Share

บทที่ 3

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-07 14:06:10

บทที่ 3

เธอชอบร้องเพลง ชอบเล่นดนตรี เพราะนอกจากมันจะทำให้เธอรู้สึกว่าดนตรีคือมิตรแท้แล้ว มันยังทำให้เธอได้พบกับพี่สาวที่น่ารักอีกสองคนซึ่งอยู่ชมรมดนตรีด้วยกัน แต่ตอนนี้พี่สาวทั้งสองต่างก็ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ กันหมดแล้ว เหลือแต่เพียงเธอที่เพิ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่หก

                ด้วยความรักในเสียงดนตรี และคิดว่าตัวเองถนัดทางนี้มากที่สุด คณะวิจิตรศิลป์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังประจำจังหวัด จึงเป็นคณะที่เธอเลือกสอบโควตาเพื่อเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ซึ่งเธอก็สามารถสอบผ่านทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์ โดยใช้ความสามารถทางด้านดนตรีเป็นตัวผลักดัน ข่าวดีนี้ถูกบอกกล่าวแก่พ่อและคนในบ้านเมื่อหลายเดือนก่อน แต่เธอกลับได้รับเพียงคำถามจากคนในครอบครัวใหม่ ว่าจบแล้วจะทำงานอะไร

                จันทริกาหยุดความคิดและความน้อยใจของตัวเองเอาไว้แค่นั้น ตาคู่สวยเหลือบมองเค้กที่อยู่ในมือ นี่เป็นของขวัญวันเกิดเพียงชิ้นเดียวในปีนี้ โดยพี่ชายใจดีคนนั้นเป็นผู้ซื้อให้ พี่ชายที่มีแววตาอบอุ่นแต่แฝงเร้นไว้ด้วยประกายบางอย่าง เขาได้หยิบยื่นน้ำใจเล็กๆ นี้ให้แก่เธอ ซึ่งมันสามารถชดเชยความว่างโหวงในหัวใจจนเกือบกลายเป็นเติมเต็ม

                ความสุขเล็กๆ แล่นซ่านเข้ามาในหัวใจ ทำให้มือเรียวบางหยิบเอาช้อนพลาสติกในถุงออกมา แล้วค่อยๆ บรรจงตักเค้กชิ้นนั้นใส่ปาก เป็นการฉลองวันเกิดแบบเหงาๆ ให้ตัวเอง

                เมี้ยวว! เมี้ยวว!

                โฮ่ง! โฮ่ง!

                เสียงแห่งความเหงาของจันทริกาถูกกระชากทิ้งไปทันควัน พร้อมกับที่มันถูกแทนที่ด้วยเสียงเสียงใหม่ซึ่งฟังดูน่าระทึกหลายเท่า

                สิ่งมีชีวิตสองสิ่งที่ชื่อว่าหมากับแมว ไล่ฟัดกันผ่านหน้าจันทริกาไปอย่างรวดเร็ว ฝ่ายเสียเปรียบคือแมว ที่แม้ใจจะสู้แค่ไหน แต่คู่ต่อสู้ก็เป็นถึงสุนัขพันธุ์บางแก้วซึ่งตัวใหญ่กว่าหลายเท่า และดูเหมือนเจ้าเหมียวจะหมดทางหนีเมื่อถูกไล่บี้ไปจนถึงขอบตลิ่ง เบื้องหน้าเป็นสายน้ำที่มันไม่เคยหัดว่ายมาก่อน ทว่าตอนนี้สถานการณ์มาถึงทางตันเสียแล้ว เจ้าแมวเหมียวกำลังเจอภาวะ ‘แมวจนตรอก’ เข้าอย่างจัง

                ยอมตายซะดีกว่ายอมให้ไอ้หมาบ้านั่นขย้ำ!

