Masuk“ขอบคุณพี่อีกครั้งนะคะ นี่เป็นของขวัญวันเกิดชิ้นแรกในปีนี้ของหนูเลย” จันทริกาบอกเสียงสั่น เช่นเดียวกับแววตาที่เจือความเศร้าเอาไว้นิดๆ แต่ก็เพียงแวบเดียวเธอก็คลี่ยิ้มให้เขาเห็นเป็นครั้งแรก
“วันนี้วันเกิดเราเหรอ”
“ค่ะ...หนูต้องไปแล้วนะคะ ขอบคุณพี่จริงๆ พี่ใจดีมากค่ะ”
จันทริกายกมือขึ้นไหว้ผู้ชายที่รูปร่างสูงเกือบหกฟุตนั้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากร้านเค้ก รังสิมันต์รีบขยับตามออกมาติดๆ อยากจะเดินตามไปอีกแต่ก็ทำได้แค่ยืนมอง จนกระทั่งเขาเห็นว่าเธอเดินผ่านประตูหน้าห้างออกไปแล้ว เขาจึงได้รำพึงกับตัวเองในใจ
เด็กอะไรวะน่ารักชะมัด หน้าสวย ยิ้มหวาน ฟันก็ขาวเป็นระเบียบราวกับเม็ดไข่มุก ปากนิดจมูกหน่อยรับกันลงตัวไปหมด โดยเฉพาะปากสีชมพูอิ่มเอิบอย่างคนสุขภาพดีกับแก้มใสๆ นั้น มันชวนให้คิดว่า หากเขากดจมูกลงไปสูดเอาความหอมและรสชาติความละมุนจากผิวขาวๆ นั้น มันจะให้ความรู้สึกที่วิเศษสักแค่ไหน
คิดบ้าอะไรวะตะวัน! เด็กนั่นอย่างมากก็น่าจะอายุแค่สิบแปด ส่วนเขาปีนี้ก็เกือบจะสามสิบแล้ว อายุห่างกันเป็นรอบได้มั้ง แถมเขายังมีสาวๆ สวยๆ หมวยๆ ขาวๆ เอ็กซ์ๆ อึ๋มๆ เข้าแถวมาให้เลือกเยอะแยะเป็นหางว่าว แต่เสือกคิดอกุศลกับเด็กมัธยม แม่ง! ถ้าไม่เรียกว่าโคตรเลวจะเรียกว่าอะไร
ร่างบางในชุดนักเรียนมัธยมปลายปั่นจักรยานคันกลางเก่ากลางใหม่ออกจากห้างสรรพสินค้า แต่เย็นนี้เด็กสาวไม่ได้ตรงกลับบ้านเหมือนเคย จุดหมายปลายทางของเธออยู่ที่ทะเลสาบท้ายหมู่บ้าน ทะเลสาบแห่งนี้ไม่ใช่ทะเลสาบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นแหล่งน้ำที่โครงการบ้านจัดสรรได้ขุดไว้มาเกือบสิบปีแล้ว
จันทริกาจอดจักรยานไว้ใต้ต้นไม้ ก่อนจะขยับไปหยิบเอาถุงเค้กซึ่งวางรวมอยู่กับกระเป๋านักเรียนในตะกร้าหน้ารถออกมา แล้วพาตัวเองไปยืนพิงต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น
สายลมเย็นๆ พัดเอื่อยๆ เช่นเดียวกับระลอกคลื่นเล็กๆ ที่วิ่งไหวไปตามทิศทางของสายลม คล้ายดั่งธรรมชาติเหล่านี้มีมนตร์วิเศษที่สามารถปัดเป่าเอาความหมองหมางไปจากหัวใจดวงน้อยของเธอได้ นี่เองคือเหตุผลที่จันทริกาชอบมาที่นี่เวลามีเรื่องไม่สบายใจ
ความจริงแล้วเธอไม่เคยรับรู้นิยามของคำว่าสบายใจและความสุขมานานมากแล้ว นับตั้งแต่แม่ของเธอตายเมื่อหลายปีก่อน ตาคู่สวยหลับพริ้มลง เพื่อนึกถึงภาพแห่งความทรงจำวัยเด็กในบ้านไม้สองชั้นหลังกลางเก่ากลางใหม่ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น แม้จะไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนห้อมล้อม ทว่าแค่มียาย พ่อ และแม่ มันก็มากพอแล้วสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ
บ้านหลังนั้นอยู่ที่กรุงเทพฯ...ห่างไกลเหลือเกินกับจังหวะที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในตอนนี้ พ่อเล่าให้ฟังว่าพ่อเป็นเด็กวัด แต่ขยันและเรียนเก่ง จนสามารถจบปริญญาตรีทางด้านบัญชีจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ได้พบรักกับแม่ซึ่งทำงานในบริษัทเดียวกัน แม่เป็นลูกสาวคนเดียวของยาย หลังจากแต่งงานกันแล้ว พ่อก็ย้ายมาอยู่กับแม่และสร้างครอบครัวเล็กๆ ขึ้นด้วยกัน โดยมีเธอเกิดมาเป็นพยานรัก
ความสุขเหล่านั้นค่อยๆ เลือนหาย นับตั้งแต่ยายเสียไปตอนเธออายุได้เจ็ดขวบ และสิ่งที่ทำให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งต้องเคว้งคว้างเหมือนอยู่บนเรือลำน้อยที่ถูกคลื่นซัดแตกกลางมหาสมุทรอันเชี่ยวกราก นั่นก็คืออีกห้าปีต่อมา แม่ของเธอก็หนีเธอไปอยู่กับยายบนสวรรค์
ตอนนั้นเธอทั้งร้องไห้และทั้งตัดพ้อว่าแม่ใจร้ายที่ทิ้งเธอไป ทิ้งให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอยู่กับพ่อตามลำพังบนโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ มันทำให้เธอหวาดกลัวความตาย หวาดกลัวว่ามันจะพรากคนที่เธอรักไปอีกคน ซึ่งตอนนี้ก็เหลือแต่พ่อคนเดียวแล้ว
พ่อเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอนับตั้งแต่แม่ตายไป เธอรักพ่อมาก แต่ทำไมเธอกลับรู้สึกว่าพ่อรักเธอน้อยลง
มันน้อยลงเรื่อยๆ นับตั้งแต่ที่พ่อแต่งงานใหม่ ขายบ้านหลังเล็กๆ ที่เคยอยู่กันอย่างมีความสุข แล้วพาเธอย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่กับภรรยาใหม่ของพ่อ
เธอไม่เคยมีความสุขเลยกับการอยู่บ้านหลังใหม่แบบทาวน์เฮาส์สองชั้น ซึ่งแม้จะใหญ่และหรูหรากว่าบ้านหลังเดิม แต่มันกลับเต็มไปด้วยความอ้างว้างเดียวดาย และหาความอบอุ่นแทบจะไม่ได้เลย
วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ แต่พ่อก็ลืมที่จะอวยพร เมื่อเช้าพ่อรีบร้อนออกไปทำงานแต่เช้า คล้ายดั่งเป็นวันปกติทั่วไป
น้ำตาหยดใสๆ รื้นขึ้นคลอหน่วยตาอย่างน้อยใจ เมื่อคิดว่าพ่อลืมแม้กระทั่งวันสำคัญของเธอ เธอคิดถึงแม่...คิดถึงเหลือเกิน อยากจะกอดและซุกหาไออุ่นๆ นั้นให้หัวใจที่อ่อนแออยู่ตอนนี้กลับมาเข้มเข็ง
มือเล็กเปิดกล่องเค้กที่ตัดแบ่งมาเป็นชิ้นขึ้นมาตรงหน้า มองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงใสๆ จะขับขานเพลงอวยพรวันเกิดออกมาเบาๆ แต่เสียงเล็กๆ นั้นกลับฟังดูสะท้านใจเหลือเกิน เพราะมันเจือไว้ด้วยความเหงา อ้างว้าง และโดดเดี่ยว
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทู ยู
แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทู ยู
แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทู...ยู”‘สุขสันต์วันเกิดนะจันทร์ แม่รักหนูนะ’
นั่นคือเสียงอวยพรของแม่ที่เอ่ยในวันสำคัญของเธอทุกๆ ปี ก่อนที่แม่จะจากไป หลังจากนั้นมันก็เป็นเพียงเสียงที่ดังอยู่แค่ในความทรงจำเท่านั้น และเสียงอันอบอุ่นของแม่ก็แว่วดังขึ้นท่ามกลางความอ้างว้างอีกครั้ง หลังจากที่เธอร้องเพลงที่แม้แต่เด็กไร้เดียงสาก็ยังร้องได้นั้นจบ
