ตอนที่ 3
งานเลี้ยงตระกูลเหลียน
คนขับรถม้าถึงกับงุนงงว่าเพลารถม้าหักได้อย่างไร ในเมื่อเขาเพิ่งบังคับรถม้าคันนี้ไปส่งนายท่านที่นอกเมืองมาเมื่อวานนี้เอง มันก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร
แต่คิดไปคิดมาก็สรุปเองว่ามันคงหมดอายุการใช้งานแล้ว ตนจึงให้คนมาช่วยลากมันกลับไปที่จวน
ไป๋ซูเหยียนมองเห็นกลุ่มคนมุงดูบางอย่างขณะที่รถม้าข้ามสะพานอีกทาง ป่านนี้พี่สาวนางกับมารดาคงตกใจไม่น้อย เพราะที่รถม้าเกิดเหตุนั้นเป็นฝีมือของนางเอง
ไป๋ซูเหยียนไปถึงงานเลี้ยงก่อน แต่ให้รถม้าจอดรอมารดากับพี่สาวที่ด้านนอก
ผ่านไปกว่าสองเค่อจึงเห็นพี่สาวกับมารดาลงมาจากรถม้าคันหนึ่ง ที่มีตราตระกูลจิ้นของแม่ทัพประจิม
“หากไม่ได้ท่านแม่ทัพช่วยไว้ พวกเราแม่ลูกคงมางานเลี้ยงสายเป็นแน่ ต้องขอบคุณแม่ทัพจิ้นมาก ๆ เลยเจ้าค่ะ” ไป๋ฮูหยินเอ่ยพลางยิ้มแย้ม
“ไม่เป็นไรเลยขอรับ แค่น้องเซียนอวี้ไม่เป็นอะไรก็ดีมากแล้ว เราเข้างานกันดีกว่าขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับผ่ายมือให้ไป๋ฮูหยินเดินนำก่อน ส่วนตัวเองเดินคู่กับคุณหนูใหญ่ไป๋ด้านหลัง
“ท่านแม่! เหตุใดจึงเพิ่งมาถึงเจ้าคะ ข้ามาทีหลังพวกท่านแท้ ๆ แต่ไม่เห็นรถม้าของท่านเลยรออยู่ด้านนอกไม่กล้าเข้างานก่อน”
ไป๋ซูเหยียนแสดงตัวพร้อมเอ่ยทักพวกเขาเสียงดัง จนคนแถวนั้นหันมามอง
“พอดีรถม้าเกิดเรื่องนิดหน่อย แล้วนี่เจ้าใส่ชุดอะไรมากัน! ไม่คิดจะรักษาหน้าข้าบ้างหรือ!!!” เมื่อไป๋ฮูหยินเห็นบุตรสาวคนรองแต่งตัวเช่นไร ก็โกรธจนหน้าขึ้นสีทันที
“ชุดนี้ดีที่สุดของข้าแล้วเจ้าค่ะ เพราะอย่างนั้นข้าจึงเอาผ้าไหมเหมันต์ส่งไปตัดชุด ผ้าพับอื่น ๆ ก็สีเข็มมากเกินไป หากข้าทำชุดใส่จะถูกตำหนิถึงความไม่เหมาะสมเจ้าค่ะ”
นางเอ่ยเสียงไม่เบานัก จนคนที่อยู่แถวนั้นเริ่มหันไปซุบซิบกัน มารดานางเห็นจึงไล่นางไปยืนด้านหลัง
“ไปยืนหลังพี่สาวเจ้าโน้น ขออภัยท่านแม่ทัพที่บุตรสาวคนรองของข้าเสียมารยาทเจ้าค่ะ” ไป๋ฮูหยินหันไปเอ่ยกับชายหนุ่มที่ไม่แม้แต่จะทักทายคู่หมั้นตัวเองเลยสักนิด
เป็นพี่น้องกันแท้ ๆ แต่ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว คนหนึ่งงดงามราวนางสวรรค์ กิริยามารยาทเพียบพร้อม
อีกคนแม้หน้าตาจะงดงามแต่ไม่เท่าพี่สาว เรื่องมารยาทก็พอใช้ได้ไม่ถือว่าโดดเด่น เหตุใดเขาจึงได้มาหมั้นหมายกับสตรีเช่นนี้กันนะ
“ข้าไม่ถือสาขอรับ คุณหนูรองไป๋เป็นเช่นไรพวกเราย่อมรู้ดีอยู่แล้วนี่ขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยพลางหัวเราะเบา ๆ ทำให้สองแม่ลูกหัวเราะออกมาเช่นกัน
