“แต่คุณปรัชญ์ขอร้องนะคะ จันทร์ไม่อยากผิดคำพูดกับ...”
จันทริกายังพูดไม่ทันจบ นิ้วแกร่งเรียวยาวก็แตะลงบนเรียวปากนุ่ม เพื่อห้ามไม่ให้เธอพูดต่อ
“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเห็นคนอื่นสำคัญกว่าฉัน”
พูดจบนิ้วที่แตะอยู่บนเรียวปากนุ่มก็เลื่อนออก แต่เรียวปากหยักร้อนกลับเคลื่อนเข้ามาแทนที่ ร่างบางเกร็งขึ้นเพราะกลัวว่ารังสิมันต์จะทำรุนแรงเช่นเดิมอีก หากแต่จูบครั้งนี้เป็นจูบที่แสนอ่อนโยน จูบที่คล้ายจะไถ่โทษ จูบที่เว้าวอน จนอาการเกร็งนั้นมลายหายไป และยืนนิ่งให้เขาจูบอยู่เนิ่นนาน
“เมี้ยว...”
เสียงร้องของเมสซี่ที่ดังขึ้น ทำให้อารมณ์ที่กำลังอ่อนไหวของทั้งคู่สะดุดลง จันทริกาได้สติจึงรีบผละออกห่างจากการโอบกอดของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วย่อตัวลงไปอุ้มเมสซี่ขึ้นมาแนบอก คล้ายกับจะใช้มันเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เขาเข้าถึงตัวได้อีก
รังสิมันต์ออกจะเขม่นแมวตัวโปรดเป็นครั้งแรก แต่ไหนแต่ไรมันรู้งาน และไม่เคยทำตัวเป็นก้างขวางคอ แต่ทำไมวันนี้มันถึงมาขัดจังหวะก็ไม่รู้
“ฉันเพิ่งบอกเธอไปหยกๆ ว่าไม่ให้เห็นใครสำคัญกว่าฉัน”
“แต่นี่เมสซี่แมวของคุณนะคะ คุณให้อาหารมันหรือยังคะ” จันทริกาถามอย่างพอจะเข้าใจอากัปกิริยาของเมสซี่ดีว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมันกำลังหิว
“ยัง”
“มันคงหิวน่ะค่ะ”
“ฉันก็หิวและยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน”
“แต่จันทร์เตรียมอาหารไว้ให้คุณแล้วนะคะ”
“ฉันจะกินได้ยังไงล่ะ ในเมื่อฉันรอ...” เกือบจะหลุดปากไปแล้วว่าเขารอเธออย่างกระวนกระวายจนลืมความหิวของตัวเองกับเมสซี่ไปเลย แต่ก็ยั้งปากไว้ทัน
“รออะไรคะ” จันทริกาถามพาซื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าเขารอเธอ
“รอเธอน่ะสิ เธอมีหน้าที่ให้อาหารเมสซี่และมีหน้าที่ตั้งโต๊ะอาหารให้ฉัน หรือคิดว่าไปกับไอ้ปรัชญ์แล้วจะละเลยหน้าที่ตัวเอง”
“ค่ะ...งั้นจันทร์จะรีบไปตั้งโต๊ะให้คุณแล้วก็ไปให้อาหารเมสซี่นะคะ”
พูดจบจันทริกาอุ้มเมสซี่ตรงไปยังห้องครัว จัดการเทอาหารเม็ดใส่ชามให้มันกิน จากนั้นก็รีบอุ่นอาหารแล้วยกออกไปที่โต๊ะให้กับคนที่นั่งรออยู่ข้างนอก
หลังจากวันนั้นปรัชญ์ก็มารับจันทริกาออกไปข้างนอกด้วยกันแทบจะทุกเย็น แม้จะรู้เหตุผลของเรื่องทั้งหมดแล้ว แต่รังสิมันต์ก็ยังอดหงุดหงิดไม่ได้ ทว่าปรัชญ์ก็ไม่ได้สนใจหน้าบึ้งๆ ของเพื่อนรักแต่อย่างใด กระทั่งใกล้ถึงวันแต่งงาน ปรัชญ์จึงบอกกับจันทริกาว่าจะซ้อมเป็นวันสุดท้าย
“เป็นไงบ้างจันทร์ ซ้อมกี่รอบๆ พี่ก็ไม่ได้ร้องเพราะขึ้นเลยใช่ไหม” ปรัชญ์ถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจในตัวเอง หลังจากการซ้อมรอบสุดท้ายจบลง
