“ไปอาบน้ำซะ ฉันจะโทรไปสั่งให้คนเอาอาหารที่บ้านใหญ่มาส่ง”
ชายหนุ่มเหมือนจะนั่งลงปลายเตียง นิชาดาไม่ได้มองเขา แต่ก็ลุกขึ้นเงียบๆ ไม่อยากทำตัวเรื่องมากหรืออ่อนแอต่อหน้าอีกฝ่าย หากก็ไม่ลืมใช้ผ้าห่มห่อตัวเดินเก็บเสื้อผ้าของตนทั้งที่ขาสั่นอ่อนแรงราวจะยืนไม่อยู่แต่ก็ฝืนพาตัวเองก้าวต่อไป
สายตาคมเข้มของคนที่กำลังกดมือถือมองตามหญิงสาวที่เข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดไม่จา ทั้งไม่มีทีท่าว่าจะร้องไห้คร่ำครวญแล้วก็ถอนหายใจ
‘ใจแข็งกว่าที่คิด แต่ก็ดี เพราะฉันปลอบใครไม่เป็น’
และแน่นอนว่าธีรดนย์ไม่คิดว่าต้องปลอบใจลูกหนี้ของตน แต่เขาก็ผ่อนปรนให้นิชาดาไม่น้อยเลย
‘ใครจะไปคิดว่าเด็กนี่จะรอดมาได้จนเกือบจะสามสิบ’
ธีรดนย์รู้ว่านิชาดาอายุยี่สิบเก้าปีแล้ว น้อยกว่าเขากับนภนต์หกปี เพราะเพื่อนตนรักน้องสาวมากและมักพูดถึงให้เขาฟังบ่อยครั้ง ทั้งเขายังเคยไปรับอีกฝ่ายที่บ้านครั้งหนึ่ง และได้เห็นสาวน้อยนิชาดาในชุดนักเรียนมัธยมปลายซ้อนมอเตอร์ไซค์ผู้ชายกลับบ้าน ในตอนนั้นเขานั่งรอพี่ชายของเธออยู่ในรถ
‘ไอ้หนุ่มนั่นมันก็ดูไม่ธรรมดา ไม่อยากเชื่อว่าจะปล่อยสาวน้อยหน้าหวานหลุดมือ’
เขาคิดในใจพลางยักไหล่ ก็ดีเหมือนกันเพราะกลายเป็นเขาที่จะได้ครอบครองนิชาดาโดยไม่เคยผ่านผู้ชายคนไหนมาก่อน ในเมื่อเธอจะเป็นเมียของเขา ทั้งที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้เลยเพราะตนมองผู้หญิงที่ความพอใจมากกว่าเป็นอย่างแรกไม่เกี่ยวกับความผุดผ่อง แต่ได้รู้แล้วก็ใจเต้นแปลกๆ ราวตื่นเต้นขึ้นมาเสียได้
‘ก็เคยผ่านสาวใสมาแล้วไม่น้อย ทำไมต้องตื่นเต้นวะไอ้ดนย์’
นิชาดาใช้เวลาในห้องน้ำนาน ล้างเนื้อตัวไปพร้อมน้ำตาที่ไหลไม่หยุด ยังรู้สึกได้ถึงร่างกายที่ถูกล่วงเกินแม้เล็กน้อยแต่เป็นแผลฝังลึกอยู่ในใจ สุดท้ายก็นั่งทรุดกอดเข่าซบหน้าร้องไห้ใต้สายน้ำที่พร่างพรมจากฝักบัวอยู่อย่างนั้น ไม่อยากก้าวออกไปด้านนอก ไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้ที่แตะต้องตนเองอย่างไร้ความรู้สึก
ถึงจะไม่ถูกทำร้ายรุนแรง ทว่าเป็นการแตะต้องในพื้นที่สุดสงวน นิชาดาไม่อาจกล่าวโทษอีกฝ่ายได้เต็มปากเพราะเธอต้องชดใช้หนี้ เธอไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ แต่ยอมจำนนต่อหนี้สินที่หามาคืนชายหนุ่มไม่ได้ต่างหาก
ความอับจนหนทางทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะต่อว่าด่าทอผู้ที่เร่งรัดตนอย่างเอาแต่ใจก็พูดไม่ออก ได้แต่เก็บกดความเจ็บช้ำไว้กับตัวเองเพียงคนเดียว
