แม้ชยันต์รู้ดีว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา แต่ก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เมื่อเด็กไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ซึ่งเธอโชคร้ายที่มาเกิดในท้องของแชมเปญ เธอเป็นมารดาที่ไม่เคยแม้แต่จะอุ้มลูกด้วยซ้ำตั้งแต่คลอดออกมา แชมเปญได้ลูกสาวชื่อว่าชนัญ แปลว่าว่าคนที่แตกต่าง เพราะเธอแตกต่างจริงๆ เมื่อมีแชมเปญเป็นแม่และชยันต์เป็นพ่อด้วยเหตุผลที่เขาต้องจำยอม ไม่สามารถปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบนี้ไปได้ เวลาที่เขามองหน้าเด็กน้อยคนนี้ทีไร ทำให้นึกถึงผู้หญิงอีกคน ถ้าลูกของเขายังอยู่ป่านนี้เธอก็คงจะคลอดแล้ว
เมื่อนึกถึงเขมิกาทีไร ชยันต์ก็มักเดินเข้าไปในห้องของชรัญเสมอ เพราะของทุกอย่างเขาเก็บมันเอาไว้ที่นี่เพื่อรอให้เขมิกากลับมาทั้งที่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันคงไม่มีวันจะเป็นไปได้ แต่เขาก็ยังหลอกตัวเองว่าสักวันเขมิกาจะกลับมาพร้อมกับลูกน้อย เมื่ออยู่ลำพังน้ำตาของลูกผู้ชายอกสามศอกได้ไหลหยดลงมาอีกครั้ง กรอบรูปงานแต่งที่มีเขาเป็นเจ้าบ่าวเขมิกาเป็นเจ้าสาว
ใบหน้าอันงดงามที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้ชยันต์นึกถึงวันที่เขาพรากทุกอย่างไปจากเธอ ตั้งแต่วันที่เขาเดินเข้ามาในชีวิตของเขมิกา รอยยิ้มนั่นก็ค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับรอยน้ำตาที่เข้ามาแทนที่ ใครจะดูแลเธอเวลาท้องแก่ เดินเหินคงลำบากแย่
โดยเฉพาะเวลาคลอดเธอจะหากำลังใจได้จากที่ไหน ใครจะพาเธอไปทำคลอด ลูกของเขาจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ใบหน้าจะเหมือนพ่อหรือแม่กันนะ นั่นคือคำถามที่เขาไม่สามารถหาคำตอบได้ มีเพียงน้ำตาที่เป็นเพื่อนคอยบรรเทาให้กับเขาได้บ้าง แต่ความรู้สึกผิดที่เขาทำไว้กับเขมิกา มันไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลยสักนิด ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากชดใช้ให้เธอด้วยชีวิต
การเดินเพียงลำพังอาจจะดูเดียวดาย แต่ก็ผ่านมันมาได้แม้ต้องล้มบ้างเป็นบางวัน ชีวิตการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มันไม่ง่ายเลยสำหรับเธอ แต่เขมิกาก็พยายามทำอย่างเต็มความสามารถ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้กับมาเรียม ตอนนี้ลูกน้อยโตพอจะเข้าโรงเรียน ในชั้นอนุบาลแล้ว เขมิกาจึงให้ลัลนาจัดการเรื่องโรงเรียนที่ดีที่สุดให้กับมาเรียม ถึงแม้ว่าเธอจะต้องทำงานหนักแค่ไหนก็ตาม เมื่อชีวิตของเขมิกาสวรรค์ไม่เคยเข้าข้าง แถมยังลำเอียงให้พบเจอแต่สิ่งเลวร้าย เธอจะไม่ทนอีกต่อไป มันถึงเวลาที่หญิงสาวจะลุกขึ้นสู้ เพื่อลูกรักของเธอแล้ว
