LOGINฟองคำยิ้มออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นเจ้านายลงมาชั้นล่างแต่เช้า ถึงรังสิมันต์จะยังอยู่ในชุดลำลอง คล้ายกับเป็นการบอกให้รู้เป็นนัยๆ ว่าวันนี้เขาก็ยังไม่คิดจะออกไปทำงาน แต่หัวหน้าแม่บ้านก็ยังใจชื้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนเริ่มมีท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ใบหน้าหล่อเหลาซึ่งรกครึ้มด้วยไรหนวดไรเครา บัดนี้กลับมาเกลี้ยงเกลาอีกครั้ง แม้จะยังมีร่องรอยของความอิดโรยปนอยู่ ฟองคำก็เชื่อว่าอีกไม่นาน เจ้านายที่ตนเคยเห็นมาแต่สมัยยังเป็นเด็กหนุ่มจะกลับมาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาดังเดิม
และทั้งหมดที่ฟองคำเห็นอยู่ตอนนี้ คงเป็นเพราะ...คุณจันทร์
“จันทริกาตื่นหรือยัง”
ชื่อของคนที่ฟองคำกำลังนึกขอบคุณหลุดออกมาจากปากของเจ้านาย ทำให้ฟองคำยิ่งมั่นใจว่าคนที่จะช่วยให้รังสิมันต์หลุดจากความเศร้าและสิ้นหวังได้ก็คือจันทริกา แต่หากฟองคำจะสะดุดหูสักนิด คงรู้ว่าชื่อของจันทริกาที่ปกติถูกเรียกขานอย่างสนิทสนม บัดนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“ยังค่ะคุณตะวัน ยังไม่เห็นออกมาเลย แต่ปกติเธอตื่นแต่เช้ามากเลยนะคะ ทำไมวันนี้ถึงยังไม่เห็นออกมาจากห้องก็ไม่รู้”
แม้ฟองคำจะพูดเหมือนดั่งว่าวันนี้มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับจันทริกา แต่รังสิมันต์กลับไม่แปลกใจสักนิด เขายังจำสภาพร่างบางที่ร้องไห้จนตัวโยน หลังจากถูกเขาลงทัณฑ์จนยับเยินอยู่บนเตียงนานหลายชั่วโมง เขาไม่คิดแม้แต่จะเอ่ยปลอบ กลับมองเธอก้มลงเก็บเสื้อผ้าของตัวเองมาใส่ แล้วเดินโซซัดโซเซราวกับลูกนกเปียกน้ำด้วยความเฉยเมยเย็นชา แต่หลังจากจำเลยพ้นห้อง คนพิพากษาอย่างเขาก็หลับตาลง ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะเป็นคืนแรกที่เขาสามารถหลับได้สนิทหลังจากศศิประภาเสียชีวิตไป นั่นคงเป็นเพราะความชิงชังโกรธแค้นในใจได้ถูกระบายออกไปบ้างแล้ว...