‘อดทนไว้หมอก พี่เมฆทำเพื่อเธอมามากแล้ว’
นิชาดาร้องไห้ให้ตัวเองปลดปล่อยอย่างเต็มที่ การร้องไห้คนเดียวในวันที่อ่อนล้าไม่ใช่เรื่องเสียหาย ได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นออกมาแล้วหลังจากนั้นสภาพจิตใจจะค่อยๆ ดีขึ้น แม้จะไม่ทันทีแต่ก็มีเพียงตอนนี้ที่เธอจะสามารถให้เวลากับตัวเองได้
ก๊อกๆๆ
ทว่าเหมือนชายหนุ่มจะไม่ให้เวลาเธอ นอกจากเสียงเคาะแล้วเสียงเข้มก็ดังตามมา
“ทำอะไรในนั้นตั้งนานสองนาน ออกมาได้แล้ว ฉันหิว”
“หิวนายก็กินไปสิ”
เธอตะโกนออกไปทั้งที่เสียงเครือพร่าด้วยความหงุดหงิด แค่อยากมีเวลาส่วนตัวก็ไม่ได้หรืออย่างไร
“ฉันไม่หิว”
“ออกมาเดี๋ยวนี้นะหมอก”
ชายหนุ่มเรียกชื่อเธอทำให้นิชาดาชะงัก แต่น้ำเสียงดุนั้นกลับทำเอาหน้างอ นั่งนิ่งไม่ตอบและไม่คิดจะออกไป
“เธอคิดว่าฉันจะเข้าไปไม่ได้หรือไง”
ฟังจากเสียงแล้วก็รู้ว่าธีรดนย์ไม่พอใจ แรกทีเดียวหญิงสาวไม่ใส่ใจทว่าประโยคต่อมาทำให้ลังเล
“ถ้าฉันเข้าไปเธอจะไม่ได้ออกมาง่ายๆ หรอกนะ”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตามองประตูห้องน้ำอย่างประเมิน ดูไปแล้วเหมือนจะไม่พังง่ายๆ หากเขาพังเข้ามา แต่อีกฝ่ายอาจมีกุญแจลูกบิด สุดท้ายก็ปาดน้ำตาลวกๆ ด้วยความขุ่นใจแล้วรีบใส่เสื้อผ้าของตนพร้อมกับเริ่มได้ยินเสียงไขกุญแจ เธอจึงเปิดประตูออกไป
ชายหนุ่มกวาดตามองคนตัวเล็กที่ดูเหมือนลูกหมาตกน้ำแวบหนึ่งพลางโยนกุญแจในมือและขยับมุมปากยิ้มหยัน
“ฉันยินดีกินข้าวช้าหน่อย แล้วกินเธอก่อนนะ”
“คนบ้ากาม”
มือบางผลักอกกว้างทว่าเขาไม่ขยับ สองหนุ่มสาวยืนจ้องตากันอย่างไม่ลดละเพราะนิชาดาทั้งเคืองทั้งโกรธอีกฝ่ายจนลืมความเกรงกลัวเขาแล้ว อย่างไรก็ถูกก้ำเกินไปแล้ว แม้เล็กน้อยแต่สำหรับเธอก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เธอจะทำตามที่เธอพอใจ
“พูดอะไรจำไว้ด้วยนะ เดี๋ยวจดทะเบียนแล้ว ฉันบ้าจริงๆ จะได้ไม่น้ำหูน้ำตาร่วงห้ามฉันอีก”
“ฉันไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย”
“เหรอ เก่งนี่ งั้นมาลองอีกทีไหม”
พร้อมคำพูดแขนกำยำก็รวบเอวเล็กดึงร่างอรชรมาชิดตนเอง มือบางจึงรีบยันแผงอกหนาไว้ไม่ให้เบียดกับตนเอง จากนั้นธีรดนย์ก็รั้งหญิงสาวให้เดินไปพร้อมกันเพราะแค่ขู่อีกฝ่าย ขณะที่เจ้าตัวพยายามสะบัดตัวออกจากแขนเขา
“จะสะบัดสะบิ้งไปทำไม ฉันช่วยพยุงก็ดีแล้ว รู้นะว่าเธอขาอ่อนน่ะ”
