เสียงรถ...เขาทำท่าตกใจจนพลอยทำให้นันทาตกใจไปด้วย...เพราะเขาตกใจมากมายกับเสียงรถได้ปานนั้นทีเดียวหรือ แถมเขายังลุกพรวดพราดขึ้นทำหน้าตาตื่น ทั้งๆ ที่เขายังบอกว่าไปไหนไม่ไหว แต่ก็ปราดไปถึงหน้าต่างค่อยๆ ตลบผ้าม่านขึ้นแนบหน้ามอง
เสียงรถจอด...นันทายังไม่ได้ขยับตัว...
เขาบอกหล่อนว่า “อย่าเพิ่งลุกนะ”
เขาทำท่าเหมือนหลบซ่อนตัวเอง
อะไรกัน มันมีอะไร...เขากลัวอะไร...ดูเหมือนเขาจะพยายามหลบซ่อนตัว นันทาเห็นเขาค่อยๆ ยืดตัวขึ้นมอง..แล้วเขาก็ทำให้หล่อนตกใจซ้ำสองเพราะเมื่อเขาหันมาทางหล่อนอีกทีนั้น ใบหน้าขาวเสียยิ่งกว่ากระดาษจนนันทาต้องเอ่ยถาม
“ใครมาหรือ” หล่อนเอ่ยถาม เพราะเขายังทำท่าตกใจ...
หรือมีคนร้ายตามมา เอ...หรือคนดีมาตามคนร้าย
“รถใคร...รถตำรวจไหม” หล่อนเอ่ยถาม
“อย่าลุกนะ”
พอหล่อนขยับตัว เขาก็ส่งเสียงเหมือนเอ็ด
“พวกนั้นมันตามมา...มันคงจะมาหาผมที่นี่…”
“ไหนคะ พวกไหน”
เขาทำท่าเรียกและให้หล่อนก้มตัวมา...บ้าเหมือนกันที่หล่อนทำตามเขา หล่อนมองดูบ้าง จากมุมนี้คนข้างนอกไม่มีวันมองมาเห็นเด็ดขาด แล้วผู้หญิงร่างโปร่งที่เดินมากับผู้ชายคนนั้นก็ทำให้นันทาอุทานออกมาว่า
“แม่…”
“อะไรนะ” เขาถามอย่างตกใจ
“ผู้หญิงคนนั้น แม่ของฉันค่ะ”
“แม่เธอเหรอ” เขาครางเสียงยาว แล้วเหมือนเข่าจะทรุดยวบลง จนต้องฉวยแขนของหล่อนเป็นหลักยึดไว้แน่น “ใช่แน่นะ”
“มีใครคะ จำแม่ตัวเองไม่ได้”
สิ้นสุดคำพูดของหล่อน เขาทำให้นันทาตกใจด้วยและประหลาดใจด้วยพร้อมๆ กัน แรงยุดข้อมือของหล่อนทำให้รู้สึกเจ็บ
“แม่เธอมาหาเธอหรือ”
“ไม่รู้สิ”
คำตอบหล่อนทำให้เขามองหน้า
“หมายความว่าไง”
“ฉันไม่เจอแม่มานานมากแล้ว”
เขามองหน้าหล่อนก่อนจะรำพึงว่า “นึกว่าเธอเหมือนใคร”
“เหมือนใคร? หมายความว่าไง”
“เธอเป็นลูกสาวนี่เอง”
“มีอะไรกับแม่ฉันหรือ” นันทาถามไปตรงๆ
“ก็แค่อย่าบอกพวกเขานะว่าผมอยู่ที่นี่ อย่าบอกเด็ดขาด”
“มันเรื่องอะไรกันแน่คะ...แล้วนั่นก็แม่ฉัน”
“เธอช่วยชีวิตผมมาแล้ว...ช่วยให้ตลอดได้ไหม” เขาเว้าวอน “คืนชีวิตให้กับผมแล้ว ทำไมไม่ให้ตลอดไปล่ะ”
นันทามองดูเขาอย่างคลางแคลง หล่อนอดจะโต้แย้งกับเขาไม่ได้
“แม่ฉันนะคะ”
“แม่เธออาจจะทำให้ผมถึงตาย”
“ไม่จริง”
“ผมพูดความจริง”
“จะให้ฉันเชื่อหรือ”
“ผมไม่ได้โกหก”
“แต่คนที่คุณพุดถึงว่าจะทำให้คุณถึงตายคือแม่ฉัน”
“ผมรู้จักผู้หญิงคนนั้นดี...ขอโทษด้วยที่ต้องพูดแบบนี้ ผมไม่อยากเชื่อเลยว่านางฟ้าอย่างคุณจะมีแม่เป็นนางแม่มด”
นันทาหน้าตึง แม้แม่จะไปจากชีวิตของหล่อนนานแล้ว แต่ความเป็นแม่นั้นยังคงอยู่
