เข้าสู่ระบบบทที่ 5
แสงเทียนตื่นเช้าไปทำงานเช่นทุกวัน วันนี้งานคงกองท่วมหัวเนื่องจากเมื่อวานไม่ได้เข้าบริษัท เธอที่กำลังเดินลัดเลาะผ่านหลังครัวเพื่อเข้าไปที่บ้านใหญ่
บ้านที่เธออยู่เป็นบ้านหลังเล็กอยู่เกือบสุดกำแพงอีกฝั่งของบ้านใหญ่ มีทางเข้าสองทาง คือ ถ้าเข้าอีกซอยจะถึงหน้าบ้านเธอเลย กับเข้าทางบ้านใหญ่ แต่ต้องจอดรถที่นั่นและเดินเลาะมาเข้าบ้านเล็กแทน
หญิงสาวขอบ้านเล็กเป็นของขวัญวันเกิดเพราะชอบความเป็นส่วนตัว อยากใช้ชีวิตเงียบ ๆ เพราะการอยู่บ้านใหญ่...ชีวิตเธอไม่เคยสงบสุขเลย
“น้องสาวคนสวยของพี่ วันนี้ทำไมสวยจัง” พิพัฒน์พี่ชายคนที่สอง เอ่ยขึ้นขณะที่เธอพึ่งเดินเลี้ยวเข้ามาในประตูบ้านใหญ่
“สวยทุกวัน สวยไม่พัก” พิพลพี่ชายคนที่สาม เอ่ยตามมาติด ๆ
“อย่าแซวน้องสิ! แต่พี่ชอบสีลิปสติกน้องนะ กระโปรงตัวนี้ใส่แล้วดูผอมมาก” พิณะพี่ชายคนโตพูดเหมือนห้ามปรามแต่ก็เปล่าเลย
“พอเถอะค่ะ เทียนจะรีบไปทำงาน พ่อกับแม่ล่ะคะ ไม่อยู่เหรอ?”
“ไม่อยู่ ไปฮันนีมูน” พิณะเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้ม
“ปีหนึ่ง พ่อกับแม่น่าจะฮันนิมูนมากกว่า 10 ครั้ง” พิพลเอ่ยขึ้น เรียกรอยยิ้มจากทุกคน
“ลุงสมบอกว่าเมื่อคืนไปรับน้องที่ร้านพิมพ์ใจดึกมากเลย ไปทานข้าวเหรอ?” พิพัฒน์เอ่ยถาม
“ใคร! ชายหรือหญิง” พิพลถามต่อ นั่นไง! ชีวิตเธอไม่เคยสงบสุขสักวัน
“..........” แสงเทียนเงยหน้าสบตาพวกพี่ชาย เราจ้องตากันจนมีกระแสไฟลั่นเปรี๊ยะออกมา ก่อนที่พวกพี่ชายเธอจะเป็นฝ่ายหลบตา
“จะหญิงจะชาย ก็แล้วแต่น้อง ไม่มีใครอยากรู้แล้ว ทานข้าว ๆ” พิพลเอ่ยและหัวเราะกลบเกลื่อนความอยากรู้
แสงเทียนไม่ใช่คนพูดเยอะทุกคนต่างก็รู้ดี และเธอก็เพื่อนน้อย นอกจากพิมพ์ใจที่เจอบ่อย ๆ แล้ว ก็แทบไม่มีใครเลย
การที่ลุงสมบอกพี่ ๆ เพราะลุงคงสงสัย ว่าผู้ชายคนนั้นคือใครต่างหาก
“พี่พล เทียนยืมรถสักคันนะคะ”
“คันไหนเลือกเลยจ้า”
“เอาของพี่ก็ได้นะ ของพี่ขับสบายกว่า” พิพัฒน์เขย่ากุญแจรถเขา
“เทียนจะวนใช้ให้ครบทุกคันค่ะ ไปก่อนนะคะ และไม่ต้องตามสืบเรื่องเทียน เทียนต้องการความเป็นส่วนตัว”
“ไม่เล่าหน่อยเหรอ?” พิพลถามด้วยความใคร่รู้
“ไม่ใช่แฟน ไม่มีสถานะอะไรท้้งนั้นค่ะ” พูดจบก็เดินออกมา...ปะหน้ากับลุงสมที่กำลังเดินมาหน้าบ้านพอดี ลุงหมุนตัวกลับไม่ทัน
“ถ้าเทียนโดนพวกพี่ตามไม่เลิก เทียนจะทำให้ลุงอยู่ไม่เป็นสุขเลย”
แสงเทียนคาดโทษ ครั้งที่แล้วพวกพี่สงสัยว่าเธอกำลังอินเลิฟกับวิศวกรออกแบบที่มาตกแต่งบ้าน เพราะลุงบอกพี่เธอว่า ‘คุณเทียนเธอรินน้ำให้วิศวกรนั่น!’ พระเจ้า! ลุงสมคือสายสืบที่พวกพี่เธอส่งมา!!