“หนูคิดถึงแม่นะคะ”
เสียงพูดหวานใสพอๆ กับเสียงร้อง ถ้าไม่มีความเศร้ามาเจือปน วันนี้น่าจะเป็นวันที่เธอร้องเพลงเพราะมากที่สุดอีกวันหนึ่ง
บทที่ 112ร่างสูงเดินตามบันไดลงไปชั้นล่าง หลังออกจากห้องลูกชาย พยายามครุ่นคิดว่ายามดึกแบบนี้เมียเขาจะไปอยู่ที่ไหน ตอนแรกคิดว่าเธอออกไปเดินเล่น เลยไปตามหาดูที่สวนหย่อม แต่ก็ไร้เงาจันทริกาอย่างสิ้นเชิง คนตามหาเมียจึงทั้งร้อนใจและอดหัวเสียด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ กระทั่งฉุกคิดขึ้นได้ถึงห้องนอนชั้นล่างที่เขายังไม่ได้ไปดู ร่างสูงจึงก้าวตรงไปยังห้องนั้นอย่างไม่ลังเล แล้วก็ต้องแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นแสงสว่างเล็ดลอดออกมาจากข้างในเธอลงมาทำอะไรที่นี่นะมือใหญ่ผลักประตูเข้าไปเพื่อหาคำตอบให้ตัวเองในทันที ทำเอาคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งเล็กน้อย มือที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ชะงักไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เช่นกัน เมื่อความลับที่ตัวเองพยายามจะปกปิด ถูกจับได้เสียแล้ว“อยู่นี่นี่เอง พี่ตามหาซะทั่ว” เสียงทุ้มรำพึงขึ้นแบบกึ่งโล่งอกกึ่งคาดโทษ เพราะหลายวันมานี้เธอทำให้เป็นห่วงและแอบหนีเขามากลางดึกอยู่บ่อยๆ“จันทร์นึกว่าพี่ตะวันหลับไปแล้วซะอีกค่ะ” จันทริกาพูดออกไปตามที่ตัวเองจำได้ เพราะก่อนออกจากห้องมา รังสิมันต์มีอาการง่วงงุนจนเกือบจะหลับไปแล้ว“ตอนแรกก็หลับไปแล้ว แต่ก็ต้องตื่นมาเพราะเมียหาย ไม่ใช่คืนแรก
บทที่ 111เมื่อภรรยาเอาแต่ยืนหน้าแดง รังสิมันต์จึงยื่นแขนมาเกี่ยวเอวเล็ก รั้งร่างบางให้นั่งลงบนตัก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้ม“ตกลงนะ”“ก็ได้ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยรับปากอายๆ ทำให้คนที่ได้ดั่งใจประกบปากจูบเธออย่างดูดดื่มทันที และจันทริกาก็อดไม่ได้ที่จะจูบตอบเขาด้วยความดูดดื่มอ่อนหวานเช่นกันรังสิมันต์ครางออกมาในลำคออย่างพอใจ มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามลอนสะโพกผาย ต่ำลงไปยังชายกระโปรงแล้วรุกคืบเข้าไปข้างใน สัมผัสกับความเนียนละมุนของขาอ่อน เช่นเดียวกับปากและจมูกโด่ง ที่ตอนนี้ผละออกจากการประกบจูบ แต่กลับเริ่มซุกไซ้ไปตามพวงแก้ม ใบหู เลื่อนต่ำไปถึงซอกคอ แล้วระดมจูบไซ้ปลุกเร้า อย่างรู้ดีว่าทำอย่างไรจันทริกาจึงจะยอมตามใจ“พอแล้วค่ะพี่ตะวัน ไหนว่าคืนนี้ไงคะ” เสียงหวานเอ่ยประท้วงออกมาหอบๆ พยายามจะผลักใบหน้าสามีออกห่างแต่เขาไม่ยอม“ขอมัดจำก่อนไงจ๊ะ”“ไม่เอาค่ะ จันทร์ต้องลงไปหาอาทิตย์นะคะ”“ฟองคำเลี้ยงให้อยู่ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้อยู่กับพี่ก่อนเถอะนะ”“จันทร์คิดถึงลูกนี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมง”“แล้วไม่คิดถึงผัวบ้างเหรอคนดี พี่กับจันทร์ก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมงเหมือนกันนะ”“คิดถึงค่ะ คิดถึงทั้งลูก
