Mag-log in
บทที่ 1 อัคคี
เสียงสีทองสาดส่องบนพื้นผิวของสระว่ายน้ำขนาดย่อมบนคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง มองลงเบื้องล่างคือเมืองหลวงของประเทศไทย
ร่างสูงใหญ่กว่าชายไทยทั่วไปด้วยเชื้อสายลูกเสี้ยวที่มีคุณย่าเป็นชาวสเปน ทำให้ชายหนุ่มคนนี้ผมดำดกหนา หน้าเหลี่ยมคมชัดจมูกโด่งริมฝีปากหนา ผิวสีเข้ม ขนตาดกยาวยิ่งกว่าหญิงสาว
ร่างแกร่งเปี่ยมด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่น แผงอกเป็นลูกมีไรขนปกคลุมเพียงบางเบาเล็กน้อยเท่านั้นไล่ลงหายไปยังขอบกางเกงว่ายน้ำสีเข้ม สีทองของลำตัวขณะที่ตัวเขาโหนขึ้นนั่งขอบสระว่ายน้ำเปียกน้ำไหลลู่ลงไปยังต้นขาใหญ่แน่นมัดกล้าม
“เพลิงคะ จะขึ้นแล้วเหรอคะ”
เสียงหวานนุ่มกระเง้ากระงอดของหญิงสาวสวยกลางสระเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังตั้งท่าขึ้นจากสระ พรีส หรือ พิสลา ปรกเศวต นางแบบสาวชื่อดังเมืองไทยวาดมือลงน้ำว่ายตามหนุ่มร่างโตไปขอบสระทันที เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบคำถามทั้งยังลุกขึ้นจากขอบสระเดินไปยังเตียงอาบแดด
สายตาหวานปนน้อยใจส่งให้ชายร่างสูงแต่ตัวเขาเองไม่ใส่ใจ นางแบบสาวคนนี้ก็เป็นเพียงคู่เดทครั้งคราว เจอกันก็เฉพาะวันว่างหรือต้องการปลดปล่อยเท่านั้น ซึ่งเขายังมีอีกหลายคน
เขานั่งลงบนเตียงอาบแดดพอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจึงเอื้อมมือออกไปยกหน้าจอขึ้นดูแล้วปัดเลื่อนรับสาย
“ครับพ่อ”
“วันนี้ว่างไหม อยากให้มาทานข้าวเย็น”
“ธุระด่วนหรือครับ นี่ก็จะมืดแล้ว”
“ก็ ด่วนอยู่ ว่างไหม”
อัคคีขมวดคิ้ว น้ำเสียงทุ้มพร่าอย่างชายวัยหกสิบกว่าของพ่อดูร้อนรนจนผิดปกติ
“ผมว่าพ่อพูดธุระมาในสายเลยก็ได้ครับ พรุ่งนี้ผมมีประชุมเช้า ไม่อยากกลับไปนอนบ้าน”
อัคคีเอ่ยขึ้นเมื่อนึกได้ว่าบ้านพ่อของเขานั้นอยู่จังหวัดนนทบุรี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตึกที่เขาทำงานอยู่ใจกลางเมือง ทั้งพรุ่งนี้เช้ามีประชุมจริง
มือแกร่งเอื้อมออกไปยังโต๊ะเล็กด้านข้างหยิบขวดไวน์ขึ้นรินใส่แก้ว หางตาสังเกตว่านางแบบสาวขึ้นมาจากสระแล้ว กำลังเดินทอดน่องค่อยย้ายสะโพกทีละน้อยมาทางเขาอย่างเย้ายวน จนอัคคีเองเผลอยิ้มมุมปาก เขาจะกลับบ้านในคืนนี้ได้อย่างไรในเมื่อคืนนี้เขาจะต้องจัดการเรื่องราวบนเตียงกับนางแบบสาวคนนี้
“เอายังงั้นเหรอ ให้พ่อพูดเลยเนี่ยนะ”
“ครับ พูดมาเถอะครับ”
“เฮ้อ! ก็ได้ แกมันก็เป็นแบบนี้ แม่ถึงได้เป็นห่วง อายุก็สามสิบสองแล้ว”
“พ่อครับ เข้าเรื่องเถอะครับ”
“ฉันจะให้แกแต่งงาน”
“ฮะ!! ว่าไงนะ นี่ผมหูฝาดหรือเปล่า พ่อพูดใหม่สิครับ”
“แต่งงาน แกฟังไม่ผิดหรอก พ่อกับแม่ปรึกษากันแล้วว่าสมควรให้แกแต่งงาน พวกฉันอยากจะหลานแล้วโว้ย!”