เรื่องการตามติดเธอไม่มีใครเก่ง และทนได้เท่าพิพลพี่อีกแล้ว พี่ชายคนนี้สามารถตามติดเธอได้ทุกเมื่อ งานการไม่ต้องไปทำ และพ่อกับแม่ก็เป็นไปกับเขาด้วย
มากสุดของการตามคือ...ตามไปเรียนด้วยที่เมืองนอกเลย ตามใช้คำว่าตามติด เธออยู่หอพี่ชายก็มาซื้อห้องตรงข้าม ห้องข้างซ้ายและขวาเพื่อจะตามดูเธอ!
เธอรู้...ไม่ใช่พวกพี่ชายไม่ไว้ใจเธอ แต่เขาไม่ไว้ใจทุกคนที่เป็นผู้ชาย เพราะพวกเขากลัวเวรกรรมที่เขาทำจะมาลงที่เธอต่างหาก
ถามว่าชินไหม มันก็ชินนะ เพราะเธอมาอยู่บ้านนี้ตอนอายุ 8 ขวบ ตอนนี้ 28 แล้ว เขาตามติดเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวมาในบ้านนี้ จนป่านนี้...
พิณะ พิพัฒน์ พิพล พี่ชายทั้งสามคน รักและดูแลเธอดีมาก แสงเทียนคิดว่าไม่ว่าเธอจะโชคร้ายเรื่องอะไรมาหรือเจออะไรเลวร้ายในชีวิตนี้ ‘อัครา’ คือความโชคดีที่สุดในชีวิตของแสงเทียนแล้ว
“ใครจะเป็นคนสืบ” พิพลเอ่ยถามพวกพี่หลังจากที่น้องสาวเราออกไปทำงาน
“มึงนั่นแหละ” พิณะกล่าวคำประกาศิตออกมา
“ผมอีกแล้วเหรอพี่ ไม่เอาอ่ะ เทียนก็โกรธผมคนเดียวอีก”
“ถ้าไม่ได้เรื่อง มึงโดนแน่” พิพัฒน์เอ่ยซ้ำ
พิพลกุมขมับ อะไร ๆ ก็พลทุกทีสิน่า เทียนรู้ต้องเอาเขาตายแน่ คราวที่แล้วไม่พูดด้วย 2 อาทิตย์!!
ทิตยะลากสังขารที่มีเฝือกลงมาจากบ้าน ผู้เป็นแม่มองมาแล้วยิ้ม ชายหนุ่มจึงชูเฝือกอ่อนขึ้นเพื่อทักทายผู้เป็นแม่
“ต้องลงทุนขนาดนี้เลยเหรอ” แม่กลั้นขำเหมือนแม่รู้เรื่องหมดแล้ว
“ดินเล่าให้ฟัง?”
“ไม่ได้เรียกเล่า เรียกแลกเปลี่ยนความคิดเห็น” ชายหนุ่มหลุดขำ แม่เป็นผู้หญิงที่สวยและตลกอีก
“ก็ไอ้กิตมันโง่อ่ะแม่ บอกแค่เคลื่อนก็พอ แม่งไปวินิจฉัยว่าหัก ตอนแรกแม่งบอกซี่โครงผมร้าว ผมแทบตกเก้าอี้ เลิ่กลั่กมากกลัวโดนจับได้ก็กลัว แถมเสียเงินให้มันอีกเป็นแสน ๆ แค้น!!” คิดแล้วยังโมโห หมอห่าไร โง่ฉิบหาย ได้เงินไปก็หายหัว!
