ตอนที่ 2
อุบัติเหตุที่จงใจ
ด้านไป๋ซูเหยียนเมื่อเห็นพี่สาวออกไปจนลับประตูเรือนแล้ว นางจึงเดินไปที่ห้องเขียนหนังสือแทน
“ผ้าไหมเหมันต์พับนั้นคุณหนูสั่งตัดชุดให้คุณหนูใหญ่ไม่ใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดคุณหนูจึงไม่บอกคุณหนูใหญ่ไปตามตรงเล่า” เสี่ยวจูไม่เข้าใจที่คุณหนูของตนทำเลยสักนิด
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ชุดนั้นข้าจะเป็นคนใส่เอง อย่างไรรูปร่างข้าก็พอ ๆ กับพี่หญิง หากมีจุดไหนไม่พอดีเราค่อยเย็บแก้ก็ได้” นางอธิบายพลางยิ้มให้สาวใช้คนสนิทอย่างอ่อนโยน
“เช่นนั้นวันนี้บ่าวจะเอาหนังสือที่คุณหนูคัดลอกไปส่งที่ร้านหนังสือ แล้วเลยไปให้ช่างเปลี่ยนขนาดชุดให้พอดีกับคุณหนูเลยดีกว่าเจ้าค่ะ คุณหนูอยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่เจ้าคะ”
“อืม...อีกไม่นานก็จะถึงงานเลี้ยงตระกูลเหลียนแล้ว เจ้าหาซื้อพัดสวย ๆ ที่กำลังนิยมในช่วงนี้มาสักอันแล้วกัน”
นางรับคัดลอกหนังสือขาย เพราะมารดาบอกว่าในจวนมีการใช้จ่ายมากมาย จึงขอเอาเงินของนางสองในสามส่วนแบ่งให้พี่สาวกับน้องชาย
“เจ้าเป็นเพียงบุตรสาวคนรองจะใช้จ่ายมากมายไปเพื่อสิ่งใด ให้พี่สาวกับน้องชายเจ้านะถูกต้องแล้ว เพราะพวกเขาเป็นหน้าเป็นตาให้จวนตระกูลไป๋”
“แต่พี่หญิงกับน้องชายได้เงินเดือนคนละหนึ่งตำลึงทองเลยนะเจ้าคะ”
“เอ๊ะ!! เจ้าเด็กคนนี้คิดว่าข้าทำไม่ถูกต้องหรือ!!! เงินเดือนสามสิบตำลึงเงินก็ใช่ว่าจะน้อยเมื่อไหร่กัน ชาวนาทำงานทั้งปียังมีไม่ถึงสิบตำลึงเงินเลยด้วยซ้ำ!!”
นั่นคือประโยคของมารดาที่เอ่ยกับนาง ตอนที่บอกจะลดเงินเดือนนางลงสองส่วน ทุกอย่างมักจะอ้างชื่อเสียงและหน้าตาของตระกูลเสมอ
ผ้าไหมที่ไป๋เซียนอวี้มาขอนั้น พวกนางได้มาจากลุงใหญ่ตระกูลไป๋สายหลักคนละพับ แต่พี่สาวนางคงเอาไปตัดชุดใส่จนกลายเป็นชุดเก่าไปแล้วกระมั้ง
มีแต่นางที่เก็บไว้เพราะไม่รู้จะตัดใส่เนื่องในโอกาสอะไร เลยเอาไปสั่งตัดชุดให้พี่สาวแสนรักเพื่อเอาใจ ก่อนจะมารู้ว่าพี่สาวกับคู่หมั้นแอบไปนัดพบกันที่นอกเมืองนั่นแหละ
จริงสิ! หากนางเองก็เพิ่งรู้ เช่นนั้นองค์ชายใหญ่ก็น่าจะยังไม่รู้ว่าคู่หมั้นตัวเองแอบคบหาชายอื่นลับหลังเขา
นางลงมือเขียนจดหมายแต่ปลอมลายมือเป็นผู้อื่น ก่อนจะส่งไปที่ตำหนักองค์ชายใหญ่ เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ดูจะเกินเลยระหว่างไป๋เซียนอวี้กับแม่ทัพประจิมของแคว้น
วันที่ต้องไปร่วมงานเลี้ยงจวนตระกูลเหลียนมาถึงอย่างรวดเร็ว วันนี้คือวันเกิดของคุณหนูใหญ่เหลียนฟางเซียน
ซึ่งเป็นหญิงงามอันดับสองรองจากไป๋เซียนอวี้ แต่คุณหนูเหลียนมีบิดาเป็นถึงเสนาบดีฝ่ายซ้าย งานเลี้ยงจึงถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่
“นี่ชุดที่ตัดจากผ้าไหมเหมันต์หรือไม่ ไหนว่าอวี้เอ๋อร์จะไปขอผ้ามาจากน้องอย่างไรเล่า ทำไมเจ้าใส่ผ้าไหมธรรมดาแล้วซูเหยียนใส่ผ้าไหมเหมันต์กัน!!”