นิชาดาได้แต่ถอนหายใจอย่างโมโห ไม่คิดว่าเขาจะทันสังเกตเห็นว่าเธอเดินค่อนข้างช้าตอนไปเข้าห้องน้ำ และก็จำต้องเดินเคียงข้างร่างสูงใหญ่ออกไปด้านนอกราวคู่รักหวานแหวว เห็นว่ามีคนกำลังจัดอาหารอยู่ตรงมุมโต๊ะกินข้าวเล็กๆ ขนาดสี่ที่นั่ง หญิงสาวขยับตัวจะให้ห่างจากธีรดนย์ทว่าอีกฝ่ายยังเกี่ยวเอวไม่ยอมปล่อย
“เสร็จแล้วครับนาย”
คนที่จัดโต๊ะเป็นชายหนุ่มดูเหมือนอายุไล่เลี่ยกับเธอหรือมากกว่าไม่กี่ปี เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่งแล้วสบตากับนายหนุ่มของไร่ด้วยแววตาแพรวพราว
“อืม ไม่ต้องรอเก็บของกลับเหมือนทุกวันหรอก”
“ครับนาย”
พร้อมกับรับคำเจ้าตัวก็อมยิ้มไปด้วย นั่นทำให้นิชาดาหน้าร้อนด้วยความอาย ทว่าถูกธีรดนย์ดันให้ไปนั่งลงยังเก้าอี้ตัวหนึ่ง ส่วนเขาไปนั่งหัวโต๊ะใกล้ๆ ขณะที่หนุ่มรูปร่างสันทัดออกไปจากบ้านหลังเล็กทันใดราวไม่อยากอยู่เป็นส่วนเกิน
“กินให้อิ่ม เผื่อคืนนี้เธอโอเค จะได้มีแรง”
คำบอกของอีกฝ่ายทำเอานิชาดาแทบไม่อยากจับช้อนตักข้าว
“ยัง”
เสียงแผ่วเบาพร้อมดวงหน้าสวยที่ก้มนิดๆ ทำให้คนที่เริ่มลงมือกินอาหารเหลือบมองเล็กน้อย
“แล้ว...ฉันต้องอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ”
“งั้นสิ เป็นเมียก็ต้องดูแลผัว ถึงฉันจะบอกว่าให้เวลา แต่เธอก็ต้องอยู่บนเตียงฉัน”
คำตอบเอาแต่ได้ที่แทบไม่ให้โอกาสรอดกับเธอทำให้นิชาดานั่งเฉยไม่ขยับ
“บอกให้กินก็กินเข้าไป หรืออยากให้ผัวป้อนจ๊ะเมียจ๋า”
ดวงตาคู่กลมโตหันมาจ้องเขาตาขุ่น ทำให้ชายหนุ่มยักไหล่
“ว่าไง ถ้าอยากให้ป้อนก็มานั่งตักสิจ๊ะ มามะ”
นิชาดาอยากข่วนหน้ากวนๆ รกๆ นั่นจริงๆ แต่เพราะทำไม่ได้จึงก้มหน้าก้มตากินข้าวแทน อย่างน้อยก็จะไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายให้เคืองใจ
“ฉันขอโทรคุยกับกุ๊กได้ไหม”
จบมื้ออาหารนิชาดาก็หาทางเลี่ยงชายหนุ่ม แม้จะรู้แก่ใจว่าหลบหนีได้ไม่นานนักก็ตาม
“เชิญ จัดการเก็บล้างซะด้วย ฉันจะไปอาบน้ำ”
ธีรดนย์สั่งอย่างไม่ใส่ใจนักแล้วเดินจากไป ทว่าอยู่ๆ ก็หยุดและหันกลับมาเตือน
“ถ้าเธอถ่วงเวลาฉันจะมาอุ้มเข้าห้องนอน”
มือบางยกขึ้นกำเพราะอยากทำอะไรสักอย่างกับคนที่หันหลังให้ไปแล้ว หากก็ได้เพียงบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว
“คนอะไร ทั้งบ้ากามทั้งกวนประสาทชะมัด”
======
หมอกก็อยากสู้นะ แต่สู้ไม่ไหว ^-^"