เสียงประกาย ภิชญ์ภัทรโสภา ดังขึ้นอีกเมื่อได้ยินลูกชายคนโตขึ้นเสียงด้วยความตกใจ พร้อมชำเลืองมองภรรยาที่อยู่กินกันมานาน พิศดุจดาว ภิชญ์ภัทรโสภา ซึ่งกำลังนั่งมองสามีด้วยดวงตาเป็นกังวล
อัคคีนิ่งเงียบทันทีเมื่อได้ยิน ตามปกติแล้วเขาเองก็ไม่ใช่คนพูดมาหรือโวยวาย ด้วยความรับผิดชอบที่ถูกเลี้ยงดูมาให้ช่วยเหลือตัวเองและขึ้นมาช่วยงานธุรกิจน้ำเมาตั้งแต่วัยรุ่น ทำให้ตัวเขาเองมักไม่ค่อยสุงสิงกับใคร มีเพื่อนสนิทไม่กี่คนเท่านั้น และเมื่อมีปัญหาก็จะเก็บเอาไปคิดเสียก่อนแล้วค่อยจัดการ
อัคคี ภิชญ์ภัทรโสภา ตอนนี้ได้ขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารเต็มตัวด้วยอายุเพียงสามสิบสองปีในธุรกิจครอบครัว ผลิตเครื่องดื่มนานาชนิด แต่ที่โด่งดังและทำเงินให้มหาศาลเป็นน้ำเมาหรือแอลกอฮอล์ กระทั่งสามารถตั้งเป็นบริษัทมหาชน และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
เขาประสบความสำเร็จการงาน การเงิน ส่วนเรื่องตั้งหลักปักฐานในใจของเขาเองนั่นไม่เคยคิดถึงมันแม้แต่น้อย เขาเพิ่งจะอายุสามสิบสองปี ยังมีเวลาอีกมากในการใช้ชีวิตหนุ่มโสด แต่เขารู้ว่าสักวันหนึ่งความรับผิดชอบนี้จะตกมาถึงเขา เพราะเป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่สืบทอดสกุล ส่วนน้องสาวของเขานั้นยังเรียนอยู่ต่างประเทศ
ความคิดแบบผู้บริหารกำลังทบทวนส่วนได้ส่วนเสีย และระยะเวลาที่จะขอต่อรอง
“เอาแบบนี้ครับพ่อ ผมอยากจะทำความรู้จักกันก่อน”
“แกรู้จักดี ก็หนูแพรข้างบ้านเราไง”
“แพร?”
คิ้วเข้มขมวดมุ่น นึกภาพเด็กหญิงฝาแฝดสองคนที่วิ่งเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านเมื่ออายุสิบกว่าขวบ ในขณะที่เขานั้นยี่สิบสองปี
“ใช่หนูแพร บุษบา เกษมจิตต์วัฒน์ เรียนจบนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยดัง เรียนดี เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ ดีกว่าสาว ๆ ที่แกควงเล่น”
เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้!