ภายในงานเลี้ยงไม่ได้แบ่งแยกชายหญิง ในสวนยามนี้จึงมีหนุ่มสาวยืนพูดคุยชมดอกไม้กันหลายคน
“ไป๋ฮูหยินมาแล้ว อ้าว!! แม่ทัพจิ้นก็มาพร้อมกันหรือเจ้าคะ”
เหลียนฮูหยินเจ้าของงานเข้ามาทักทายพวกเขา ก่อนจะพามารดาเดินแยกออกไป โดยให้พวกเราเดินเล่นในงานกันไปก่อน
“ได้ยินว่าดอกเบญจมาศในสวนตระกูลเหลียนงดงามนัก เราไปเดินชมให้เห็นกับตากันเถอะเจ้าค่ะ” ไป๋เซียนอวี้เอ่ยชวนชายหนุ่ม และมองเลยมาที่นางเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ถูกคนอื่นมองไม่ดี
“คุณหนูใหญ่ไป๋ว่าอย่างไรก็เอาตามนั้นเถอะขอรับ ข้าที่เป็นบุรุษย่อมไม่ขัดใจสตรี” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยพลางยิ้มหวานให้หญิงสาวอย่างเปิดเผย
ไป๋ซูเหยียนมองภาพตรงหน้าแล้วอยากอาเจียนออกมาเสียตรงนี้ พวกเขาก็แสดงออกกันชัดเจนเพียงนี้มาเสมอ มีเพียงนางนี่แหละที่โง่มองไม่ออกเอง
นางเดินตามพวกเขาไปด้วยใบหน้าเศร้าสร้าย จนคนที่พวกเราเดินผ่านนั้นหันมามอง
“นั่นไม่ใช่คุณหนูตระกูลไป๋หรือ” คุณหนูคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ก็ใช่นะสิ คนพี่กับคนน้องอยู่ด้วยกันเพียงนั้น ว่าแต่แม่ทัพเป็นคู่หมั้นของคุณหนูรองนี่ เหตุใดจึงเดินเคียงคู่กับคุณหนูไป๋คนพี่เล่า”
“นั่นสิ หากข้าไม่รู้มาก่อนคงเข้าใจว่าคุณหนูไป๋คนพี่เป็นคู่หมั้นกับแม่ทัพจิ้นเสียอีก แล้วคุณหนูรองที่เดินตามหลังเป็นสาวใช้”
“ข้าว่าวันนี้เราคงมีเรื่องสนุกให้พูดคุยกันแล้วล่ะ”
คุณหนูทั้งสามในกลุ่มพูดคุยกันอย่างออกรส ก่อนจะแอบตามพวกเขาไปห่าง ๆ เพื่อยืนยันสิ่งที่พวกนางคิด
หลังจากที่ไป๋ซูเหยียนแสร้งเดินหน้าเศร้าตามหลังพี่สาวผู้งดงามจนคนเห็นทั่วงานแล้ว นางก็ขอตัวแยกจากพวกเขาไปนั่งเล่นที่ศาลาในสวน
ซึ่งยามนี้ไม่มีผู้ใดอยู่ เป็นโอกาสดีที่จะให้คนขี้สงสัยได้เข้ามาถามไถ่เรื่องที่อยากรู้
“คุณหนูรองไป๋ เหตุใดจึงมานั่งตรงนี้คนเดียวเล่า” สตรีสี่คนเดินเข้ามานั่งข้างนางอย่างถือวิสาสะ
“คุณหนูเหลียน ข้าไม่ได้อะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่มีเรื่องให้ต้องคิดเท่านั้น” นางรีบหันหน้าหนีพวกนางก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาที่ตัวเองกลั่นออกมาเมื่อครู่จากการหยิกขาตัวเอง
“เจ้าร้องไห้หรือ เพราะพี่สาวกับคู่หมั้นเจ้าใช่หรือไม่!!” คุณหนูฮั่วเอ่ยถามเสียงดัง พร้อมกับดึงนางให้หันกลับไป
“ปะ เปล่าเจ้าค่ะ ลมเข้าตาข้าเท่านั้น” นางพยายามปฏิเสธ
“อย่าโกหกพวกเราเลยเจ้าค่ะ พวกเราเห็นหมดแล้วว่าพี่สาวกับคู่หมั้นของท่านสนิทสนมกันเพียงนั้น” คุณหนูเว่ยเอ่ยขึ้นบ้าง
