Masuk‘เดี๋ยวมึงก็รู้ว่าทำไมกูถึงเป็นผัวมึง อ๋อ…อันที่จริงกูไม่ได้อยากเป็นผัวมึงนักหรอก ก็แค่พลาดเอากับคนที่เกลียด เกลียดมากเวลาเอาเลยซาดิสม์มาก เข้าใจตรงกันนะ’
ข้อความตอกใส่หน้าทำให้ปิยฉัตรเม้มปากน้ำตาคลอ
ไอ้คนบ้า! ถ้าเกลียดเธอนักแล้วทำไมไม่ปล่อยเธอไป ทำไมต้องทรมานเธอด้วยพันธะบ้าๆ
‘กูก็เกลียดมึงเหมือนกันนั่นแหละ ไอ้เถื่อน!’
‘หึ…แน่จริงก็พูดว่าเกลียดกูตอนที่กูเข้าไปในตัวมึงสิเมียจ๋า…’
‘คนเลว!’
‘อวดเก่งแบบนี้น่าเอา ‘ของ’ ดียัดปาก’
‘ไปตายซะ!’
‘ก็กำลังจะไปตายคาอกแฟบๆ ของมึงอยู่นี่ไง อีกไม่เกินสิบนาทีเจอกันนะเมียจ๋า’
ข้อความที่อีกฝ่ายทิ้งท้ายเอาไว้ทำให้ปิยฉัตรตาเหลือก ลนลานหยิบโทรศัพท์ แล้วรีบออกไปจากห้องก่อนที่คนเถื่อนจะมาทำอะไรบ้าๆ กับเธอ
จอมพลส่งมือถือคืนให้ผู้เป็นพ่อ แล้วผุดลุกขึ้นด้วยมาดทระนงองอาจ แต่ความผิดปกติเพียงนิดที่ส่อออกมาก็ทำให้เจ้าสัวทรงพลถึงกับกระตุกมุมปากอย่างรู้ทัน
“จะรีบไปไหนวะไอ้เสือ อยู่คุยเรื่องโรงแรมและคาสิโนที่กำลังจะสร้างใหม่กับป๊าก่อนสิ” ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าไอ้ลูกชายหน้านิ่งแสนจะรีบ แต่คนแก่จอมเจ้าเล่ห์ยังไม่วายเอ่ยประวิงเวลาอย่างหน้าตาเฉย
“ผมไม่ได้รีบ” คนบอกไม่รีบกระแทกก้นลงนั่งที่เดิมอย่างเสียไม่ได้
“เอ้า! ป๊าก็นึกว่าแกจะรีบไปหาเมียจ๋าของแก แล้วพากันทำหลานสาวให้ป๊าเสียอีก” ท่านผู้เฒ่าหยิบยกเอาข้อความที่ลูกชายพิมพ์ตอบโต้กับคุณหมอสาวมาเอ่ยหน้าตาย
“ผมไม่เคยนึกอยากนอนกับยัยนั่น” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงกระด้าง สีหน้าเรียบสนิทเดาอารมณ์ยาก
“แต่เมื่อคืนแกก็ไปนอนกับหนูปี่นี่หว่า”
“ก็เมื่อคืนผมเมา”
“เมาหรือขึ้นกันแน่วะไอ้ลูกชาย”
“ถ้าป๊าไม่ให้คนมอมเหล้าผม อย่าหวังว่าผมจะไปนอนกับยัยนั่น” มาเฟียหนุ่มเอ่ยอย่างฉะฉาน ท่าทางมาดมั่นและเย่อหยิ่งทำให้คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนนึกหมั่นไส้เหลือคณา
“ป๊านึกว่าแกคิดถึงเมีย เห็นไม่ได้ไปหาเขานานหลายปี ขึ้นเชียงใหม่ทีก็ไปแค่เฉียดๆ แบบคนขี้ขลาดตาขาว ป๊าก็เลยจัดให้ไงวะ” เจ้าสัวทรงพลเอ่ยหน้าตาย แต่ยังไม่วายเหน็บแนมในที
“ผมไม่เคยคิดถึงยัยทอมนั่น อีกอย่างป๊าก็เลิกหวังลมๆ แล้งๆ เสียที ว่าจะได้หลานสาวจากยัยนั่น ต่อให้นอนด้วยกันอีกร้อยหนเขาก็ไม่มีหลานสาวให้ป๊าหรอก”
“ทำไมวะ หรือว่าแกไม่มีน้ำยา”