บทที่ 110‘น้องอาทิตย์’ ลูกชายวัยหกเดือนนั่งรถมากับพ่อบนเบาะหลัง ในตอนบ่ายช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยมีอุ้ยคำเป็นคนขับ รถคันหรูแล่นมาหยุดที่ลานจอดรถของคณะซึ่งแม่น้องอาทิตย์เรียนอยู่ แม้วันนี้จะเป็นวันหยุด แต่ทว่าลานจอดรถกลับแน่นขนัดไปด้วยพาหนะของนักศึกษาภาคพิเศษในระดับปริญญาตรี โท และเอก ที่ต่างต้องมาเรียนในวันเสาร์อาทิตย์ ร่างบางออกมาจากตึกช้ากว่าเวลาเดิมเกือบสิบห้านาที ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มก่อนหน้านี้บึ้งตึงลงโดยพลัน ไม่ใช่เพราะต้องรอเมียนาน แต่เป็นเพราะมีหนุ่มหล่อหน้าตาดีเดินเคียงคู่ออกมาด้วยต่างหากเห็นเช่นนั้นลมเพชรหึงก็กำเริบทันที ร่างสูงเอียงตัวไปอุ้มลูกน้อยขึ้นมาบนวงแขน ก่อนจะผลักประตูรถลงไป แล้วก้าวยาวๆ ตรงไปหาภรรยาสาวอย่างไม่ลังเลทันที“ทำไมวันนี้มาช้าจังครับที่รัก พี่กับลูกมารอตั้งนาน” ไม่แค่ถามแต่รังสิมันต์ยังส่งน้องอาทิตย์ให้ผู้เป็นภรรยาอุ้ม พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ไปยังไอ้หน้าหล่อคนนั้น เป็นเชิงบอกว่านี่เมียเขาและเธอก็มีลูกแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าทำตัวสนิทสนมกับเมียเขาเกินเหตุ“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีจันทร์มีงานกลุ่มที่ต้องแบ่งกันทำกับเพื่อ
บทที่ 109หลังจากงานแต่งงานระหว่างรังสิมันต์กับจันทริกาผ่านไป เสียงเปียโนแสนไพเราะก็มักจะดังขึ้นบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับคืนนี้ก็เช่นกัน คฤหาสน์หลังใหญ่ในยามค่ำคืน ยังคงสวยงามและสว่างไสวด้วยไฟหลากหลายดวง เสียงเปียโนที่ถูกบรรเลงด้วยนิ้วเรียวๆ สวยๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของราตรีกาล สมาชิกในครอบครัวที่กำลังนอนอยู่ต่างอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเสียงเปียโนที่กำลังถูกบรรเลงอยู่ตอนนี้นั้น เป็นท่วงทำนองอันแว่วหวานแสนไพเราะ สะท้อนอารมณ์ของคนเล่นเป็นอย่างดี ว่ากำลังมีความสุขมากแค่ไหน ความสุขนั้นส่งผ่านเสียงเพลง ขับกล่อมคนฟังให้ผล็อยหลับไปอย่างแสนสุขเช่นเดียวกับคนเล่น“อุ๊ย...พี่ตะวัน”เสียงหวานอุทานขึ้น เมื่อเพลงแสนหวานนั้นจบลง พร้อมๆ กับที่เอวเล็กถูกแขนแข็งแรงสอดเข้ามากอด พวงแก้มและซอกคอก็โดนจูบโดนไซ้จากจมูกโด่งคมของคนที่ไม่เคยยอมห่างเธอไปไหน“รางวัลสำหรับเพลงเพราะๆ”“ใครอยากได้รางวัลแบบนี้กันคะ”“ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ”“ใครๆ ที่ว่านี่หมายถึงสาวๆ ของพี่ตะวันเหรอคะ” จันทริกาเอียงหน้ามาถาม สีหน้าและแววตาสะท้อนความสุขออกมา จนตอนนี้ใครต่อใครต่างก็บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉามากที่สุด“ถ