“คุณหนูรองไป๋มีสิ่งใดในใจระบายให้ข้าฟังได้นะเจ้าคะ ข้าเห็นท่านทำหน้าทุกข์ใจตั้งแต่เดินตามพวกเขาเข้ามาในงานเลี้ยงแล้ว” คุณหนูจางเอ่ยพลางตบไหล่นางเบา ๆ
“เรื่องเช่นนี้ข้าเล่าออกไปก็เหมือนใส่ร้ายพี่สาว พวกท่านก็เห็นและรับรู้ดีว่าแม่ทัพจิ้นเป็นคู่หมั้นของข้า แต่ว่า....”
นางเอ่ยเพียงเท่านั้นก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง คุณหนูทั้งสี่เป็นอันเข้าใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีอะไรแอบแฝงจริง ๆ
“แต่คุณหนูใหญ่ไป๋เป็นคู่หมั้นขององค์ชายใหญ่นี่ นางไม่เกรงกลัวอาญาเลยหรือ” ฮั่วอันหนิงเอ่ยขึ้นอย่างโมโห
“พี่สาวข้าคงไม่เกรงกลัวเพราะมีท่านพ่อกับท่านแม่ เออ...ข้าพูดมากไปแล้วจริง ๆ คงต้องขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” นางแสดงท่าทีลนลานพร้อมกับรีบเดินหนีพวกเขาออกจากศาลา
เมื่อทั้งสี่หันไปจึงเห็นว่ามีกลุ่มฮูหยินเดินมาทางนี้ และหนึ่งในนั้นก็มีไป๋ฮูหยินอยู่ด้วย
“นางช่างน่าสงสารนัก ยามอยู่ในจวนคงถูกพี่สาวรังแกและมารดากดข่มมากเป็นแน่” จางฮวาจือเอ่ยขึ้น เพราะตนเข้าใจการแก่งแย่งในเรือนหลังเป็นอย่างดี
“นั่นสิ ดูอย่างชุดที่นางใส่มาวันนี้สิ ขนาดสาวใช้ข้ายังใส่ชุดที่ดูใหม่กว่านางเลย” เว่ยฝู่หรงเอ่ยบ้าง
“ข้ารังเกียจนัก พวกที่ผิดตัวผิดคู่แย่งบุรุษคนอื่นเนี่ย!! พวกเราช่วยกันกระจายข่าวเรื่องความชั่วช้าของแม่ทัพจิ้นกับคุณหนูใหญ่ไป๋เถอะ อย่าให้คนที่น่าสงสารเช่นไป๋ซูเหยียนต้องเจ็บช้ำใจเช่นข้าเลย”
เหลียนเมิ่งฉินเจ้าของงานวันเกิดเอ่ยขึ้นอย่างโมโห เพราะตนเคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาเมื่อสองปีก่อน
คู่หมั้นของนางยืนยันจะแต่งสตรีแพศยาจากหอโคมแดงเข้าบ้านให้ได้ นางจึงยื่นคำขาดหากเขาแต่งหญิงผู้นั้นเป็นอนุ ตนจะถอนหมั้นทันที
เพราะแบบนั้น หญิงสาวจึงยังไม่ออกเรือนทั้งที่ตอนนี้อายุสิบแปดแล้วก็ตาม
ไป๋ซูเหยียนรู้ว่าคุณหนูเหลียนเคยพบเจอเรื่องใดมา จึงได้เลือกเป้าหมายเป็นคุณหนูผู้นั้น เพราะเชื่อว่าเหลียนเมิ่งฉินคงไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่
นางกลับมานั่งที่โต๊ะไม่นาน คนก็ประกาศให้แขกในงานกลับมานั่งที่โต๊ะ เพื่อเปิดงานและมอบของขวัญ
ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ แต่ไป๋เซียนอวี้กับไป๋ฮูหยินรู้สึกถึงสายตาแปลก ๆ ที่มองมายังตน
“ไป๋ซูเหยียน เมื่อจบพิธีมอบของขวัญแล้ว เจ้าออกไปนั่งเล่นรอที่อื่นนะ เพราะเจ้าใส่ชุดเก่าตัวนี้มา คนอื่นจึงได้มองข้าด้วยสายตาแปลก ๆ เช่นนี้ หากกลับจวนไปข้าจะสั่งสอนเจ้าแน่!!”
ไป๋ฮูหยินเอ่ยเสียงเข้ม ก่อนจะหันไปยิ้มแย้มมองการมอบของขวัญของคนอื่นต่อ ราวกับเมื่อครู่ตนไม่ได้พูดข่มขู่ผู้ใด
เมื่อพิธีมอบของขวัญจบลงนางก็เดินคอตกออกไปจากงาน แต่ทันทีที่ไป๋ซูเหยียนลุกทุกคนที่จับตามองอยู่แล้วก็เห็นทันที
ในงานเลี้ยงจึงเริ่มซุบซิบกันว่าไป๋ฮูหยินที่ฉากหน้าแสดงออกว่ารักบุตรสาวทั้งสองเท่ากันนั้น แท้จริงแล้วคือเรื่องหลอกล่วงทั้งหมด
ดูได้จากการแต่งตัวและสีหน้าอมทุกข์ของคุณหนูรองไป๋ หากนางมีความสุขจริงเหตุใดจึงทำหน้าเหมือนฝืนยิ้มเช่นนั้น
แล้วบุตรสาวคนโตทำตัวสนิทสนมกับคู่หมั้นน้องสาวจนเกินงามเพียงนั้น แต่ไป๋ฮูหยินกลับไม่ห้ามปราม
คงอยากให้ลูกสาวคนโปรดได้แต่งงานกับแม่ทัพอนาคตไกล มากกว่าแต่งกับองค์ชายตาบอดไร้อำนาจกระมั้ง
ตอนที่ 25บทส่งท้ายวันที่องค์ชายใหญ่กับพระชายาจะเดินทางไปเมืองทางใต้ก็มาถึง ชาวเมืองต่างออกมาส่งพวกเขากันมากมาย รวมถึงตระกูลไป๋สายหลักด้วยเช่นกันก่อนหน้านี้ไม่กี่วันนางได้ไปหาครอบครัวตัวเองที่จวนนอกเมือง จึงได้เห็นสายตาไม่พอใจของพวกเขา เมื่อรู้ว่านางกำลังจะเดินทางไปเมืองทางใต้กับองค์ชายใหญ่หากพวกเขาพูดได้คงพ่นคำพูดไม่ดีต่าง ๆ ใส่นางมากมาย และบังคับให้นางพาพวกเขาไปด้วย หรือไม่ก็ให้นางทิ้งเงินทองไว้ให้พวกเขาเยอะ ๆเมื่อเห็นขบวนเดินทางของหลานสาวหายลับไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ให้คนพาไปส่งที่เรือนนอกเมืองตอนนี้ทั้งสามต้องนอนในห้องเดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล พวกสาวใช้จะได้ไม่ต้องเดินเข้าออกหลายห้อง“เป็นอย่างไรบ้างเหวินหลง แม่บอกเจ้าแล้วว่าให้เลือกฮูหยินที่เป็นบุตรสาวฮูหยินเอก เจ้าก็ไม่เชื่อแม่ ดึงดันจะเอานังลูกอนุนี่เป็นฮูหยิน เอกให้ได้ ครานี้ครอบครัวเจ้าไม่เหลือสิ่งใดแล้ว แม่เองก็คงช่วยเจ้าไม่ได้”
ตอนที่ 23จุดจบตระกูลไป๋สายรองผ่านมากว่าสามเดือนแล้วที่ไป๋เซียนอวี้อมาอยู่ที่เมืองชุนหมิง ทุกคืนวันนางเฝ้ารอการกลับไปเหยียบที่จวนตระกูลป็นั้นอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะความคิดถึงหรือโหยหา แต่เพราะต้องการแก้แค้นต่างหากตั้งแต่นางมาถึง นางพยายามส่งจดหมายกลับไปหามารดาและน้องชาย แต่ทั้งสองกลับเงียบไม่เคยตอบจดหมายนางเลยกลับกันเมื่อนางส่งจดกหมายไปหาน้องสาว กลับได้รับการตอบกลับมาในไม่กี่วัน