“ผมมีน้ำยาร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ที่คิดว่าป๊าจะไม่ได้หลานสาวสมใจก็เพราะว่ายัยนั่นเป็นหมอ คงมีวิธีป้องกันไม่ให้ตัวเองท้องสารพัด” คนยืดอกประกาศว่าตัวเองมีน้ำยาสาธยายถึงเหตุผลเสียยาวเหยียด
“มันก็ไม่แน่หรอกว่ะ ตอนบ่ายเมื่อวานป๊าให้แม่บ้านแอบไปค้นในกระเป๋าหนูปี่ดูแล้ว ปรากฏว่าไม่มียาคุม” คนอยากได้หลานสาวมาเชยชมจนตัวสั่นเอ่ยด้วยท่าทีเปี่ยมความหวัง
“นี่ป๊าให้คนไปค้นกระเป๋าเขาเลยเหรอ!” คราวนี้เจ้าของรีสอร์ตถึงกับตกใจ เพราะไม่คิดว่าตาเฒ่าเจ้าเล่ห์และเหลี่ยมจัดจะกล้าทำมากถึงเพียงนี้
“ก็เออสิวะ! ป๊าอยากได้หลานสาวนี่หว่า ก็ต้องทำทุกวิถีทางสิ”
“แต่เขาเป็นแขกของรีสอร์ตเรานะป๊า”
“แขกที่ไหน นั่นเมียแก และเขาก็เป็นลูกสะใภ้ของป๊าด้วย” คนแก่แย้งทันควัน
“ป๊าจะรับก็รับไป แต่ผมไม่รับ ยัยนั่นไม่ใช่เมียผม ทอมแบบนั้นผมเอาไม่ลง”
“เอาไม่ลงบ้าอะไรวะ ถึงล่อเขาเสียงดังลั่นห้องจนเกือบถึงเช้าขนาดนั้น” วาจารู้ทันของคนแก่ทำให้คนฟังอ้าปากค้าง โหนกแก้มขึ้นสีระเรื่อแบบปัจจุบันทันด่วน
“นี่ป๊าให้คนไปเฝ้าผมถึงห้องเลยเหรอ!” คราวนี้ไอ้หนุ่มมาดนิ่งเผลอขึ้นเสียงด้วยความลืมตัว เพราะไม่คิดว่าพ่อของตนจะบ้าดีเดือดถึงเพียงนี้
“ไม่ต้องเฝ้าหรอก แค่เดินผ่านก็ได้ยินเสียงครางชัดเจนแจ่มแจ๋ว บ่งบอกว่าลูกชายป๊าโคตรจะคิดถึงเมีย ก็อย่างว่าล่ะเนอะ นอนกับหญิงอื่นหรือจะสู้นอนกับเมียตัวเอง”
“ผมบอกแล้วไง ว่าผมไม่เคยคิดถึงยัยนั่น และผมก็ไม่เคยนับว่ายัยนั่นเป็นเมีย” จอมพลปฏิเสธเสียงแข็ง ท่าทางหงุดหงิดจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงทำให้คนแก่ยิ้มตรงมุมปากด้วยความพอใจ
“ก็แล้วแต่แกเถอะไอ้คนปากไม่ตรงกับใจ เออ…ว่าแต่เมื่อคืนนี้มีเปอร์เซ็นต์ที่ป๊าจะได้หลานสาวไหมวะ แกทำตามท่าที่ป๊าส่งรูปไปให้หรือเปล่า”
วาจาในท้ายประโยคทำให้จอมพลแทบไปไม่เป็น ยอมรับว่าพ่อเขาโคตรจะเหลี่ยมจัด เป็นจอมวางแผน และชอบบงการ แถมยังเป็นคนแก่ที่แสนจะเฟี้ยวจนน่าหมั่นไส้ มีอย่างที่ไหนส่งรูปท่าทางที่ใช้สำหรับการร่วมรักให้ได้ลูกสาวมาให้ลูกชายที่ผ่านผู้หญิงมาอย่างโชกโชนเช่นเขา
“ป๊า! ผมบอกแล้วไง ว่าเลิกหวังลมๆ แล้งๆ ได้แล้ว ทำไมป๊าต้องอยากให้ลูกผมเกิดจากยัยทอมนั่นด้วย” คราวนี้ชายหนุ่มเอ่ยอย่างหัวเสียระคนอ่อนใจ