เมื่อมารดาเห็นครั้งแรกก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พร้อมส่งสายตาตำหนิไปที่บุตรสาวคนรอง
“ท่านแม่อย่าว่าน้องรองเลยเจ้าค่ะ น้องรองใส่ชุดนี้ก็งดงามเหมือนกันนะเนี่ย ดูเรียบง่ายดี” ไป๋เซียนอวี้เอ่ยเช่นนั้นแต่กลับแสดงท่าทีราวกับพยายามปิดบังอะไรบางอย่าง
“เจ้าไม่ต้องแก้ตัวแทนนางเลย ไป๋ซูเหยียนข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าสาวเจ้าคือหน้าตาของตระกูลไป๋ เหตุใดเจ้ายังไม่เข้าใจดึงดันที่จะใส่ชุดผ้าไหมเหมันต์อีก ทั้งที่ชุดนี้ควรเป็นพี่สาวเจ้าที่ได้ใส่!!!”
ผู้เป็นมารดาเอ่ยวาจาต่อว่าโดยไม่คิดว่าผ้าไหมเหมันต์พับนี้ คือพับที่ท่านลุงใหญ่มอบให้พวกนางคนละผืนแล้ว และนางจะเอาไปสั่งตัดชุดใส่เมื่อไหร่มันก็เป็นสิทธิ์ของนาง
“ท่านแม่นี่เป็นผ้าไหมเหมันต์พับของข้านะเจ้าคะ ท่านลุงใหญ่...”
“ยังจะเถียงอีก!!! แล้วดูเจ้าใส่สิ ไม่มีสง่าราศีเอาเสียเลย หากให้พี่สาวเจ้าใส่ยังจะดูไม่น่าเสียดายของเท่านี้ หากเจ้าไม่กลับไปเปลี่ยนชุด เจ้าก็ไม่ต้องไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนตระกูลเหลียน!!!”
ยังไม่ทันทีนางจะพูดจบด้วยซ้ำ มารดาก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับขับไล่นางให้ไปเปลี่ยนชุดใหม่
“ก็ได้เจ้าค่ะ” นางเดินคอตกกลับไปทางเรือนหลังเล็กฝั่งตะวันตก
“ไปเถอะอวี้เอ๋อร์ ค่อยให้รถม้าอีกคันพาน้องสาวเจ้าตามไปทีหลังแล้วกัน เสียเวลาจริง ๆ นางทำสิ่งใดไม่คิดถึงหน้าแม่เลยแม้แต่น้อย!!!”
