“พ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกงลอบยิ้มที่มุมปาก

ไม่รู้ว่าพระชายาแค่ในนามผู้นี้จะทำอันใด

ภายในห้องเก็บสมบัติของตำหนัก ของทุกอย่างจะจัดเก็บอย่างเป็นสัดส่วน โดยแยกว่าฝั่งทางไหนเป็นของพระชายา ฝั่งไหนเป็นของชินอ๋อง

เจ้านายที่แท้จริงของตำหนักมีเพียงชินอ๋องและพระชายา ดังนั้น ห้องนี้จึงไม่มีสมบัติของชายารอง แม้ทางฝั่งตระกูลลู่จะเติมสินเดิมให้ลู่หว่านเหลียนอย่างหน้าใหญ่ใจโต แต่อนุก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเหยียบย่างหรือนำข้าวของมาไว้ร่วมกับของคนราชวงศ์ ชินอ๋องจึงทำได้เพียงต้องสร้างห้องเก็บสมบัติของชายารองแยกไว้ต่างหาก

การที่บุตรสาวของนางบอกว่า หลินฟางซินเข้ามาในห้องนี้ ย่อมคิดดีไม่ได้

แล้วเสวียนเยี่ยนฟางก็เอ่ยกับบุตรสาว “หลันเอ๋อร์ เลือกดูเถอะว่าจะนำสิ่งใดไปฝากทุกคน”

หลินเฟยหลันพยักหน้า นางไล่ดูของแต่ละอย่างไปเรื่อยๆ ในใจพลันคิด

เอ...ทุกอย่างก็ดูปกติ ฝูกงกงเองก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจ คนพวกนั้นทำอะไรกับสมบัติเหล่านี้กัน

หลันหลัน นึกสิ นึก.....ในฝันอะไรหายไปบ้าง

ผ่านไปหนึ่งจิบชา นางก็หันไปกอดประจบมารดา “เสด็จแม่ ท่านบอกว่าจะมอบกำไลหยกดำให้ลูกในวันเกิด ลูกอยากได้ตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ”

พระชายาเสวียนหัวเราะ อย่างเอ็นดู “ย่อมได้”

ขณะเดียวกัน ฝูกงกงก็หน้าถอดสี

หลินเฟยหลันหรี่ตามอง อ๋า ข้าจับขโมยได้แล้วหนึ่ง

แล้วสิ่งที่หลินเฟยหลันคาดไว้ก็เป็นจริง เมื่อหนิงอ้ายเปิดกล่องกำไลหยกดำแล้วไม่พบของในกล่อง “พระชายาเพคะ กำไลหยกดำหายเพคะ”

หนึ่งเค่อต่อมา เจ้านายและบ่าวร้อยกว่าชีวิต ก็ถูกสั่งให้นั่งคุกเข่าอย่างแออัดที่ลานหน้าเรือนกลางท่ามกลางแสงแดดยามบ่าย รวมทั้งสามแม่ลูกคนโปรดของชินอ๋องก็ไม่เว้น

อีกครึ่งชั่วยาม ชินอ๋องก็กลับมาถึงตำหนักด้วยใบหน้าทะมึนตึง ต่างกับพระชายาเสวียนที่นั่งรออย่างใจเย็น

“เกิดอะไรขึ้น! เหลียนเอ๋อร์ พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด” หลินเฉิงจวินเข้าไปประคองสามแม่ลูกให้ลุกขึ้น

น้ำเสียงที่ใช้ช่างแตกต่างกับที่ใช้กับพระชายาราวกับฟ้าและเหว

เสวียนเยี่ยนฟางทำเป็นไม่สนใจ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นแววตาแห่งความเกลียดชังในดวงตาที่เผยออกมาวูบหนึ่ง

หลินเฟยหลันกำมัดแน่น แววตาสั่นไหว

ไม่ว่าจะเป็นตรงหน้าหรือในฝัน บิดาผู้นี้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

หนิงอ้ายเข้ามาบอก “พระชายา กูกูและผู้ดูแลสมบัติคลังหลวงมาถึงแล้วเพคะ”