“ลงทุนขนาดนี้ยังไงก็ได้ใจเขาอยู่แล้วล่ะ”
“โอ๊ยแม่! ได้ใจอะไรละ เธอไม่สนใจผมสักนิด! แบบนิดนึงก็ไม่มีเลยแม่ เหมือนผมไปบีบบังคับเธอ”
“เอาน่า พึ่งกี่วันเอง?”
“วันเดียว”
“อะไรนะ! แกเจอเขาแค่วันเดียว แต่เละขนาดนี้นี่นะ?”
“แม่! เธอดูดีจริงนะ! ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า แค่มองก็สู่สุขคติแล้ว คือไม่ใช่ผมมองคนแต่ภายนอกแม่ก็รู้ ผมเจอผู้หญิงสวยมากเยอะมาก แต่คนนี้ไม่เหมือนกัน!” มารดาหรี่ตาใส่ลูกชาย
“ผมจะเอาคนนี้ แม่ต้องช่วยผมนะ ต้องช่วยผม”
“ถ้าแกชอบแม่ก็ชอบด้วย ไปพามาเจอสิ หลอกล่อเธอมา”
“เธอฉลาดมากแม่ รู้ทันผมหมด วันนี้ผมก็อยากเจอ แต่ไม่รู้จะใช้คำพูดไหนแล้ว” เมื่อนึกถึงแสงเทียนก็ได้แต่ทิ้งตัวลงบนโซฟา ทิ้งข้อความไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เธอไม่อ่าน ไม่ตอบ เขาก็รู้สึกวูบโหวงอยู่ในอก
“คุณทิคะ มีคนฝากของมาให้ค่ะจะให้จัดสำรับเลยไหมคะ” ชายหนุ่มมองปิ่นโตที่แม่บ้านในบ้านยกขึ้นมาให้ดู
“ใครฝากมา?” ทิติยะมองของในมือแม่บ้านและหันไปมองหน้าแม่
“แม่ไม่ได้สั่งอะไรนะ” ถ้าไม่ใช่แม่แล้วใคร? คิดเช่นนั้นชายหนุ่มก็เปิดปิ่นโตนั้นออกดู...
“ซุป?” มีโน้ตเล็ก ๆ ติดไว้ว่า ‘อย่าลืมทานยา’
พออ่านโน้นแล้วทิติยะก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา มั่นใจว่าจะต้องเป็นแสงเทียนอย่างแน่นอน เพราะบ้านเขาผู้หญิงพวกนั้นไม่มีใครเคยมา และบรรดาเพื่อนสนิทคงไม่มีใครเอาซุปมาฝาก ตอนเช้าแน่นอน
“เธออยู่ไหนแล้ว?” ชายหนุ่มหยัดกายลุกขึ้นจะเดินไปต้อนรับเธอเข้าบ้าน
“กลับไปแล้วค่ะ”
“หา!”
“คุณผู้หญิงคนนั้นมาตะโกนเรียกและยื่นนี่ให้บอกว่าฝากให้คุณทิค่ะ”
“...แม่ผมดีใจสุด ๆ” ชายหนุ่มเอามือที่ใส่เฝือกทุบเก้าอี้โซฟาเสียงดัง
“ลูกบ้า! แกจะดีใจอะไรขนาดนั้น!” แม่เมื่อเห็นลูกชายมีความสุขหัวก็สุขใจไปด้วย ท่าทางทิติยะคงจะเอาจริงแน่แท้!
เอาละเว้ย! ถ้าไม่มีใจก็คงไม่แวะเอาของกินมาให้แต่เช้าหรอก
“คุณทิไม่เจ็บแขนเหรอคะ?” แม่บ้านเอ่ยถามด้วยความสงสัย
คนโดนถามสบตากับผู้เป็นแม่ และต่างฝ่ายก็ต่างหัวเราะออกมา ตลกตัวเอง นี่เป็นสัญญาณที่ดีมาก ๆ เอาเว้ย สู้ต่อ!