ปลายนิ้วแกร่งไล้แผ่วผิวตรงข้างเอวสูงขึ้นมาวนเวียนปลายยอดอกแล้วขยำเบาๆ ทำเอานิชาดาสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นกลางดึก พร้อมกับที่ริมฝีปากอุ่นพรมไต่จากต้นแขนมายังไหล่มน ซอกคอจนถึงใบหูก่อนกระซิบ“หมอกจ๋า รักกันนะจ๊ะ”“คุณดนย์ นี่บ้านใหญ่นะคะ ลูกก็อยู่ด้วย”เธองัวเงียห้ามเสียงเบาเพราะเกรงจะทำให้ลูกชายตื่นและตนเองก็พึ่งหลับไปไม่นานหลังจากป้อนนมหนูน้อยจึงยังเพลียอยู่ ทั้งนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มนักอยู่แล้ว ยังดีที่เวลากลางวันมีคุณนายแสงหล้ากับเหมยช่วยดูลูกพอให้ได้งีบบ้าง“น่านะ รับรองเบ๊าเบา ลูกไม่ตื่นแน่”สามียังกระซิบเสียงทุ้มนุ่ม มือก็เคล้าคลึงทรวงอกที่อวบอัดขึ้นของตนทำเอานิชาดาอกใจสั่นไหวไม่น้อย จะว่าไปตนก็คิดถึงสัมผัสจากชายหนุ่มอยู่เหมือนกัน หากก็ยังกังวล“ได้ด้วยเหรอคะ”“เดี๋ยวทำให้ดู”พร้อมพูดชายหนุ่มก็เชยคางให้เธอหันกลับไปรับจูบนุ่มนวลก่อนจะค่อยเพิ่มแรงจูบเม้มและกัดกลีบปากอิ่มด้านล่างให้เธอเผยอรับลิ้นร้อน นิชาดาขยับตัวพลิกมาโอบรอบลำคอหนาตอบรับจูบลึกซึ้งอย่างไม่ยอมน้อยหน้าร่างสองสองขยับเสียดสีเบาๆ ในสัดส่วนที่แตกต่างหากสอดรับกันอย่างลงตัว ลูกชายตัวน้อยนั้นนอนในเปลสี่เหลี่ยมไม่ต้องเกรงว่าแรงเคลื่อ
“คุณดนย์คะ”กลางดึกคืนหนึ่งหลังจากมาพักโรงแรมได้สองวันนิชาดาก็รู้สึกปวดท้องแล้วเหมือนมีบางอย่างไหลออกมา หญิงสาวพึมพำเรียก ชายหนุ่ม เพียงแตะแขนอีกฝ่ายก็รู้สึกตัวแล้วขยับนั่งเปิดโคมไฟทันที“เจ็บท้องเหรอหมอก”“ค่ะ...น่าจะน้ำเดินแล้ว”เธอพูดจนแทบไม่มีเสียงเพราะเจ็บ“งั้นหมอกอยู่นิ่งๆ ก่อนนะ แป๊บเดียว”ร่างสูงใหญ่รีบลุกขึ้นใส่เสื้อโดยเร็วแล้วคว้ากระเป๋าที่เตรียมเอาไว้ก่อนมาประคองร่างที่อุ้ยอ้ายขึ้นของภรรยา“เดินพอไหวไหม”“ค่ะ”นิชาดายังพอไหวจึงกัดฟันค่อยๆ เดินไปพร้อมกับที่ชายหนุ่มพยุง ธีรดนย์ตั้งใจเลือกห้องพักใกล้ลิฟต์จึงไม่ต้องเดินไกลมากหญิงสาวนอนรอเพื่อให้ปากมดลูกเปิดและปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีสามีอยู่ข้างๆ เป็นทั้งคนปลอบใจให้กำลังใจและที่ระบายของตนเพราะบ่อยครั้งที่เธอมักจะจิกเล็บลงบนหลังมือหนาที่กุมมือตนไว้“อื้อ เจ็บจังค่ะ”ยิ่งเห็นดวงหน้าสวยซีดเผือด เหงื่อผุดพราย ทรมานด้วยความเจ็บปวดชายหนุ่มก็ทุรนทุรายตาม เพราะหญิงสาวนอนอยู่แบบนี้มาสามชั่วโมงแล้ว ก้มลงไปจูบหน้าผากมนเช็ดเหงื่อให้ก่อนจะกระซิบ“ฉันจะตามพยาบาลอีกรอบนะ”นิชาดาปล่อยให้ชายหนุ่มไปโดยไม่แย้ง เธอรู้สึกทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่น