ซุนหลันฮวาบ่นบุตรสาวคนรองไปด้วย พลางขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ ตนต้องมาหงุดหงิดแต่เช้าเพราะบุตรสาวไม่ได้เรื่องเพียงคนเดียว
“ท่านแม่อย่าโกรธไปเลยเจ้าค่ะ น้องรองแค่อยากใส่ชุดสวย ๆ บ้างเท่านั้น” ไป๋เซียนอวี้พูดแก้ต่างให้น้องสาว แต่ในใจกลับแอบหัวเราะอย่างสะใจอยู่
แค่นี้ยังน้อยไปกับที่นางต้องไปรอที่เรือนหลังเล็กนั่นตั้งครึ่งชั่วยาม แถมไม่ได้ผ้าไหมเหมันต์กลับมาตัดชุดอีก
“เจ้าก็แก้ต่างแทนนางตลอด เพราะแบบนี้น้องเจ้าถึงได้ใจ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีตลอด!”
ไป๋ฮูหยินบ่นบุตรสาวคนรองไม่หยุด จนรถม้าเคลื่อนออกจากหน้าจวนมุ่งหน้าไปที่จวนตระกูลเหลียน
ไป๋ซูเหยียนกลับมาเปลี่ยนชุดใหม่อย่างใจเย็น นางไม่ได้เศร้าใจอย่างที่แสดงออกให้พี่สาวกับมารดาเห็น นางรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรวันนี้ตนก็ต้องถูกมารดาดุด่า
ก็มันเป็นวิธีที่พี่สาวนางชอบใช้นี่ นางจะไม่รู้ทันได้อย่างไร แต่พวกเขานั่นแหละที่ไม่รู้ว่านางคิดวางแผนสิ่งใดไว้
“คุณหนูจะใส่ชุดนี้จริงหรือเจ้าคะ มันดู...เออ...สีซีดไปนะเจ้าคะ” เสี่ยวจูเลี่ยงคำว่าเก่า เพราะกลัวมันกระทบจิตใจคุณหนูของตน
“แล้วมีชุดที่ใหม่กว่านี้ด้วยหรือ นอกจากนี้ก็มีแต่ชุดของพี่หญิงทั้งนั้น ข้าใส่ไปจะถูกผู้อื่นมองว่าอย่างไร มารดาข้าอีก นางคงได้กลับมาต่อว่าข้าเช่นครั้งที่แล้วแน่”
นางอธิบายไปก็สวมใส่ชุดที่เลือกมา มันเป็นชุดสีชมพูอ่อน ปักลายผีเสื้อกำลังโบยบินท่ามกลางดอกไม้มากมาย
สีอาจซีดไปนิดเพราะนางสั่งตัดเมื่อปีที่แล้วตอนวันขึ้นปีใหม่ หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้สั่งตัดชุดอีกเลย เพราะผ้าแต่ละพับที่เหลือมาถึงนางนั้น มีแต่สีเข้ม ๆ ทั้งนั้น
ซึ่งมันเหมาะกับสตรีที่แต่งงานแล้วมากกว่าคุณหนูที่ยังไม่ออกเรือน นางเลยตัดปัญหาไม่ตัดชุดและเก็บผ้าพวกนั้นเอาไว้ในหีบเสีย
“ไปเถอะ เดี๋ยวเข้างานเลี้ยงช้าจะเสียมารยาทเอา” นางเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินนำไปขึ้นรถม้าอีกคัน
ไป๋ซูเหยียนไม่ได้แปลกใจที่มารดากับพี่สาวไม่ได้รอนาง แต่หากรอนี่สินางคงคิดหนักว่าจะหาสาเหตุใดมาเลี่ยงที่จะไม่ขึ้นรถม้าคันนั้น
รถม้าของตระกูลไป๋เคลื่อนไปตามทางปกติ สองแม่ลูกตระกูลไป๋ที่นั่งในรถม้าพูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้พลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน ต่างกับยามที่มีบุตรสาวคนรองอยู่ด้วยลิบลับ
จนรถม้าวิ่งผ่านสะพานเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น พร้อมกับแรงกระแทกที่ทำเอาสตรีในรถม้าตกใจจนกรีดร้องออกมา
กรี๊ด!!!!!!!! กรี๊ด!!!!!!!!
