แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: แสงเทียน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-02 13:23:19

บทที่ 4

“คุณหิวไหม ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ทานอะไรเลย” ระหว่างที่ออกมาจากโรงพยาบาล

“หิวมาก”

“งั้นคุณอยากทานอาหารแบบไหน ไทย จีน ฟิวชั่น ญี่ปุ่น”

“ไปแถวพระราม 7 มีร้านน่านั่งอยู่ร้านหนึ่ง เป็นร้านโปรดของผมบรรยากาศดีอาหารอร่อย”

“ร้าน XXX น่ะเหรอ”

“คุณรู้จักด้วยเหรอ...ร้านไม่ค่อยดังนะ แต่สเต็กอร่อย และไวน์รสเลิศ” เธอทำหน้านิ่งไม่ตอบอะไร พร้อมกับเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันเดินเข้า 7-11 ออกมาพร้อมกับถุงขนมถุงใหญ่

“หาอะไรรองท้องก่อน ถ้าจะไปร้านนั้นคุณต้องทานยา”

“คุณจะพาผมไปเหรอ หรือคุณจะให้ผมนั่งรถแท็กซี่ไปเอง” ชายหนุ่มขู่เธอ เรียกว่าพูดให้น่าสงสารจะดีกว่า

“ฉันจะพาคุณไป ถ้าคุณอยากไป” ทิติยะยิ้มกว้างพร้อมกับรับแซนวิช แฮมที่เธอยื่นมาให้

เราสองคนจัดการ อาหารว่าง เรียกว่าอาหารว่างเพราะไม่ว่ากี่กล่องก็เกลี้ยงทุกกล่อง

“ทานยาด้วย” ชายหนุ่มมองยาในมือ ไอ้กิตมันจะหลอกเขาไหมว่ายานี่มันคือแป้งธรรมดา ไม่ใช่กินไปกัดกระเพาะ

“กว่าจะถึงร้านน่าจะไม่เกิน 2 ทุ่ม คุณพักก่อนก็ได้เพราะกว่าจะถึง คุณคงหิวพอดี” หญิงสาวเอ่ยบอกเขา

ระหว่างทางทิติยะลอบมองเธอเป็นระยะ หญิงสาวขับรถนิ่มมาก ดูกระชับกระเฉง แมน ๆ ลุย ๆ แต่เวลาเธอยิ้มโลกจะสดใสขึ้นมาทันใด

แต่เธอไม่ค่อยยิ้มนี่สิ! มองเผิน ๆ ดูเหมือนจะหยิ่ง แต่พอได้พูดคุยเธอเป็นคนมีเสน่ห์ ทันคน ทันโลก รู้รับ รู้ถอย

ทิติยะยิ่งมอง ยิ่งชอบ ยิ่งรู้จัก ยิ่งชอบไปใหญ่ เพราะเขาชอบผู้หญิงแบบนี้

“คุณจะไม่ถามชื่อผมหน่อยเหรอ”

“ทิติยะ วัฒนาพรพล ชื่อเล่น ทิ คาสโนว่าตัวพ่อ”

“ว้าว! รู้จักผมด้วย!”

“..........” แสงเทียนโคลงศีรษะเบา ๆ การที่เธอรู้จักเขามันน่าดีใจตรงไหน ไม่ได้น่ายินดีด้วยซ้ำ

“ทำไมคุณถึงไม่ชอบตอบคำถาม คุณเป็นคนแบบนี้หรือเป็นแบบนี้เฉพาะกับผม?” ทิติยะถามด้วยความสงสัย

แสงเทียนดูวางเฉย และมีกำแพงให้กับชายหนุ่ม บางครั้งก็เหมือนเปิดรับ แต่สุดท้ายก็ปิดประตูใส่

“..........” เมื่อเธอไม่ตอบ...สรุปว่าเธอเป็นเฉพาะกับเขาสินะ

“ผมไม่หิวแล้ว กลับบ้านเลยก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น

เขารู้สึกน้อยใจและเสียความรู้สึกมาก เขาคือชายหนุ่มที่ผู้หญิงแทบจะทั้งประเทศสนใจ แต่เธอเลือกจะเมินเฉยทำเหมือนเขาไร้ตัวตน เขาจำเป็นต้องทำขนาดนี้ไหม ไม่เอาล่ะ! พอที!