แล้วกับผู้ชายแปลกหน้าที่บุกบั่นซอกซอนหนีภัยมาจากไหนไม่รู้ได้แล้วมาพูดในทำนองนี้ นันทาก็ทนไม่ได้เหมือนกัน
“อย่าพูดพล่อยๆ แบบนั้นอีก” น้ำเสียงของนันทาเฉียบขาด แล้วหล่อนก็ทำท่าจะเดินออกไป
แต่ภีมไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น เขาออกแรงทั้งหมดเท่าที่เขามีกระชากหล่อนจนเซมาประทะกับอ้อมอกของเขา
“ผมขอร้องล่ะนะ...ไม่ได้บังคับ...แล้วผมจะเล่าเรื่องให้ฟังทีหลัง”
“ฉันจะเชื่อคุณได้หรือ”
“คงยากที่เธอจะเชื่อ”
“แน่นอน”
“หากแม่เธอเรียกเธอออกไปพบ ขอละอย่าบอกว่าเคยเห็นผม...ตอบปฏิเสธทุกคำที่เขาถามถึงผู้ชายแปลกหน้าที่แวะผ่านมา”
“แม่อาจจะแวะมาเยี่ยมฉัน ไม่ใช่อย่างที่คุณเข้าใจ”
เขามองหน้าหล่อนนิ่งๆ อยู่นาน ก่อนจะถามด้วยเสียงอันแผ่วเบาแต่กังวานเสียงหนักแน่นนัก
“แล้วนานเท่าไหร่แล้ว ที่แม่เธอไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ฮึ...นานเท่าไหร่แล้ว”
เขาถามย้ำอีกครั้ง นันทาปลดมือของเขาออก
“มันเรื่องของฉัน”
“แม่เธอเคยมาที่นี่ไหม”
หล่อนลุกเดินไปถึงประตูแล้ว ข้างนอกมีเสียงเรียก
“แม่เธอคงไม่เคยมาที่นี่”
หล่อนหมุนตัวกลับมา “ใช่”
“เชื่อผม นันทา แม่เธอไม่ได้งดงามอย่างที่เธอคิด”
นันทาใจหาย และหล่อนพูดไม่ออก
“ได้โปรด...”
หล่อนมองหน้าเขา หมดไร้แรงไปเฉยๆ ลงนั่งพิงประตู มีเสียงกริ่งที่ประตูรั้ว และเสียงตะโกนเข้ามา
“มีใครอยู่ไหมคะ”
แม่คงไม่รู้ว่านี่คือบ้านของธมและหล่อนอยู่ที่นี่ตอนนี้
“ได้โปรด” คนแปลกหน้าคนนั้นเอ่ยอีกหน “จะช่วยผมให้ตลอดได้ไหม”
หล่อนกำมือแน่นหลับตา
“นะ...นะ” เขาวิงวอน
“เข้าไปในห้อง” หล่อนเอ่ยออกมาในที่สุด
“เธอจะช่วยผมใช่ไหม”
หล่อนไม่ตอบ แต่ทรงกายลุกขึ้น ทำท่าจะออกไปโดยไม่รับปากเขาอีก เขาพรวดตามมาอย่างแทบไม่เชื่อว่าเขามีเรี่ยวแรงได้ถึงเพียงนั้นแล้ว
“ผมจะล็อคประตู ถ้าแม่คุณถาม คุณก็ต้องหาคำตอบให้ก่อนละ”
เขาเว้นระยะไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
“ถ้าคุณเองไม่อยากเดือดร้อน ผมไม่ได้ขู่...แต่ผมไม่มั่นใจเหมือนกันว่าคุณจะปลอดภัย หากพวกนั้นรู้ว่าคุณอยู่กับผม ฆ่าเพิ่มอีกหนึ่งเป็นสอง มันก็ไม่ยาก”
“แม่ฉันไม่ใช่ผู้ร้ายฆ่าคน”
“แต่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดมาหลายงานแล้ว”
นันทาเบิกตากว้าง แทบจะไม่อยากเชื่อเลย
“ออกไปเลย ไปเดี๋ยวนี้ แล้วเก็บปากเธอให้ดีๆ ถ้าไม่อยากเดือดร้อน”
เขากดล็อคประตูภายในแล้วยืนพิงประตูอยู่นิ่งๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบ้านจะพูดเกี่ยวกับเขาอย่างไรบ้าง
และที่เขากำลังตกใจไม่อยากเชื่อเลย ก็คือนางฟ้าใจดีของเขากลายเป็นลูกสาวนางปีศาจตัวนั้นไปได้