“คุณปรัชญ์อย่าคิดมากเลยนะคะ ถ้าคุณปรัชญ์ร้องออกมาจากความรู้สึกและจากหัวใจ จันทร์เชื่อว่ามันจะเป็นเพลงที่เพราะที่สุดสำหรับพี่เล็กค่ะ” จันทริกาพูดไปตามที่ตัวเองคิด เพื่อให้กำลังใจปรัชญ์และให้เขาคลายกังวล เห็นความมุ่งมั่นของปรัชญ์แล้วก็อดดีใจแทนธรินดาไม่ได้ที่มีผู้ชายคนหนึ่งทุ่มเทและทำเพื่อผู้หญิงที่รักมากขนาดนี้
“แล้วเรื่องที่พี่แอบมาซ้อมร้องเพลงแต่งงานกับจันทร์นี่ยังเป็นความลับอยู่หรือเปล่า”
“เอ่อ...จันทร์บอกคุณตะวันไปแล้วค่ะ จันทร์ต้องขอโทษคุณปรัชญ์ด้วยนะคะที่จันทร์รักษาคำพูดไม่ได้”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่คิดเอาไว้แล้วว่าถึงยังไงไอ้ตะวันมันก็ต้องบังคับจันทร์ให้บอกอยู่ดี ดูจากหน้าบึ้งๆ ของมันพี่ก็รู้แล้ว และที่จันทร์ต้องกลับมาเรียกพี่ว่าคุณปรัชญ์นี่ก็ฝีมือมันด้วยใช่ไหม” ปรัชญ์พูดยิ้มๆ อย่างคนที่ดูกันออกเป็นอย่างดีกับรังสิมันต์
“คุณปรัชญ์ไม่โกรธจันทร์ใช่ไหมคะ”
“ใครจะไปโกรธ พี่ต่างหากที่ต้องขอบใจและขอโทษเพราะพี่ทำให้จันทร์เดือดร้อน จันทร์อดทนหน่อยนะ พี่เชื่อว่าสักวันความดีของจันทร์จะทำให้ไอ้ตะวันมันตาสว่าง” คราวนี้เป็นปรัชญ์ที่เป็นฝ่ายให้กำลังใจจันทริกาบ้าง
“จันทร์ไม่หวังหรอกค่ะ อีกอย่างจันทร์ก็เริ่มชินกับอารมณ์ของคุณตะวันแล้ว”
“ชินกับทุกอารมณ์เลยเหรอ”
แม้ปรัชญ์จะไม่ได้เอ่ยออกมาตรงๆ แต่จันทริกาก็พอจะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เธอจึงหลุบตาลงบดบังประกายตาตัวเอง หากแต่แก้มนวลกลับแดงซ่านอย่างอายๆ จนปรัชญ์ต้องยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ขนาดเขาเป็นคนอื่นและมีผู้หญิงที่รักอยู่แล้ว เขายังรู้สึกเลยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ช่างน่ารักและน่าสงสารเป็นอย่างมาก แล้วรังสิมันต์เล่าจะทำใจแข็งไปได้อีกนานแค่ไหน หรือต้องรอให้สูญเสียเธอคนนี้ไปเสียก่อน มันถึงจะรู้คุณค่าของจันทริกาและยอมรับความรู้สึกของตัวเอง
“มัวแต่ชวนจันทร์คุย เลยลืมบอกไปเลยว่าวันนี้พี่จะพาไปซื้อชุดที่จันทร์ต้องใส่ในวันงาน” ปรัชญ์รู้ว่าจันทริกาเขินอายต่อสิ่งที่ตัวเองสัพยอกจึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“จันทร์พอจะมีชุดค่ะ คุณปรัชญ์ไม่ต้องสิ้นเปลืองก็ได้”
“อย่าลืมสิว่าจันทร์คุยอยู่กับใคร พี่นี่รวยไม่แพ้ไอ้ตะวันเลยนะ” ปรัชญ์เย้าขำๆ ไม่ได้คิดจะอวดรวยหรืออะไร แค่ไม่อยากให้จันทริกาคิดมากในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
“จันทร์ไม่ได้คิดอย่างนั้นนะคะ จันทร์แค่เกรงใจ”
“จะเกรงใจทำไม จันทร์อุตส่าห์มาซ้อมร้องเพลงให้พี่ แถมยังต้องเล่นเปียโนให้พี่ในวันงานอีก พี่จึงอยากให้น้องสาวคนนี้สวยที่สุด ถือซะว่าพี่ซื้อของขวัญให้จันทร์ในวันแต่งงานของพี่กับเล็ก โอเคไหม”