“ไปดูซิฟองคำ ถ้ายังไม่ตื่นก็ให้ปลุก แล้วบอกให้ออกมาพบฉัน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ค่ะคุณตะวัน”
รับคำสั่งเสร็จฟองคำก็ตรงดิ่งไปยังห้องชั้นล่างซึ่งมีเพียงห้องเดียว นางยกมือขึ้นเคาะประตูหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างใน ฟองคำจึงผลักประตูเข้าไปดูเพราะห้องไม่ได้ล็อก
เข้าไปไม่ถึงสองนาทีฟองคำก็เผ่นแน่บกลับออกมา แล้วก้าวย่างอย่างเร่งรีบกลับไปหาเจ้านายของตน ซึ่งตอนนี้ยังยืนรออยู่ที่เดิม
“ว่าไงฟองคำ จันทริกาตื่นหรือยัง”
“ยังค่ะ”
“แล้วได้ปลุกหรือเปล่า”
“ดิฉันไม่กล้าปลุกค่ะ คุณจันทร์คงไม่สบายเพราะตัวร้อนจี๋เลย” ฟองคำรีบรายงาน
ได้ยินเช่นนั้นร่างสูงก็รีบก้าวยาวๆ ไปยังห้องที่เขาไม่เคยย่างกรายเข้าไป โดยมีฟองคำก้าวตามมาไม่ห่าง
ภาพของจันทริกาที่นอนซมเพราะพิษไข้อยู่บนเตียงทำให้ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เตียง ตาคมเหมือนจะวูบไหวไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าตอนนี้เธอสวมชุดเดิมที่เมื่อคืนถูกเขากระชากออกจากร่าง ใบหน้าดูซีดเซียว ริมฝีปากแห้งผากเพราะถูกรุมเล่นงานด้วยพิษไข้ ซึ่งเกิดจากเขาเป็นสาเหตุ
มือใหญ่เอื้อมไปจนเกือบจะแตะหน้าผากของจันทริกาซึ่งยังคงหลับตานอนนิ่ง แต่เขาก็ชะงักมือเอาไว้แล้วรีบชักมันกลับมา ราวกับกลัวว่าตัวเองจะเปลี่ยนใจ ก่อนจะหันไปสั่งบางอย่างกับคนของตน
“ฟองคำ ตามหมอมาดูอาการ เสร็จแล้วก็หาข้าวหายาให้กิน”
“ได้ค่ะ...”
พูดจบรังสิมันต์ก้าวดุ่มๆ ออกไปจากห้อง ทิ้งให้ฟองคำยืนงงงวยกับท่าทีของเจ้านาย จะว่าไม่ห่วงก็ไม่ใช่ จะว่าห่วงฟองคำก็ไม่แน่ใจเท่าใดนัก
หัวหน้าแม่บ้านถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับบอกตัวเองว่า เจ้านายคงระมัดระวังกิริยาในการแสดงความรู้สึกต่อจันทริกา เพราะเธออยู่ในฐานะน้องเมีย แม้ว่าตอนนี้ศศิประภาจะตายไปแล้ว และจันทริกากับศศิประภาไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ แต่รังสิมันต์คงเกรงว่าจะมีคนครหา
ฟองคำออกจากห้องนั้นแล้วรีบโทร.ตามหมอตามคำสั่ง ส่วนคนสั่งตอนนี้คว้าเอากุญแจรถและขับมันออกจากบ้านอย่างหงุดหงิดตัวเอง
เวลาผ่านไปกว่าสองชั่วโมง รถราคาแพงจึงแล่นกลับเข้ามาที่บ้านอีกครั้ง ในมือถือถุงยาถุงใหญ่ติดมาด้วย ฟองคำเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปหาและรายงานเกี่ยวกับอาการของจันทริกาให้รังสิมันต์ได้รับทราบ เพราะคิดว่าเจ้านายคงห่วงเด็กสาวไม่น้อยจึงได้ไปซื้อมาซะเยอะแยะขนาดนี้
“คุณหมอกลับไปแล้วนะคะคุณตะวัน”
“แล้วจันทริกาเป็นยังไงบ้าง”
“คุณหมอบอกว่ามีไข้ค่ะ น่าจะเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ แล้วก็ร่างกายตรากตรำเกินไป คุณหมอก็เลยจัดยาไว้ให้”
“แล้วหาอะไรให้กินหรือยัง”
“คงกำลังกินค่ะ เมื่อสักครู่ดิฉันให้เด็กยกข้าวต้มเข้าไปให้แล้ว”
“อืม...”