“นายหญิงกับคุณหนูได้รับบาดเจ็บหรือไม่ขอรับ!!” เสียงคนบังคับรถม้าตะโกนมาจากด้านนอก
“โอ๊ย!!! แขนข้า เจ็บจังเลยเจ้าค่ะท่านแม่”
เสียงไป๋เซียนอวี้ร้องออกมา ทำให้ไป๋ฮูหยินที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก รีบเข้ามาดูบุตรสาวอย่างเป็นห่วง
“พวกเจ้าบังคับรถม้ากันอย่างไรเนี่ย!!! หากนายหญิงกับคุณหนูเป็นอะไรไป เจ้าได้หัวหลุดแน่!!!” เจินเจินลงไปต่อว่าคนบังคับรถม้า
“รถม้าเพลาหักขอรับ นายหญิงกับคุณหนูลงจากรถม้าก่อนเถอะ เดี๋ยวบ่าวไปเรียกรถม้ารับจ้างให้ขอรับ” บ่าวผู้นั้นรีบเอ่ยอย่างลนลานแล้ววิ่งหายไป
เพราะแบบนั้นไป๋ฮูหยินกับไป๋เซียนอวี้จึงต้องลงจากรถม้ากันกลางถนน ผู้คนมามุงดูมากมายว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“รถม้าเป็นอะไรงั้นหรือขอรับ”
เสียงทุ้มของบุรุษดังขึ้นด้านหลังพวกเขา พร้อมกับชายหนุ่มรูปร่างองอาจเดินแหวกฝูงชนเข้ามา
“ท่านแม่ทัพนี่เอง รถม้าเพลาหักเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ไป๋เซียนอวี้แขนไปกระแทกกับผนังรถม้า” ไป๋ฮูหยินหันไปเอ่ยพร้อมใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“หากไม่รังเกียจข้าขอพาไป๋ฮูหยินกับคุณหนูไป๋ไปส่งที่โรงหมอได้หรือไม่ขอรับ” แม่ทัพหนุ่มอาสาพร้อมกับเดินนำไปที่รถม้าของตัวเอง
ตอนที่ 25บทส่งท้ายวันที่องค์ชายใหญ่กับพระชายาจะเดินทางไปเมืองทางใต้ก็มาถึง ชาวเมืองต่างออกมาส่งพวกเขากันมากมาย รวมถึงตระกูลไป๋สายหลักด้วยเช่นกันก่อนหน้านี้ไม่กี่วันนางได้ไปหาครอบครัวตัวเองที่จวนนอกเมือง จึงได้เห็นสายตาไม่พอใจของพวกเขา เมื่อรู้ว่านางกำลังจะเดินทางไปเมืองทางใต้กับองค์ชายใหญ่หากพวกเขาพูดได้คงพ่นคำพูดไม่ดีต่าง ๆ ใส่นางมากมาย และบังคับให้นางพาพวกเขาไปด้วย หรือไม่ก็ให้นางทิ้งเงินทองไว้ให้พวกเขาเยอะ ๆเมื่อเห็นขบวนเดินทางของหลานสาวหายลับไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ให้คนพาไปส่งที่เรือนนอกเมืองตอนนี้ทั้งสามต้องนอนในห้องเดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล พวกสาวใช้จะได้ไม่ต้องเดินเข้าออกหลายห้อง“เป็นอย่างไรบ้างเหวินหลง แม่บอกเจ้าแล้วว่าให้เลือกฮูหยินที่เป็นบุตรสาวฮูหยินเอก เจ้าก็ไม่เชื่อแม่ ดึงดันจะเอานังลูกอนุนี่เป็นฮูหยิน เอกให้ได้ ครานี้ครอบครัวเจ้าไม่เหลือสิ่งใดแล้ว แม่เองก็คงช่วยเจ้าไม่ได้”