ไร่ชาดิฐวัฒน์ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสอากาศบริสุทธิ์แห่งขุนเขา นอนในบ้านท่ามกลางไร่ชาเขียวชอุ่ม มองเห็นเมฆลอยต่ำปกคลุมยอดเขา การเก็บชาก็ได้รับความนิยม มีคนจองคิวเต็มจำนวนในทุกวันนิชาดาที่ออกมาเก็บภาพบรรยากาศวันหยุดเพื่อโพสต์ในเว็บและโซเชียลต่างๆ ของไร่ยืนมองผู้คนที่มีความสุขกับการได้มาไร่นี้อย่างภูมิใจ ตอนนี้นอกจากเพจแล้วเธอเปิดแอคเคาต์โซเชียลของไร่เพิ่มขึ้นจนครบถ้วน เพราะโลกออนไลน์เป็นสิ่งที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในยุคสมัยนี้“ชอบไหมเจ้า”ส้มที่เป็นคนถ่ายภาพให้เธอเปิดกล้องให้ดู ขณะที่นิชาดามากับมธุรินซึ่งยืนเป็นเพื่อนและคอยดูแลเธอที่ท้องแก่ใกล้คลอด ความจริงธีรดนย์ไม่อยากให้หญิงสาวมาทำงานแต่นิชาดาไม่อยากอยู่เฉยๆ การได้ขยับตัวเดินไปเดินมาจะช่วยให้เธอคลอดธรรมชาติได้ง่ายขึ้น หากก็ต้องดูว่าเด็กกลับหัวด้วยหรือไม่เหมือนกัน“อืม ชอบจ้ะ ไปเก็บภาพมุมโน้น ให้เห็นคาเฟ่กับร้านอาหารด้วยนะจ๊ะ”“เจ้า”“พี่ไปกับส้มเองก็ได้ หมอกเข้าไปนั่งพักในคาเฟ่ดีกว่า”มธุรินเอ่ยปากเพราะดูท่าเหมือนภรรยาเจ้าของไร่จะเดินไปอีกไกลกับส้ม“ถ้าอย่างนั้นฝากพี่รินด้วยนะคะ แล้ว
“พอใจหรือยังเมียจ๋า”“อะไรคะ”“ก็รู้แล้วว่าฉันไม่ได้พลาดพลั้งเสียท่าคุณภัทร ฉันเป็นของหมอกคนเดียวมาตั้งแต่จดทะเบียนแล้วไงล่ะ”พร้อมกับถามใบหน้าคมเข้มก็ขยับมาชิด หน้าผากจรดแนบหน้าผากเธอ ส่งสายตาออดอ้อนก่อนจะดันตัวเธอให้ค่อยๆ ถอยไปชิดเตียง แต่เขาทิ้งตัวเองลงหงายหลังแล้วรั้งเธอให้นอนลงไปบนร่างแกร่งนิชาดายิ้มหวาน ไม่ได้ฝืนตัวเพราะตัวเองก็ไม่ได้ขุ่นเคืองอะไร เพียงแค่สงสัยเพราะธีรดนย์ไม่ได้กลับบ้านดึกนัก ยกเว้นช่วงก่อนจัดงานแต่ง“พอใจค่ะ”เธอตอบเสียงเบาชายหนุ่มก็ยิ้มมุมปาก“ผัวเป็นคนดี ไม่วอกแวก รักเมียคนเดียว เมียไม่ให้รางวัลหน่อยเหรอจ๊ะ”คนใต้ร่างอ้อนเสียงทุ้ม แววในดวงตาคู่คมเข้มนั้นหวานฉ่ำจนนิชาดารู้สึกว่าหัวใจตนกำลังละลายไปกับความหวานที่ส่งมาให้“อืม”ปลายนิ้วเรียวไล้วนเหนืออกกว้างพลางทำท่าทีราวครุ่นคิด“อยากได้รางวัลเล็กหรือรางวัลใหญ่คะ”“ชุดใหญ่สิจ๊ะเมียจ๋า”นิชาดาไม่ตอบรับทว่ามือบางเปลี่ยนเป็นลูบแผงอกหนาของคนไม่ใส่เสื้อ แล้วเห็นชายหนุ่มสูดหายใจลึก ยิ่งมือเธอลากลงต่ำ อีกฝ่ายก็ถึงกับกลืนน้ำลายมือนุ่มไม่ได้ต่ำลงไปอย่างที่เขาคาดหวังหากไล้แผ่วเพียงตรงช่วงเอว แต่ชายหนุ่มก็พอใจเพราะร่างหอ