บทส่งท้ายแสงเทียนสวมใส่ชุดแต่งงานสีขาวงาช้างเปิดไหล่ ชายกระโปรงยาวกรอมเท้า ทั้งชุดประดับไปด้วยคริสตัลแพรวพราวระยิบระยับ ตัดโดยห้องเสื้อชื่อดังของเมืองไทย ใบหน้านวลลออตกแต่งอย่างสวยจัด ผมดำขลับยาวสลวยวันนี้ถูกรวบขึ้นโชว์ลำคอระหง“เทียน!! ทิรักเทียน!!” แสงเทียนหัวเราเขาคงโดนเพื่อนแกล้งกว่าจะผ่านแต่ละด่านได้“ไอ้กิต 50,000 แล้วนะเว๊ย มึงจะเอาให้หมดตัวเลยเหรอ!” เจ้าบ่าวได้ทีบ่นยกใหญ่“เอามาอีก! มึงจะผ่านไหมล่ะ เอาเงินมา! ไม่งั้นกูไม่ให้ผ่านนะเว๊ย!”“มึงเพื่อนเจ้าบ่าวทำไมมากั้นประตูเงินประตูทองฝั่งเจ้าสาว!”“กูเลิกคบมึงแล้ว กูชอบคบคนรวย เมียมึงรวยกว่ามึง”แสงเทียนมองมิตรภาพระหว่างทิติยะและเพื่อนสนิทของเขา เธอยิ้มออกมาอย่างสุขใจ พิมพ์ใจที่ยืนอยู่ด่านสุดท้ายหันมายิ้มให้เธอ“พิมพ์ไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ แต่ขอคำสัญญาว่าคุณทิจะรักและซื่อสัตย์กับเทียนคนเดียวนะคะ”“ครับผมสัญญา” เมื่อด่านสุดท้ายผ่านมาได้ ร่างสูงคุ้นเคยในชุดทักซิโด้หล่อเหลาก็เดินมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ“แต่งงานกันนะเทียน...ทิมารับเทียนไปเป็นเจ้าสาว” แสงเทียนสบตามองผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ“แต่งค่ะ เทียนจะแต่งงานกับทิ” ทิติยะยิ้มก
บทที่ 37งานแต่งถูกจัดขึ้นที่โรงแรมของทิติยะที่เชียงใหม่ ชายหนุ่มให้คนจัดเตรียมยกกุหลาบทั้งสวนมาไว้ที่นี่ จำลองไปเลยว่านี่คือสวนกุหลาบสีแดงกว้างเกือบ 1 ไร่ เชิญแขกมา 1,000 โต๊ะ งานช้างระดับประเทศไม่น้อยหน้าใครแน่นอน เขาใช้เวลาเตรียมงานอยู่ 2 ประมาณอาทิตย์ต้องรีบจัดงานเพราะตอนนี้เจ้าลูกเขาในท้องใหญ่ขึ้นทุกวัน ดีหน่อยว่าแม่เขาเป็นคนสูงจึงออกแต่ช่วงหน้าท้อง ไม่งั้นก็ได้ลงข่าวกันครึกโครมแน่ ๆพรุ่งนี้เป็นวันจริงแล้ว...เขาเห็นเธอยืนมองออกไปนอกระเบียง เขาเดินเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง เธอพลิกตัวกลับมา เอามือมาจับใบหน้าเขาไว้ ก่อนจะกดกลีบปากบางจูบลงมาบนริมฝีปากหนา เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมเขา“เทียนรักทิ...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ” เธอพลิกตัวกลับไป และหันหลังพักพิงร่างกายไว้กับหน้าอกแกร่ง“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะสวยขนาดนี้...เทียนชอบดอกกุหลาบสีแดงแบบนี้”ทิติยะเนรมิตทุกอย่างที่แสงเทียนชอบ สรรหาทุกอย่างให้ดีที่สุด พร้อมที่สุด...เพื่อคนรักของเขาชายหนุ่มยิ้มรับคำชื่นชมอีกทั้งยังกอดรัดร่างที่เริ่มจะอวบอิ่มไว้แนบแน่น ใบหน้าก็ซุกลงที่บ่าเล็กพร้อมเอามือไปลูบท้องเธอเขามองลงไปยังด้านล่างของระเบียงที่พอมองไปจะ