ตอนที่ 23จุดจบตระกูลไป๋สายรองผ่านมากว่าสามเดือนแล้วที่ไป๋เซียนอวี้อมาอยู่ที่เมืองชุนหมิง ทุกคืนวันนางเฝ้ารอการกลับไปเหยียบที่จวนตระกูลป็นั้นอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะความคิดถึงหรือโหยหา แต่เพราะต้องการแก้แค้นต่างหากตั้งแต่นางมาถึง นางพยายามส่งจดหมายกลับไปหามารดาและน้องชาย แต่ทั้งสองกลับเงียบไม่เคยตอบจดหมายนางเลยกลับกันเมื่อนางส่งจดกหมายไปหาน้องสาว กลับได้รับการตอบกลับมาในไม่กี่วัน เท่านี้ก็รู้แล้วว่าคนที่จวนคิดกับนางเช่นไรและวันที่รอคอยก็มาถึง วันนี้นางได้กลับมาเหยียบจวนตระกูลไป๋อีกครั้ง แต่คนที่มารอนางกลับมีเพียงมารดาเท่านั้น“กลับมาก็ดีแล้ว แม่ให้คนเตรียมเรือนไว้ให้เจ้าแล้วไปพักเถอะ” ผู้เป็นมารดาเอ่ยอย่างไม่ยินดียินร้าย ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มยามพบนางนั้น ไม่มีอีกต่อไป“เจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านพ่อกับน้องชายไปไหนหรือเจ้าคะ ไม่เห็นออกมาต้อนรับข้าเลย” นางแสร้งเอ่ยถามไปเท่านั้น แต่ความจริงพวกเขาจะมารอร
ตอนที่ 21ความแค้นครั้งใหม่ยามนี้ตระกุลไป๋ถูกเพ่งเล็งจากทั้งชาวบ้านและเหล่าขุนนาง จนใต้เท้าไป๋ไม่กล้าออกจากจวนไปที่ใด นอกจากออกไปว่าราชการเช้ากับฝ่าบาทแล้วก็ตรงกลับจวนทันที“วันนี้หมอที่นัดไว้จะมาใช่หรือไม่ ไป๋เซียนอวี้เป็นอย่างไรบ้าง”“ท่านพี่ ตอนนี้ลูกโกรธเรามาก แถมนางยังมีอาการคลุ้มคลั่งแปลก ๆ ร้องว่าหิวแต่พอเอาข้าวให้นางกลับไม่ยอมกิน ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วเจ้าค่ะ”ไป๋ฮูหยินเอ่ยอย่างเป็นห่วงบุตรสาว ตั้งแต่เกิดเรื่องที่จวนตระกูลจิ้นนี่ก็ผ่านมากว่าเจ็ดวันแล้ว บุตรสาวนางพยายามออกจากจวนแทบทุกวัน ดีที่ตนให้พวกบ่าวช่วยกันจับตัวไว้“เพราะเจ้าเลี้ยงดูนางอย่างตามใจ ทุกอย่างจึงออกมาเป็นเช่นนี้ หึ! อย่างไรวันนี้นางต้องเอาเด็กออก ไม่เช่นนั้นข้านี่แหละจะกระทืบมารหัวขนนั่นออกมาเอง”ใต้เท้าไป๋เอ่ยจบก็เดินเข้าห้องทำงานตัวเองไปทันที ทิ้งให้ไป๋ฮูหยินยืนกลุ้มใจอยู่ตรงนั้นคนเดียวห
ตอนที่ 24ผลกรรม“ราชโองการจากฟ้า องค์ชายใหญ่ม่อเสวียนหยางมีเป็นผู้มีคุณธรรม มากความสามารถ ฝ่าบาทมีพระประสงค์แต่งตั้งให้เป็นชินอ๋อง ยกดินแดนทางใต้ทั้งหกเมืองให้ปกครอง ออกเดินทางในอีกสองเดือนข้างหน้า จบราชโองการ!!!!”