เสวียนเยี่ยนฟางจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงใจ “ลำบากใต้เท้ากับกูกูแล้ว”

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ พระชายา” ผู้ดูแลสมบัติคลังหลวงออกตัวอย่างเกรงใจ

“ข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น” ชินอ๋องยังคงตะคอกถามพระชายาของตนอย่างไม่ไว้หน้าใคร

เสวียนเยี่ยนฟางจึงปรายตาไปยังสามแม่ลูก ต่อด้วยฝูกงกง “พอดีว่าสินเดิมของหม่อมฉันหายไปเพคะ”

“สินเดิมเจ้าหาย แล้วเกี่ยวอะไรกับคนตำหนักข้า” ชินอ๋องถามกลับด้วยน้ำเสียงขุ่น

เสวียนเยี่ยนฟางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเข้มไม่แพ้กัน “ท่านอ๋อง ที่นี่คือตำหนักของท่าน สินเดิมข้าเก็บไว้ในเรือนกลาง กุญแจมีเพียงดอกเดียว คนถือคือคนของท่าน สินเดิมของข้าหาย คิดว่ามันมีปีกบินออกไปเองหรืออย่างไรเพคะ”

พูดอะไรโง่ๆ นางอยากจะเอ่ยคำนี้ยิ่งนัก

หลินเฉิงจวินจึงหันไปถามกับหัวหน้าขันทีของตำหนัก “ฝูกงกง เจ้าจะว่าอย่างไร”

“กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีเจ้าเล่ห์ยังคงยืนกระต่ายขาเดียว

เพราะมีไทเฮาหนุนหลัง ฝูกงกงจึงไม่คิดเกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น

แต่เจ้าของตำหนักไม่เชื่อ เขาจึงตะคอกขึ้นอีก “ไม่ทราบได้อย่างไร ในเมื่อกุญแจอยู่กับเจ้า”

ต่อให้เขาจะเกลียดสายเลือดคนตระกูลเสวียน แต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้ใครมาทำตัวเป็นโจรเหยียบจมูกเขาได้

แม้จะเป็นคนที่ไทเฮาส่งมาก็ตาม

ฝูกงกงตกใจจนสั่น คาดไม่ถึงว่าชินอ๋องจะมีโทสะ เพราะปกติชินอ๋องกับพระชายาไม่ลงรอยกัน เขาคิดว่า เรื่องครั้งนี้ ชินอ๋องย่อมต้องเข้าข้างคนของตน และที่สำคัญเรื่องนี้ท่านหญิงสามก็มีส่วนรู้เห็น ชินอ๋องย่อมมองออกตั้งแต่ที่เห็นพระชายาลงมือ

หรือว่า ชินอ๋องคิดจะให้เขาเป็นแพะรับบาปเพียงคนเดียว!

เมื่อสบตากับชินอ๋อง ฝูกงกงก็ต้องสั่นสะท้านอีกครั้ง เป็นจริงดั่งที่เขาคิดจริงๆ ด้วย

“ทหาร ค้น!”

เมื่อได้รับคำสั่ง เหล่าทหารประจำตำแหน่งก็เข้าตรวจค้นเรือนนอนของขันทีและนางกำนัลทุกซอกทุกมุม รวมทั้งอนุทุกคนของชินอ๋องด้วย

ขณะเดียวกัน เสวียนเยี่ยนฟางก็ให้คนนำหีบสมบัติออกมาตรวจสอบทีละหีบ หนิงอ้ายกางบัญชีสินเดิมของพระชายา ขณะที่ผู้ดูแลสมบัติคลังหลวงก็กางบัญชีของพระราชทานที่เชื้อพระวงศ์ประทานแก่เสวียนเยี่ยนฟางเช่นกัน โดยนางกำนัลอาวุโสของไทเฮาเป็นคนตรวจสอบ

ทำให้ชินอ๋องหน้าคล้ำเขียวขึ้นไปอีกที่พระชายาผู้นี้กระทำการข้ามหน้าข้ามตาเขา

ใช้เวลาสองชั่วยาม ในที่สุดก็พบว่า ของที่หายไปถูกพบจากเรือนบ่าวหลายคน ไม่ว่าจะเป็นอนุสามคน ของชินอ๋อง ฝูกงกง คนครัว บ่าวซักล้าง บ่าวของชายารองและบุตรทั้งสอง และที่พบมากที่สุดก็คือบ่าวข้างกายของหลินเฟยหลัน

พี่เลี้ยงชุนลี่!