“แวะร้านข้างหน้าก็ได้ บรรยากาศดีเหมือนกัน ไวน์ก็อร่อย”

“โอเค ผมกินร้านนี้ได้” พอโดนหญิงสาวชวนคนขี้น้อยใจเมื่อกี้ก็หายไปไหนแล้วไม่รู้

ถ้ามองไม่ผิดชายหนุ่มเห็นเธอยกยิ้มนิดหนึ่งตอนที่เขาเอ่ยตอบ ร้านนี้เคยเห็นแต่ไม่เคยลองแวะสักทีเพราะคนเยอะและที่จอดรถไม่มี

วันนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวัน...ได้รู้จักเธอ แม้จะซ่อมรถอีกเป็นล้านก็ตาม

“คุณเทียน สวัสดีค่ะ”

“อืม ถ้าพิมพ์ใจมาบอกว่ารถฉันนะสีขาวคันนั้น” หญิงสาวเดินเข้ามาในร้านอาหารอิตาเลี่ยนชื่อดังของเพื่อนสนิท

มันเป็นทางผ่านที่จะไปพระราม 7 กับเขานี่แหละ ตอนแรกว่าจะล้มเลิกแต่พอเห็นแขนเขาแล้วก็จำใจพามาให้เรื่องมันจบ ๆ แล้วกัน เพราะเธอก็ทำเขาเจ็บตัวขนาดนั้น

พาไปหาหมอดูแลค่าใช้จ่าย พามาเลี้ยงอาหารเพื่อขอโทษ และทำข้อตกลงนิดหน่อยก่อนกลับบ้านและแยกย้าย

ระหว่างที่เรากำลังรออาหาร แสงเทียนอดที่จะเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามไม่ได้ เขาเป็นผู้ชายที่ตัวสูง ผิวขาว หน้าตาสะอาดสะอ้านเกลี้ยงเกลา รวม ๆ แล้วคือดูดี เหมาะกับการที่ได้รับฉายาคาสโนว่าตัวพ่อน่ะถูกแล้ว...

หญิงสาวไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่เธอเดินไปเข้าห้องน้ำและบังเอิญได้ยินผู้หญิงในห้องน้ำพูดถึง ‘ทิติยะ’ พอออกมาจ่ายเงินรับยาให้เขาก็ถึงบางอ้อในทันใด

คาสโนว่าตัวพ่อ เพราะฉะนั้นเธอจึงต้องระวังเขาให้มาก ปกติหญิงสาวจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับผู้ชายประเภทนี้เลย เพราะเธอเชื่อเสมอว่าเราอยู่ในสังคมแบบไหน เราก็จะเจอคนแบบนั้น

อยากจะเจอผู้ชายที่ดี ต้องเลือกจากคนที่ประวัติดี ๆ เสียก่อน!

“ขอปี 1997 หรือ 2000 ก็ได้ค่ะ”

“คุณจะดื่มทั้งที่ขับรถกลับเนี่ยนะ”

“เปล่า...ฉันจะนั่งรถไปส่งคุณที่บ้าน และจะนั่งรถกลับ”

“ผมไม่เข้าใจ”

“..........” แสงเทียนไม่อธิบายเพิ่ม เธอมองบริกรมาเปิดขวดไวน์แทนที่จะตอบคำถามเขา

“คุณอย่าเงียบใส่ผม ตอบมาสิ! หมายความว่าอะไรที่คุณพูด คุณต้องอธิบายให้คนอื่นเข้าใจคุณด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้ผมคิดเองเออเอง” ทิตยะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทั้งน้อยใจและคุกรุ่น

แสงเทียนมองหน้าเขานิ่ง เขาจะรู้ไหมว่าเขาคือคนที่เธอพูดด้วยมากที่สุดในปีนี้แล้ว...

“เดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละ” เธอตอบออกมาแค่นั้น

ทิติยะขบสันกรามแน่น ชายหนุ่มโกรธที่เธอเป็นแบบนี้...และยิ่งคิดว่าเธอเป็นแบบนี้แค่กับเขาก็ยิ่งโกรธ!

แสงเทียนรู้ว่าชายหนุ่มไม่พอใจ แต่จะทำยังไงได้ก็เธอเป็นของเธอแบบนี้

และเพราะแบบนี้เธอถึงไม่อยากจะพูดหรือทำความรู้จักกับใคร ถ้าไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ เพราะเวลาที่เธอพูดหรือแสดงอะไรออกไป...คนก็หาว่าเธอกวนประสาท พอไม่พูดเลยก็มีปัญหาตามมาอีก

บรรยากาศบนโต๊ะเงียบสงัด หญิงสาวยกแก้วไวน์ขึ้นควงวน ยกขอบแก้วจรดจมูก ก่อนจะละเอียดไวน์แดงอมไว้ข้างกระพุ้งแก้มและกลืนมัน ความขมปร่าของน้ำองุ่นรสชาติแสบคอ แสงเทียนยกยิ้มรู้สึกพอใจ

ทิติยะมองตามแก้วไวน์ที่หญิงสาวถือ สายตาเราสบกันแต่ไม่มีใครพูดอะไร ก่อนเธอจะวางแก้วลง เขาเอื้อมมาหยิบแก้วของเธออย่างถือวิสาสะ

หญิงสาวมองตามแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เธอทำเป็นเพียงยกมือให้เด็กเสิร์ฟเอาแก้วไวน์มาอีกใบ

ชายหนุ่มโตแล้ว และอายุมากกว่าเธอ เขาต้องรู้ว่าการที่เขาเจ็บป่วยแต่ยังดื่มมันไม่ดีต่อร่างกาย แต่ชีวิตเป็นของเขา เขาเลือกเอง และแสงเทียนเธอไม่ชอบก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของใคร

ต่างคนต่างดื่มไม่พูดอะไร จนหญิงสาวรู้สึกตึง ๆ จึงพูดธุระที่พาเขามาทานข้าวในวันนี้...

“เรามาทำข้อตกลงกันดีไหม?” ทิติยะไม่ตอบ เพียงแค่มองหน้าคนถาม

“ที่คุณบาดเจ็บ คุณอยากจะให้ฉันรับผิดชอบอะไรบ้าง คุณบอกมาได้เลย หรือจะให้ทนายร่างสัญญาให้เป็นไปตามสมควร”

“แล้วคุณ...รับผิดชอบอะไรผมได้บ้างละ” นับว่าไม่โง่ เพราะหากงอนต่ออีกนิด เธอว่าจะไม่คุยแล้ว

“รถขายซากให้ฉัน และฉันซื้อคันใหม่ให้คุณ ดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลคุณทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการไปหาหมอ ฉันจะเป็นพาคุณไป ถ้าไม่ว่างเลขาฉันจะพาไป” แสงเทียนพูดได้อย่างไม่ติดขัด ทิติยะเหยียดยิ้ม

“ทุกครั้งที่ผมไปหาหมอ จะต้องเป็นคุณเท่านั้นที่พาไป ถ้าไม่ใช่คุณ ผมก็ไม่ไป เราต้องแลกเบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลการติดต่อกันและกัน เผื่อคุณหนีผมจะทำยังไง ส่วนเรื่องรถไม่จำเป็น ผมจะจัดการเอง นอกเหนือจากประกันผมไม่ติดใจอะไรใด ๆ กับทางคุณ แค่ในช่วงเวลานี้ที่ผมรักษาตัวให้ผมได้มีโอกาส...รู้จักคุณ” ทิติยะพูดอย่างไม่เปิดโอกาสให้แสงเทียนปฏิเสธได้เลย

หญิงสาวสบตาเขาด้วยแววตาคุกรุ่น ถ้าเป็นคนอื่นคงจะหลงคารมเขาไปแล้ว แต่เธอผู้ซึ่งมีพี่ชาย 3 คน ที่เป็นยอดเสือ เธอถูกสั่งสอนมาอย่างดีให้