รังสิมันต์แค่ทำเสียงบางอย่างในลำคอ เท้ากำลังจะก้าวไปยังห้องของคนที่ถูกพูดถึง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินฟองคำพูดบางประโยคขึ้น
“คุณจันทร์คงดีใจนะคะ ถ้าได้รู้ว่าคุณตะวันเป็นห่วงเธอขนาดนี้”
ร่างสูงแค่หยุดฟังไม่ได้ตอบโต้ จากนั้นก็ก้าวตรงไปยังจุดหมายตามที่ตัวเองตั้งใจ...เขาไม่ได้เป็นห่วง เพียงแค่ปล่อยให้จันทริกาเป็นอะไรไปไม่ได้ ตราบใดที่เธอยังชดใช้ความผิดของตัวเองยังไม่สาสม
บทที่ 112ร่างสูงเดินตามบันไดลงไปชั้นล่าง หลังออกจากห้องลูกชาย พยายามครุ่นคิดว่ายามดึกแบบนี้เมียเขาจะไปอยู่ที่ไหน ตอนแรกคิดว่าเธอออกไปเดินเล่น เลยไปตามหาดูที่สวนหย่อม แต่ก็ไร้เงาจันทริกาอย่างสิ้นเชิง คนตามหาเมียจึงทั้งร้อนใจและอดหัวเสียด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ กระทั่งฉุกคิดขึ้นได้ถึงห้องนอนชั้นล่างที่เขายังไม่ได้ไปดู ร่างสูงจึงก้าวตรงไปยังห้องนั้นอย่างไม่ลังเล แล้วก็ต้องแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นแสงสว่างเล็ดลอดออกมาจากข้างในเธอลงมาทำอะไรที่นี่นะมือใหญ่ผลักประตูเข้าไปเพื่อหาคำตอบให้ตัวเองในทันที ทำเอาคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งเล็กน้อย มือที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ชะงักไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เช่นกัน เมื่อความลับที่ตัวเองพยายามจะปกปิด ถูกจับได้เสียแล้ว“อยู่นี่นี่เอง พี่ตามหาซะทั่ว” เสียงทุ้มรำพึงขึ้นแบบกึ่งโล่งอกกึ่งคาดโทษ เพราะหลายวันมานี้เธอทำให้เป็นห่วงและแอบหนีเขามากลางดึกอยู่บ่อยๆ“จันทร์นึกว่าพี่ตะวันหลับไปแล้วซะอีกค่ะ” จันทริกาพูดออกไปตามที่ตัวเองจำได้ เพราะก่อนออกจากห้องมา รังสิมันต์มีอาการง่วงงุนจนเกือบจะหลับไปแล้ว“ตอนแรกก็หลับไปแล้ว แต่ก็ต้องตื่นมาเพราะเมียหาย ไม่ใช่คืนแรก
บทที่ 111เมื่อภรรยาเอาแต่ยืนหน้าแดง รังสิมันต์จึงยื่นแขนมาเกี่ยวเอวเล็ก รั้งร่างบางให้นั่งลงบนตัก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้ม“ตกลงนะ”“ก็ได้ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยรับปากอายๆ ทำให้คนที่ได้ดั่งใจประกบปากจูบเธออย่างดูดดื่มทันที และจันทริกาก็อดไม่ได้ที่จะจูบตอบเขาด้วยความดูดดื่มอ่อนหวานเช่นกันรังสิมันต์ครางออกมาในลำคออย่างพอใจ มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามลอนสะโพกผาย ต่ำลงไปยังชายกระโปรงแล้วรุกคืบเข้าไปข้างใน สัมผัสกับความเนียนละมุนของขาอ่อน เช่นเดียวกับปากและจมูกโด่ง ที่ตอนนี้ผละออกจากการประกบจูบ แต่กลับเริ่มซุกไซ้ไปตามพวงแก้ม ใบหู เลื่อนต่ำไปถึงซอกคอ แล้วระดมจูบไซ้ปลุกเร้า อย่างรู้ดีว่าทำอย่างไรจันทริกาจึงจะยอมตามใจ“พอแล้วค่ะพี่ตะวัน ไหนว่าคืนนี้ไงคะ” เสียงหวานเอ่ยประท้วงออกมาหอบๆ พยายามจะผลักใบหน้าสามีออกห่างแต่เขาไม่ยอม“ขอมัดจำก่อนไงจ๊ะ”“ไม่เอาค่ะ จันทร์ต้องลงไปหาอาทิตย์นะคะ”“ฟองคำเลี้ยงให้อยู่ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้อยู่กับพี่ก่อนเถอะนะ”“จันทร์คิดถึงลูกนี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมง”“แล้วไม่คิดถึงผัวบ้างเหรอคนดี พี่กับจันทร์ก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมงเหมือนกันนะ”“คิดถึงค่ะ คิดถึงทั้งลูก