บทที่ 36ทิติยะได้รับอนุญาตจากหมอเจ้าของไข้ให้ออกจากโรงพยาบาลได้ และในขณะที่เรากำลังเก็บของกลับบ้านกันอยู่แสงเทียนเอาเสื้อมาสวมใส่ให้เขา ส่วนมือหนาก็ติดกระดุมเสื้อต่อไป สายตาเขาเอาแต่จับจ้องที่เธอแทบจะตลอดเวลาไม่วางตา...“ไอ้ทิ! ถ้ามองขนาดนี้! มึงไม่แดกคุณเทียนเข้าไปเลยล่ะ!” กิตที่อยู่ในห้องด้วยเห็นเพื่อนสนิทมองเมียตัวเองแล้วก็ได้แต่ระอาแทนทิติยะได้ทีตวัดสายตาไปมองกิตที่ยืนบ่นอยู่ คนเคยตาเจ็บที่ตอนนี้หายดีแล้วเขาถอดรองเท้าหนังที่สวมใส่อยู่ออก ก่อนจะเดินไปหาและกระโดดถีบศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลจนล้มคว่ำ และก็ไม่หยุดประเคนฝ่าเท้าใส่มันอีก!“ถือว่าหายกันที่มึงหลอกกู!”“โอ๊ย! ไอ้ทิ ไอ้เลว! กูเจ็บนะเว๊ย!” กิตร้องโอดโอย“ใครใช้ให้มึงหลอกกูล่ะ!!” ทิติยะไม่แยแส พรางก้มลงเก็บของใส่กระเป๋า“กูเป็นหมอศัลยกรรมกระดูกและประสาทนะเว๊ย! กูไม่ใช่หมอสูติ! กูก็รู้ก่อนมึงไม่เท่าไหร่ โอ๊ยเจ็บ! หลังกู!!” คนที่โดนประทุษร้ายยังคงร้องโวยวายไม่หยุดทิติยะเดินมาใช้ปลายคางวางลงบนบ่าเล็ก ๆ ของแสงเทียนที่ดุเขาเบา ๆ ว่าไม่ควรทำแบบนี้กับเพื่อนเลย“ส่วนคุณ...กลับบ้านผมจะจัดให้หนักเลย” ทิติยะก้มลงไปกระซิบข้างหูเธ
บทที่ 35เธอขอร้องหมอกิตให้เก็บเป็นความลับไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าตัวพ่อเขาจะดีใจหรือเสียใจที่มีลูกตอนนี้แสงเทียนเดินหอบของพะรุงพะรังเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย เธอทำมือบอกให้พยาบาลเงียบเสียง และสั่งให้ไปแกะเอาผลไม้เข้าตู้เย็นเธอรู้มาจากคุณแม่เขาว่าเขาชอบทานผลไม้เย็น ๆ พวกเงาะ มังคุด แตงโม เธอก็ซื้อมาปอกเตรียมใส่กล่องให้เขาทุกวัน“คุณพยาบาลนี่รู้ใจผมจัง...ผมชอบทานผลไม้แบบนี้ เงาะนี่เอาเม็ดออกให้ด้วย เยี่ยมเลย!” ทิติยะน้ำเสียงสดใสขึ้น ทำให้แสงเทียนอดยิ้มไม่ได้เธออมยิ้มมองเขาที่ยกนิ้วโป้งส่งมาทางนี้ ทั้งที่ไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงไหน ตลกกินจริง ๆใกล้อาหารมื้อเย็น เธอเตรียมอุ่นกับข้าวที่แพ็กมาให้เขา และจะออกไปรอด้านนอก เพราะกินข้าวเย็นเสร็จเขาต้องแกะผ้าหยอดตาทิติยะไม่ชอบทานอาหารโรงพยาบาล เขาบอกว่าไม่อร่อย เธอก็เลยให้แม่บ้านที่บ้านทำสลับกับอาหารของแม่เขาลิ้นเขาจำรสได้แม่นมาก บางครั้งเธอยังเสียว ๆ กลัวเขาจะจำรสมือแม่บ้านเธอได้ เพราะก่อนหน้านี้เราทานข้าวที่บ้านเธอบ่อยแสงเทียนกำลังเปิดกล่องซุปกระดูกที่ให้แม่บ้านทำมาให้แต่กลิ่นที่ตีขึ้นปะทะจมูกทำให้เธอรู้สึกอยากจะอาเจียนเสียงนำไปก่อนแล้ว และเธอก็