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า หล่อนมีลูกมาก่อนหน้านี้แล้ว
เขายิ้มเหี้ยมๆ บางทีสิ่งที่เขาได้รู้อาจจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเขา
ตอนที่ 105.เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการแม่ยายนันทาขำที่เขาทำทำท่าจริงจังมาก และเมื่อหล่อนมาบ้านที่ริมทะเลนี้ หล่อนคิดว่าเรื่องรักของหล่อนก็เหมือนเรื่องคลื่นลมในทะเล พัดปั่นป่วนรุนแรง แล้วก็เงียบ และก็พัดแรงอีกหนมันเป็นจังหวะสม่ำเสมอเหมือนไฟที่บางครั้งลุกโชน บางครั้งก็อ่อนแสง เหมือนจะดับ แต่ก็ไม่ได้ติดวันนี้หล่อนออกมาเดินเล่นอยู่ริมทะเลคนเดียว ภีมเข้าไปกรุงเทพฯ เพราะมีเรื่องงาน หล่อนรอเขาที่นี่ หลังจากทำอาหารเย็นแล้ว หล่อนก็ออกมาเดินเล่น ที่ชายหาด แต่ลมพัดเม็ดฝนมาพร้อมกับคลื่นที่ม้วนตัวขึ้นมาหาหล่อนหันหลังกลับจากชายหาดกลับไปที่บ้าน ลมพัดแรงจนหล่อนต้องรีบก้าวเดินให้เร็วขึ้น รู้สึกถึงเม็ดฝนที่ตกเปาะแปะลงโดนผิวกายจนต้องวิ่งเพื่อกลับไปที่บ้านแต่ฝนก็ลงมาอย่างแรงเสียก่อน แล้วอยู่ๆ เงาดำเงาหนึ่งก็แวบผ่านมา จนหญิงสาวผงะออกไปอย่างตกใจเต็มที่“นันทา!”ท่ามกลางสายฝนที่อื้ออึงหวั่นไหว เสียงภีมนั่นเองเขาจับแขนหล่อนเอาไว้ “ผมกลับมาบ้านไม่เห็นเธอ นึกแล้วว่าต้องออกมาเดินเล่น ฝนลงหนักแล้วล่ะ รีบกลับเข้าไปบ้านเถอะ”ทั้งเขาและหล่อนต้องก้มหน้า ไม่ให้สำลักน้ำฝนที่กระหน่ำลงมารอบตัว ผ่านความนุ่มหยุ่นของ
ตอนที่ 104.เขาเบะปาก ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี สู้ไม่พูดน่าจะดีกว่า เขาเลยได้แต่อึดอัดใจ แม้ตอนนี้เขาจะถูกคาดหน้าตราโทษจากป๋าว่าไม่ให้เขาก่อเรื่องร้ายอีก...ป๋าเรียกเขาไปอบรมเรื่องเลือดสายเดียวกัน คนบ้านเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง น้าหลานหรืออะไรก็ตามแต่ นายภูมินทร์ยืนยันเสมอว่าจะต้องรักกัน หรือหากรักกันไม่ได้ก็ต้องไม่คิดฆ่ากัน และเขาก็คิดว่าหากภีมไม่ได้ครอบครองสมบัติคนเดียว เขาจะไม่คิดทำร้ายภีมอีก เขาเสียเงินสิบล้านเป็นค่าไถ่โทษไปแล้ว มันมากพอแล้ว และตอนนี้เขากับภีมก็ต่างมีเส้นทางเดินของตัวเองนงนุชไม่ได้ใช้ความเป็นแม่ไปต่อสานให้ติดกับนันทา และเขาก็ไม่ได้สนับสนุนหล่อนด้วย“ที่จริงเราแยกตัวมาอยู่ข้างนอกก็ดีนะ คุณว่าไหม”เขาถามหล่อน กอดหล่อนไว้ ยอมรับว่าเขารักหล่อนโดยไม่สนใจอายุของหล่อนเลย แม้คุณพิมจะวิงวอนขอให้เขาทิ้งนงนุช แต่เขาก็ทิ้งไม่ลง “ก็ดี ไม่ต้องกดดันกับสายตาคุณพิม อีกอย่างฉันก็ไม่อยากเจอนันทา ละอายใจ”“เราคงจะต้องมีชีวิตต่อไป” ไพฑูรย์เอ่ยออกมาในที่สุด ไม่ใช่ด้วยเพราะสำนึกได้ แต่เพราะเขาคิดว่าเขาอยากจะมุ่งหน้ามีความสุขในชีวิตส่วนตัว...เขาอาจจะหลงทางไปฟาดฟันกับภีม...แ