                แมวเหมียวมีเวลาตัดสินใจแค่ไม่กี่เสี้ยววินาที มันก็กระโดดจ๋อมลงไปในน้ำ หลังจากนั้นเหตุการณ์เป็นอย่างไรมันก็ไม่รับรู้ เพราะสี่ขามัวแต่ตะเกียกตะกายเพื่อจะไม่ให้ตัวเองจมไปในน้ำใสๆ ที่ตัวเองไม่คุ้นและไม่เคยแม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้

                “อย่านะ! ไปได้แล้ว” เสียงใสๆ ซึ่งแทบจะไม่เคยด่าว่าใครตวาดใส่สุนัขพันธุ์บางแก้วที่ยังอารมณ์ค้าง

                สุนัขตัวโตกว่าสิบกิโลหันมามองเจ้าของเสียง สลับกับมองคู่อริที่ตอนนี้กำลังตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ 

                “ไปเถอะนะ พี่ขอร้อง น้องเค้าตกน้ำไปแล้ว” จันทริกาลดน้ำเสียงตัวเองลงและพูดจากับมันดีๆ ราวกับมันฟังภาษาคนรู้เรื่อง

                บางแก้วตัวนั้นมองหน้าสวยๆ และแววตาที่เต็มไปด้วยการอ้อนวอน ก่อนที่มันจะหันหลังและวิ่งกลับไปทางเดิมที่มันมา

                เมื่อสุนัขตัวโตยอมล่าถอย จันทริกาก็รีบก้าวลงไปในลำธารทั้งที่ยังไม่ได้ถอดรองเท้าและไม่กลัวว่าชุดนักเรียนของตัวเองจะสกปรก

                มือเล็กวาดไปตวัดเอาร่างเล็กๆ ของแมวที่น่าจะอายุได้ปีกว่าตัวนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน สัญชาตญาณของการปกป้อง ทำให้จันทริกากอดมันแนบอก พลางเอ่ยปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน

                “หนาวมากมั้ย ไม่เป็นไรแล้วนะ กลับบ้านกับพี่นะ เดี๋ยวพี่จะพาไปเป่าขนจะได้ไม่หนาว”

                แมวตัวนั้นไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ตอนนี้ตัวมันสั่นเทาเพราะความหนาว จันทริกาจึงรีบอุ้มมันกลับไปยังจักรยาน มือหนึ่งใช้จับแฮนด์จักรยาน ส่วนอีกมืออุ้มแมวที่ตัวเองเพิ่งช่วยชีวิต สองขาออกแรงถีบอย่างเร่งรีบเพื่อให้ถึงบ้านเร็วที่สุด

                “ยัยจันทร์นี่แกไปไหนมาฮะ แกมีหน้าที่ต้องล้างจานทำกับข้าวรอพ่อแกกับแม่ฉันไม่ใช่เหรอ คอยดูเถอะถ้าทำไม่ทันฉันจะฟ้องแม่ให้ลงโทษแก” เสียงแวดลั่นของศศิประภาตวาดใส่ทันทีที่เห็นจันทริกาเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับอุ้มแมวในสภาพเปียกปอนมาด้วย

                “เดี๋ยวจันทร์มาทำค่ะ” จันทริกาตอบพี่สาวซึ่งไม่ใช่คนที่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด เธอเป็นลูกติดพ่อ ส่วนศศิประภาเป็นลูกติดแม่ หลังจากที่พ่อเธอกับแม่ของศศิประภาแต่งงานกัน ทำให้เธอต้องมาอยู่ร่วมบ้านกับสองแม่ลูก แม้บ้านหลังนี้จะเป็นบ้านที่พ่อของเธอใช้เงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการขายบ้านที่กรุงเทพฯ มาซื้อไว้ หากสิทธิ์ขาดในบ้านกลับตกไปอยู่กับภรรยาใหม่ของพ่อ

                “แล้วนั่นแกไปเอาแมวสกปรกมาจากไหน แกไม่รู้หรือไงว่าฉันไม่ชอบแมว เอามันออกไปจากบ้านเดี๋ยวนี้นะ”

                จันทริกาไม่ฟังเสียงแว้ดๆ ของศศิประภา รีบอุ้มแมวเดินตรงเข้าไปในห้องนอนของตัวเองที่อยู่ชั้นล่างเพียงห้องเดียว ส่วนห้องชั้นบนเป็นห้องของพ่อกับภรรยาใหม่ และอีกห้องเป็นของศศิประภา