บทที่ 110‘น้องอาทิตย์’ ลูกชายวัยหกเดือนนั่งรถมากับพ่อบนเบาะหลัง ในตอนบ่ายช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยมีอุ้ยคำเป็นคนขับ รถคันหรูแล่นมาหยุดที่ลานจอดรถของคณะซึ่งแม่น้องอาทิตย์เรียนอยู่ แม้วันนี้จะเป็นวันหยุด แต่ทว่าลานจอดรถกลับแน่นขนัดไปด้วยพาหนะของนักศึกษาภาคพิเศษในระดับปริญญาตรี โท และเอก ที่ต่างต้องมาเรียนในวันเสาร์อาทิตย์ ร่างบางออกมาจากตึกช้ากว่าเวลาเดิมเกือบสิบห้านาที ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มก่อนหน้านี้บึ้งตึงลงโดยพลัน ไม่ใช่เพราะต้องรอเมียนาน แต่เป็นเพราะมีหนุ่มหล่อหน้าตาดีเดินเคียงคู่ออกมาด้วยต่างหากเห็นเช่นนั้นลมเพชรหึงก็กำเริบทันที ร่างสูงเอียงตัวไปอุ้มลูกน้อยขึ้นมาบนวงแขน ก่อนจะผลักประตูรถลงไป แล้วก้าวยาวๆ ตรงไปหาภรรยาสาวอย่างไม่ลังเลทันที“ทำไมวันนี้มาช้าจังครับที่รัก พี่กับลูกมารอตั้งนาน” ไม่แค่ถามแต่รังสิมันต์ยังส่งน้องอาทิตย์ให้ผู้เป็นภรรยาอุ้ม พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ไปยังไอ้หน้าหล่อคนนั้น เป็นเชิงบอกว่านี่เมียเขาและเธอก็มีลูกแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าทำตัวสนิทสนมกับเมียเขาเกินเหตุ“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีจันทร์มีงานกลุ่มที่ต้องแบ่งกันทำกับเพื่อ
บทที่ 109หลังจากงานแต่งงานระหว่างรังสิมันต์กับจันทริกาผ่านไป เสียงเปียโนแสนไพเราะก็มักจะดังขึ้นบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับคืนนี้ก็เช่นกัน คฤหาสน์หลังใหญ่ในยามค่ำคืน ยังคงสวยงามและสว่างไสวด้วยไฟหลากหลายดวง เสียงเปียโนที่ถูกบรรเลงด้วยนิ้วเรียวๆ สวยๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของราตรีกาล สมาชิกในครอบครัวที่กำลังนอนอยู่ต่างอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเสียงเปียโนที่กำลังถูกบรรเลงอยู่ตอนนี้นั้น เป็นท่วงทำนองอันแว่วหวานแสนไพเราะ สะท้อนอารมณ์ของคนเล่นเป็นอย่างดี ว่ากำลังมีความสุขมากแค่ไหน ความสุขนั้นส่งผ่านเสียงเพลง ขับกล่อมคนฟังให้ผล็อยหลับไปอย่างแสนสุขเช่นเดียวกับคนเล่น“อุ๊ย...พี่ตะวัน”เสียงหวานอุทานขึ้น เมื่อเพลงแสนหวานนั้นจบลง พร้อมๆ กับที่เอวเล็กถูกแขนแข็งแรงสอดเข้ามากอด พวงแก้มและซอกคอก็โดนจูบโดนไซ้จากจมูกโด่งคมของคนที่ไม่เคยยอมห่างเธอไปไหน“รางวัลสำหรับเพลงเพราะๆ”“ใครอยากได้รางวัลแบบนี้กันคะ”“ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ”“ใครๆ ที่ว่านี่หมายถึงสาวๆ ของพี่ตะวันเหรอคะ” จันทริกาเอียงหน้ามาถาม สีหน้าและแววตาสะท้อนความสุขออกมา จนตอนนี้ใครต่อใครต่างก็บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉามากที่สุด“ถ