"แน่ใจนะเขม ว่าจะให้มาเรียมเข้าเรียนที่นี่ มันแพงมากเลยนะ" ลัลนาพูดออกมาด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนรัก
"สำหรับมาเรียมแล้ว มันไม่แพงเลยนา สิ่งเดียวที่เขมจะทำให้มาเรียมได้ คือการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก"
"สิ่งที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องแพงที่สุดสักหน่อยเขม" ใช่ลัลนาพูดถูก ดีที่สุดไม่จำเป็นต้องแพงที่สุด แต่เธอจะไม่ขอเป็นผู้แพ้อีกแล้ว เขมิกาได้รู้มาว่าลูกของชยันต์กับผู้หญิงคนนั้นเรียนอยู่ที่นั่น เธอจึงอยากให้ลูกสาว มีการศึกษา มีโรงเรียนที่เทียบชั้นกับคนเหล่านั้นที่เคยทำร้ายเธอ
"ลูกของชยันต์เรียนที่นั่น!" เขมิกาพูดออกมาด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
"ฮ่ะ! แล้วเธอจะส่งมาเรียมไปเรียนที่นั่นทำไม เขมเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ถ้าคุณชยันต์รู้เรื่องมาเรียม เขมไม่กลัวว่าเขาจะแย่งลูกไปจากเธอเหรอเขม" ลัลนาเอ่ยถามออกมาอย่างร้อนรนใจ ผิดกับเขมิกาที่นิ่งเฉยชาเสียจนเพื่อนสนิทเดาความคิดไม่ออก เธอกำลังคิดจะทำอะไร การผูกพยาบาทจองเวรนั้น ล้วนมีผลเสียด้วยกันทั้งสิ้น
"เขมใช้นามสกุลใหม่ เขาไม่มีทางรู้ว่ามาเรียมเป็นลูกของเขา ที่สำคัญนาต้องเป็นคนรับส่งมาเรียมแทนเขม"
"อืมได้ แต่เขมอย่าลืมนะ สายใยของพ่อกับลูกมันมักจะผูกพันกันได้เสมอ เรื่องรับส่งมาเรียมมันเป็นหน้าที่ของนาอยู่แล้ว"
"เขาไม่มีวันจะได้สัมผัสมาเรียม เพราะเขาเป็นคนสั่งฆ่ามาเรียมไปแล้ว ตั้งแต่เขมตั้งท้อง ลูกที่เขาไม่ต้องการ ชยันต์ก็ไม่ควรจะได้สัมผัสกับความเป็นพ่อ นาไว้ใจเถอะนะ สิ่งที่เขมกำลังทำ เขมล้วนทำเพื่อมาเรียมทั้งนั้น"
"สรุปแล้วตามนี้นะ เดี๋ยวนาจะให้คนไปจัดการเรื่องเอกสารการเข้าเรียนของมาเรียมให้เรียบร้อย"
"อืม ตามนั้นขอบใจมากนะนา"
"เปิดเทอมเตรียมพร้อมนะสาวน้อย แม่นาไปก่อนนะคะคนเก่ง" ทั้งคู่สนทนากันจบประโยค มาเรียมก็เดินเข้ามาพอดี ลัลนาเอามือลูบลงที่ศีรษะเของมาเรียมอย่างรักใคร่และเอ็นดู ความสดใสน่ารักของหนูน้อย ทำให้คนที่นี่ต่างก็เมตตามาเรียม มีแต่คนแย่งกันดูแลไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าขนมนมเนย พวกของเล่นเขมิกาแทบจะไม่ได้ซื้อ เพราะในแต่ละวันมักจะมีคนนำเอามาฝากมาเรียมเสมอ
เมื่อลัลนาเดินออกไปจากห้อง เขมิกาอุ้มมาเรียมเข้ามากอด พร้อมทั้งหอมแก้มซ้ายขวาอย่างมันเขี้ยว ในความน่ารักของลูกสาว
"อยากไปโรงเรียนไหมคะคนสวย ที่โรงเรียนหนูจะได้พบกับเพื่อนใหม่ด้วยนะ" เขมิกาเอ่ยถามลูกสาวออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พร้อมกับสบตาสาวน้อยเอาไว้ ด้วยความรู้สึกรักและห่วงใย อยากให้เธอได้มีอนาคตที่สดใส