แสงเทียนเอามือลูบต้นคอตัวเอง ก่อนจะขยับตัวโน้มไปข้างหน้าเอามือเท้าคางและจ้องมองเขาอย่างอ้อยอิ่ง

“อย่ามาเสียเวลากับฉันเลย” หญิงสาวเอ่ยออกไปตรง ๆ เขาดูตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย

“คุณมีคนรักอยู่แล้ว?” ชายหนุ่มเอ่ยถามเธอเสียงเบา

“ฉันโสด” แสงเทียนยกยิ้ม ก่อนจะสนใจไวน์ในแก้วต่อ

“แล้วทำไมคุณไม่ให้โอกาสผม”

แสงเทียนสบตาเขาแทนคำตอบ เธอไม่เคยให้โอกาสผู้ชายคนไหนได้เข้ามาในชีวิต เพียงเพราะเธอรู้ว่าการที่เธอเป็นคนแบบนี้ นิสัยแบบนี้คบไปก็คงรังแต่จะทำให้เขาเบื่อ และทอดทิ้งเธอไปในที่สุด

“ขนาดแม่ยังทิ้งฉัน นับภาษาอะไรกับคนอื่น” คำตอบของเธอทำให้ชายหนุ่มอึ้งไป แต่เขาก็ไม่ย่อท้อหรอก

“อย่าเสียเวลากับฉันเลยคุณทิ...ฉันไม่เหมาะสมกับคุณหรอกค่ะ”      ทิติยะเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ ก่อนที่เธอจะขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์

“รอสักพักนะคะ เดี๋ยวจะให้ลุงขับรถไปส่งเพื่อนเทียนที่บ้าน” หญิงสาวบอกลุงคนขับรถ เพราะเธอไลน์บอกส้มแม่บ้านที่บ้านว่าให้ไปบอกลุงคนขับรถว่าให้มารับเธอที่ร้านพิมพ์ใจด้วย

“คนขับรถผมมาแล้ว...ผมเคลียร์บิลแล้ว แต่เขาบอกว่าคุณไม่ให้ผมจ่าย” อ๋อ...ที่แท้ก็ไปจ่ายเงินนี่เอง “งั้นคุณให้คนขับรถคุณ ขับรถคุณกลับบ้าน ส่วนคุณมานั่งรถฉัน ฉันจะไปส่ง” ยังไม่จบเรื่องที่คุยกันเลย เธอก็เปลี่ยนไปเรื่องอื่น

เมื่อเห็นเธอเดินนำออกไป ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ เธอมองไปยังมือเขาที่จับมือเธออยู่อย่างคาดโทษ “ผมว่าไม่ต้องส่งหรอก ดึกแล้ว คุณกลับบ้านเถอะ” ทิติยะเอ่ยออกมาอย่างน้อยใจ

“ทำไม? หรือว่าคุณมีนัด ถ้ามีก็ไปได้เลย ที่ฉันอยากไปส่งคุณเพราะมันจะได้จบเรื่องวันนี้ไป ฉันทำดีที่สุดแล้ว และฉันอยากสบายใจที่ได้ส่งคุณถึงบ้าน” แสงเทียนบอกออกไปเพราะรู้สึกผิดมากจริง ๆ แต่เขากลับเร่งรัดเธอไปหมดทุกสิ่ง ทั้งที่เราพึ่งรู้จักกันวันแรก