บทที่ 34กิตหายไปนาน...จนจะได้เวลาทานข้าวเย็น มันจึงเดินเข้ามาบอกว่ามีผ่าตัด ไม่มีเวลาอยู่ด้วยจึงจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล ซึ่งทิติยะไม่ได้ติดอะไรเพราะตอนนี้เดินเหินลำบากต้องใช้ชีวิตอยู่มืด ๆ แบบนี้ไปก่อน“คุณทิได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ” พยาบาลพิเศษเอ่ยบอก ทิติยะทานอาหารเองได้รวมถึงห้องน้ำด้วย เพราะจะให้ใครก็ไม่รู้มาจับน้องชายเขาทุกวันเห็นทีจะแปลก ๆ ไปหน่อยชายหนุ่มต้องหยอดยาช่วงเย็น ก็ใช้วิธีปิดไฟในห้องและหยอดยา พยาบาลที่มาดูแลเธอก็จะเงียบ ๆ จะพูดเฉพาะเวลาที่ต้องทานข้าวหรือทานาก็เท่านั้นชีวิตก็วนลูปอยู่แบบนี้ทุกวัน เบื่อแสนเบื่อ แต่ทำไงได้เพื่อนก็แวะเวียนกันมาเยี่ยมให้พอบรรเทาอาการเหงาบ้าง...แต่แสงเทียนไม่เคยมาเลย ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยเลยสักครั้งเดียวแม่ก็โทรมาหา...เล่าให้ฟังว่าแสงเทียนแวะไปหาท่านที่บ้าน ซื้อยาบำรุงไปให้และไปทานข้าวนั่งเล่นที่บ้านแทบทุกวัน ทิติยะได้รับฟังก็รู้สึกใจชื้นที่อย่างน้อยเธอก็ยังแวะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ของเขาวันนั้นก็คงเป็นเธอแหละที่เข้ามาในห้องเอาผลไม้มาเยี่ยม มันก็ทำให้ทิติยะดีใจที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้หมดใจกับเขาซะทีเดียว“เป็นไง...ง่อยเลยสิมึง” เสียงการ์ฟิลด์
บทที่ 33การตรวจตาด้วยการใช้สารย้อมสี และตรวจตาด้วยกล้องจุลทรรศน์ตรวจนัยน์ตาชนิดลำแสงแคบ ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นแผลที่กระจกตาได้อย่างชัดเจนและหากผิวกระจกตามีการหลุดออกจะย้อมติดสีเขียว รวมทั้งอาจมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยการขูดกระจกตา แล้วนำไปย้อมและเพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อร่วมด้วย“ระวังการกระทบกระเทือนที่กระจกตา จริง ๆ จะต้องรักษาโดยครอบตาด้วยฝาครอบตาใส แต่ผมอยากจะปิดด้วยการพันผ้าไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องโดนแสง และจะต้องหยอดตาเพื่อลดการอักเสบของม่านตา หยอดตาด้วยยาปฏิชีวนะ ป้ายตาด้วยยาปฏิชีวนะชนิดขี้ผึ้งนะครับ”“เมื่อรักษาแผลหายแล้วหากแผลมีขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลต่อการมองเห็น ผมจะพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา และหากมีการอักเสบลามออกมาภายนอกลูกตาอาจต้องรักษาโดยการผ่าตัดนำลูกตาออก”“ไม่ต้องกลัว...มันไม่ได้ร้ายแรงแบบนั้นหรอก หมอต้องพูดให้รู้คร่าว ๆ เกี่ยวกับอาการของโรค อย่ากังวล”เหมือนกิตจะรู้ว่าคนฟังวิตกจึงปลอบใจเพื่อนสนิท ทิติยะพยักหน้าทั้งที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นอย่างที่หมอพูดไปแล้วมากกว่าครึ่ง...“ตาข้างขวาอักเสบนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไรมาก อาทิตย์หนึ่งคงดีขึ้น”