"แม่เขมไปด้วยไหมคะ" เด็กหญิงมาเรียมเอ่ยถามออกมาด้วยความใสซื่อ
"แม่เขมไปด้วยไม่ได้ค่ะ แม่เขมต้องทำงานหาตังค์เยอะๆ ไว้ให้หนูซื้อขนม เข้าใจไหมคะ"
"เข้าใจค่ะ" สาวน้อยพูดพร้อมทั้งเอามือเล็กคล้องคอผู้เป็นมารดาเอาไว้ ก่อนจะจุ๊บลงไปที่เรียวปากของผู้ให้กำเนิด อย่างอบอุ่นและรักหมดใจดวงน้อยของเธอที่มี
ใครเล่าจะรู้กับความระทมที่มี เมื่อชีวิตถูกกำหนดมาให้เป็นเช่นนี้ เด็กน้อยกลับมาจากโรงเรียน เธอพบเพียงห้องว่างเปล่า มาเรียมมองซ้ายแลขวาหามารดาผู้ให้กำเนิด จนลัลนาอดที่จะสงสารไม่ได้ เมื่อเด็กตัวแค่นี้ต้องมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ ลัลนาได้แต่หวังว่าอนาคตของมาเรียม โชคชะตาคงไม่เล่นตลกเหมือนกับที่มารดาของเธอพบเจอมา"มาเรียมคืนนี้อยู่กับแม่นานะ แม่เขมไปทำงานพรุ่งนี้เช้าก็กลับ""แม่เขมทำงานที่ไหนคะ ทำไมถึงทำตอนกลางคืน แม่เขมบอกว่าตอนกลางคืนมันอันตราย" คำถามของมาเรียมทำให้ลัลนาถึงกับสะอึก ทุกคนต่างพร่ำสอนให้มาเรียมเป็นเด็กดี ผ้าขาวผืนนี้ใครจะระบายสีอะไรลงไป จะสวยงามแค่ไหนมันคงอยู่ที่คนแต่งแต้ม อย่างน้อยมาเรียมก็โชคดีที่คนแต่งแต้มสีลงไปเป็นเขมิกา มารดาที่รักลูกปานดวงใจ คอยผลักดันส่งเสริมให้หนูน้อยมีอนาคตที่สดใจ แม้ว่าตัวเธอต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตามที"แม่เขมไปทำงาน ไปร้องเพลง มาเรียมไปอาบน้ำนะคะคนเก่ง จะได้มาทานข้าวเย็นด้วยกัน""ค่ะ แม่นา" มาเรียมเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แต่ลัลนากลับรู้สึกผิด เมื่อสิ่งที่พูดไปนั้นมันคือการโกหก ซึ่งมาเรียมเป็นเด็กฉลาด การปกปิดเรื่องนี้คงทำได้เพียงแค่ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
บนเส้นทางที่มืดมนคงไม่อับจนไร้สิ้นซึ่งทางเดิน วันนี้เขมิกาขอติดรถมาส่งลูกสาวด้วย ลัลนาก็ไม่ได้แย้งอะไร เพราะความเป็นจริงแล้วก็อยากให้เขมิกาได้ไปส่งลูกบ้าง อย่างน้อยมาเรียมก็จะรู้สึกอบอุ่นที่มีมารดามาส่งเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง เมื่อมาถึงโรงเรียน เขมิกาขอรอในรถไม่ต้องเอ่ยถึงเหตุผล เพื่อนอย่างลัลนาก็เข้าใจดี"เป็นเด็กดีนะคะเชื่อฟังคุณครูรู้ไหมลูก""ค่ะ สวัสดีค่ะ หนูไปแล้วนะคะคุณแม่" เด็กน้อยพูดพร้อมกับยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ก่อนจะเข้าไปสวมกอดผู้เป็นมารดา จากนั้นจึงลงจากรถไปพร้อมกับลัลนา ก่อนจะโบกมือลามารดาของเธอ ซึ่งเขมิกานั่งอยู่ในรถที่ติดฟิล์มกรองแสงหนาทึบ ทำให้คนที่มองเข้ามาไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นใคร แต่คนอยู่ด้านในสามารถมองออกไปเห็นคนด้านนอกอย่างชัดเจนรถคันหรูแล่นเข้ามาจอดเทียบกับคันที่เขมิกานั่งอยู่ ผู้ชายร่างกำยำที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี ค่อยๆ เปิดประตู พร้อมกับอุ้มเด็กหญิงหน้าตาน่ารักวัยเดียวกับมาเรียมลงมาจากรถ ก่อนจะมีผู้หญิงสาวสวยก้าวเท้าตามลงมา สามคนพ่อแม่ลูกเดินเข้าไปภายในโรงเรียน โดยมีสายตาของเขมิกาทอดมองไปยังสามคนจนลับตา ด้วยความรู้สึกชอกช้ำในอุราเมื่อเขมิกานั่งมองภาพตรงหน้า
เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป การเปิดภาคเรียนใหม่ก็มาถึง เด็กหญิงมาเรียมหน้าตาบ้องแบ๊ววัยน่ารัก เดินเข้ามาในโรงเรียน พร้อมกับมารดาที่ชื่อว่าลัลนา ทำให้ผู้ปกครองบางคนที่รู้ถึงอาชีพของเธอต่างมองมาอย่างเหยียดๆ แต่ลัลนาก็ไม่สนใจ"สวัสดีค่ะคุณครู" ลัลนาพูดพร้อมทั้งพนมมือไหว้ทักทายคุณครู ซึ่งคุณครูเองก็รีบรับไหว้พร้อมทั้งยิ้มกว้างให้กับทั้งสองอย่างเป็นกันเอง"สวัสดีค่ะคุณลัลนา หนูมาเรียม" มาเรียมยกมือขึ้นไหว้ครูไม่สวยเท่าไรนัก เพราะเด็กน้อยเริ่มจะรู้แล้วว่าที่นี่จะไม่มีมารดาของเธอ"ไหว้สวยๆ ค่ะหนูมาเรียม" ลัลนาเอ็ดมาเรียมเล็กน้อย ซึ่งเป็นการติเพื่อก่อ เมื่อลัลนสต้องการให้เด็กน้อยทำกิริยาให้งดงาม สมกับที่เป็นลูกหลานของบ้านรชนิศภานุพงศ์"ซาหวัดดีคะคุณครู" แม้จะพูดยังไม่ชัดสักเท่าไหร่นัก แต่เด็กหญิงมาเรียมก็พูดออกเสียงรอเรือได้ชัดเจน กว่าพยัญชนะตัวอื่น"สวัสดีค่ะ หนูมาเรียมไหว้สวยมากเลยนะคะ ไปค่ะคุณครูจะพาเอาของไปเก็บ แล้วไปเล่นกับเพื่อนๆ นะคะ""ฝากด้วยนะคะคุณครู""ไม่ต้องห่วงค่ะคุณลัลนา หน้าที่ของคุณครูคือการอบรมดูแลและเอาใจใส่เด็กทุกคนเป็นอย่างดีค่ะ"เมื่อลัลนาส่งมาเรียมเข้าห้องเรียนเสร็จแล้ว เธอก็
แม้ชยันต์รู้ดีว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา แต่ก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เมื่อเด็กไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ซึ่งเธอโชคร้ายที่มาเกิดในท้องของแชมเปญ เธอเป็นมารดาที่ไม่เคยแม้แต่จะอุ้มลูกด้วยซ้ำตั้งแต่คลอดออกมา แชมเปญได้ลูกสาวชื่อว่าชนัญ แปลว่าว่าคนที่แตกต่าง เพราะเธอแตกต่างจริงๆ เมื่อมีแชมเปญเป็นแม่และชยันต์เป็นพ่อด้วยเหตุผลที่เขาต้องจำยอม ไม่สามารถปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบนี้ไปได้ เวลาที่เขามองหน้าเด็กน้อยคนนี้ทีไร ทำให้นึกถึงผู้หญิงอีกคน ถ้าลูกของเขายังอยู่ป่านนี้เธอก็คงจะคลอดแล้ว เมื่อนึกถึงเขมิกาทีไร ชยันต์ก็มักเดินเข้าไปในห้องของชรัญเสมอ เพราะของทุกอย่างเขาเก็บมันเอาไว้ที่นี่เพื่อรอให้เขมิกากลับมาทั้งที่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันคงไม่มีวันจะเป็นไปได้ แต่เขาก็ยังหลอกตัวเองว่าสักวันเขมิกาจะกลับมาพร้อมกับลูกน้อย เมื่ออยู่ลำพังน้ำตาของลูกผู้ชายอกสามศอกได้ไหลหยดลงมาอีกครั้ง กรอบรูปงานแต่งที่มีเขาเป็นเจ้าบ่าวเขมิกาเป็นเจ้าสาวใบหน้าอันงดงามที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้ชยันต์นึกถึงวันที่เขาพรากทุกอย่างไปจากเธอ ตั้งแต่วันที่เขาเดินเข้ามาในชีวิตของเขมิกา รอยยิ้มนั่นก