“โอเค คุณอย่าคิดมากเลย อะไรที่คุณทำแล้วสบายใจก็ทำเถอะ ผมตามใจคุณ” 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายแสงเทียนสวมใส่ชุดแต่งงานสีขาวงาช้างเปิดไหล่ ชายกระโปรงยาวกรอมเท้า ทั้งชุดประดับไปด้วยคริสตัลแพรวพราวระยิบระยับ ตัดโดยห้องเสื้อชื่อดังของเมืองไทย ใบหน้านวลลออตกแต่งอย่างสวยจัด ผมดำขลับยาวสลวยวันนี้ถูกรวบขึ้นโชว์ลำคอระหง“เทียน!! ทิรักเทียน!!” แสงเทียนหัวเราเขาคงโดนเพื่อนแกล้งกว่าจะผ่านแต่ละด่านได้“ไอ้กิต 50,000 แล้วนะเว๊ย มึงจะเอาให้หมดตัวเลยเหรอ!” เจ้าบ่าวได้ทีบ่นยกใหญ่“เอามาอีก! มึงจะผ่านไหมล่ะ เอาเงินมา! ไม่งั้นกูไม่ให้ผ่านนะเว๊ย!”“มึงเพื่อนเจ้าบ่าวทำไมมากั้นประตูเงินประตูทองฝั่งเจ้าสาว!”“กูเลิกคบมึงแล้ว กูชอบคบคนรวย เมียมึงรวยกว่ามึง”แสงเทียนมองมิตรภาพระหว่างทิติยะและเพื่อนสนิทของเขา เธอยิ้มออกมาอย่างสุขใจ พิมพ์ใจที่ยืนอยู่ด่านสุดท้ายหันมายิ้มให้เธอ“พิมพ์ไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ แต่ขอคำสัญญาว่าคุณทิจะรักและซื่อสัตย์กับเทียนคนเดียวนะคะ”“ครับผมสัญญา” เมื่อด่านสุดท้ายผ่านมาได้ ร่างสูงคุ้นเคยในชุดทักซิโด้หล่อเหลาก็เดินมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ“แต่งงานกันนะเทียน...ทิมารับเทียนไปเป็นเจ้าสาว” แสงเทียนสบตามองผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ“แต่งค่ะ เทียนจะแต่งงานกับทิ” ทิติยะยิ้มก

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 37

    บทที่ 37งานแต่งถูกจัดขึ้นที่โรงแรมของทิติยะที่เชียงใหม่ ชายหนุ่มให้คนจัดเตรียมยกกุหลาบทั้งสวนมาไว้ที่นี่ จำลองไปเลยว่านี่คือสวนกุหลาบสีแดงกว้างเกือบ 1 ไร่ เชิญแขกมา 1,000 โต๊ะ งานช้างระดับประเทศไม่น้อยหน้าใครแน่นอน เขาใช้เวลาเตรียมงานอยู่ 2 ประมาณอาทิตย์ต้องรีบจัดงานเพราะตอนนี้เจ้าลูกเขาในท้องใหญ่ขึ้นทุกวัน ดีหน่อยว่าแม่เขาเป็นคนสูงจึงออกแต่ช่วงหน้าท้อง ไม่งั้นก็ได้ลงข่าวกันครึกโครมแน่ ๆพรุ่งนี้เป็นวันจริงแล้ว...เขาเห็นเธอยืนมองออกไปนอกระเบียง เขาเดินเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง เธอพลิกตัวกลับมา เอามือมาจับใบหน้าเขาไว้ ก่อนจะกดกลีบปากบางจูบลงมาบนริมฝีปากหนา เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมเขา“เทียนรักทิ...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ” เธอพลิกตัวกลับไป และหันหลังพักพิงร่างกายไว้กับหน้าอกแกร่ง“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะสวยขนาดนี้...เทียนชอบดอกกุหลาบสีแดงแบบนี้”ทิติยะเนรมิตทุกอย่างที่แสงเทียนชอบ สรรหาทุกอย่างให้ดีที่สุด พร้อมที่สุด...เพื่อคนรักของเขาชายหนุ่มยิ้มรับคำชื่นชมอีกทั้งยังกอดรัดร่างที่เริ่มจะอวบอิ่มไว้แนบแน่น ใบหน้าก็ซุกลงที่บ่าเล็กพร้อมเอามือไปลูบท้องเธอเขามองลงไปยังด้านล่างของระเบียงที่พอมองไปจะ