อัคคีทวนวลีนี้ในใจพร้อมสะดุ้งเมื่อนึกภาพยามอยู่บนเตียง เขานั้นเลือดสเปนไหลวนเสี้ยวหนึ่งทำให้อัตราความเร่าร้อนค่อนข้างสูงกว่าชายไทยทั่วไป แล้วน้องแพรคนนี้จะรองรับความต้องการของเขาได้ยังไง
“หนูแพรหน้าตาดี ไม่ใช่สิ สวยมากทีเดียว พอแกไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วทำงาน แกก็ไม่ค่อยกลับบ้าน เลยไม่เคยเห็นหนูแพรตอนโต ตอนนี้หนูแพรอายุยี่สิบสองแล้ว สวยยิ่งกว่าดาราบางคน”
เสียงของชายสูงวัยกว่ามากสาธยายสรรพคุณความงามของว่าที่เจ้าสาว แต่อัคคีไม่ใคร่ได้ใส่ใจฟังเพราะกังวลเรื่องแต่งงาน
“พ่อครับ เอาแบบนี้ผมยังไม่รับปาก แต่อยากจะขอทำความรู้จัก ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปดีไหมครับ”
ประกายยิ้มกว้างบนใบหน้าหล่ออย่างหนุ่มลูกครึ่งสเปนทั้ง ๆ ที่อายุเลยวัยหกสิบ หันสบตากับภรรยาแล้วพยักหน้าส่งสัญญาณ จนพิศดุจดาวเองยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“ได้สิ ถ้างั้นพรุ่งนี้มาทานข้าวเย็นที่บ้านแล้วกัน”
“ครับพ่อ”
อัคคีวางสายจากประกายแล้วหยิบไวน์ขึ้นดื่ม สังเกตเห็นว่าสาวสวยด้านข้างกำลังขยับตัวลงคุกเข่า
“เฮ้! ตรงนี้มันที่สาธารณะ รอกลับเข้าห้องก่อนสิครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยเย้าแต่ยังยอมปล่อยให้นางแบบสาวเลื้อยตัวไปตามท่อนขา สระน้ำแห่งนี้อยู่ชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียม และไม่ค่อยมีคนขึ้นมาใช้บริการในวันทำงานอย่างเช่นนี้เย็นนี้
อัคคียกไวน์แดงขึ้นดื่มด่ำ และจมดิ่งเข้าสู่ห้วงหฤหรรษ์ทันทีเมื่อสาวสวยด้านล่างจัดการกับท่อนล่างใต้กางเกงว่ายน้ำ
ภาพเด็กหญิงถักเปียปีนต้นมะม่วงหลังบ้าน แล้วโยนลูกมะม่วงลงมายังในรั้วบ้านเขา แม้ว่าจะอายุเพียงสิบสองปี แต่ยังมองเห็นความสวย
เขาไม่รู้ว่าคนที่อยู่บนต้นมะม่วงคนนั้นเป็นแฝดคนไหน ปีนป่ายได้เก่งชะมัดและไม่กลัวมดแดงแม้แต่น้อย พอมะม่วงหล่นตกลงมาก็ชอบใจหัวเราะเสียงดังแล้วปีนลงปนกระโดด กอบมะม่วงหลายลูกขึ้นมาในอ้อมแขนแล้ววิ่งไปทางพ่อของเขาพร้อมยื่นมะม่วงส่งให้หลายลูก
อัคคีไม่ได้ใส่ใจสองฝาแฝดข้างบ้านมากนักเพราะตัวเขาโตเป็นวัยรุ่นแล้ว และมีเรื่องราวมากมาย ความทรงจำนั้นคงเป็นความทรงจำเดียวที่เขาเองพอมีภาพให้นึกถึง
พรุ่งนี้เขาจะได้เจอเธออีกครั้ง ถ้าพ่อกับแม่อยากให้เขาแต่งงานก็ไม่เป็นปัญหาถ้าผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาทำให้พึงพอใจได้ทุกเรื่องโดยเฉพาะบนเตียง
แต่ถ้าไม่ เขาเองก็ขอโบกมือลา ไม่เอาชีวิตไปจมกับการแต่งงานจอมปลอมหลอกลวงเด็ดขาด อีกอย่างฝ่ายหญิงเองจะได้มีคนรักคนอื่นที่ดีกว่าเขา