ตอนที่ 103.“ใช่ครับ พี่พิม มาดูแล...เราอาจจะอยู่กันอย่างผัวเมียไม่ได้ แต่เราอยู่กันอย่างคนที่จะดูแลกันและกันได้จนกว่าเราจะไม่อยากเห็นกันอีกจะดีไหม”เขาพูดอะไร...คุณพิมงงๆ“ผมมีแต่พี่พิมมานาน ไม่เคยมีคนอื่นที่อยู่ในใจผมเท่าพี่พิม แต่เราต้องยอมรับความจริงถึงความแตกต่างกัน ก่อนหน้าที่เผยไม่ได้ ผมปรารถนาพี่พิมมากมาย แต่พอเปิดเผยได้ ผมกลับกลัวที่เราจะแสดงความปรารถนาให้คนอื่นรับรู้”“แล้วตอนนี้...ต้องการอะไรกันแน่”“อย่างที่ผมบอกครับ เราจะดูแลกันและกัน ผมจะไม่ยอมให้พี่พิมทำร้ายตัวเอง แต่นั่นไม่สำคัญครับ ที่สำคัญที่สุด...ผมรู้ตลอดเวลาที่ผ่านมา...พี่พิมต้องการผู้ชายสักคน...ของพี่...ของพี่จริงๆ...ผู้ชายที่จะกอดพี่...รักพี่ แล้วทำให้พี่ไม่เดียวดาย...จริงไหม พี่พิม”คำพูดนั้นทำให้คุณพิมร้องไห้โฮ เหมือนเด็กที่ไม่ได้ระมัดระวัง จะเสียภาพพจน์อีกแล้วเมื่อทุกอย่างลงเอยกันได้อย่างที่เรียกว่ามาพบกันครึ่งทาง คุณพิมผู้ได้พบว่าสุดท้ายที่เธอเพียรตะกายหานั่นคือแค่ใครสักคนที่รับรู้ว่าเธอมีตัวตนใครสักคนของเธอ...แค่ใครคนนั้นจริงๆไม่ใช่ “ป๋า” ที่พรากคนที่เธอรักจากไป เมื่อเธอยังเยาว์วัยไม่ใช่ “ลูกชาย
ตอนที่ 102.“กับเพื่อนของเธอนะ นัน...พี่พุดทำท่าแปลกๆ”“แปลกยังไงคะ”“ผมว่าเราอาจจะเห็นคุณพุดตะครุบไล่ล่าเมธามาไว้จริงๆ”“หากเขายอม...”“ผมว่าเขาต้องยอม เพราะคุณพุดเป็นนักตื๊อ”“แม่นันก็มีความสุขกับคุณไพฑูรย์...และคนต่อไปที่จะมีความสุขคือพี่ธม เพราะแม่ก็อาจจะช่วยตามเมียกลับมาให้พี่ธมได้ และความสุขพวกนี้จะส่งตัวในครอบครัว เมื่อทุกคนมีควมสุขส่วนตัวก่อน จะมาถึงพี่น้องเครือญาติ มันจะเหมือนวงจรของความสุขที่ไหลเคลื่อนได้โดยไม่ติดขัด”“ช่างพูดจริง” เขาประทับจูบหล่อนเสียก่อนให้หล่อนพูดต่อ แต่เขาก็คิดว่าการไปพูดกับจักราอีกหนน่าจะดี...นันทาปลอบโยนเขาในค่ำคืนวันนี้...หล่อนเรียนรู้เรื่องของความรักจากที่เขาสอน...และตั้งแต่เข้าใจว่าความรักเป็นอย่างไร นันทาก็ทำให้ภีมมีความสุขอย่างแท้จริง ยามที่หล่อนเป็นฝ่ายหยิบยื่นความงดงามของความรักให้กับภีมนั้น แม้หล่อนจะยังงุ่มง่ามไปบ้าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ภีมพบว่าไร้มารยาอย่างยิ่งเขาสามารถเสพสมได้อิ่มเอม และละความเศร้าหมองในหัวใจ...รสาตายแล้ว พ่อของหล่อนถูกจับ เป็นเรื่องอื้อฉาวของครอบครัว ลลิลไม่รู้สึกปิติยินดีตามที่เคยคิดเล่นๆ ในใจแม้แต่น้อย หล่อนเคยวา