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 36

    บทที่ 36ทิติยะได้รับอนุญาตจากหมอเจ้าของไข้ให้ออกจากโรงพยาบาลได้ และในขณะที่เรากำลังเก็บของกลับบ้านกันอยู่แสงเทียนเอาเสื้อมาสวมใส่ให้เขา ส่วนมือหนาก็ติดกระดุมเสื้อต่อไป สายตาเขาเอาแต่จับจ้องที่เธอแทบจะตลอดเวลาไม่วางตา...“ไอ้ทิ! ถ้ามองขนาดนี้! มึงไม่แดกคุณเทียนเข้าไปเลยล่ะ!” กิตที่อยู่ในห้องด้วยเห็นเพื่อนสนิทมองเมียตัวเองแล้วก็ได้แต่ระอาแทนทิติยะได้ทีตวัดสายตาไปมองกิตที่ยืนบ่นอยู่ คนเคยตาเจ็บที่ตอนนี้หายดีแล้วเขาถอดรองเท้าหนังที่สวมใส่อยู่ออก ก่อนจะเดินไปหาและกระโดดถีบศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลจนล้มคว่ำ และก็ไม่หยุดประเคนฝ่าเท้าใส่มันอีก!“ถือว่าหายกันที่มึงหลอกกู!”“โอ๊ย! ไอ้ทิ ไอ้เลว! กูเจ็บนะเว๊ย!” กิตร้องโอดโอย“ใครใช้ให้มึงหลอกกูล่ะ!!” ทิติยะไม่แยแส พรางก้มลงเก็บของใส่กระเป๋า“กูเป็นหมอศัลยกรรมกระดูกและประสาทนะเว๊ย! กูไม่ใช่หมอสูติ! กูก็รู้ก่อนมึงไม่เท่าไหร่ โอ๊ยเจ็บ! หลังกู!!” คนที่โดนประทุษร้ายยังคงร้องโวยวายไม่หยุดทิติยะเดินมาใช้ปลายคางวางลงบนบ่าเล็ก ๆ ของแสงเทียนที่ดุเขาเบา ๆ ว่าไม่ควรทำแบบนี้กับเพื่อนเลย“ส่วนคุณ...กลับบ้านผมจะจัดให้หนักเลย” ทิติยะก้มลงไปกระซิบข้างหูเธ

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 35

    บทที่ 35เธอขอร้องหมอกิตให้เก็บเป็นความลับไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าตัวพ่อเขาจะดีใจหรือเสียใจที่มีลูกตอนนี้แสงเทียนเดินหอบของพะรุงพะรังเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย เธอทำมือบอกให้พยาบาลเงียบเสียง และสั่งให้ไปแกะเอาผลไม้เข้าตู้เย็นเธอรู้มาจากคุณแม่เขาว่าเขาชอบทานผลไม้เย็น ๆ พวกเงาะ มังคุด แตงโม เธอก็ซื้อมาปอกเตรียมใส่กล่องให้เขาทุกวัน“คุณพยาบาลนี่รู้ใจผมจัง...ผมชอบทานผลไม้แบบนี้ เงาะนี่เอาเม็ดออกให้ด้วย เยี่ยมเลย!” ทิติยะน้ำเสียงสดใสขึ้น ทำให้แสงเทียนอดยิ้มไม่ได้เธออมยิ้มมองเขาที่ยกนิ้วโป้งส่งมาทางนี้ ทั้งที่ไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงไหน ตลกกินจริง ๆใกล้อาหารมื้อเย็น เธอเตรียมอุ่นกับข้าวที่แพ็กมาให้เขา และจะออกไปรอด้านนอก เพราะกินข้าวเย็นเสร็จเขาต้องแกะผ้าหยอดตาทิติยะไม่ชอบทานอาหารโรงพยาบาล เขาบอกว่าไม่อร่อย เธอก็เลยให้แม่บ้านที่บ้านทำสลับกับอาหารของแม่เขาลิ้นเขาจำรสได้แม่นมาก บางครั้งเธอยังเสียว ๆ กลัวเขาจะจำรสมือแม่บ้านเธอได้ เพราะก่อนหน้านี้เราทานข้าวที่บ้านเธอบ่อยแสงเทียนกำลังเปิดกล่องซุปกระดูกที่ให้แม่บ้านทำมาให้แต่กลิ่นที่ตีขึ้นปะทะจมูกทำให้เธอรู้สึกอยากจะอาเจียนเสียงนำไปก่อนแล้ว และเธอก็

