บทที่ 2-4
หลังจากยืนไตร่ตรองอยู่สักพักเธอจึงตัดสินใจลงไปชั้นล่างเพื่อไปหยิบน้ำขวดใหม่ คิดว่าดึกป่านนี้ทุกคนคงหลับกันหมด ส่วนพี่ชายทั้งสองคนของนารินทร์จากที่เพื่อนเล่าให้ฟังไปค้างที่อื่นหนึ่งคืน เธอจึงค่อยเปิดประตูออกมาก่อนโผล่หน้าหวานมองโถงมืดสนิทค่อยผ่อนลมหายใจเดินออกไปจากห้อง
ชั้นล่างมืดสนิทเหมือนกันแต่ยังพอมองเห็นลาง ๆ จากไฟด้านนอกระเบียงทางเดินที่ส่องเข้ามา
เมื่อลงมายังชั้นล่างจึงก้มหน้าอยู่หน้าตู้เย็นหยิบน้ำเย็นขวดใหม่ออกมา รินใส่แก้วที่เตรียมไว้โดยใช้แสงไฟจากตู้เย็นที่พอมองเห็นยืนดื่มน้ำอยู่หน้าตู้เย็น
ใจยังนึกภาพเช้าวันเสาร์ แผ่นหลังกว้างสีเข้มขยับไหวบนร่างหญิงสาวคนนั้น ชีพจรเธอเต้นรัว แต่มันมีความรู้สึกอื่นอีกแทรกเข้ามา ช่างให้ความรู้สึกแปลกประหลาด อาการหน่วงในท้องเพิ่มขึ้นเมื่อนึกภาพว่า ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอจะเป็นเช่นไร
ปลั๊ก!!
“ว้าย!!”
เพล้ง!!
เบอาสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ ๆ ไฟในครัวสว่างจ้า มือเผลอปล่อยแก้วน้ำที่กำลังยกดื่มร่วงหล่นแทบเท้า ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองไปยังตัวต้นเหตุที่ยืนพิงขอบประตูจ้องเธอด้วยดวงตาคมกล้า
จากลักษณะของการเป็นเจ้าของบ้าน เธอคาดว่าเขาคงเป็นพี่ชายคนใดคนหนึ่งของนารินทร์ หากแต่ผู้ชายตรงหน้าเธอไม่มีส่วนใดเลยที่คล้ายกับเพื่อนของเธอ
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้ม ใบหน้าแกร่งดวงตาคม จมูกโด่งงองุ้ม ริมฝีปากหนา ผมสีดำสนิทแม้จะหวีเรียบแต่ยังมองเห็นว่าหยักศก ร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มปลดกระดุมสองเม็ดข้างบน พับแขนเสื้อถึงข้อศอก
เขายืนด้วยท่าทางสบาย ๆ พิงขอบประตูห้องครัวกอดอกมองเธออย่างสำรวจตรวจตราตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วหยุดที่ดวงตาของเธอ ดวงตาคมกล้าจ้องเธอไม่กระพริบจนใบหน้าเธอเห่อร้อน
กายสาวแรกรุ่นพลันรู้สึกหน่วงในท้อง ความรู้สึกแปลก ๆ คล้ายกับเช้าวันที่เธอเห็นสองคนนั้น เบอาไม่ชอบความรู้สึกนี้เอาเสียเลย มันทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ ร่างกายวัยสาวกำลังตอบสนองต่อการจับจ้องสนิทชิดเชื้อ
เขากวาดตามองเธออีกครั้งก่อนจะหยุดตรงทรวงอก เนินทรวงพลันตอบสนองสายตาคมเข้มสั่นไหวเสียดสีเนื้อผ้า ซึ่งทำให้เธอนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้สวมเสื้อชั้นใน
“อย่าเพิ่งขยับ”
เสียงทุ้มทรงอำนาจเอ่ยขึ้นก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ เบอาเริ่มถอยเท้าหนีทันทีตามสัญชาตญาณจนเขาต้องฉุดข้อมือเธอไว้ ผิวของเธอช่างนุ่มนวลและขาวจัด เพียงเขากำไว้แน่นเล็กน้อยกลับทำให้เกิดรอยแดงรอบข้อมือ
ดวงตาคมดุดันมองไล่ไปยังท่อนแขนกลมกลึงแล้วหยุดตรงทรวงอกกำลังชูชันเบียดเสื้อยืด ฉับพลันกายชายขยายใหญ่ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งได้ปลดปล่อยความสุขไปกับหญิงสาวที่เขาเลี้ยงดูไว้
ฝ่ามือหนาอุ่นร้อนบนข้อมือแทบทำให้เธอมอดไหม้ ดั่งกระแสไฟวิ่งปราดไปทั่วร่างกาย เขาอยู่ใกล้จนเธอได้กลิ่นบุหรี่ กลิ่นแอลกอฮอล์ และกลิ่นหอมหวานจนน่าเอียนของน้ำหอมผู้หญิง ริมฝีปากเย้ายวนเม้มนิ่งอย่างไม่ชอบใจ
“บอกให้อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวจะเหยียบเศษแก้ว”
เบอาไม่เปล่งเสียงใดใด พยายามบิดข้อมือออก ความกลัวจากอารมณ์หวามไหวบางอย่างทำให้เธอต้องรีบหนี
“นี่ พูดไม่ฟังเลย”
คนตัวโตกว่าไม่ทันสังเกตอารมณ์ของสาวน้อยหน้าคมร่างระหงตรงหน้า เขาคว้าเอวคอดกิ่วเล็กแล้วยกร่างของเธอขึ้นจนเบอาตกตะลึง เธอจับบ่าแกร่งของเขาไว้แน่นเมื่อเขายกร่างเธอข้ามกองเศษแก้วแล้วถอยออกมา แต่ยังไม่ยอมปล่อย
นาวินทร์ยกร่างของเบอาขึ้นจนระดับสายตาของเธอพอดีกับเขา ดวงตาคมกริบลึกล้ำเปี่ยมด้วยไฟปรารถนาลุกโชนจนแม้แต่สาวไร้เดียงสาเช่นเธอยังมองออก เปลือกตาเขาหลุบต่ำมองปากเธอก่อนจะกลืนน้ำลาย ลำตัวนุ่มนิ่มแนบไปกับกายแกร่ง เขารัดเธอไว้จนแน่น
คนร่างโตแทบลืมหายใจ ร่างสาวน้อยเบาหวิวอ้อนแอ้นกว่าที่คาดคิด มือใหญ่อุ่นร้อนโอบรัดแผ่นหลังบอบบางให้เธอแนบชิดไปกับเขา ร่างของคนสองคนแนบสนิทชิดกัน ใกล้จนเขาได้กลิ่นหอมหวานของเด็กสาว
แต่กลับเบอาแล้ว ยิ่งเขาและเธอชิดใกล้กันกลิ่นน้ำหอมยิ่งฉุนกึกตลบอบอวล มือเรียวกำมือเป็นกำปั้นทุบตรงหน้าอกเขาอย่างแรง ขาห้อยต่องแต่งแกว่งไกวสะบัดไปมา
ตุบ ตุบ!
“ไอ้บ้า! ปล่อยนะ! ไม่งั้นจะร้องให้ลั่นบ้าน!”
บทที่ 12-1** nc จบบริบูรณ์สาวน้อยหน้าหวานลูกครึ่งโปรตุเกสนอนหลับสนิทคว่ำหน้าบนหมอนใบนุ่มจนไม่รู้เลยว่ายังมีชายหนุ่มอีกคนนอนกระสับกระส่ายอยู่ข้าง ๆนาวินทร์เพียรพยายามทั้งลูบตัว ทั้งกระซิบและพลิกร่าง แต่สาวสวยยังนอนพลิกร่างกลับไปคว่ำตามเดิม ลูบผ่านต้นแขนจนถึงข้อมือบางกระทั่งถึงแหวนหมั้นเพชรเม็ดเล็กพอเหมาะอย่างที่เธอชอบเขาหงายตัวลงใช้มือก่ายหน้าผากสะกดกลั้นความต้องการยามเช้าที่พุ่งทะยานแม้ว่ายามค่ำคืนจะสุขสมไปแล้วเปลือกตาของเบอายังหลับพริ้มไม่รับรู้สิ่งรอบข้างจากความเหนื่อยอ่อนจนเขาต้องลุกขึ้นจากเตียงหยิบบุหรี่ออกไปสูบมือควานหาไฟแช็กในลิ้นชักโต๊ะแต่ไม่เจอ พลันนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนตอนพาเบอาไปทานข้าวเขาได้ฝากไว้ที่เธอ จึงเดินกลับไปยังหน้ากระจกหยิบกระเป๋าสะพายสีดำใบเดิมที่เธอชอบใช้ขึ้นมาเขาล้วงมือควานหาและพบว่ามันอยู่ที่ก้นกระเป๋าเพราะน้ำหนักของไฟแช็กแบบซิปโป ขณะที่กำลังหยิบพลันนิ้วไปโดนแผงยาบางอย่าง ด้วยความสงสัยจึงหยิบมันออกมานาวินทร์หรี่ดวงตาคมกริบลงเมื่อเห็นแผงยาชัด ๆ ท่ามกลางแสงยามเช้าที่เริ่มสาดเข้ามาในห้อง เม็ดสีชมพูสวยบนแผงมีลูกศรชี้ว่าควรเริ่มทานจากเม็ดไหนไปถึงเม็ดไหนยาคุม!
บทที่ 11-3เขาหันกลับไปมองเห็นสาวน้อยออกมายืนอยู่ด้านข้างตัวรถห่มด้วยผ้าห่มผืนใหญ่สีขาวเหมือนเดิม สีของผ้าห่มขาวโพลนตัดกับสีของผืนป่ายามโพล้เพล้นายหัวนาวินทร์ยังเดินขึ้นบันไดบ้านต่อจนถึงร่างของไอ้สิงห์ จากนั้นเดินเลยไปยังครัวที่ทำใหม่ปลดถังแก๊สออกมาลากจนถึงกลางบ้านเทน้ำมันเบนซินโดยรอบตัวและเทเป็นทางจนเกือบถึงประตูบ้านก็หมดเสียก่อน ยืนมองร่างที่เริ่มเย็นชืดของไอ้สารเลวอีกครั้ง“ไม่ต้องกังวลไอ้สิงห์ เดี๋ยวตัวมึงก็ร้อนแล้ว”เขาหยิบซิบโปออกมาจากกระเป๋ากางเกงจุดใส่เศษกระดาษนิตยสารที่หยิบมาจากในบ้านแล้ววางให้ตรงกับคราบน้ำมันเบนซินที่เริ่มระเหยจากนั้นจึงปิดประตูบ้านแล้วลงมาจากตัวบ้านให้เร็วที่สุดวิ่งกลับไปที่รถบรึ้ม!!นาวินทร์สะดุ้งเมื่อเสียงระเบิดจากถังแก๊สดังขึ้นพร้อมกับเสียงไม้บ้านแตกลั่นเขาหันไปมองบ้านหลังเล็กที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อไว้พักผ่อนกับสาวๆ แต่บ้านหลังนี้กลับกลายเป็นสถานที่ที่เกือบจะทำให้เขาเสียเบอาไป“พี่วินทร์”นาวินทร์เดินกลับมาที่รถสวมกอดเบอาไว้แน่น โน้มใบหน้าลงหอมศีรษะ“ขึ้นรถเถอะ พี่จะพาไปบ้านพี่”“แต่ว่า..”“อย่าเพิ่งดื้อนะคนดี ใจพี่จะไม่ไหวแล้ว”เบอาเงยหน้ามองชายร่าง
บทที่ 11-2เอี๊ยดดดด!!นาวินทร์หักหลบรถกระบะเก่าที่สวนกับเขากลางทางขณะที่กำลังออกจากถนนเข้าท้ายสวนเห็นลาง ๆ เป็นผู้ชายสองคนมีหญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนของคนนั่งฝั่งข้างคนขับอีกหนึ่งคนเขาขับรถต่อไปอีกสักพักจึงนึกขึ้นได้ว่าถนนสายนี้เป็นทางส่วนบุคคลเข้าท้ายสวนของเขาโดยเฉพาะ และมีไม่กี่คนที่รู้ทางนี้เอี๊ยด!!นาวินทร์เหยียบเบรกกะทันหันเมื่อนึกถึงผู้หญิงที่ถูกขนาบข้าง หล่อนดูเหมือนจะนอนนิ่งไม่ไหวติง ผมสีน้ำตาลอ่อนพระเจ้า!! ระยำ ไอ้ห่าเอ้ย!!เขาหักรถเลี้ยวกลับทันที ระยะทางที่เขาขับสวนกับรถคันนั้นเพิ่งผ่านไปไม่นานแต่ใจเขากลัวเหลือเกินว่าจะไปไม่ทันนาวินทร์เหลือบตามองผู้ชายร่างสูงผอมเกร็งผิวคล้ำที่เดินสวนออกมาบนไหล่ทางเล็ก มันเดินออกมาจากบ้านท้ายสวน สบตาตื่นตระหนกของไอ้หมอนั่นด้วยตาแข็งกร้าว แต่เขาไม่หยุดรถเวลามันกระชั้นชิดเกินไป ถ้าเขาหยุดรถถามมันตอนนี้ เบอาอาจถูกทำร้ายถึงขั้นเสียชีวิตเขาจอดรถดับเครื่องก่อนที่จะถึงทางเข้าบ้าน ตั้งใจไม่ให้คนร้ายอีกคนรู้ตัว เปิดลิ้นชักรถแล้วหยิบปืนสั้นออกมา เปิดดูกระสุนในรังปืนแล้วหมุนปิดขึ้นไกนกค้างไว้นาวินทร์ลงจากรถกระบะคันเก่าสีดำ เดินอาดไม่กลัวเกรงสิ่งใดตัด
บทที่ 11-1บ้านหลังเล็กหรือกระท่อมที่นาวินทร์มักเรียกดูเรียบร้อยดี กลิ่นสีทาไม้เปลี่ยนจากสีไม้แดงเป็นสีไม้โอ๊ก เตียงใหญ่เขาสั่งให้เปลี่ยนใหม่เช่นกันพร้อมกับฟูกที่นอนเขาเดินออกไปดูในห้องน้ำ ช่างขาประจำทำงานดีเหมือนเคย อ่างอาบน้ำสุดหรูติดตั้งถูกต้องและงานเนี้ยบจากนั้นจึงเดินออกมาทางห้องครัวที่ทำเพิ่ม ใจคิดไปว่าบางวันอาจชวนสาวน้อยทำบาร์บีคิวนั่งเล่นนอกบ้านบ้างรอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้มยามนึกไปถึงดวงหน้างามของเบอา เธอคงบ่นบ้างเวลาให้ทำกับข้าวเพราะเป็นงานที่เธอไม่ถนัด แต่เขาจะคอยช่วยเป็นลูกมืออยู่ไม่ห่าง ยิ่งถ้าให้สาวน้อยลองนั่งบนเคาน์เตอร์ครัวหลังใหม่ขนาดความสูงกำลังพอดีแล้วมีเขาที่อยู่ตรงกลางมั่นโยกคลึงบ่อย ๆ เบอาคงจะชอบงานครัวมากขึ้นนาวินทร์ปิดประตูบ้านใส่กุญแจแล้วเดินลงบันได เวลาเย็นของป่าสวนยางมืดเร็วขนาดยังไม่ทันห้าโมงครึ่งก็เกิดเงาแสงสีอ่อนทอดยาวผ่านใบไม้ของต้นยางมายังลานจอดรถบรื้น!ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขับรถออกจากลานจอดของบ้านหลังเล็กกลางป่าท้ายสวน กลับรถวนจนล้อสะบัดเข้าสู่เลนถนนลูกรังสีแดงฝ่าสวนยางออกไปยังถนนใหญ่เพื่อไปยังสวนข้างเคียง ไปหาสาวน้อยของเขา“ไอ้ห่า ไหนว่ะ”“อ
บทที่ 10-4ยามเย็นของอำเภอเล็ก ๆ ขอบชายแดนสุดของภาคใต้ เบอาขับรถกลับจากอำเภอไปยังทางที่คุ้นเคยโดยไม่คิดเอะใจอารมณ์ยังขุ่นมัวจากเรื่องเมื่อบ่ายจนไม่ต้องการเห็นหน้านายหัวตัวต้นเรื่อง เสียงเอะอะโวยวายเมื่อเธอโทรศัพท์ไปบอก นึกภาพใบหน้าคมเข้มของนายหัวอารมณ์ฉุนเฉียวให้ยิ้มกริ่มในหน้าอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย มองไปยังเบาะด้านข้าง นอกจากเสียตัวเป็นดอกเบี้ย เธอยังต้องเอาใจซื้อของขวัญวันเกิดให้เขาอีกยายเบย์ เธอนี่มันใจง่ายจริง ๆจากวันนั้นในบ้านริมทะเลเธอเริ่มรู้สึกแล้วว่านายหัวนาวินทร์มีใจให้เธอ เขาให้คำมั่นว่าจะไม่มีใครอีกตลอดระยะสัญญาสัญญาที่ทำกันไว้หนึ่งปีแม้ดูเหมือนว่าจะนานเกินพอแต่เบอากลับไม่คิดเช่นนั้น หนึ่งปีมันช่างสั้นเหลือเกินและเธอเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ให้ดีที่สุดเป็นความทรงจำไว้ในยามที่ต้องจากกันหน้าหวานคมลูกครึ่งอมยิ้ม เมื่อวันก่อนพาเธอไปทานข้าวร้านเดิมมาอีกครั้งทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเจ๊ศศิคงจะเที่ยวเอาไปเป่าประกาศ และในที่สุดเธอก็ได้ทานอาหารรสจืดสมใจแต่นายหัวกลับทำหน้าปุเลี่ยนเพราะรสชาติชืดเกินไปเธอมองไปยังข้างทางที่มีแต่ป่าสวนยางสุดลูกหูลูกตาในแถบนี้ล้วนส่วนใหญ่เป็นของนายหัวที่แบ่งให้คน
บทที่ 10-3แพรวนภากำเช็คในมือแน่น จำนวนเงินสองล้านมากโขสำหรับการตั้งต้นชีวิตใหม่ เธอลงทุนกับนายหัวไว้มากเกินกว่าจำนวนที่นายหัวเซ็นเช็คมาให้ ทั้งแรงกายแรงใจ ร่างกายของเธอพร้อมสำหรับนายหัวคนเดียวสาวร่างอวบหยิบเช็คใส่กระเป๋าสะพาย หลังจากลุกขึ้นจากโต๊ะแผนกบัญชีของโรงแรมชื่อดัง แพรวนภาไม่แน่ใจว่าคนในแผนกนี้จะสงสัยที่มาของเช็คใบนี้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดนายหัวถึงสั่งจ่ายเงินเป็นจำนวนมากผ่านมาแล้วเกือบอาทิตย์ที่เธอไม่พบกับนายหัวอีกเลย เขาเหมือนหายไปจากตัวเมืองหาดใหญ่จนน่าแปลกใจ เธอพาร่างเดินผ่านโถงทางเข้ากระทั่งพบกับคนรู้จักคุ้นเคย“อ้าว แพรว ไม่เจอกันนาน”ใบหน้าอย่างคนใต้ของแพรวนภาค่อนข้างตกใจเมื่อเจอกับแฟนเก่าสมัยช่วงที่เธอเลิกลากับนายหัว ผู้ชายเลวที่ตบตีเธอสารพัดและยังปอกลอกเงินที่นายหัวให้มาจนเกลี้ยงเธอจึงพยายามเดินเลี่ยงแต่มือแข็งสีเข้มดึงไว้ ใบหน้าหล่อแต่เหี้ยมโหดยิ้มกริ่ม“จะรีบไปไหน ทำเป็นคนไม่รู้จักกันไปได้”แพรวนภารู้สึกขยะแขยงเต็มทน เธอสลัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุม มองหน้าเหี้ยมที่แฝงความหื่นกาม“ต้องการอะไร!”“ไม่เห็นยาก ดูก็รู้ว่าต้องการอะไร”“ฉันไม่มีเงินให้แกหรอกไอ้สิงห์”“โอ๊ะโอ