“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี”“ยินดีกับองค์ชายใหญ่และพระชายาด้วยพะย่ะค่ะ”กงกงหลี่ยิ้มกว้าง ทั้งดีใจที่องค์ชายใหญ่หายจากอาการตาบอด และดีใจที่องค์ชายใหญ่ได้พบเจอคนที่คู่ควรเสียทีเพราะตนนั้นรับใช้ใกล้ชิดฝ่าบาท ยามที่องค์ชายใหญ่เข้าวังไปถวายการรับใช้พระบิดาเขาย่อมเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของชายหนุ่มตรงหน้าพอเสร็จธุระก็รีบกลับตำหนักเพียงนั้น จะไม่ให้พวกเขารู้ได้อย่างไรเล่า บางวันพระชายาก็ฝากคนเอาสำรับอาหารมาให้ ขนาดฝ่าบาทขอชิมองค์ชายใหญ่ยังไม่ให้ชิมเลย“ฝ่าบาทก็ให้ฮองเฮาทำให้กินเองสิพะย่ะค่ะ นี่มันสำรับที่หวางเฟยทำมาให้กร
ตอนที่ 22หญิงงามตั้งแต่จบเรื่องงานแต่งครั้งนั้น จิ้นอวี่หาวก็ไม่ออกไปพบผู้ใดอีกเลย วัน ๆ ไม่อยู่ที่จวนก็อยู่ที่ค่ายทหาร มารดาเขาพยายามหาสตรีให้ แต่เขาก็ไม่สนใจวันนี้เขาขี่ม้าไปที่ค่ายทหารเช่นทุกครั้ง แต่ระหว่างทางกลับพบเข้ากับสตรีนางหนึ่งนอนสลบอยู่ข้างทาง ด้วยความที่เป็นสุภาพบุรุษตนจึงลงไปช่วยเหลือพาส่งโรงหมอ“ฝากท่านหมอช่วยดูแลนางด้วย นี่คือค่ารักษาของนางขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยจบก็ทำท่าจะเดินออกไป“ท่านแม่ทัพนางฟื้นแล้วขอรับ นางบอกว่าอยากพบผู้ที่ช่วยนางไว้” ผู้ช่วยหมอเดินเข้ามารายงาน ทำให้ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย“ท่านเข้าไปพบนางสักหน่อยเถอะ นางคงอยากขอบคุณท่านกระมั้ง” ท่านหมอเอ่ยชายหนุ่มจึงเดินกลับเข้าไปยังห้องที่หญิงสาวนอนอยู่ ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มชวนมองนั้นทำเอาเขาเผลอมองครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติกลับมา“ท่านคือคนที่ช่วยข้าไว้หรือเจ้าคะ ขอบคุณท่านมากหากไม่ได้ท่าน ข้าก
ตอนที่ 19ลูกเนรคุณ“กลับไปเถอะขอรับ อย่าให้ข้าต้องให้ทหารลากตัวพวกท่านออกไปเลย” จิ้นอวี่หาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา หากเป็นศัตรูป่านนี้เขาคงจับคนตระกูลไป๋มาถลกหนังแล้ว“ท่านพี่!! อย่าทำเช่นนี้เลยนะเจ้าคะ ข้าท้องลูกของท่านจริง ๆ ข้าไม่เคยนอกใจท่านเลยนะเจ้าคะ” ไป๋เซียนอวี้พยายามพูดแก้ต่าง แต่ดูแล้วไม่เป็นผลนักเพราะเหมือนจะเป็นการกระตุ้นให้แม่ทัพจิ้นโมโหหนักกว่าเดิมมากกว่า เขาพุ่งเข้าไปบีบแขนหญิงสาวอย่างแรงก่อนกระซิบให้ได้ยินกันสองคน“ความต้องการของเจ้ามากมายเพียงใดเหตุใดข้าจะไม่รู้ แค่เพียงบุรุษผู้นั้นเอ่ยปากออกมาก็แน่ชัดแล้วว่าคือเรื่องจริง หึ!!”หญิงสาวหน้าซีดเผือดทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเสียงดังราวจะขาดใจตาย“พ่อบ้านไล่ตัวกาลกิณีนี่ออกไปจากจวนข้าให้หมด แล้วอย่าลืมเอาน้ำมนต์มาล้างทางเข้าจวนด้วย เดี๋ยวเสนียดติดหน้าประตูจวนข้า!!”จิ้นฮูหย