คำพูดของปรัชญ์ทำให้จันทริกาเผลอยิ้ม ปกติมีแต่แขกที่ต้องซื้อของขวัญแต่งงานให้คู่บ่าวสาว แต่นี่เจ้าบ่าวจะซื้อของขวัญให้แขก เธอก็เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก
“งั้นก็แล้วแต่คุณปรัชญ์ค่ะ” จันทริกาตอบตกลง เมื่อคิดได้ว่าในวันแต่งงานของปรัชญ์กับธรินดาคงจะมีแขกเหรื่อมากมาย เพราะแม่เลี้ยงลักษิกาและครอบครัวของปรัชญ์ขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลที่กว้างขวางมากตระกูลหนึ่งในจังหวัด แม้ชุดของเธอจะพอมี แต่มันก็อาจจะไม่สวยหรูสมฐานะของเจ้าของงาน
บทที่ 50“แต่คุณปรัชญ์ขอร้องนะคะ จันทร์ไม่อยากผิดคำพูดกับ...”จันทริกายังพูดไม่ทันจบ นิ้วแกร่งเรียวยาวก็แตะลงบนเรียวปากนุ่ม เพื่อห้ามไม่ให้เธอพูดต่อ“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเห็นคนอื่นสำคัญกว่าฉัน”พูดจบนิ้วที่แตะอยู่บนเรียวปากนุ่มก็เลื่อนออก แต่เรียวปากหยักร้อนกลับเคลื่อนเข้ามาแทนที่ ร่างบางเกร็งขึ้นเพราะกลัวว่ารังสิมันต์จะทำรุนแรงเช่นเดิมอีก หากแต่จูบครั้งนี้เป็นจูบที่แสนอ่อนโยน จูบที่คล้ายจะไถ่โทษ จูบที่เว้าวอน จนอาการเกร็งนั้นมลายหายไป และยืนนิ่งให้เขาจูบอยู่เนิ่นนาน“เมี้ยว...”เสียงร้องของเมสซี่ที่ดังขึ้น ทำให้อารมณ์ที่กำลังอ่อนไหวของทั้งคู่สะดุดลง จันทริกาได้สติจึงรีบผละออกห่างจากการโอบกอดของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วย่อตัวลงไปอุ้มเมสซี่ขึ้นมาแนบอก คล้ายกับจะใช้มันเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เขาเข้าถึงตัวได้อีกรังสิมันต์ออกจะเขม่นแมวตัวโปรดเป็นครั้งแรก แต่ไหนแต่ไรมันรู้งาน และไม่เคยทำตัวเป็นก้างขวางคอ แต่ทำไมวันนี้มันถึงมาขัดจังหวะก็ไม่รู้“ฉันเพิ่งบอกเธอไปหยกๆ ว่าไม่ให้เห็นใครสำคัญกว่าฉัน”“แต่นี่เมสซี่แมวของคุณนะคะ คุณให้อาหารมันหรือยังคะ” จันทริกาถามอย่างพอจะเข้าใจอากัปกิริยาของเมสซี่ดีว่าที
บทที่ 49ร่างสูงเดินดุ่มไปหาคนทั้งคู่อย่างไม่รีรอ สีหน้าบอกชัดว่าไม่สบอารมณ์และไม่พอใจเป็นอย่างมาก ปรัชญ์จึงพยักหน้าให้จันทริกาหลบไปก่อน ส่วนเขาเป็นฝ่ายอยู่รับหน้ารังสิมันต์ “แกมาทำอะไรที่บ้านฉัน” รังสิมันต์ถามเสียงห้วนกระด้างอย่างไม่คิดจะเก็บอารมณ์“มาหาจันทร์”“มาหาทำไม?”“มาจีบมั้ง” ปรัชญ์ตอบกวนๆ ยิ่งเห็นรังสิมันต์ทำหน้าถมึงทึงเช่นนั้นก็ยิ่งพอใจที่ได้ยั่วให้เพื่อนโกรธได้ แต่ดูแค่ตาเดียวก็รู้ว่าที่รังสิมันต์ทำหน้าแบบนั้นก็เพราะกำลังหึงหรือไม่ก็หวงก้าง“มันใช่เวลาไหม” รังสิมันต์ย้อนถามด้วยน้ำเสียงโทนเดิม“ทีแกยังเคยคิดจีบเมียฉัน ทำไมฉันจะจีบเมียแกบ้างไม่ได้” ปรัชญ์ยักไหล่และตอบกวนๆ เช่นเดิม ทั้งๆ ที่ในใจแอบหัวเราะคนออกอาการอยู่เงียบๆ “ฉันบอกแล้วไงว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่เมียฉัน” แม้จะออกอาการว่าหึงหวงปานใด แต่ปากก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง ซึ่งนั่นกลับยิ่งเข้าทางปรัชญ์“ไม่ใช่ก็ยิ่งดีใหญ่ ฉันจะได้ทำอะไรสะดวกๆ”“แกกำลังจะแต่งงานกับน้องเล็กนะเว้ย เลวให้มันน้อยๆ หน่อยได้ไหมไอ้เวร”“หวงก้างว่างั้น”“แกแม่งกวนตีนไม่เลิกว่ะ แล้วแต่แกเถอะไอ้เลวอยากทำอะไรก็ทำ” เมื่อถูกจี้แบบถูกจุดซ้ำแล้วซ้ำอีก รังสิ