บทที่ 13 หนีเที่ยว“พลอย จะออกไปข้างนอกเหรอ”บุษบาที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เอ่ยทักเมื่อเห็นอุณากรรณแต่งตัวจัดเต็มในชุดรัดรูปสีดำตัวสั้น ตัวเสื้อควานลึกยังดีที่มีเสื้อคลุมตัวเล็กพอให้ปกปิดบ้าง รองเท้าส้นสูงสีดำสานไขว้ประดับคริสตัลคู่เก่งราคาแพง ดัดผมลอนเล็กน้อยเป็นคลื่นสยายลงกลางหลัง แต่งหน้าสโมคกี้อายแต่ไม่เข้มมาก ริมฝีปากสีแดงสด“ใช่แล้ว นุ้ยกับติซ่าชวนไปเที่ยวผับเปิดใหม่”“ใครกัน?”“โธ่เอ้ย! แพร ก็เพื่อนร่วมงานยังไงล่ะ แพรไปทำงานเป็นอาทิตย์นี่ไม่รู้จักใครเลยเหรอไง”อุณากรรณพูดพรางหมุนดูตัวเองในกระจกหน้าต่างบานใหญ่ที่สะท้อนหน้าหวานซึ้งเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง“แล้วนี่พี่เพลิงรู้หรือเปล่า”“เกี่ยวอะไรกับพี่เพลิงด้วยแพร”อุณากรรณคว้ากระเป๋าหนังแกะสีดำทรงสี่เหลี่ยมขนาดเก้านิ้วขึ้นสะพายไหล่ เอี้ยวหน้ามองบุษบาฝาแฝดที่เหมือนตัวเองดั่งเงาในกระจก แต่นิสัยผิดแผกแตกต่างราวฟ้ากับดิน“อ้าว ก็พี่เพลิงเขาโทรหาทุกวันไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่เพลิงโทรมาหาจะทำยังไง”นึกไปถึงอัคคี อย่างที่บุษบาบอกเขาโทรศัพท์มาจากสิงคโปร์ทุกวันจริง ๆ แต่โทรไม่นาน แค่ถามว่าทำอะไร กินข้าวห
บทที่ 12 พี่ชอบกินเด็กครับปัง!เสียงปิดประตูทำให้บุษบาเดินออกมาจากห้องนอน มองเห็นน้องสาวฝาแฝดใบหน้าดูไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ทั้งริมฝีปากเม้มตึง“เป็นอะไรพลอย”เฮือก!! อุณากรรณสะดุ้งทันทีเพราะมัวแต่คิดเรื่องบนรถจนไม่ได้ยินเสียงพี่สาวฝาแฝดเดินออกมาจากห้องนอน“ไม่มีอะไร”รีบแสร้งเดินไปรินน้ำในครัวเพื่อปรับสีหน้า“อย่ามาโกหกเลย เราเป็นฝาแฝดกันนะ แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่ามีเรื่อง”อุณากรรณยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินออกจากห้องครัวตรงไปทางโถงนั่งเล่นของคอนโดมิเนียมขนาดกว้างพอสมควรขณะเดินไปพยายามคิดหาคำพูดบอกพี่สาว ตอนนี้เธอทำเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม บุษบาต้องใจเสียแน่เมื่อได้ยินตุบ!หลังจากทิ้งร่างบนโซฟาแล้ววางแก้วน้ำลง จึงหันไปมองพี่สาวฝาแฝดตรง ๆ ตัดสินใจพูดความจริงออกไปดีกว่า“พี่เพลิงจะให้พ่อกับแม่ไปหาฤกษ์แล้ว”“ห๊า!! อะไรนะ ไหน ๆ พลอยบอกมีวิธี แล้ว แล้วนี่แค่พลอยไปทำงานวันเดียว ทำไมกลายเป็นแบบนี้”“ใจเย็น ๆ สิแพร พลอยเองก็ไม่เข้าใจ ตามที่แพรเล่ามา พี่เพลิงก็ดูไม่ได้ชอบอะไรแพร ซ้ำยังยืดเวลาขอดูใจออกไปอีก แต่ค่ำนี้หลังจากกลับจากทานข้าวกับลูกค้า ก่อนลงจากรถพี่เพลิงก็บอกจะให้พ่อก