                แม้ประตูจะไม่สามารถปิดเสียงแว้ดของศศิประภาได้สนิทนัก แต่ความสนใจของจันทริกาตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ศศิประภา สิ่งที่เธอทำทันทีหลังจากพาแมวตัวนั้นเข้าห้องก็คือ หยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดขนซับน้ำออกให้จนหมาด จากนั้นก็จัดการไดร์ขนให้มัน กระทั่งอาการสั่นเทาของมันค่อยๆ สงบลงและเป็นปกติในที่สุด

               

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 112

    บทที่ 112ร่างสูงเดินตามบันไดลงไปชั้นล่าง หลังออกจากห้องลูกชาย พยายามครุ่นคิดว่ายามดึกแบบนี้เมียเขาจะไปอยู่ที่ไหน ตอนแรกคิดว่าเธอออกไปเดินเล่น เลยไปตามหาดูที่สวนหย่อม แต่ก็ไร้เงาจันทริกาอย่างสิ้นเชิง คนตามหาเมียจึงทั้งร้อนใจและอดหัวเสียด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ กระทั่งฉุกคิดขึ้นได้ถึงห้องนอนชั้นล่างที่เขายังไม่ได้ไปดู ร่างสูงจึงก้าวตรงไปยังห้องนั้นอย่างไม่ลังเล แล้วก็ต้องแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นแสงสว่างเล็ดลอดออกมาจากข้างในเธอลงมาทำอะไรที่นี่นะมือใหญ่ผลักประตูเข้าไปเพื่อหาคำตอบให้ตัวเองในทันที ทำเอาคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งเล็กน้อย มือที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ชะงักไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เช่นกัน เมื่อความลับที่ตัวเองพยายามจะปกปิด ถูกจับได้เสียแล้ว“อยู่นี่นี่เอง พี่ตามหาซะทั่ว” เสียงทุ้มรำพึงขึ้นแบบกึ่งโล่งอกกึ่งคาดโทษ เพราะหลายวันมานี้เธอทำให้เป็นห่วงและแอบหนีเขามากลางดึกอยู่บ่อยๆ“จันทร์นึกว่าพี่ตะวันหลับไปแล้วซะอีกค่ะ” จันทริกาพูดออกไปตามที่ตัวเองจำได้ เพราะก่อนออกจากห้องมา รังสิมันต์มีอาการง่วงงุนจนเกือบจะหลับไปแล้ว“ตอนแรกก็หลับไปแล้ว แต่ก็ต้องตื่นมาเพราะเมียหาย ไม่ใช่คืนแรก

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 111

    บทที่ 111เมื่อภรรยาเอาแต่ยืนหน้าแดง รังสิมันต์จึงยื่นแขนมาเกี่ยวเอวเล็ก รั้งร่างบางให้นั่งลงบนตัก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้ม“ตกลงนะ”“ก็ได้ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยรับปากอายๆ ทำให้คนที่ได้ดั่งใจประกบปากจูบเธออย่างดูดดื่มทันที และจันทริกาก็อดไม่ได้ที่จะจูบตอบเขาด้วยความดูดดื่มอ่อนหวานเช่นกันรังสิมันต์ครางออกมาในลำคออย่างพอใจ มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามลอนสะโพกผาย ต่ำลงไปยังชายกระโปรงแล้วรุกคืบเข้าไปข้างใน สัมผัสกับความเนียนละมุนของขาอ่อน เช่นเดียวกับปากและจมูกโด่ง ที่ตอนนี้ผละออกจากการประกบจูบ แต่กลับเริ่มซุกไซ้ไปตามพวงแก้ม ใบหู เลื่อนต่ำไปถึงซอกคอ แล้วระดมจูบไซ้ปลุกเร้า อย่างรู้ดีว่าทำอย่างไรจันทริกาจึงจะยอมตามใจ“พอแล้วค่ะพี่ตะวัน ไหนว่าคืนนี้ไงคะ” เสียงหวานเอ่ยประท้วงออกมาหอบๆ พยายามจะผลักใบหน้าสามีออกห่างแต่เขาไม่ยอม“ขอมัดจำก่อนไงจ๊ะ”“ไม่เอาค่ะ จันทร์ต้องลงไปหาอาทิตย์นะคะ”“ฟองคำเลี้ยงให้อยู่ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้อยู่กับพี่ก่อนเถอะนะ”“จันทร์คิดถึงลูกนี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมง”“แล้วไม่คิดถึงผัวบ้างเหรอคนดี พี่กับจันทร์ก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมงเหมือนกันนะ”“คิดถึงค่ะ คิดถึงทั้งลูก