เท่านี้ก็รู้แล้วว่าคนที่จวนคิดกับนางเช่นไรและวันที่รอคอยก็มาถึง วันนี้นางได้กลับมาเหยียบจวนตระกูลไป๋อีกครั้ง แต่คนที่มารอนางกลับมีเพียงมารดาเท่านั้น“กลับมาก็ดีแล้ว แม่ให้คนเตรียมเรือนไว้ให้เจ้าแล้วไปพักเถอะ” ผู้เป็นมารดาเอ่ยอย่างไม่ยินดียินร้าย ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มยามพบนางนั้น ไม่มีอีกต่อไป“เจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านพ่อกับน้องชายไปไหนหรือเจ้าคะ ไม่เห็นออกมาต้อนรับข้าเลย” นางแสร้งเอ่ยถามไปเท่านั้น แต่ความจริงพวกเขาจะมารอร
ตอนที่ 21ความแค้นครั้งใหม่ยามนี้ตระกุลไป๋ถูกเพ่งเล็งจากทั้งชาวบ้านและเหล่าขุนนาง จนใต้เท้าไป๋ไม่กล้าออกจากจวนไปที่ใด นอกจากออกไปว่าราชการเช้ากับฝ่าบาทแล้วก็ตรงกลับจวนทันที“วันนี้หมอที่นัดไว้จะมาใช่หรือไม่ ไป๋เซียนอวี้เป็นอย่างไรบ้าง”“ท่านพี่ ตอนนี้ลูกโกรธเรามาก แถมนางยังมีอาการคลุ้มคลั่งแปลก ๆ ร้องว่าหิวแต่พอเอาข้าวให้นางกลับไม่ยอมกิน ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วเจ้าค่ะ”ไป๋ฮูหยินเอ่ยอย่างเป็นห่วงบุตรสาว ตั้งแต่เกิดเรื่องที่จวนตระกูลจิ้นนี่ก็ผ่านมากว่าเจ็ดวันแล้ว บุตรสาวนางพยายามออกจากจวนแทบทุกวัน ดีที่ตนให้พวกบ่าวช่วยกันจับตัวไว้“เพราะเจ้าเลี้ยงดูนางอย่างตามใจ ทุกอย่างจึงออกมาเป็นเช่นนี้ หึ! อย่างไรวันนี้นางต้องเอาเด็กออก ไม่เช่นนั้นข้านี่แหละจะกระทืบมารหัวขนนั่นออกมาเอง”ใต้เท้าไป๋เอ่ยจบก็เดินเข้าห้องทำงานตัวเองไปทันที ทิ้งให้ไป๋ฮูหยินยืนกลุ้มใจอยู่ตรงนั้นคนเดียวห
ตอนที่ 24ผลกรรม“ราชโองการจากฟ้า องค์ชายใหญ่ม่อเสวียนหยางมีเป็นผู้มีคุณธรรม มากความสามารถ ฝ่าบาทมีพระประสงค์แต่งตั้งให้เป็นชินอ๋อง ยกดินแดนทางใต้ทั้งหกเมืองให้ปกครอง ออกเดินทางในอีกสองเดือนข้างหน้า จบราชโองการ!!!!”“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี”“ยินดีกับองค์ชายใหญ่และพระชายาด้วยพะย่ะค่ะ”กงกงหลี่ยิ้มกว้าง ทั้งดีใจที่องค์ชายใหญ่หายจากอาการตาบอด และดีใจที่องค์ชายใหญ่ได้พบเจอคนที่คู่ควรเสียทีเพราะตนนั้นรับใช้ใกล้ชิดฝ่าบาท ยามที่องค์ชายใหญ่เข้าวังไปถวายการรับใช้พระบิดาเขาย่อมเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของชายหนุ่มตรงหน้าพอเสร็จธุระก็รีบกลับตำหนักเพียงนั้น จะไม่ให้พวกเขารู้ได้อย่างไรเล่า บางวันพระชายาก็ฝากคนเอาสำรับอาหารมาให้ ขนาดฝ่าบาทขอชิมองค์ชายใหญ่ยังไม่ให้ชิมเลย“ฝ่าบาทก็ให้ฮองเฮาทำให้กินเองสิพะย่ะค่ะ นี่มันสำรับที่หวางเฟยทำมาให้กร