บทที่ 108งานแต่งงานเล็กๆ ถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ต่อมา ตอนเช้าเป็นงานแต่งแบบไทยตามประเพณี รังสิมันต์เชิญเฉพาะญาติผู้ใหญ่ฝั่งตัวเองมาเป็นสักขีพยาน และเป็นการบอกกล่าวให้รับรู้ว่าจันทริกาคือภรรยาของเขา ส่วนญาติทางฝั่งจันทริกาไม่มีใคร นอกจากตาธงกับยานนวลที่เธอถือว่าเป็นตากับยายของเธอ ส่วนงานกลางคืนเป็นงานเลี้ยงแบบอบอุ่น ที่มีเฉพาะเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แน่นอนว่าหนุ่มๆ ทั้งสี่คนซึ่งได้แก่ ปรัญช์ ปราณต์ ศาสตรา และกวินภพ มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้กันทั่วหน้า โดยแต่ละคนต่างควงคู่ภรรยามาทั้งนั้น ยกเว้นกวินภพซึ่งยังโสดแต่ก็ยังมีคนมาด้วย คือเอมมาลินนั่นเอง เอมมาลินถูกเชิญมางานเลี้ยงคืนนี้ด้วย เพราะถึงแม้จันทริกาจะรู้จักกับเอมมาลินได้ไม่นาน แต่เอมมาลินก็เป็นผู้มีพระคุณและยังเป็นคนที่เธอรักและนับถือเหมือนพี่สาวอีกคนหนึ่ง งานนี้อดีตคนเคยรักจึงจำต้องเดินทางมาเชียงใหม่ด้วยกันตามลำพังบรรยากาศของงานเลี้ยงเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองจริงๆ พี่สาวที่รักทั้งสองอย่างภัคธีมาและธรินดาต่างแสดงความยินดีกับน้องสาว ที่แม้ต้องเผชิญกับความร้ายกาจของรังสิมันต์ เพราะความเข้าใจผิดมามากมาย แต่ในที่สุดเธอก็เ
บทที่ 107“คนร้ายกาจ” จันทริกาต่อว่าคนเจ้าแผนการเบาๆ ไม่ใช่เพราะโกรธเคือง แค่รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยชนะเขาเลย แต่แท้จริงแล้วเขาต่างหากล่ะที่พ่ายแพ้ต่อเธอ พ่ายแพ้แบบยอมสยบแทบเท้า ยอมแบบราบคาบหมดทุกอย่าง“ที่ต้องร้ายก็เพราะรักมาก อยากชดเชยความผิดของตัวเอง แบบนี้จันทร์ยังจะใจแข็งกับพี่ได้ลงคออีกเหรอ” เขาใช้ทั้งลูกล่อลูกชน เพื่อให้เธอยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ขณะที่รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆ และเข้าใกล้ที่ว่าการอำเภอเข้าไปทุกที“จันทร์ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ไหมคะ”“ครับไม่มีแล้ว เพราะทางนี้คือทางที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนและลูก หลังจดทะเบียนกันแล้ว พี่ก็จะจัดงานแต่งงานด้วย โอเคไหม”“ไม่จัดไม่ได้เหรอคะ จันทร์ไม่ชอบพิธีรีตรองอะไรแบบนั้นหรอก อีกอย่างจันทร์เคยอยู่ในฐานะน้องเมียมาก่อน จันทร์กลัวพี่ตะวันจะเสื่อมเสียค่ะ” คราวนี้จันทริกาพูดด้วยเหตุผล เพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของเขาจริงๆ ไหนจะญาติๆ และคนรอบข้างอีก เธอเชื่อว่าต้องมีคนติฉินนินทาแน่ สำหรับเธอนั้นเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงมากมาย แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ เขาเป็นนักธุรกิจ มีชื่อเสียง มีสังคม เรื่องนี้มันอาจทำให้เขามัวหมอง“จันทร์ไม่ได้มีความเก