บทที่ 48วันนี้เป็นวันหยุดของรังสิมันต์ซึ่งเพิ่งจะกลับมาจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ อุ้ยคำจึงลากลับบ้านไปหาครอบครัว ส่วนหนานอินซึ่งเป็นรปภ.เฝ้าป้อมหน้าบ้านก็ขอลาหยุดเช่นกัน จึงกลายเป็นว่าวันนี้จันทริกาต้องอยู่บ้านหลังใหญ่นั้นกับเจ้าของบ้านตามลำพังรังสิมันต์อยู่กับเมสซี่ในห้องนั่งเล่น ส่วนจันทริกาตากผ้าอยู่หลังบ้าน มือเล็กที่กำลังจับผ้าขึ้นแขวนบนราวตากชะงักครู่หนึ่งพลางเงี่ยฟัง เมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน ปกติแล้วหน้าที่เปิดประตูรั้วจะเป็นของหนานอินซึ่งเป็นรปภ.เฝ้าหน้าป้อม แต่วันนี้หนานอินลางาน จันทริกาจึงต้องละมือจากการตากผ้า แล้วเร่งฝีเท้าไปยังประตูหน้าบ้านอย่างรู้ดีว่าเป็นหน้าที่ตัวเอง“มาหาใครคะ” เสียงหวานถามคนที่มากดกริ่งอย่างสุภาพ ก่อนที่ดวงตาสวยปนเศร้าจะเบิกกว้างและเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายด้วยความดีใจ เมื่อเห็นหน้าคนที่มากดกริ่งในระยะใกล้“พี่เล็ก...”เจ้าของชื่อที่เธอเรียกคือรุ่นพี่ที่เธอเคยสนิทสนมมากในตอนเรียนมัธยม เพราะเคยอยู่ชมรมดนตรีด้วยกันนั่นเอง “จันทร์...” “ดีใจจังค่ะที่ได้เจอพี่เล็ก พี่เล็กสวยขึ้นจนจันทร์เกือบจะจำไม่ได้เลยค่ะ”
บทที่ 47สำหรับคนที่จมอยู่ในห้วงของความทุกข์ใจ วันเวลามักผ่านไปช้าเสมอ คนในบ้านที่รังสิมันต์ส่งไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าของเขา ยังไม่มีใครได้กลับมา ดังนั้นจันทริกาจึงต้องทำงานบ้านทุกอย่างแทบจะคนเดียวเช่นเดิม และยังมีสิ่งที่ต้องทำมากกว่าหน้าที่ของคนรับใช้ทั่วไป นั่นคือเธอต้องคอยรองรับไฟปรารถนาของรังสิมันต์ ไม่ว่าเขาต้องการยามใด เธอก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธได้สักครั้ง จันทริการู้ดีว่าเขาทำไปเพื่อระบายความแค้นเท่านั้น หากแต่ตอนนี้เธอกลับเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มจะผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้เธอทุกข์ใจไม่น้อย หากจะมีสิ่งที่ทำให้เธออยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างมีความสุข ก็คงจะเป็นความน่ารักของเมสซี่กับความเอ็นดูจากลุงหนานอินซึ่งเป็นรปภ.กับอุ้ยคำเท่านั้น ส่วนเจ้าของบ้าน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังคงใจร้ายและเย็นชาใส่เธอดังเดิม แม้บางครั้งเขาเหมือนจะอ่อนโยน แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะเขาลืมตัว ครั้นพอเขาคิดได้ว่าเกลียดชังเธอแค่ไหน จันทริกาก็มักจะได้รับผลจากความเคียดแค้นชิงชังของเขาดังเดิมเช้านี้จันทริกาไม่ได้ทำอาหาร รังสิมันต์บอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่