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 34

    บทที่ 34กิตหายไปนาน...จนจะได้เวลาทานข้าวเย็น มันจึงเดินเข้ามาบอกว่ามีผ่าตัด ไม่มีเวลาอยู่ด้วยจึงจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล ซึ่งทิติยะไม่ได้ติดอะไรเพราะตอนนี้เดินเหินลำบากต้องใช้ชีวิตอยู่มืด ๆ แบบนี้ไปก่อน“คุณทิได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ” พยาบาลพิเศษเอ่ยบอก ทิติยะทานอาหารเองได้รวมถึงห้องน้ำด้วย เพราะจะให้ใครก็ไม่รู้มาจับน้องชายเขาทุกวันเห็นทีจะแปลก ๆ ไปหน่อยชายหนุ่มต้องหยอดยาช่วงเย็น ก็ใช้วิธีปิดไฟในห้องและหยอดยา พยาบาลที่มาดูแลเธอก็จะเงียบ ๆ จะพูดเฉพาะเวลาที่ต้องทานข้าวหรือทานาก็เท่านั้นชีวิตก็วนลูปอยู่แบบนี้ทุกวัน เบื่อแสนเบื่อ แต่ทำไงได้เพื่อนก็แวะเวียนกันมาเยี่ยมให้พอบรรเทาอาการเหงาบ้าง...แต่แสงเทียนไม่เคยมาเลย ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยเลยสักครั้งเดียวแม่ก็โทรมาหา...เล่าให้ฟังว่าแสงเทียนแวะไปหาท่านที่บ้าน ซื้อยาบำรุงไปให้และไปทานข้าวนั่งเล่นที่บ้านแทบทุกวัน ทิติยะได้รับฟังก็รู้สึกใจชื้นที่อย่างน้อยเธอก็ยังแวะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ของเขาวันนั้นก็คงเป็นเธอแหละที่เข้ามาในห้องเอาผลไม้มาเยี่ยม มันก็ทำให้ทิติยะดีใจที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้หมดใจกับเขาซะทีเดียว“เป็นไง...ง่อยเลยสิมึง” เสียงการ์ฟิลด์

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 33

    บทที่ 33การตรวจตาด้วยการใช้สารย้อมสี และตรวจตาด้วยกล้องจุลทรรศน์ตรวจนัยน์ตาชนิดลำแสงแคบ ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นแผลที่กระจกตาได้อย่างชัดเจนและหากผิวกระจกตามีการหลุดออกจะย้อมติดสีเขียว รวมทั้งอาจมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยการขูดกระจกตา แล้วนำไปย้อมและเพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อร่วมด้วย“ระวังการกระทบกระเทือนที่กระจกตา จริง ๆ จะต้องรักษาโดยครอบตาด้วยฝาครอบตาใส แต่ผมอยากจะปิดด้วยการพันผ้าไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องโดนแสง และจะต้องหยอดตาเพื่อลดการอักเสบของม่านตา หยอดตาด้วยยาปฏิชีวนะ ป้ายตาด้วยยาปฏิชีวนะชนิดขี้ผึ้งนะครับ”“เมื่อรักษาแผลหายแล้วหากแผลมีขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลต่อการมองเห็น ผมจะพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา และหากมีการอักเสบลามออกมาภายนอกลูกตาอาจต้องรักษาโดยการผ่าตัดนำลูกตาออก”“ไม่ต้องกลัว...มันไม่ได้ร้ายแรงแบบนั้นหรอก หมอต้องพูดให้รู้คร่าว ๆ เกี่ยวกับอาการของโรค อย่ากังวล”เหมือนกิตจะรู้ว่าคนฟังวิตกจึงปลอบใจเพื่อนสนิท ทิติยะพยักหน้าทั้งที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นอย่างที่หมอพูดไปแล้วมากกว่าครึ่ง...“ตาข้างขวาอักเสบนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไรมาก อาทิตย์หนึ่งคงดีขึ้น”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status