ร่างอรชรออกมายืนหน้าระเบียง มองพระจันทร์ดวงโตผ่านแมกไม้แล้วก็เอาโทรศัพท์ถ่ายก่อนจะอัปโซเชียล ก็มีคนทักและพิมพ์คอมเม้นต์ว่าคิดถึงหลายคน ปกตินิชาดาอัปเดตบ่อยทว่านับแต่มาอยู่ที่นี่ก็ห่างหายเพราะปัญหาต่างๆ ที่รบกวนจิตใจและทุ่มเทความตั้งใจกับงานใหม่ของตน ทั้งยังไม่ได้ตัดวิดีโอที่ถ่ายขณะเดินทางมาไร่ดิฐวัฒน์ด้วย ช่องของเธอพร้อมโซเชียลหยุดเคลื่อนไหวมาสามเดือนแล้ว มานึกขึ้นได้ในตอนนี้ คิดว่าน่าจะพอมีเวลาทำงานตัวเองในวันหยุดได้ เพราะตอนนี้งานในไร่ลงตัวและมีกำหนดปล่อยคลิป Vlog เดือนละครั้ง“จะว่าไป เราไม่เคยชมจันทร์ด้วยกันเลยนะ ออกมาก็น่าจะรอฉันก่อน”เสียงเข้มดังขึ้นและผ้าคลุมที่มาพร้อมการโอบกอดจากด้านหลัง ธีรดนย์คุยงานกับวัชพลนิชาดาก็แวบไปอาบน้ำก่อนแล้วจำได้ว่าเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงซึ่งตนเองยังไม่เคยได้มองดูอย่างจริงจังว่าจะสวยดวงโตแค่ไหน ทั้งยังมีเรื่องให้คิดอยากให้ธรรมชาติยามค่ำคืนช่วยบำบัดความตึงเครียด จึงออกมาหน้าระเบียงในตอนชายหนุ่มอาบน้ำธีรดนย์วางคางบนบ่าเธอ กรุ่นกลิ่นครีมอาบน้ำอบอวลพร้อมไออุ่นจากร่างสูงใหญ่โอบล้อมทำให้หญิงสาวเอนอิงอีกฝ่ายราวต้องการความอบอุ่น“ก็เพราะเอะอะคุณดนย์ก็อุ้มเ
“ฉันเปล่า....”ภัทรดาส่ายหน้าพลางถอยหลังเสียงสั่นมากขึ้น“กลัวทุกคนจะรู้ว่าคุณมาถึงไร่หลังฉันเกิดอุบัติเหตุใช่ไหมคะ”นิชาดาจะไม่ไล่บี้อีกฝ่ายเลยหากเจ้าตัวไม่บอกว่าเธอใส่ร้าย“เธอเกิดเรื่องเมื่อไรฉันก็ไม่รู้ ฉันแค่มาทำงาน ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”“ไม่เป็นไร ดูกล้องก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพราะผมจำเวลาที่หมอกเกิดเรื่องได้ ถ้าคุณไม่รู้อะไรจริงก็รอให้การณ์กับตำรวจ”“คุณดนย์”คนที่หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งตาโต พึมพำพลางถอยหลังช้าๆ“ภัทรไม่ได้ทำนะคะคุณดนย์ ไม่ใช่ภัทรนะ เมียคุณใส่ร้ายภัทร”“ถ้าไม่ได้ทำคุณก็ไม่ต้องกลัวอะไร ไม่ต้องห่วงไปหรอก ตำรวจก็แค่สอบถามเท่านั้น”ยิ่งธีรดนย์เอ่ยถึงตำรวจซ้ำอีกภัทรดายิ่งหวาดกลัวมากขึ้น หญิงสาวรีบหันหลังจะกลับไปขึ้นรถ“ไม่ ภัทรไม่ผิด ภัทรไม่ได้ทำอะไร อย่ามายุ่งกับภัทร”ภัทรดาเหมือนสติหลุดขยับพรวดออกไปราวต้องการหนี ขณะนั้นมีรถคันหนึ่งขึ้นเนินมา ซึ่งก่อนหน้านี้แต่ละคนก็ไม่ทันได้สังเกตสิ่งอื่นเช่นกันเพราะรถของภัทรดาจอดบังทางที่จะเห็นได้ และต่างก็กำลังสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่พอเห็นรถทั้งหมดก็ตะโกนรั้ง“คุณภัทร!”“กรี๊ดดด!”เอี๊ยด!!เสียงรถเบรกดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าภัทรดาก็ถูกเ