บทที่ 46“คำว่าเกมหัวใจ มันไว้สำหรับคนที่มีใจให้กัน”“แกไม่ได้คิดอะไรกับจันทร์ว่างั้น” จากที่ถูกไล่ต้อนตอนนี้ปรัชญ์เปลี่ยนเป็นฝ่ายไล่ต้อนรังสิมันต์บ้าง“คิด...คิดว่าเด็กคนนั้นทำให้เมียฉันตาย”“แน่ใจว่าคิดแค่นั้น แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหน”“กลับเชียงใหม่สิวะ จะอยู่ทำไมล่ะ ก็ผู้หญิงที่ฉันตั้งใจจะมาจีบกลายเป็นเมียแกไปแล้วนี่ หรือแกจะให้ฉันแย่งเมียเพื่อนก็ได้นะฉันไม่ถือ”“ก่อนจะถามฉัน ถามตัวเองก่อนว่าคิดจะแย่งเมียฉันจริงๆ หรือแค่อยากให้เมียตัวเองหึง”คำพูดที่เหมือนกับมานั่งอยู่ในใจเช่นนั้น ทำให้รังสิมันต์ต้องทำหน้าตึงกลบเกลื่อน แม้สิ่งที่ปรัชญ์พูดมาจะไม่ตรงกับความจริงนักแต่ก็เฉียดสุดๆ เขาไม่ได้อยากให้จันทริกาหึง แค่อยากให้เธอเจ็บจริงหรือที่ว่าต้องการแค่นั้น?รังสิมันต์ถามตัวเอง...แล้วทำไมตอนที่เด็กคนนั้นทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเขา เขาถึงได้หงุดหงิดนัก“ต้องให้ย้ำกี่ครั้งว่าเมียฉันตายแล้ว แกความจำเสื่อมหรือไงไอ้เชี่ยปรัชญ์” คนถูกต้อนคืนทำเสียงฉุนๆ ใส่“ฉันไม่ได้หมายถึงคนที่ตายแล้วเว้ย แต่หมายถึงคนที่แกอยู่ด้วยตอนนี้”“จันทริกาไม่ใช่เมียฉัน”“แล้วเป็นอะไร แค่อดีตน้องเมียที่ตอนนี้ถูกลดฐานะล
บทที่ 45“เธอนอนหรือยัง” ถามทั้งๆ ที่รู้ว่าดึกดื่นขนาดนี้ จันทริกาต้องนอนแล้ว เพราะปกติถ้าคืนไหนที่เขาไม่ได้ให้เธอขึ้นไปหา หรือเป็นฝ่ายลงมาหาเธอ เด็กคนนั้นจะหลับเร็วเป็นพิเศษ“นอนแล้วค่ะ คุณโทร.มามีอะไรหรือเปล่าคะ”“ฉันแค่โทร.มาถามว่าเมสซี่เป็นยังไงบ้าง” ปากพูดไปตามที่สมองเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า หากแต่เสียงในใจเสียงหนึ่งกลับตะโกนก้องขึ้นมาว่า เพราะอยากได้ยินเสียงนุ่มๆ เรียบๆ ของเธอต่างหาก“เมสซี่อยู่กับจันทร์ค่ะ ตอนนี้หลับไปแล้ว”“ก็ดี ฉันแค่เป็นห่วงมัน”“ไม่ต้องห่วงนะคะจันทร์จะดูแลเมสซี่อย่างดี และสมบัติทุกชิ้นของคุณในบ้านหลังนี้ยังอยู่ครบค่ะ” จันทริกาพูดกับคนโทร.มาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเป็นการบอกกล่าวตามปกติ ทว่าหัวใจกลับปวดแปลบ เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่า คุณตะวันเป็นห่วงแค่เมสซี่เท่านั้น ไม่ได้ห่วงเธอแม้แต่นิด หากจะห่วงก็คงห่วงว่าเธอจะพาใครมาขโมยของในบ้านอย่างที่เขาพูดไว้ก่อนไปมากกว่า เพราะเธอเป็นผู้ร้ายในสายตาเขามาตลอดตั้งแต่ศศิประภาตายไป จันทริกาจึงต้องบอกเขาไปเช่นนั้น หากแต่คนฟังกลับรู้สึกว่าเธอกำลังประชด“สมบัติของฉันที่เธอว่าอยู่ครบทุกชิ้น รวมถึงเธอด้วยหรือเปล่า”จันทริกาห