บทที่ 11 แต่งงานกันให้เร็วที่สุดภายในรถเงียบสนิท หลังจากอุณากรรณบอกทางไปคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงาน ตัวเธอเองนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา หันหน้าหนีคนร่างโตไปนอกรถ มองรถบนถนนที่ยังหนาตาแม้ว่าดึกแล้วก็ตาม“พรุ่งนี้ไปทานข้าวกลางวันกัน”จู่ ๆ อัคคีเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในรถ อุณากรรณไม่ตอบยังนั่งหันหน้าออกไปนอกรถ“เลน่า ยังงอนอยู่อีกเหรอครับ”“ใครงอนกันคะ แพรเปล่าสะหน่อย แค่ง่วง”เสียงหวานนุ่มขึ้นเสียงสูงเล็กน้อยไม่รู้ตัว ตอบทั้งที่ไม่หันหน้ามองคนร่างโตด้ายข้างแม้แต่น้อย จนเขาเองถอนหายใจ“ต่อไปพี่จะไม่พบกับเกรซอีก”“ก็แล้วแต่บอสสิคะ”“พี่จะไม่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่นอีก”ผู้หญิงคนอื่น? คงมีหลายคนสินะคราวนี้อุณากรรณไม่นั่งนิ่งเงียบ เอี้ยวหน้ากลับไปหาอัคคีทันควันเมื่อได้ยิน สีหน้าแสดงอารมณ์โกรธแต่ยังไม่รู้ตัวจนคนร่างสูงจ้องมองอย่างเผลอไผล“ก็แล้วแต่บอสสิคะ ไม่ใช่ธุระของแพร ไม่ต้องบอกแพรก็ได้ค่ะ”ดวงตากลมโตวิบวับแพรวระยับขณะที่พูดน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อย จ้องตอบนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มออกดำไม่ลดละ แต่เพราะอัคคีเองไม่ปิดบังความปรารถนา แววตาจึงล้ำลึกขึ้นจนเป็นอุณากรรณต้องเบือนหน้าหนีพ่วงแก้มแดงซ่าน“ก
บทที่ 10 ใครเอาแต่ใจ ใครดื้อเพียงไม่นานนักรถหรูเลี้ยวเข้าถนนกว้างโค้งของโรงแรมระดับชั้นนำ“ที่จริงพี่เพลิงน่าจะให้คุณเกรซมา แพรแต่งตัวไม่เหมาะเลยค่ะ”“ไม่หรอก เลน่าแต่งตัวมาดีแล้ว อีกอย่างแทนตัวเองว่าเลน่าก็ถูกแล้วไม่ต้องแทนตัวเองว่าแพรกับพี่อีก”“ทำไมล่ะคะ แพรจะพูดชื่อไหนก็ได้นี่คะ ก็มันชื่อของแพร”อัคคีไม่ตอบ เขาเดินลงจากรถลงไปก่อนรอกระทั่งอุณากรรณลงจากรถจึงยื่นแขนออกมาให้คล้อง สังเกตว่าหญิงสาวชะงักคิดก่อนแต่ไม่นานเท่านั้นก็ยอมคล้องแขนเขาเดินขึ้นโถงบันไดลำแขนแกร่งแน่นอบอุ่นถึงร้อนจัด อุณากรรณมองมือตัวเองที่จับลำแขนนั้นไว้ มือเรียวเล็กของเธอเมื่อเทียบกับเขาแล้วยิ่งดูเล็กไปถนัดใจ“มาเถอะ พี่จะแนะนำให้รู้จัก”อุณากรรณละสายตาออกจากท่อนแขนแกร่ง มองตรงไปทางโต๊ะรับรองที่โทรศัพท์มาจองไว้ มีชายหนุ่มสองคนยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว หน้าตาคล้ายเป็นคนชนชาติจีนดั่งเช่นคนสิงคโปร์ทั่ว ๆ ไป สวมชุดสูทนักธุรกิจ รูปร่างสันทัดไม่สูงไม่เตี้ย แต่พออัคคีเดินเข้าไปใกล้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองดูเตี้ยลงไปทันที“ริชาร์ด คาล นี่เลน่า คู่หมั้นผมครับ”คราวนี้อุณากรรณยิ้มไม่ออกแต่ก็พูดแก้ตัวไม่ได้ต่อหน้านักธุรกิจชาวสิงคโ