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 110

    บทที่ 110‘น้องอาทิตย์’ ลูกชายวัยหกเดือนนั่งรถมากับพ่อบนเบาะหลัง ในตอนบ่ายช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยมีอุ้ยคำเป็นคนขับ รถคันหรูแล่นมาหยุดที่ลานจอดรถของคณะซึ่งแม่น้องอาทิตย์เรียนอยู่ แม้วันนี้จะเป็นวันหยุด แต่ทว่าลานจอดรถกลับแน่นขนัดไปด้วยพาหนะของนักศึกษาภาคพิเศษในระดับปริญญาตรี โท และเอก ที่ต่างต้องมาเรียนในวันเสาร์อาทิตย์ ร่างบางออกมาจากตึกช้ากว่าเวลาเดิมเกือบสิบห้านาที ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มก่อนหน้านี้บึ้งตึงลงโดยพลัน ไม่ใช่เพราะต้องรอเมียนาน แต่เป็นเพราะมีหนุ่มหล่อหน้าตาดีเดินเคียงคู่ออกมาด้วยต่างหากเห็นเช่นนั้นลมเพชรหึงก็กำเริบทันที ร่างสูงเอียงตัวไปอุ้มลูกน้อยขึ้นมาบนวงแขน ก่อนจะผลักประตูรถลงไป แล้วก้าวยาวๆ ตรงไปหาภรรยาสาวอย่างไม่ลังเลทันที“ทำไมวันนี้มาช้าจังครับที่รัก พี่กับลูกมารอตั้งนาน” ไม่แค่ถามแต่รังสิมันต์ยังส่งน้องอาทิตย์ให้ผู้เป็นภรรยาอุ้ม พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ไปยังไอ้หน้าหล่อคนนั้น เป็นเชิงบอกว่านี่เมียเขาและเธอก็มีลูกแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าทำตัวสนิทสนมกับเมียเขาเกินเหตุ“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีจันทร์มีงานกลุ่มที่ต้องแบ่งกันทำกับเพื่อ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 109

    บทที่ 109หลังจากงานแต่งงานระหว่างรังสิมันต์กับจันทริกาผ่านไป เสียงเปียโนแสนไพเราะก็มักจะดังขึ้นบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับคืนนี้ก็เช่นกัน คฤหาสน์หลังใหญ่ในยามค่ำคืน ยังคงสวยงามและสว่างไสวด้วยไฟหลากหลายดวง เสียงเปียโนที่ถูกบรรเลงด้วยนิ้วเรียวๆ สวยๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของราตรีกาล สมาชิกในครอบครัวที่กำลังนอนอยู่ต่างอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเสียงเปียโนที่กำลังถูกบรรเลงอยู่ตอนนี้นั้น เป็นท่วงทำนองอันแว่วหวานแสนไพเราะ สะท้อนอารมณ์ของคนเล่นเป็นอย่างดี ว่ากำลังมีความสุขมากแค่ไหน ความสุขนั้นส่งผ่านเสียงเพลง ขับกล่อมคนฟังให้ผล็อยหลับไปอย่างแสนสุขเช่นเดียวกับคนเล่น“อุ๊ย...พี่ตะวัน”เสียงหวานอุทานขึ้น เมื่อเพลงแสนหวานนั้นจบลง พร้อมๆ กับที่เอวเล็กถูกแขนแข็งแรงสอดเข้ามากอด พวงแก้มและซอกคอก็โดนจูบโดนไซ้จากจมูกโด่งคมของคนที่ไม่เคยยอมห่างเธอไปไหน“รางวัลสำหรับเพลงเพราะๆ”“ใครอยากได้รางวัลแบบนี้กันคะ”“ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ”“ใครๆ ที่ว่านี่หมายถึงสาวๆ ของพี่ตะวันเหรอคะ” จันทริกาเอียงหน้ามาถาม สีหน้าและแววตาสะท้อนความสุขออกมา จนตอนนี้ใครต่อใครต่างก็บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉามากที่สุด“ถ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 108