“ก็ป๊าอยากได้นี่หว่า ถึงหนูปี่จะมีบุคลิกห้าวๆ แต่หนูปี่ก็รักเด็ก อ่อนโยนกับเด็ก ถ้าได้หนูปี่เป็นแม่หลานป๊าคงไม่ขาดความอบอุ่น อีกอย่างน้องกัปตันก็อยากมีแม่ เมื่อไหร่แกจะยอมให้ลูกเจอกับแม่เขาวะ”
“ป๊าก็รู้ว่าแม่ของกัปตันตายแล้ว”
จอมพลเอ่ยเสียงเครียด แววตาเศร้าสลดอย่างเห็นได้ชัด วาจาที่หลุดออกมาจากปากของผู้เป็นพ่อทำให้เขากระหวัดคิดไปถึงลูกชายตัวน้อยที่มักจะรบเร้าขอพบแม่เสมอ ทั้งที่เขาบอกว่าแม่อยู่บนสวรรค์ไอ้เด็กแสบนั่นก็ไม่เชื่อ และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพ่อของเขาคงเล่าอะไรบางอย่างให้ลูกชายเขาฟังแน่ๆ
“แต่แกก็รู้นี่นาว่าในทางกฎหมายมันไม่ใช่อย่างนั้น”
“ถ้าป๊าจะพูดเรื่องนี้ ผมขอตัวนะครับ” ทนฟังไม่ไหวเจ้าของร่างผึ่งผายก็เอ่ยตัดบทเสียดื้อๆ ขณะผุดลุกขึ้นเต็มความสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตร
“จะไปไหนก็ไปเถอะว่ะ ที่จริงป๊าก็รู้แหละว่าแกรีบไปปราบพยศเมีย แต่หมั่นไส้ไง ก็เลยชวนแกคุยเพื่อเป็นการถ่วงเวลาให้หนูปี่หนีไปไกลๆ”
น้ำคำที่ได้รับฟังทำให้ชายหนุ่มเกือบหลุดอ้าปากค้าง ก่อนจะปรับสีหน้าให้ราบเรียบ แล้วเอ่ยอย่างฉะฉาน
“ผมไม่ได้รีบไปหายัยนั่นเสียหน่อย”
“เออ…จะยังไงก็ช่าง แต่สุขสันต์วันเมียหนีนะไอ้ลูกชาย”
เจ้าสัวทรงพลไหวไหล่ ยกแขนขึ้นกอดอก ตวัดขาไขว่ห้างด้วยท่าทีสบายๆ ขณะเอ่ยอย่างยิ้มๆ ครั้นเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตึงแล้วผลุนผลันจากไปก็หลุดหัวเราะออกมา
ร่างระหงของคุณแม่ยังสาวแถมยังห้าวเป้งเกินหญิงก้าวมาหยุดลงตรงหน้าคนที่กำลังกอดอกหลับตานิ่งๆ อยู่ตรงม้านั่งยาวในสวนสวยข้างลานลอดรถ คลี่ยิ้มบางๆ แล้วไล้แก้มสากอย่างอ่อนโยน หลุดหัวเราะคิกเมื่อคนที่เผลอหลับชักได้สติครางงึมงำในลำคอคล้ายขัดใจ ครั้นเธอจะละมือห่างเขากลับคว้าเอาไว้ แล้วจูบหนักๆ ลงบนหลังมือนุ่ม แต่แค่นั้นดูเหมือนยังไม่สาแก่ใจ เพราะพ่อเจ้าประคุณทำให้เธอหลุดอุทานหน้าตื่นด้วยการฉุดร่างอ้อนแอ้นลงไปนั่งแหมะบนตักแกร่ง แล้วร้อยรัดเอวคอดกิ่วด้วยวงแขนอุ่นอย่างไม่กริ่งเกรงว่าใครจะมาเห็น ฟอด!!!“คิดถึงจังเลยทูนหัว”หลังจากกดจมูกลงหอมแก้มนวลปลั่งของเมียรักฟอดใหญ่ ชายที่ใครต่อใครต่างขนานนามว่าผู้ทรงอิทธิพลแห่งน่านน้ำอันดามันก็เอ่ยอย่างอ้อนๆ“ปี่ก็คิดถึงคุณค่ะ แต่ปล่อยก่อนได้ไหมคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อายเขาตายเลย”เจ้าของใบหน้าร้อนจี๋ที่ไม่ได้พบหน้าสามีมาสามวันเต็มๆ เพราะเขาบินไปทำธุระด่วนที่ฮ่องกง กระซิบบอกเสียงหวาน แล้วละล่ำละลัก พลางขืนกายออกจากวงแขนล่ำด้วยท่าทีขัดเขิน “ฮื่อ…เห็นก็ช่างเขาสิจ๊ะ ก็ผมคิดถึงคุณนี่นา ลงจากเครื่องได้ก็ให้ไอ้ยุทธมาส่งหาคุณเลยนะ” นอกจากจะไม่ทำตามที่เธอต้องการ ค