ทั้งหมดที่มีความผิดต่างอ้อนวอนร้องขอชีวิต

“อภัยให้บ่าวด้วย บ่าวผิดไปแล้ว”

หลังจากตรวจสอบรายการสินเดิมกับที่ค้นมาได้ หนิงอ้ายบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “พระชายา ดูเหมือนจะยังไม่ครบเพคะ”

เสวียนเยี่ยนฟางจึงแสร้งถาม “เหลือเรือนของใครที่ยังไม่ค้น”

“เรือนท่านอ๋อง เรือนชายารอง และเรือนท่านหญิงรอง ท่านชายสามเพคะ” หนิงอ้ายตอบ

พระชายาสบตากับผู้เป็นสามีอย่างท้าทาย แล้วออกคำสั่ง “ค้นเรือนพวกเขาทั้งสาม” 

“เจ้า” หลินเฉิงจวินมองเสวียนเยี่ยนฟางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่นางก็หยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

ท่านหญิงรองหน้าซีด แผ่นหลังเต็มไปด้วยเหงื่อ ลู่หว่านเหลียนเห็นอาการของบุตรสาวก็ใจหายวาบ นางนึกไม่ถึงว่าบุตรสาวจะกระทำเรื่องเช่นนี้

นางจึงกุมมืออันเย็นชืดของบุตรสาวเอาไว้

หลินฟางซินแทบจะร้องไห้ออกมา แต่ผู้เป็นมารดาส่งสายตาให้นางอยู่นิ่งๆ

แล้วลู่หว่านเหลียนหยิบบางอย่างใส่ปากของตน แล้วหันไปสบตากับบ่าวคนสนิท

หลินเฟยหลันที่เฝ้ามองสามแม่ลูกไม่คลาดสายตา มีหรือจะไม่เห็น

เมื่อบ่าวของลู่หว่านเหลียนถอยออกไป โดยที่มีทหารบางนายหลีกทางให้ หลินเฟยหลันก็เย้ยหยันในใจ

ฮึ! แม้แต่องครักษ์ก็อยู่ใต้คำสั่งของอนุคนหนึ่ง บิดาข้า ข้าเชื่อแล้วว่าท่านเป็นคนส่งข้าและตระกูลเสวียนขึ้นลานประหารด้วยตัวเอง

นางจึงก้มลงแล้วคลานถอยหลังออกไปบ้าง

การกระทำของลู่หว่านเหลียน ย่อมอยู่ในสายตาของเสวียนเยี่ยนฟาง และการกระทำของบุตรสาวนาง นางจะไม่รู้ได้อย่างไร ดังนั้น นางจึงสบตากับหนิงอ้าย พร้อมกับยกถ้วยชาขึ้นมาจิบแล้วส่งสัญญาณมือบางอย่าง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดอกเหมยสีชาด   เขาคือสวามีในฝันของนาง

    เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับ คุณหนูหลายคนก็ยังไม่อยากจะกลับ เพราะอยากจะอยู่คุยกับพี่สาวหลิน จนหลินเฟยหลันต้องรับปากว่า อีกครึ่งเดือนจะเชิญมาที่จวนอีก ดรุณีน้อยจึงยินยอมอย่างว่าง่ายเสวียนเยี่ยนฟางรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ครั้งนี้ชื่อเสียงของบุตรสาวเป็นไปในทางที่ดี ทั้งสิบตระกูลมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา แม้ไม่สามารถเกี่ยวดองกันได้ แต่หากสามารถสร้างสายสัมพันธ์ที่ดี บุตรสาวของนางย่อมไม่เสียเปรียบ ส่วนบุตรชายก็พลอยได้รับประโยชน์ไปด้วยเมื่อส่งทุกคนกลับไปหมดแล้ว นางจึงเอ่ยกับบุตรสาว “ดึกแล้วไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ลูกคงเหนื่อยมาก”หลินเฟยหลันจึงกอดเอวมารดาอยา่งออดอ้อน “เพคะ เชื่อฟังเสด็จแม่ รักเสด็จแม่ที่สุดเลย”หลินเฟยฉีก็ไม่ยอมหน่อยหน้าพี่สาว “ฉีเอ๋อร์ ก็รักเสด็จแม่ เชื่อฟังเสด็จแม่เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”“แม่ก็รักลูกทั้งสองคนเช่นกัน” เสวียนเยี่ยนฟางไม่หวงที่จะบอกรักบุตรทั้งสองนางได้รับคำแนะนำจากพี่สะใภ้ไม่น้อย เมื่อทำตามก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกนั้นดีขึ้นมากหลังจากที่ส่งน้องชายเข้าเรือน หลินเฟยหลันก็กลับไปยังเรือนของตัวเองที่อยู่อีกฝั่ง โดยมีจูฉีเดินตามหลังแต่เมื่อเดินผ่านตรงบริเวณสระน้ำ

  • ดอกเหมยสีชาด   งานวันเกิดของท่านหญิงหลิน

    แล้วฮ่องเต้อนุญาตให้พระชายาเสวียนย้ายไปพำนักที่จวนแถวชานเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ชาวเมืองที่เห็นขบวนอันยาวเหยียด จึงสอบถามจากคนเฝ้าประตูก็ได้ความว่า ท่านหญิงหลินได้รับบาดเจ็บต้องพักรักษาตัว พระชายาเสวียนเกรงว่า ท่านหญิงหลินจะเบื่อที่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้อง จึงย้ายที่ประทับไปที่จวนชานเมืองเป็นการชั่วคราวแม้ว่าฮ่องเต้จะออกคำสั่งห้ามแพร่งพราย แต่ปากคนหรือจะห้ามได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่องค์ชายสี่ดูแคลนท่านหญิงหลิน หรือเรื่องที่ท่านหญิงหลินและท่านชายหลินถูกองค์หญิงเก้าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บหนัก ต่างแพร่สะพัดในเขตราชวังขุนนางที่มาร่วมประชุมในช่วงเช้าต่างก็พลอยได้ยินข่าวลือไปด้วยกำแพงล้วนมีหู ประตูย่อมมีช่องไม่นาน เรื่องราวก็กระจายไปทั่วเมืองหลวงฮองเฮาต้องปิดตำหนัก เว้นการให้สนมเข้าคารวะเป็นเวลาหนึ่งเดือนส่วนพระสนมชุนต้องปิดตำหนักเงียบเช่นกันองค์ชายสี่และองค์หญิงเก้า ถูกลงโทษเพียงแค่กักบริเวณในตำหนักเท่านั้นทำให้ขุนนางหลายฝ่ายเคลื่อนไหว เพราะท่านหญิงหลินถือเป็นคนในราชวงศ์เช่นกัน การที่ถูกดูแคลนจากคนของราชวงศ์ ขุนนางฝ่ายของเสนาบดีเสวียนย่อมไม่พอใจ ส่วนขุนนางฝ่ายตรงข้ามกับฮองเฮาและพระสนมช