    บทที่ 108งานแต่งงานเล็กๆ ถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ต่อมา ตอนเช้าเป็นงานแต่งแบบไทยตามประเพณี รังสิมันต์เชิญเฉพาะญาติผู้ใหญ่ฝั่งตัวเองมาเป็นสักขีพยาน และเป็นการบอกกล่าวให้รับรู้ว่าจันทริกาคือภรรยาของเขา ส่วนญาติทางฝั่งจันทริกาไม่มีใคร นอกจากตาธงกับยานนวลที่เธอถือว่าเป็นตากับยายของเธอ ส่วนงานกลางคืนเป็นงานเลี้ยงแบบอบอุ่น ที่มีเฉพาะเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แน่นอนว่าหนุ่มๆ ทั้งสี่คนซึ่งได้แก่ ปรัญช์ ปราณต์ ศาสตรา และกวินภพ มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้กันทั่วหน้า โดยแต่ละคนต่างควงคู่ภรรยามาทั้งนั้น ยกเว้นกวินภพซึ่งยังโสดแต่ก็ยังมีคนมาด้วย คือเอมมาลินนั่นเอง เอมมาลินถูกเชิญมางานเลี้ยงคืนนี้ด้วย เพราะถึงแม้จันทริกาจะรู้จักกับเอมมาลินได้ไม่นาน แต่เอมมาลินก็เป็นผู้มีพระคุณและยังเป็นคนที่เธอรักและนับถือเหมือนพี่สาวอีกคนหนึ่ง งานนี้อดีตคนเคยรักจึงจำต้องเดินทางมาเชียงใหม่ด้วยกันตามลำพังบรรยากาศของงานเลี้ยงเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองจริงๆ พี่สาวที่รักทั้งสองอย่างภัคธีมาและธรินดาต่างแสดงความยินดีกับน้องสาว ที่แม้ต้องเผชิญกับความร้ายกาจของรังสิมันต์ เพราะความเข้าใจผิดมามากมาย แต่ในที่สุดเธอก็เ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 107

    บทที่ 107“คนร้ายกาจ” จันทริกาต่อว่าคนเจ้าแผนการเบาๆ ไม่ใช่เพราะโกรธเคือง แค่รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยชนะเขาเลย แต่แท้จริงแล้วเขาต่างหากล่ะที่พ่ายแพ้ต่อเธอ พ่ายแพ้แบบยอมสยบแทบเท้า ยอมแบบราบคาบหมดทุกอย่าง“ที่ต้องร้ายก็เพราะรักมาก อยากชดเชยความผิดของตัวเอง แบบนี้จันทร์ยังจะใจแข็งกับพี่ได้ลงคออีกเหรอ” เขาใช้ทั้งลูกล่อลูกชน เพื่อให้เธอยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ขณะที่รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆ และเข้าใกล้ที่ว่าการอำเภอเข้าไปทุกที“จันทร์ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ไหมคะ”“ครับไม่มีแล้ว เพราะทางนี้คือทางที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนและลูก หลังจดทะเบียนกันแล้ว พี่ก็จะจัดงานแต่งงานด้วย โอเคไหม”“ไม่จัดไม่ได้เหรอคะ จันทร์ไม่ชอบพิธีรีตรองอะไรแบบนั้นหรอก อีกอย่างจันทร์เคยอยู่ในฐานะน้องเมียมาก่อน จันทร์กลัวพี่ตะวันจะเสื่อมเสียค่ะ” คราวนี้จันทริกาพูดด้วยเหตุผล เพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของเขาจริงๆ ไหนจะญาติๆ และคนรอบข้างอีก เธอเชื่อว่าต้องมีคนติฉินนินทาแน่ สำหรับเธอนั้นเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงมากมาย แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ เขาเป็นนักธุรกิจ มีชื่อเสียง มีสังคม เรื่องนี้มันอาจทำให้เขามัวหมอง“จันทร์ไม่ได้มีความเก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status