ห้าปีผ่านไปชีวิตคู่ของจอมพลกับปิยฉัตรยังคงหวานชื่นไม่สร่างซา ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงห้าปี เขาไม่เคยรักเธอน้อยลง เช่นเดียวกับเธอที่ไม่เคยรักเขาน้อยลงเช่นกัน ความรักของทั้งคู่ยังคงหวานฉ่ำอย่างไม่น่าเชื่อ แถมใครที่มีโอกาสได้เห็นสองสามีภรรยาแสดงความรักต่อกันก็ต่างอ้าปากค้าง เพราะคิดไม่ถึงว่าผู้ชายบุคลิกดิบเถื่อน เย็นชา ดุดัน และแข็งกระด้าง จะปากหวานและช่างเอาอกเอาใจเมียรักได้มากมายจนชวนทึ่ง เช่นเดียวกับปิยฉัตรที่ทำให้หลายคนซึ่งมีโอกาสได้เห็นบทบาทในฐานะเมียของจอมพล ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงห้าวๆ ลุยๆ บุคลิกค่อนไปทางผู้ชายจะอ่อนหวาน และช่างเอาอกเอาใจสามีได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่สำคัญคือจอมพลรักและหลงเมียมากจนเป็นที่กล่าวขาน แต่ที่นอกเหนือไปกว่านั้นคือเขาหวงเธอเอามากๆ หวงแม้กระทั่งกับลูกชายและลูกสาวของตัวเอง “แม่จ๋า หนูปิ่นอยากนอนกับแม่” เด็กหญิงปีย์วรา อาศิระ หรือหนูปิ่น หนูน้อยวัยสี่ขวบเอ่ยออดอ้อน พลางซบหน้าที่ถอดพิมพ์มาจากผู้เป็นพ่อเด๊ะแต่ตาสวยเหมือนแม่ลงตรงอกอุ่น น้ำคำออเซาะของลูกสาวสุดสวาททำให้คนเป็นพ่อที่นั่งเหยียดขาพิงหลังกับหมอนชะงักมือที่กำลังเลื่อนอ่านงานผ่านห
จากนั้นยุทธนาก็เดินมาบอกบ่าวสาวว่าถึงเวลาเข้าหอแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งคณะฮาครืนอีกรอบเพราะคำแซวต่างๆ นานา ก่อนที่คู่บ่าวสาวจะไปยังห้องสวีทของโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา “ขอบใจหนูปี่มากนะที่ยอมอดทนกับลูกชายนิสัยเสียของป๊า ยอมให้อภัยไอ้คนใจหมาอย่างมัน และยอมกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันกับมัน ป๊าดีใจนะที่หนูยอมกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน ยินดีต้อนรับสู่อาศิระอย่างเป็นทางการนะลูก”เจ้าสัวทรงพลเอ่ยเสียงติดจะสั่นเครือด้วยความตื้นตัน เพราะท่านเฝ้ารอที่จะได้เห็นทั้งคู่ครองรักและแต่งงานกันแบบนี้มานานแล้ว จากนั้นคนแก่ก็เดินเข้าไปสวมกอดลูกสะใภ้ “ทีนี้ก็เรียกป๊าว่าป๊าได้แล้วนะ”“ขอบคุณมากค่ะป๊า”ปิยฉัตรพนมมือไหว้อย่างอ่อนช้อยในจังหวะที่อีกฝ่ายคลายอ้อมแขน แล้วถอยห่างออกไป นัยน์ตากลมโตทั้งสองข้างคลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำใสๆ เพราะซาบซึ้งใจเหลือคณา “ส่วนแกก็ทำตัวให้มันดีๆ ด้วยล่ะไอ้ตัวแสบ อย่าเกเรจนเมียทิ้งอีกเป็นอันขาดเข้าใจไหม ป๊ารักแกนะโว้ย”ขาดคำผู้เป็นพ่อก็ขยับเข้าไปสวมกอดลูกชาย ตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ ในจังหวะที่เขาเอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณครับป๊า ผมก็รักป๊าเช่นกันครับ” จากนั้นก็เป็นน้องกั
ต่อจากนั้นไม่ถึงหนึ่งเดือน งานแต่งของทั้งคู่ก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ทั้งที่ปิยฉัตรค้านหัวชนฝาแต่สามีจอมเอาแต่ใจกลับไม่ยอมท่าเดียว ดังนั้นเธอจึงแก้เผ็ดโดยการเป็นฝ่ายเลือกชุดบ่าวสาวเอง และบังคับว่าเขาจะต้องใส่ชุดที่เธอเลือกให้โดยไม่มีข้อแม้ และนั่นก็คือที่มาที่ทำให้งานแต่งของทั้งคู่เป็นที่กล่าวขานไปทั้งประเทศ อีกทั้งคนมางานก็ต่างฮาครืน ระเบิดเสียงหัวเราะ หรือถ้าเป็นผู้รากมากดีหน่อยก็จะกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง ก็จะไม่ให้งานแต่งของทั้งคู่เป็นประเด็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ได้ยังไง ในเมื่อชุดเจ้าสาวแต่เจ้าสาวไม่ได้ใส่ เช่นเดียวกับชุดเจ้าบ่าวแต่เจ้าบ่าวไม่ได้ใส่ นั่นก็เพราะปิยฉัตรบังคับให้ทั้งคู่สลับชุดกัน ซึ่งในคราแรกนั้นจอมพลออกอาการโวยลั่น แต่พอเจอเธอขึงตา และแหวใส่ว่าจะไม่แต่งเท่านั้นแหละ พ่อเจ้าประคุณก็ว่าง่ายขึ้นมาทันทีประหนึ่งโดนสะกดจิต จับให้แต่งหญิงทั้งหน้า วิกผม และสวมชุดเจ้าสาวหรูหราฟูฟ่องก็ไม่ปริปากบ่น น่ารักเสียจนเธอต้องหอมแก้มให้รางวัลคนทำหน้าเหยเกเพราะสุขล้นนั้นหลายต่อหลายครั้ง ส่วนเธอน่ะเหรอโคตรสบาย ได้สวมชุดเจ้าบ่าวเป็นทักซิโด้สีขาวถือว่าเข้าทางถนัด แต่พุงที่ยื่นออกมา
“แต่คุณก็ส่งข้อความมาได้นี่นา” “การส่งข้อความถึงคุณมันยิ่งทำให้ผมคิดถึงคุณ อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้า อาการคิดถึงเมียของผมมันไม่ต่างจากอาการลงแดงนักหรอกทูนหัว” ที่สุดจอมพลก็สารภาพออกมาในสภาพโหนกแก้มแดงก่ำ มันชวนมองจนคนที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นยิ้มร่า ก่อนจะทำใจกล้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสากเร็วๆ หนึ่งที และนั่นก็ทำเอาจอมพลถึงกับตาโต อ้าปากค้าง หัวใจพองฟูคับอก “ขอบคุณนะคะที่คิดถึงฉัน” เธอเอ่ยเสียงหวานหยดจนคนฟังใจสั่น ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในโรงพยาบาลคงได้หาทางปล้ำคนท้องให้หนำใจ และถ้ารู้ว่าแค่เจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ แล้วจะได้ความน่ารักจากเมียขนาดนี้เขายอมเจ็บตัวทั้งปี“ก็เมียทั้งคนนี่ครับ” น้ำคำสั้นๆ ง่ายๆ แต่ความหมายโคตรดี๊ดีทำเอาคนฟังอุ่นซ่านไปทั้งใจ ปิยฉัตรยิ้มจนแก้มปริ ดวงตายิบหยี ก่อนจะฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ แต่นิ่งไปสักพักถึงได้เอ่ยออกมา“จะเป็นคุณพ่อลูกสองแล้ว ต้องรู้จักปล่อยวางรู้ไหมคะ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ขอให้มันเป็นเพียงอดีต โดยเฉพาะเรื่องของแม่คุณ และเรื่องของอรอุมา ต่อให้ผู้หญิงทั้งโลกจะเลว แต่ขอให้คุณมั่นใจได้ว่าไม่ใช่ปี่ ปี่ไม่มีวันหักหลังหรือทรยศคุณ เหมือนอย่างที่แม่ของคุณแล
เขาบอกจะไปแค่เกือบหนึ่งเดือน แต่นี่เลยหนึ่งเดือนมาเป็นอาทิตย์แล้วพ่อของอีหนูในท้องก็ยังไม่โผล่มาให้เห็น ทำเอาว่าที่คุณแม่ซึ่งจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอหมั่นเช็กข้อความมือถือที่พ่อของลูกมักจะส่งมาสัพยอกหยอกเย้าเป็นประจำ แต่กลับไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวในรอบอาทิตย์ ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาไม่โทรมาหา พอเธอตัดสินใจเป็นฝ่ายติดต่อไปก็ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ ความกังวลและเป็นห่วงจอมพลสารพัดทำให้ปิยฉัตรไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ทานข้าวก็ไม่ค่อยลง นอนก็ไม่หลับ ทั้งที่ตั้งแต่ท้องมาเธอคลั่งไคล้การกินและการนอนหนักเอามากๆ และสภาพเสื่อมโทรมคงไปเตะตาของเพื่อนรักอย่างธารธาราเข้า อีกฝ่ายถึงได้ทิ้งสามีมาชวนเธอไปหาอะไรอร่อยๆ ยัดลงท้องในช่วงหัวคำของสุดสัปดาห์ “ไปกันยังคะคุณแม่” ธารธาราเอ่ยเย้าเล็กๆ ครั้นเห็นเธอพยักหน้าเนือยๆ ก็ตั้งท่าจะไปช่วยถือของที่วางอยู่ข้างกายให้ ทว่ายังไม่ทันจะได้ไปไหนโทรทัศน์ซึ่งแขวนอยู่เหนือศีรษะก็มีการรายงานข่าวด่วนที่ทำให้ทั้งคู่นิ่งจังงัง ‘เครื่องบินของสายการบินดังของอเมริกาไถลออกนอกรันเวย์ ขณะกัปตันกำลังนำเครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ผ