  • ดอกเหมยสีชาด   ข้าจะทบทวนความจำให้พวกเจ้าเอง

    “เสด็จแม่ น้องเป็นอย่างไรบ้าง” หลินเฟยหลันเปิดปากถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงหลินเฟยฉีกุมมือพี่สาวเอาไว้ “พี่หญิง ฉีเอ๋อร์ปลอดภัย ฮึก”เสวียนเยี่ยนฟางลูบศีรษะของบุตรสาว พร้อมกับบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักผ่อนเสียก่อน อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย”แต่หลินเฟยหลันกลับร้องไห้สะอื้น นางเอ่ยกับมารดาด้วยน้ำเสียงสั่น “เสด็จแม่ ลูกเจ็บ ที่นี่น่ากลัวเหลือเกินเพคะ มีแต่คนเกลียดพวกเรา ฮึก...องค์ชายสี่ บอกว่าลูกร้ายกาจ บอกลูกว่าไม่คู่ควรเป็นเชื้อพระวงศ์ ลู่ฟางซินต่างหากที่สมควรอยู่ในตำแหน่งท่านหญิงแห่งชินอ๋อง ฮึก..หากเปลี่ยนเป็นลู่ฟางซินกับลู่เฟยเทียน คงจะมีแต่คนรัก ฮืออออ...เสด็จแม่ ลูกไม่เป็นแล้วท่านหญิง ไม่เป็นแล้ว..ลูกจะไปอยู่กับท่านตา ไปเป็นคุณหนูเสวียน พาลูกกลับ ลูกกลัว พาลูกไปอยู่กับท่านตานะเพคะ ฮือออออออ”เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับสายน้ำ ทำเอาเสวียนเยี่ยนฟางสะท้านในใจ จึงตอบ “ได้ๆ พวกเรา จะไปอยู่กับท่านตา”นางมิได้ล้อเล่น คนพวกนี้ทำร้ายร่างกายบุตรสาวนางยังไม่พอ ยังมาพูดจาทำร้ายจิตใจบุตรสาวของนางอีกคิดว่าข้าอยากเป็นเชื้อพระวงศ์นักรึ!องค์ชายสี่องค์หญิงเก้าอย่าหาว่าข้ารังแกเด็กก็แล้วกัน!หมอหลวงหญิงและ

  • ดอกเหมยสีชาด   ถูกรังแก

    “พี่หญิงเขาไปแล้ว แล้วเราจะไปดูปลาที่ไหน” หลินเฟยฉีสะกิดพี่สาว เขาไม่ได้สนใจการมากันไปของผู้ใดทั้งสิ้น เขามีเพียงพี่สาวเท่านั้น ในเมื่อองค์ชายสี่ไม่ใยดีต่อพี่สาว เขาก็ไม่จำเป็นต้องให้ความเคารพแก่องค์ชายผู้นี้เช่นกันหลินเฟนหลันมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นนางกำนัลสองคนกำลังเดินมา นางจึงเอ่ยกับน้องชาย “เช่นนั้นเราลองถามนางกำนัลเถอะว่าสระที่มีปลาอยู่แถวไหน”ไม่ช้าสองพี่น้องก็ได้คำตอบนางกำนัลสองคนของตำหนักฮองเฮา รู้ว่าทั้งสองเป็นบุตรของพระชายาเสวียน จึงนำทางสองพี่น้องมายังบ่อปลาของฮ่องเต้ทั่วพระราชวังย่อมรับรู้ว่า พระชายาเสวียนและบุตร ต่างได้รับป้ายทองพระราชทาน พวกนางที่พาท่านหญิงและท่านชายมาที่นี่ ย่อมไร้ความผิดเห็นปลาตัวโตสีขาว แต่มีลวดลายหลากสี ไม่ว่าจะเป็นสีส้ม สีแดง หรือบางตัวก็มีสีเหลืองแซม แหวกว่ายไปมา หลินเฟยฉีที่เพิ่งมีโอกาสได้เห็นจึงรู้สึกตื่นเต้น เขาวิ่งทางที่ปลาแหวกว่ายไปอย่างร่าเริงในอุทยานหลวงแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้ที่งดงาม ผีเสื้อหลากสีสันก็ต่างเข้ามาดอมดม หลินเฟยหลันเองก็รู้สึกว่าอยากจะวิ่งเล่นแบบนั้นบ้าง หลังจากที่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้องเพราะต้องพิษมาเป็นเวลานาน ตอนนี้มารด