บางครั้งความเจ็บปวดมันก็ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังทุกข์ เพราะการเจ็บปวดครั้งนี้มันมาพร้อมกับความสุข รถพยาบาลแล่นเข้ามาหน้าตึกทางเข้าห้องฉุกเฉิน โดยมีหญิงท้องแก่นอนปวดท้องอยู่ภายในรถ ก่อนที่เธอจะถูกพยาบาลและบุรุษพยาบาลพาขึ้นรถเข็นเข้าไปยังห้องคลอด ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวเขมิกากำลังนอนรอให้กำเนิดทารกน้อย ความเจ็บปวดและการบีบรัดบวกกับการหดตัวเป็นจังหวะของมดลูกนั้น มันมีความรุนแรงสม่ำเสมอและถี่มากขึ้นเรื่อยๆ เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มใบหน้าบวกกับความเจ็บปวดที่บ่งบอกถึงนาทีเป็นนาทีตาย ซึ่งมันเจ็บเกินคำบรรยายใดๆ หากเวลานี้มีบิดาของลูกยืนอยู่ข้างๆ คอยกุมมือให้กำลังใจและซับเหงื่อให้ มันคงจะรู้สึกดีหรืออาจจะบรรเทาความเจ็บปวดลงได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่เวลานี้เขมิกากำลังเผชิญกับความเจ็บปวดนี้เพียงลำพัง เมื่อความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวดีขึ้นเรื่อยๆ นิการู้สึกเจ็บมากที่สุดที่เคยเจ็บมาในชีวิตนี้ ความรู้สึกครั้งนี้ทำให้เธอนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นมารดา ในวันนั้
อดีตมันคือเรื่องราวของเมื่อวาน..แม้เพิ่งผ่านมาไม่นานจะขอจดจำแต่สิ่งดี บ้านรชนิศภานุพงศ์ คุณหญิงขวัญเรียมนั่งถอนหายใจอยู่ที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นสภาพของลูกชายที่เหลือเพียงคนเดียวตอนนี้ชยันต์ไม่ต่างอะไรกับศพที่เดินได้ หน้าตาที่เคยหล่อเหลาเวลานี้มันรุงรังไปด้วยหนวดเครา เนื้อตัวที่ซูบผอมเสื้อผ้าที่เคยเนี้ยบ คนรีดต้องใช้เวลาและพิถีพิถันเป็นอย่างดีเขาจึงจะสวมใส่แต่เวลานี้เขากลับสวมเพียงแค่เสื้อยืดกางเกงยีนที่ไม่ได้ถอดไปซักเป็นเวลาหลายวันแล้ว มันดูมอซอเสียจนผู้เป็นมารดาแทบทนไม่ได้ กลิ่นน้ำเมาส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลคละคลุ้งไปทั่วร่าง แทนน้ำหอมแบรนด์เนมที่เคยใช้ น้ำที่ไม่ได้ไหลชำระล้างผ่านร่างกายมาหลายวันนั้น ทำให้สภาพของเขาเวลานี้ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ใครเห็นคงไม่เชื่อแน่ว่าเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อไฟแรง ที่บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่เคยแย่งกันขายขนมจีบ "ชยันต์แกจะหยุดดื่มได้หรือยังแม่ขอเถอะนะ แม่เหลือแกแ