ตอนที่ 22หญิงงามตั้งแต่จบเรื่องงานแต่งครั้งนั้น จิ้นอวี่หาวก็ไม่ออกไปพบผู้ใดอีกเลย วัน ๆ ไม่อยู่ที่จวนก็อยู่ที่ค่ายทหาร มารดาเขาพยายามหาสตรีให้ แต่เขาก็ไม่สนใจวันนี้เขาขี่ม้าไปที่ค่ายทหารเช่นทุกครั้ง แต่ระหว่างทางกลับพบเข้ากับสตรีนางหนึ่งนอนสลบอยู่ข้างทาง ด้วยความที่เป็นสุภาพบุรุษตนจึงลงไปช่วยเหลือพาส่งโรงหมอ“ฝากท่านหมอช่วยดูแลนางด้วย นี่คือค่ารักษาของนางขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยจบก็ทำท่าจะเดินออกไป“ท่านแม่ทัพนางฟื้นแล้วขอรับ นางบอกว่าอยากพบผู้ที่ช่วยนางไว้” ผู้ช่วยหมอเดินเข้ามารายงาน ทำให้ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย“ท่านเข้าไปพบนางสักหน่อยเถอะ นางคงอยากขอบคุณท่านกระมั้ง” ท่านหมอเอ่ยชายหนุ่มจึงเดินกลับเข้าไปยังห้องที่หญิงสาวนอนอยู่ ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มชวนมองนั้นทำเอาเขาเผลอมองครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติกลับมา“ท่านคือคนที่ช่วยข้าไว้หรือเจ้าคะ ขอบคุณท่านมากหากไม่ได้ท่าน ข้าก
ตอนที่ 19ลูกเนรคุณ“กลับไปเถอะขอรับ อย่าให้ข้าต้องให้ทหารลากตัวพวกท่านออกไปเลย” จิ้นอวี่หาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา หากเป็นศัตรูป่านนี้เขาคงจับคนตระกูลไป๋มาถลกหนังแล้ว“ท่านพี่!! อย่าทำเช่นนี้เลยนะเจ้าคะ ข้าท้องลูกของท่านจริง ๆ ข้าไม่เคยนอกใจท่านเลยนะเจ้าคะ” ไป๋เซียนอวี้พยายามพูดแก้ต่าง แต่ดูแล้วไม่เป็นผลนักเพราะเหมือนจะเป็นการกระตุ้นให้แม่ทัพจิ้นโมโหหนักกว่าเดิมมากกว่า เขาพุ่งเข้าไปบีบแขนหญิงสาวอย่างแรงก่อนกระซิบให้ได้ยินกันสองคน“ความต้องการของเจ้ามากมายเพียงใดเหตุใดข้าจะไม่รู้ แค่เพียงบุรุษผู้นั้นเอ่ยปากออกมาก็แน่ชัดแล้วว่าคือเรื่องจริง หึ!!”หญิงสาวหน้าซีดเผือดทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเสียงดังราวจะขาดใจตาย“พ่อบ้านไล่ตัวกาลกิณีนี่ออกไปจากจวนข้าให้หมด แล้วอย่าลืมเอาน้ำมนต์มาล้างทางเข้าจวนด้วย เดี๋ยวเสนียดติดหน้าประตูจวนข้า!!”จิ้นฮูหย