ตอนที่ 101เขารู้เรื่องนี้เพราะเขาเคยสนิทกับรสาไม่ใช่น้อย สนิทถึงขั้นเกือบจะแต่งงานกับหล่อนครอบครัวเกือบจะ “ดอง” กัน ด้วยความเหมาะสมของผู้คนภายนอกที่มองเข้ามาทุกคน...ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม ทุกอย่างเหมาะสมดีงามทั้งสิ้นแต่เขากับรสาก็ “วืด” จากกัน ไม่ต้องโทษหล่อน หากแต่โทษเขาได้เลย เพราะเขาหันไปมองลลิลที่เข้ามา หล่อนอ่อนวัย ร่าเริง และสนุกสนาน พอดีกับเขามองเห็นว่ารสาอยู่ในกรอบที่เข้มงวด ความสวย ความเพียบพร้อมของหล่อนมีผลทำให้เขาขบคิดมากมายว่าเขาจะทนอยู่ในกรอบได้หรือไม่ การเลือกคบหากับลลิลวันนั้นเป็นเพียงการถอยออกจากรสาและได้ผลทีเดียว รสาถือตัวเกินกว่าจะลดตัวมาแย่งชิงกับหลานสาว และเขาก็ไม่ได้สานต่อกับลลิล เพียงถอยจากรสาได้ ลลิลก็หมดประโยชน์เขาได้เห็นเรื่องวุ่นวายในครอบครัวของรสามาก่อน นั่นก่อนจะได้เห็นเรื่องวุ่นในครอบครัวตัวเอง“พี่น้องกัน...ไม่น่าเลย...คุณพรไชยไม่น่าจะทำแบบนั้น”แต่จะต่างอะไรจากไพฑูรย์เคยทำ“เหมือนที่ไพฑูรย์เคยทำกับผม”นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเล่ารายละเอียดกับหล่อน นันทาเคยถาม เขาก็ไม่เล่า เพราะมีนงนุชอยู่ในเรื่องราวนั้นด้วย หล่อนเชื่อว่าเขาห่วงความรู้สึกหล่
ตอนที่ 100.“คุณพิมเธอใส่หน้ากาก เล่นละครมานานมาก ตอนแรกฉันก็โกรธนะ แต่พอรู้เรื่องเบื้องหลังของเธอ ฉันก็โกรธไม่ลง ยิ่งป๋าขอด้วยแล้วฉันก็พร้อมให้อภัยเธอ แต่นายคิดยังไง จะยอมรับคุณพิมไหม”จักราเงยหน้าสบตากับเพื่อน“ฉันเห็นพี่พิมมานาน เธอเป็นผู้หญิงแสนดีทุกอย่าง ที่เราปรารถนาอยากจะได้ แต่พอได้...”เขาเว้นวรรคการพูด ละอายใจที่จะเอ่ยเรื่องนี้“ภีม ฉันไม่อยากพูดมาก จะเหมือนฉันเอาเรื่องลับมาประจาน แต่ฉันต้องพูดเหมือนกัน พี่พิมจะครอบงำฉัน และฉันเพิ่งรู้เรื่องที่เธอเป็นแม่ของไพฑูรย์และเธอคิดไม่ดีกับป๋า ฉันไม่อยากสมรู้ร่วมคิด อีกอย่างความสัมพันธ์ของฉันกับเธอ มันเหมือนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เธอจะครอบงำฉัน และเมื่อความลุ่มหลงจางลง ฉันก็ไม่อยากจะเข้าใกล้เธออีก..”ต้องยอมรับว่าหน่ายแหนงลงไวมาก เพราะที่เกิดไม่ใช่ความรัก“ตอนนี้ฉันไม่ยอมไปเจอเธออีก”“คุณพิมจะยิ่งคลั่งนะ”“ฉัน...อาจจะชั่ว...แต่ฉันไม่อยากเจอเธออีก”จักราบอกออกมาในที่สุด“ทั้งที่...ฉันก็ยังชอบเธอมาก แต่มีอะไรที่ทำให้ฉันอยากถอยห่าง”“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ขอให้นายอยู่ห่างคุณพิมจริงๆ ก็พอ”“ภีม ฉันเสียใจนะ”“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ...นายประ