บทที่ 9 พี่เพลิงอุณากรรณนั่งเขี่ยมือเล่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เมื่อกลางวันตอนอยู่ในลิฟต์สองต่อสองว่าแย่แล้ว ตกเย็นพอขึ้นมานั่งรถคันเดียวกัน แม้ว่ารถคันใหญ่แต่ยังรับรู้ถึงไออุ่นจากคนตัวโตด้านข้างอยู่ดีทั้งกลิ่นบุหรี่ กลิ่นกายชาย สารพัดที่ทำให้สาวสะพรั่งอย่างเธอว้าวุ่นได้ จึงพยายามหาอย่างอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากอัคคีดวงหน้าหวานซึ้งเบี่ยงไปด้านข้างเพื่อมองถนนท่ามกลางรถมากมายของเมืองหลวงที่ขยับไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“วันนี้รถติดหน่อยนะครับนาย”เสียงชุมพลเอ่ยถึงขึ้นขณะที่รถแล่นจนเกือบจะคลาน“ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลา”เสียงทุ้มต่ำด้านข้างคุยโต้ตอบกับคนขับรถสนิทสนมจนอุณากรรณแปลกใจ เธอมักไม่ค่อยพบคนในระดับนี้พูดคุยกับคนขับรถมาก่อน ส่วนใหญ่มักไว้ตัวและท่ามาก จึงเอี้ยวหน้าไปมอง ถึงกับสะดุ้งตกใจจริง ๆ เพราะเจอเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่หลุบมองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างค้นหา“น้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ”“คะ คะ อะไรนะคะ”ใบหน้าคมเข้มยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงตอบมึนงง“ก็พี่ถามว่าน้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ นั่งตัวลีบอยู่ตรงนั้น ขยับมาอีกก็ได้นะ พี่ไม่กัดหรอก”“เออ ไม่เป็นไรค่ะ แพรไม่เมื่อยค
บทที่ 8 บอสขณะที่อัคคีกำลังเดินขึ้นอาคารสำนักงานก่อนจะเหลือบสายตามองเห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่งของบุษบา ซึ่งวันนี้ดูสูงกว่าทุกวัน ทีแรกเขาเองไม่ได้ใส่ใจแต่เมื่อกวาดตามองอีกครั้งพลันสะดุดเข้ากับรองเท้าส้นสูงแบบสานพันข้อเท้า จึงไล่สายตาขึ้นไปยังใบหน้าอีกครั้ง หน้าหวานซึ้งยังคงเดิม สวยดั่งนางในวรรณคดี แต่มีบางอย่างผิดแปลกไปคงเป็นทรงผมที่ไม่มัดรวบตึงเหมือนทุกวัน หรือเพราะเสื้อผ้า กระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดท่อนขาเรียวยาวขาวนวล หรือจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะหวานนุ่มเบา ๆ เมื่อกำลังฟังเพื่อนนินทานินทา!! เมื่อเขาเดินเข้าใกล้จึงได้ยินเสียงของคนร่างอวบพูดขึ้นพร้อมคว้าเอวของบุษบาเข้าใกล้ จนตัวบุษบาเองหัวเราะร่วนออกมาอัคคีเริ่มชักสีหน้าจึงเรียกเสียงดังขึ้นให้พนักงานในบริษัทรับรู้ว่าเขาได้ยินและไม่พอใจร่างระหงของบุษบาไม่ได้สะดุ้งขึ้นเหมือนทุกครั้ง เธอเพียงยืดแผ่นหลังขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยเหลียวกลับมาสบตากับเขาดวงตากลมโตปนซึ้งซึ่งเหมือนจะรื้นนน้ำตาทุกครั้ง วันนี้กระจ่างใสพร้อมร่องรอยติเตียนส่งตรงมายังเขา จนอัคคีจดจ้องตอบอีกครั้งด้วยตาคมดุ“ค่ะ บอส”อัคคีหรี่ตาลงเล็กน้อยเพียงแวบเดียวก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ







