บทที่ 2-5
แทนที่คนตัวโตจะสลดแล้วปล่อยร่างของเธอ กลับกลายเป็นยิ้มกว้างกวนโมโหราวกับว่าเขากำลังสนุกที่ได้ทำเช่นนั้น
“พูดได้ด้วยเหรอ นึกว่าเป็นใบ้”
กายสาวของเบอาแปรปรวน ฮอร์โมนวัยสาวทำให้ร่างระหงสั่นระริก ทั้งสะท้านจากอารมณ์หวามไหวที่ปะทุขึ้น ทั้งกรุ่นโกรธจากคำพูดยียวนของคนตรงหน้า
เธอเม้มริมฝีปากหน้าแดงก่ำ บิดร่างโดยใช้มือดันบ่าเขาไว้ สังเกตเห็นคนตัวโตที่กอดเธอไว้สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะปล่อยร่างเธอไถลลงตามลำตัว
ไม่ว่าเขาจะเป็นใครเธอรู้ดีว่าคนอย่างเขาต้องการอะไรแล้วต้องได้ เธอรู้ว่าเขาต้องการเธอ มันฉายชัดอยู่ในแววตาสีดำสนิท
แต่เธอยังเป็นเด็กเกินกว่าจะเล่นเกมนี้ เบอารู้ว่าตัวเองนั้นคงแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันเดินหมาก ฉะนั้นทางที่ดีเธอควรรีบหนีให้ไกลและผลักเขาให้อยู่ห่างจากวงโคจรของเธอให้ห่างที่สุด
ร่างบางรีบหันหลังกลับเตรียมวิ่งหนีขึ้นบ้านหากแต่มือแกร่งเอื้อมออกมารั้งเธอไว้
หน้าหวานคมลูกครึ่งแหงนหน้าเรียวสวยขึ้นมองอย่างหาเรื่อง กำลังแย้มริมฝีปากเพื่อต่อว่า แต่คำพูดจากเสียงทุ้มต่ำทำเธอหุบปากใบหน้าซับสีแดงระเรื่อขึ้นทีละน้อยจนถึงลำคอ
“มาบ้านคนอื่นก็ควรระมัดระวังการแต่งกายให้มิดชิดด้วยเด็กดี”
ดวงตาคมกริบหลุบต่ำมองยอดถันแล้วเลื่อนขึ้นสบตาเธอ เบอาสะบัดมือทิ้งรีบวิ่งขึ้นบ้าน หัวใจเต้นรัวกระหน่ำดั่งกลองตี
ส่วนชายหนุ่มร่างโตอย่างนาวินทร์ทำเพียงเท้าข้อมือพิงขอบประตูมองสาวน้อยวิ่งฝ่าความมืดสลัวขึ้นบ้าน พยายามสะกดกลั้นปรับลมหายใจที่โหมแรง
ดวงตาสีทองกลมโตคู่นั้นทำเขาเกือบแย่ หากเผลอจ้องมองอาจทำให้หัวใจวายได้ง่าย ๆ กลิ่นกายสาวไร้น้ำหอมปรุงแต่งสดใหม่ เขาถูกดูดเข้าสู่ห้วงเสน่าอย่างแรง ไม่สิ มันยิ่งกว่านั้นมาก
รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นระหงบอบบางแต่เปี่ยมด้วยอิสตรีเพศไปทั้งตัว ยิ่งหน้าอกอวบอิ่มตอบรับสายตาด้วยการชูชันผ่านเนื้อผ้า เขาแทบกระโจนเข้าใส่ร่างเด็กสาวตรงหน้า ได้แต่ท่องอายุของเธอไว้ในใจ
สิบแปด เธอเพิ่งสิบแปดนะไอ้วินทร์
“อ้าว พี่วินทร์ วันนี้อยู่บ้านเหรอคะ”
นาวินทร์หยิบแก้วกาแฟร้อนจากเดิมยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์เดินเข้าไปนั่งลงในห้องครัว มองสองสาวกำลังเดินเข้ามาในห้องครัวเช่นกัน
เบอาแทบสะดุดเท้าตัวเอง ชะงักเท้าหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องครัว ดวงตาสีทองมองชายร่างโตคนเมื่อคืนกำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้า ยิ่งแสงแดดตอนกลางวันส่องเข้ามาในห้องครัวยิ่งทำให้เธอมองเห็นดวงตาคมกริบชัดเจนขึ้น มันช่างแรงกล้าเสียจนเธอเกือบเสียศูนย์
“อืม วันนี้วันอาทิตย์”
“ไม่ใช่หรอกม้าง ปกติวันอาทิตย์พี่ก็ไม่อยู่ ถ้าไม่อยู่หาดใหญ่กกสาวไหนอยู่ ก็คงจะไป..”
“นารินทร์”
เสียงทุ้มกดต่ำดังขึ้นจนคนน้องสาวสะดุดกึก เธอหุบปากทันที เมื่อไรที่เธอทำให้พี่ชายโกรธเขาจะเรียกเธอด้วยชื่อเต็ม
หลังจากนารินทร์ทำหน้าเก้อเขินเหลียวมองเพื่อนใหม่จึงนึกขึ้นได้ ดึงมือเบอาให้เดินเข้ามาในห้องครัวแล้วเลื่อนเก้าอี้ตัวด้านข้างพี่ชาย กดไหล่จนเบอาต้องนั่งลงอย่างเสียไม่ได้
“อ้อ เบย์ นี่พี่ชายของเราพี่นาวินทร์”
“สวัสดีค่ะ”
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นพี่ชายของเพื่อนทำให้เบอาไม่อาจเลี่ยงได้ เธอยกมือไหว้อย่างเรียบร้อย
“พี่วินทร์เรียกเบอาว่าเบย์ก็ได้ค่ะ”
เสียงแจ่มใสของน้องสาวพูดขึ้น ขณะกำลังหยิบนมในตู้เย็นเทใส่แก้วร้อนสองใบเตรียมอุ่นในเตาไมโครเวฟ
นาวินทร์ยังจ้องเธอไม่วางตาแก้มสีชมพูระเรื่อเมื่อสักครู่แดงก่ำไปทั่วใบหน้า สาวน้อยข้าง ๆ ทำเพียงพยักหน้ารับแต่ไม่ขานตอบ หันหน้าหนีไปมองอย่างอื่น
“พี่วินทร์ เดี๋ยวน้องขอให้ลุงทองไปส่งเพื่อนหน่อยนะคะ”
“ไม่ต้องหรอก พี่กำลังจะออกไปข้างนอกพอดี ไปพร้อมกันกับพี่เลย”
หน้าหวานคมหันกลับไปมองหน้ามองเพื่อน พยายามส่งสัญญาณแต่นารินทร์ไม่ได้ใส่ใจ เธอกำลังหมกมุ่นกับการใส่ขนมปังลงในเครื่องปิ้ง
“ก็ดีค่ะ”
“ไม่เป็นไร เรา เราให้ที่บ้านมารับก็ได้รินทร์”
ในที่สุดนารินทร์ก็เอี้ยวหน้ากลับมามองเพื่อน เห็นแก้มทั้งสองพวงของเพื่อนรักแดงก่ำ สงสัยคงจะหิวหนักแต่ไม่กล้าพูดจึงใส่ขนมปังเพิ่มไปอีกหนึ่งแผ่น
“ผู้ใหญ่จะไปส่งก็ควรรับไว้ อีกอย่างพี่กำลังคิดจะแวะไปเยี่ยมสวนเพื่อนบ้านสักหน่อย”
“สวนเพื่อนบ้าน?”
นารินทร์วางขนมปังปิ้งลงตรงหน้าเพื่อนพร้อมกับแก้วนมร้อน
“ใช่แล้วเบย์ สวนของเรากับของเธอติดกัน”
“ตะแต่ว่าตอนที่ผ่านสวนบ้านเรามามันไกลมาก”
“อ้อ ก็ไม่อยากจะคุย พอดีบ้านเราจัดว่ามีสวนยางผืนใหญ่ที่สุดในอำเภอน่ะ”
เบอาหยิบขนมปังมือสั่น สวนติดกัน? เหลือบตาขึ้นมองร่างสูงใหญ่ผิวเข้มด้านข้าง มือแกร่งเขาจับแก้วกาแฟยกขึ้นจิบเป็นระยะ ๆ ตรงข้อมือสวมนาฬิกาเรือนแพง เอ็นที่ข้อมือทำให้เห็นว่าเขาเป็นนักออกกำลังกายหรืออาจเกิดจากการทำงานหนัก ไหล่หนากว้าง ทรงผมยาวพอดีหวีเรียบดั่งนักธุรกิจทันสมัย
เคล้ง!
ช้อนร่วงหล่นจากมือเบอาเมื่อเลื่อนสายตาจนถึงดวงตาคมเข้มรู้ทัน มีรอยยิ้มบางเบามุมปากก่อนที่เขาจะยื่นมือออกมาหยิบช้อนที่ตกลงจานรองใส่ในแก้วนมร้อนให้เธอ
“รู้สึกจะซุ่มซ่ามบ่อยนะเรา”
สาวน้อยวางแก้วนมร้อนก้มหน้าลงแก้มแดงปลั่ง ไม่ดีแน่ ๆ
“เด็ก ๆ ตื่นกันแล้ว”
รสาหอบหิ้วของสดเข้ามาด้วยในห้องครัว เบอาและนารินทร์รีบลุกขึ้นไปรับถุงหิ้วหลายใบวางลงบนอ่างเตรียมของ
“หนูเบย์อยู่ทานอาหารเช้าด้วยกันเลยไหมจ๊ะ แม่เตรียมจะทำข้าวต้มกุ้ง”
“คงไม่ค่ะ หนูอยากกลับเลย”
“อ้าวเหรอ น่าเสียดายนะ ไว้วันหลังมาค้างที่บ้านบ่อย ๆ นะ”
“ค่ะ”
เบอาพึมพำไม่เต็มเสียงนัก ตอบรับไปก่อนแต่เรื่องอะไรที่เธอจะต้องมาอยู่ในดงเสือหิว
“งั้นไปกันเลย”
“อ้าว วินทร์ไปส่งหนูเบย์เหรอลูก”
รสาเอ่ยถามหันหน้ามาจากอ่างล้างผัก มองลูกชายคนโตที่ลุกขึ้นเดินไปรอเบอาแล้วตรงหน้าประตู แต่หญิงสาวยังทำท่าบ่ายเบี่ยงไม่อยากไป
“ครับ ทางผ่านพอดี ไปกันเถอะเบย์”
สุดจะต้านทานเบอาจำต้องยกมือไหว้ขอตัวลากลับแล้วสวมกอดเพื่อนรัก เดินลากเท้าตามร่างสูงใหญ่ออกนอกบ้านไป
“เอาเป้มานี่”
นาวินทร์ยื่นมือออกมาเพื่อรอรับเป้สะพายจากเบอาแต่หญิงสาวไม่ยอม เธอกำสายสะพายหลังแน่นเข้า
“ไม่ เบย์จะถือเองค่ะ”
สาวน้อยยืนกรานพร้อมเดินนำเขาไปยังโรงจอดรถที่อยู่ติดกับตัวบ้าน เสียงสัญญาณนิรภัยดังขึ้นพร้อมไฟกระพริบที่รถกระบะสีดำสี่ประตู
เท้าของสาวน้อยชะงักกึก ดวงตาสีทองเบิกกว้างมองเลขทะเบียนรถ ความทรงจำของเช้าวันเสาร์ เสียงกระซิบร้องคราง เสียงเตียงและเสียงต่ำทุ้ม
นาวินทร์ อ่า กรี๊ด
ร่างสูงแกร่งยังเปิดประตูรอด้านฝั่งคนนั่ง ดวงตาสีทองเลื่อนขึ้นสบตาสีดำสนิท มีรอยยิ้มหยักขึ้นปรากฎบนมุมปากหนา
เขารู้ว่าเป็นเรา เขารู้
บทที่ 12-1** nc จบบริบูรณ์สาวน้อยหน้าหวานลูกครึ่งโปรตุเกสนอนหลับสนิทคว่ำหน้าบนหมอนใบนุ่มจนไม่รู้เลยว่ายังมีชายหนุ่มอีกคนนอนกระสับกระส่ายอยู่ข้าง ๆนาวินทร์เพียรพยายามทั้งลูบตัว ทั้งกระซิบและพลิกร่าง แต่สาวสวยยังนอนพลิกร่างกลับไปคว่ำตามเดิม ลูบผ่านต้นแขนจนถึงข้อมือบางกระทั่งถึงแหวนหมั้นเพชรเม็ดเล็กพอเหมาะอย่างที่เธอชอบเขาหงายตัวลงใช้มือก่ายหน้าผากสะกดกลั้นความต้องการยามเช้าที่พุ่งทะยานแม้ว่ายามค่ำคืนจะสุขสมไปแล้วเปลือกตาของเบอายังหลับพริ้มไม่รับรู้สิ่งรอบข้างจากความเหนื่อยอ่อนจนเขาต้องลุกขึ้นจากเตียงหยิบบุหรี่ออกไปสูบมือควานหาไฟแช็กในลิ้นชักโต๊ะแต่ไม่เจอ พลันนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนตอนพาเบอาไปทานข้าวเขาได้ฝากไว้ที่เธอ จึงเดินกลับไปยังหน้ากระจกหยิบกระเป๋าสะพายสีดำใบเดิมที่เธอชอบใช้ขึ้นมาเขาล้วงมือควานหาและพบว่ามันอยู่ที่ก้นกระเป๋าเพราะน้ำหนักของไฟแช็กแบบซิปโป ขณะที่กำลังหยิบพลันนิ้วไปโดนแผงยาบางอย่าง ด้วยความสงสัยจึงหยิบมันออกมานาวินทร์หรี่ดวงตาคมกริบลงเมื่อเห็นแผงยาชัด ๆ ท่ามกลางแสงยามเช้าที่เริ่มสาดเข้ามาในห้อง เม็ดสีชมพูสวยบนแผงมีลูกศรชี้ว่าควรเริ่มทานจากเม็ดไหนไปถึงเม็ดไหนยาคุม!
บทที่ 11-3เขาหันกลับไปมองเห็นสาวน้อยออกมายืนอยู่ด้านข้างตัวรถห่มด้วยผ้าห่มผืนใหญ่สีขาวเหมือนเดิม สีของผ้าห่มขาวโพลนตัดกับสีของผืนป่ายามโพล้เพล้นายหัวนาวินทร์ยังเดินขึ้นบันไดบ้านต่อจนถึงร่างของไอ้สิงห์ จากนั้นเดินเลยไปยังครัวที่ทำใหม่ปลดถังแก๊สออกมาลากจนถึงกลางบ้านเทน้ำมันเบนซินโดยรอบตัวและเทเป็นทางจนเกือบถึงประตูบ้านก็หมดเสียก่อน ยืนมองร่างที่เริ่มเย็นชืดของไอ้สารเลวอีกครั้ง“ไม่ต้องกังวลไอ้สิงห์ เดี๋ยวตัวมึงก็ร้อนแล้ว”เขาหยิบซิบโปออกมาจากกระเป๋ากางเกงจุดใส่เศษกระดาษนิตยสารที่หยิบมาจากในบ้านแล้ววางให้ตรงกับคราบน้ำมันเบนซินที่เริ่มระเหยจากนั้นจึงปิดประตูบ้านแล้วลงมาจากตัวบ้านให้เร็วที่สุดวิ่งกลับไปที่รถบรึ้ม!!นาวินทร์สะดุ้งเมื่อเสียงระเบิดจากถังแก๊สดังขึ้นพร้อมกับเสียงไม้บ้านแตกลั่นเขาหันไปมองบ้านหลังเล็กที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อไว้พักผ่อนกับสาวๆ แต่บ้านหลังนี้กลับกลายเป็นสถานที่ที่เกือบจะทำให้เขาเสียเบอาไป“พี่วินทร์”นาวินทร์เดินกลับมาที่รถสวมกอดเบอาไว้แน่น โน้มใบหน้าลงหอมศีรษะ“ขึ้นรถเถอะ พี่จะพาไปบ้านพี่”“แต่ว่า..”“อย่าเพิ่งดื้อนะคนดี ใจพี่จะไม่ไหวแล้ว”เบอาเงยหน้ามองชายร่าง
บทที่ 11-2เอี๊ยดดดด!!นาวินทร์หักหลบรถกระบะเก่าที่สวนกับเขากลางทางขณะที่กำลังออกจากถนนเข้าท้ายสวนเห็นลาง ๆ เป็นผู้ชายสองคนมีหญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนของคนนั่งฝั่งข้างคนขับอีกหนึ่งคนเขาขับรถต่อไปอีกสักพักจึงนึกขึ้นได้ว่าถนนสายนี้เป็นทางส่วนบุคคลเข้าท้ายสวนของเขาโดยเฉพาะ และมีไม่กี่คนที่รู้ทางนี้เอี๊ยด!!นาวินทร์เหยียบเบรกกะทันหันเมื่อนึกถึงผู้หญิงที่ถูกขนาบข้าง หล่อนดูเหมือนจะนอนนิ่งไม่ไหวติง ผมสีน้ำตาลอ่อนพระเจ้า!! ระยำ ไอ้ห่าเอ้ย!!เขาหักรถเลี้ยวกลับทันที ระยะทางที่เขาขับสวนกับรถคันนั้นเพิ่งผ่านไปไม่นานแต่ใจเขากลัวเหลือเกินว่าจะไปไม่ทันนาวินทร์เหลือบตามองผู้ชายร่างสูงผอมเกร็งผิวคล้ำที่เดินสวนออกมาบนไหล่ทางเล็ก มันเดินออกมาจากบ้านท้ายสวน สบตาตื่นตระหนกของไอ้หมอนั่นด้วยตาแข็งกร้าว แต่เขาไม่หยุดรถเวลามันกระชั้นชิดเกินไป ถ้าเขาหยุดรถถามมันตอนนี้ เบอาอาจถูกทำร้ายถึงขั้นเสียชีวิตเขาจอดรถดับเครื่องก่อนที่จะถึงทางเข้าบ้าน ตั้งใจไม่ให้คนร้ายอีกคนรู้ตัว เปิดลิ้นชักรถแล้วหยิบปืนสั้นออกมา เปิดดูกระสุนในรังปืนแล้วหมุนปิดขึ้นไกนกค้างไว้นาวินทร์ลงจากรถกระบะคันเก่าสีดำ เดินอาดไม่กลัวเกรงสิ่งใดตัด
บทที่ 11-1บ้านหลังเล็กหรือกระท่อมที่นาวินทร์มักเรียกดูเรียบร้อยดี กลิ่นสีทาไม้เปลี่ยนจากสีไม้แดงเป็นสีไม้โอ๊ก เตียงใหญ่เขาสั่งให้เปลี่ยนใหม่เช่นกันพร้อมกับฟูกที่นอนเขาเดินออกไปดูในห้องน้ำ ช่างขาประจำทำงานดีเหมือนเคย อ่างอาบน้ำสุดหรูติดตั้งถูกต้องและงานเนี้ยบจากนั้นจึงเดินออกมาทางห้องครัวที่ทำเพิ่ม ใจคิดไปว่าบางวันอาจชวนสาวน้อยทำบาร์บีคิวนั่งเล่นนอกบ้านบ้างรอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้มยามนึกไปถึงดวงหน้างามของเบอา เธอคงบ่นบ้างเวลาให้ทำกับข้าวเพราะเป็นงานที่เธอไม่ถนัด แต่เขาจะคอยช่วยเป็นลูกมืออยู่ไม่ห่าง ยิ่งถ้าให้สาวน้อยลองนั่งบนเคาน์เตอร์ครัวหลังใหม่ขนาดความสูงกำลังพอดีแล้วมีเขาที่อยู่ตรงกลางมั่นโยกคลึงบ่อย ๆ เบอาคงจะชอบงานครัวมากขึ้นนาวินทร์ปิดประตูบ้านใส่กุญแจแล้วเดินลงบันได เวลาเย็นของป่าสวนยางมืดเร็วขนาดยังไม่ทันห้าโมงครึ่งก็เกิดเงาแสงสีอ่อนทอดยาวผ่านใบไม้ของต้นยางมายังลานจอดรถบรื้น!ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขับรถออกจากลานจอดของบ้านหลังเล็กกลางป่าท้ายสวน กลับรถวนจนล้อสะบัดเข้าสู่เลนถนนลูกรังสีแดงฝ่าสวนยางออกไปยังถนนใหญ่เพื่อไปยังสวนข้างเคียง ไปหาสาวน้อยของเขา“ไอ้ห่า ไหนว่ะ”“อ
บทที่ 10-4ยามเย็นของอำเภอเล็ก ๆ ขอบชายแดนสุดของภาคใต้ เบอาขับรถกลับจากอำเภอไปยังทางที่คุ้นเคยโดยไม่คิดเอะใจอารมณ์ยังขุ่นมัวจากเรื่องเมื่อบ่ายจนไม่ต้องการเห็นหน้านายหัวตัวต้นเรื่อง เสียงเอะอะโวยวายเมื่อเธอโทรศัพท์ไปบอก นึกภาพใบหน้าคมเข้มของนายหัวอารมณ์ฉุนเฉียวให้ยิ้มกริ่มในหน้าอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย มองไปยังเบาะด้านข้าง นอกจากเสียตัวเป็นดอกเบี้ย เธอยังต้องเอาใจซื้อของขวัญวันเกิดให้เขาอีกยายเบย์ เธอนี่มันใจง่ายจริง ๆจากวันนั้นในบ้านริมทะเลเธอเริ่มรู้สึกแล้วว่านายหัวนาวินทร์มีใจให้เธอ เขาให้คำมั่นว่าจะไม่มีใครอีกตลอดระยะสัญญาสัญญาที่ทำกันไว้หนึ่งปีแม้ดูเหมือนว่าจะนานเกินพอแต่เบอากลับไม่คิดเช่นนั้น หนึ่งปีมันช่างสั้นเหลือเกินและเธอเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ให้ดีที่สุดเป็นความทรงจำไว้ในยามที่ต้องจากกันหน้าหวานคมลูกครึ่งอมยิ้ม เมื่อวันก่อนพาเธอไปทานข้าวร้านเดิมมาอีกครั้งทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเจ๊ศศิคงจะเที่ยวเอาไปเป่าประกาศ และในที่สุดเธอก็ได้ทานอาหารรสจืดสมใจแต่นายหัวกลับทำหน้าปุเลี่ยนเพราะรสชาติชืดเกินไปเธอมองไปยังข้างทางที่มีแต่ป่าสวนยางสุดลูกหูลูกตาในแถบนี้ล้วนส่วนใหญ่เป็นของนายหัวที่แบ่งให้คน
บทที่ 10-3แพรวนภากำเช็คในมือแน่น จำนวนเงินสองล้านมากโขสำหรับการตั้งต้นชีวิตใหม่ เธอลงทุนกับนายหัวไว้มากเกินกว่าจำนวนที่นายหัวเซ็นเช็คมาให้ ทั้งแรงกายแรงใจ ร่างกายของเธอพร้อมสำหรับนายหัวคนเดียวสาวร่างอวบหยิบเช็คใส่กระเป๋าสะพาย หลังจากลุกขึ้นจากโต๊ะแผนกบัญชีของโรงแรมชื่อดัง แพรวนภาไม่แน่ใจว่าคนในแผนกนี้จะสงสัยที่มาของเช็คใบนี้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดนายหัวถึงสั่งจ่ายเงินเป็นจำนวนมากผ่านมาแล้วเกือบอาทิตย์ที่เธอไม่พบกับนายหัวอีกเลย เขาเหมือนหายไปจากตัวเมืองหาดใหญ่จนน่าแปลกใจ เธอพาร่างเดินผ่านโถงทางเข้ากระทั่งพบกับคนรู้จักคุ้นเคย“อ้าว แพรว ไม่เจอกันนาน”ใบหน้าอย่างคนใต้ของแพรวนภาค่อนข้างตกใจเมื่อเจอกับแฟนเก่าสมัยช่วงที่เธอเลิกลากับนายหัว ผู้ชายเลวที่ตบตีเธอสารพัดและยังปอกลอกเงินที่นายหัวให้มาจนเกลี้ยงเธอจึงพยายามเดินเลี่ยงแต่มือแข็งสีเข้มดึงไว้ ใบหน้าหล่อแต่เหี้ยมโหดยิ้มกริ่ม“จะรีบไปไหน ทำเป็นคนไม่รู้จักกันไปได้”แพรวนภารู้สึกขยะแขยงเต็มทน เธอสลัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุม มองหน้าเหี้ยมที่แฝงความหื่นกาม“ต้องการอะไร!”“ไม่เห็นยาก ดูก็รู้ว่าต้องการอะไร”“ฉันไม่มีเงินให้แกหรอกไอ้สิงห์”“โอ๊ะโอ