  • ดอกเหมยสีชาด   เข้าเฝ้าฮองเฮา

    เมื่อจับร่างอันบอบบางขอบบุตรสาวหันซ้ายหันขวาขวาอยู่หลายครั้งจนพอใจ เสวียนเยี่ยนฟางก็พยักหน้า ทำให้หลินเฟยหลันต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกฮองเฮามีประสงค์ให้ทั้งสามเข้าเฝ้า นางก็ถูกมารดาจับแต่งตัวมาเกือบหนึ่งชั่วยาม เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกก็ยังไม่ถูกใจมารดาของนางเสียที หลินเฟยฉีที่นั่งกินขนมรอจนอิ่ม เขาแทบจะหลับไปอีกรอบรถม้าของพระชายาเสวียนมาถึงประตูพระราชวัง หลังจากได้รับการตรวจตราพอเป็นพิธี ทหารองครักษ์ก็นำทางทั้งสามไปยังทางเข้าพระราชวังฝ่ายในเส้นทางที่แคบ กำแพงสูงที่ขนาบตลอดทางเดินสร้างความกดดันให้หลินเฟยฉีไม่น้อย คิ้วของเขาขมวดยุ่งราวกับปมเชือกพอมาถึงประตูทางเข้าพระราชวังฝ่ายใน ทหารองครักษ์ที่นำทางก็ขอตัวกลับ พวกเขาไม่สามาถเข้าไปภายในเขตของฝ่ายในได้สามแม่ลูกเดินต่อไปจนถึงตำหนักของมารดาแผ่นดิน โดยที่ไม่มีแม้แต่นางกำนัลจะนำทางสีหน้าของพระชายาเสวียนยังคงเรียบเฉย นางไม่รู้สึกยินดียินร้ายที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ หากแต่ทดความโมโหนี้ไว้ในใจ โดยเฉพาะเจ้าของตำหนัก ที่ทำให้บุตรทั้งสองคนของนางต้องพลอยลำบากไปด้วยสองพี่น้องเหงื่อผุดเต็มใบหน้า พระชายาเสวียนมองภาพผู้เป็นพี่สาวใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเห

  • ดอกเหมยสีชาด   ตระกูลเสวียนมาเยือน

    หลังจากที่รับสำรับมื้อเที่ยง ผู้ใหญ่จึงปล่อยให้เด็กๆ ได้เล่น ได้พูดคุยกัน เพื่อให้สนิทสนมกันมากขึ้น ส่วนพวกเขาก็นั่งอยู่ที่ศาลาแปดเหลี่ยมไม่ไกลจากสวนที่เด็กๆ เล่นอยู่เสวียนไห่จึงเอ่ย “เรื่องราวร้ายๆ ก็ผ่านไปแล้ว พี่ใหญ่ น้องเล็ก อย่าได้โทษตัวเองอีกเลย ท่านพ่อเองก็ไม่สบายใจที่ทั้งสองยังโทษตัวเองอยู่จนถึงทุกวันนี้”เสวียนเกาจึงหันไปสบตากับเสวียนเยี่ยนฟาง แล้วทั้งสองก็พยักหน้าเป็นเชิงรับปากเสียนหมิ่นจึงถามขึ้น “เอาล่ะเรื่องร้ายก็ผ่านไปแล้ว ต่อไปเจ้าจะทำอย่างไรน้องเล็ก ในเมื่อไม่สามารถหย่าขาดจากหลินเฉิงจวินได้”เสวียนเยี่ยนฟางถอนหายใจ “ข้ามาลองคิดดูแล้ว ตอนนี้อาจจะยังเป็นเวลาที่ไม่เหมาะสมที่จะหย่าขาดกับหลินเฉิงจวิน เพราะอย่างไรเสีย ข้าก็อยากให้หลันเอ๋อร์ได้ออกเรือนในฐานะบุตรสาวของชินอ๋อง”เสวียนเกาพยักหน้าเห็นด้วย พลางเอ่ยเสริม “พี่เห็นด้วย อย่างน้อยหากพี่และท่านพ่อถอนตัวจากราชสำนัก ฐานะบุตรีของชินอ๋องยังสามารถทำให้หลันเอ๋อร์ได้แต่งเข้าในตระกูลที่ดีได้”“แต่สิ่งที่ต้องระวังคือสมรสพระราชทานกับองค์ชาย”แค่เพียงเห็นใบหน้าของหลานสาว อีกไม่กี่ปีก็จะกลายเป็นโฉมสะคราญเช่นเดียวกับมารดา ก็ทำให้ท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status