บทที่ 108งานแต่งงานเล็กๆ ถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ต่อมา ตอนเช้าเป็นงานแต่งแบบไทยตามประเพณี รังสิมันต์เชิญเฉพาะญาติผู้ใหญ่ฝั่งตัวเองมาเป็นสักขีพยาน และเป็นการบอกกล่าวให้รับรู้ว่าจันทริกาคือภรรยาของเขา ส่วนญาติทางฝั่งจันทริกาไม่มีใคร นอกจากตาธงกับยานนวลที่เธอถือว่าเป็นตากับยายของเธอ ส่วนงานกลางคืนเป็นงานเลี้ยงแบบอบอุ่น ที่มีเฉพาะเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แน่นอนว่าหนุ่มๆ ทั้งสี่คนซึ่งได้แก่ ปรัญช์ ปราณต์ ศาสตรา และกวินภพ มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้กันทั่วหน้า โดยแต่ละคนต่างควงคู่ภรรยามาทั้งนั้น ยกเว้นกวินภพซึ่งยังโสดแต่ก็ยังมีคนมาด้วย คือเอมมาลินนั่นเอง เอมมาลินถูกเชิญมางานเลี้ยงคืนนี้ด้วย เพราะถึงแม้จันทริกาจะรู้จักกับเอมมาลินได้ไม่นาน แต่เอมมาลินก็เป็นผู้มีพระคุณและยังเป็นคนที่เธอรักและนับถือเหมือนพี่สาวอีกคนหนึ่ง งานนี้อดีตคนเคยรักจึงจำต้องเดินทางมาเชียงใหม่ด้วยกันตามลำพังบรรยากาศของงานเลี้ยงเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองจริงๆ พี่สาวที่รักทั้งสองอย่างภัคธีมาและธรินดาต่างแสดงความยินดีกับน้องสาว ที่แม้ต้องเผชิญกับความร้ายกาจของรังสิมันต์ เพราะความเข้าใจผิดมามากมาย แต่ในที่สุดเธอก็เ
บทที่ 107“คนร้ายกาจ” จันทริกาต่อว่าคนเจ้าแผนการเบาๆ ไม่ใช่เพราะโกรธเคือง แค่รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยชนะเขาเลย แต่แท้จริงแล้วเขาต่างหากล่ะที่พ่ายแพ้ต่อเธอ พ่ายแพ้แบบยอมสยบแทบเท้า ยอมแบบราบคาบหมดทุกอย่าง“ที่ต้องร้ายก็เพราะรักมาก อยากชดเชยความผิดของตัวเอง แบบนี้จันทร์ยังจะใจแข็งกับพี่ได้ลงคออีกเหรอ” เขาใช้ทั้งลูกล่อลูกชน เพื่อให้เธอยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ขณะที่รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆ และเข้าใกล้ที่ว่าการอำเภอเข้าไปทุกที“จันทร์ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ไหมคะ”“ครับไม่มีแล้ว เพราะทางนี้คือทางที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนและลูก หลังจดทะเบียนกันแล้ว พี่ก็จะจัดงานแต่งงานด้วย โอเคไหม”“ไม่จัดไม่ได้เหรอคะ จันทร์ไม่ชอบพิธีรีตรองอะไรแบบนั้นหรอก อีกอย่างจันทร์เคยอยู่ในฐานะน้องเมียมาก่อน จันทร์กลัวพี่ตะวันจะเสื่อมเสียค่ะ” คราวนี้จันทริกาพูดด้วยเหตุผล เพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของเขาจริงๆ ไหนจะญาติๆ และคนรอบข้างอีก เธอเชื่อว่าต้องมีคนติฉินนินทาแน่ สำหรับเธอนั้นเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงมากมาย แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ เขาเป็นนักธุรกิจ มีชื่อเสียง มีสังคม เรื่องนี้มันอาจทำให้เขามัวหมอง“จันทร์ไม่ได้มีความเก







