ร่างสูงเดินดุ่มไปหาคนทั้งคู่อย่างไม่รีรอ สีหน้าบอกชัดว่าไม่สบอารมณ์และไม่พอใจเป็นอย่างมาก ปรัชญ์จึงพยักหน้าให้จันทริกาหลบไปก่อน ส่วนเขาเป็นฝ่ายอยู่รับหน้ารังสิมันต์
“แกมาทำอะไรที่บ้านฉัน” รังสิมันต์ถามเสียงห้วนกระด้างอย่างไม่คิดจะเก็บอารมณ์
“มาหาจันทร์”
“มาหาทำไม?”
“มาจีบมั้ง” ปรัชญ์ตอบกวนๆ ยิ่งเห็นรังสิมันต์ทำหน้าถมึงทึงเช่นนั้นก็ยิ่งพอใจที่ได้ยั่วให้เพื่อนโกรธได้ แต่ดูแค่ตาเดียวก็รู้ว่าที่รังสิมันต์ทำหน้าแบบนั้นก็เพราะกำลังหึงหรือไม่ก็หวงก้าง
“มันใช่เวลาไหม” รังสิมันต์ย้อนถามด้วยน้ำเสียงโทนเดิม
“ทีแกยังเคยคิดจีบเมียฉัน ทำไมฉันจะจีบเมียแกบ้างไม่ได้” ปรัชญ์ยักไหล่และตอบกวนๆ เช่นเดิม ทั้งๆ ที่ในใจแอบหัวเราะคนออกอาการอยู่เงียบๆ
“ฉันบอกแล้วไงว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่เมียฉัน” แม้จะออกอาการว่าหึงหวงปานใด แต่ปากก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง ซึ่งนั่นกลับยิ่งเข้าทางปรัชญ์
“ไม่ใช่ก็ยิ่งดีใหญ่ ฉันจะได้ทำอะไรสะดวกๆ”
“แกกำลังจะแต่งงานกับน้องเล็กนะเว้ย เลวให้มันน้อยๆ หน่อยได้ไหมไอ้เวร”
“หวงก้างว่างั้น”
“แกแม่งกวนตีนไม่เลิกว่ะ แล้วแต่แกเถอะไอ้เลวอยากทำอะไรก็ทำ” เมื่อถูกจี้แบบถูกจุดซ้ำแล้วซ้ำอีก รังสิมันต์ก็เริ่มออกอาการรวน แต่กลัวเสียฟอร์มเลยต้องกลบเกลื่อนด้วยการตะคอกเสียงใส่เพื่อนสนิท แล้วเดินหนีเข้าบ้านเอาเสียดื้อๆ
“โอเคงั้นฉันจะพาจันทริกาออกไปข้างนอกนะ เสร็จธุระแล้วจะพามาคืน” ปรัชญ์ตะโกนบอกตามหลัง โดยรังสิมันต์ไม่ได้ตอบรับใดๆ แต่เขาก็ไม่สน เพราะหลังจากนั้นปรัชญ์ก็รีบเดินไปตามจันทริกาที่ตอนนี้คงจะหลบภัยอยู่หลังบ้าน
เวลาแต่ละนาทีผ่านไปอย่างน่าหงุดหงิดสำหรับรังสิมันต์ เมื่อค่ำมืดแล้วเพื่อนสนิทอย่างปรัชญ์ก็ยังไม่พาจันทริกากลับมาส่งเสียที ใจร่ำๆ อยากจะโทร.ตาม แต่ก็กลัวจะเสียฟอร์มและกลัวโดนปรัชญ์หาว่าเป็นหมาหวงก้างอีก เขาจึงได้แต่อดทนรอ พร้อมกับคาดโทษคนของตัวเองเอาไว้ในใจ
ในที่สุดเสียงรถของปรัชญ์ก็แล่นเข้ามาจอดในบ้าน หลังจากที่พาจันทริกาออกไปข้างนอกด้วยกันนานกว่าสามชั่วโมง ปรัชญ์ไม่ได้เดินเข้ามาส่ง มีเพียงจันทริกาที่เดินเข้ามาในบ้านเพียงลำพัง แต่แค่ก้าวเข้ามาในบ้าน ร่างบางก็ถูกยืนขวางหน้าด้วยร่างกำยำที่สูงใหญ่กว่าเธอแบบมวยคนละรุ่น จันทริกาก้มหน้าลง ตั้งใจจะเดินเลี่ยงหนีไป หากแต่รังสิมันต์มีหรือจะยอมให้ทำเช่นนั้น ในเมื่อเธอสร้างความร้อนรนให้เขา เขาก็ต้องชำระความกันเสียก่อน
“ไปไหนมา” เสียงทุ้มถามดุๆ ห้วนๆ แบบที่จันทริกาคุ้นเคยเป็นอย่างดีแล้ว
“ไปกับพี่ปรัชญ์ค่ะ”
ทั้งคำพูดที่เรียกขานชื่อกันอย่างสนิทสนม และคำตอบทื่อๆ ราวกับจงใจกวนน้ำที่ขุ่นอยู่แล้วให้ขุ่นกว่าเดิม ยิ่งทำให้อารมณ์ของรังสิมันต์เดือดพล่านมากขึ้น มือแกร่งจึงตะครุบที่ไหล่บอบบางแล้วบีบแรงตามอารมณ์ เพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ
“ตาฉันไม่ได้บอด ฉันเห็นว่าเธอไปกับไอ้ปรัชญ์ แต่ฉันอยากรู้ว่าไปไหน ไปทำอะไรกัน แล้วรู้หรือเปล่าว่าไอ้ปรัชญ์มันกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีพร้อมอย่างน้องเล็ก หรือเธอไม่สนใจว่าการกระทำของตัวเองจะทำร้ายใครบ้าง เธอเคยหักหลังคนที่เป็นพี่สาว และตอนนี้ก็กำลังจะหักหลังคนที่เธอเคยสนิทสนมด้วยอย่างนั้นเหรอจันทริกา”
“จันทร์ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นนะคะ คุณจะมองจันทร์ว่าเลวทรามยังไงก็ได้ แต่ได้โปรดอย่าเข้าใจพี่ปรัชญ์ผิด” จันทริกาเอ่ยตอบโต้เสียงสั่น ตัวเธอเองชินเสียแล้วกับการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขา เขาจะด่าจะว่าจะพูดจาดูถูกหยาบหยามใส่เธอยังไงก็ได้ แต่เธอไม่อยากให้รังสิมันต์กล่าวหาและเข้าใจปรัชญ์ผิดๆ เช่นนั้น
“แล้วไปทำอะไร”
“จันทร์บอกไม่ได้ค่ะ พี่ปรัชญ์ไม่ให้บอก”
“บอกมาจันทริกา”
“ได้โปรดเถอะค่ะคุณตะวัน อย่าทำให้จันทร์ลำบากใจเลยนะคะ พี่ปรัชญ์ไม่ให้จันทร์บอกใคร” จันทริกาเอ่ยขอร้องเพราะรับปากกับปรัชญ์ไว้แล้วว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
“เธอกลัวใครมากกว่ากันระหว่างฉันกับไอ้ปรัชญ์”
“…” จันทริกาเงียบ เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรดีกับคำถามนั้น
“อ้อ...คงกลัวไอ้ปรัชญ์มากกว่าฉันสินะ งั้นฉันจะง้างปากแข็งๆ ที่มีแต่ดอกพิกุลของเธอเอง และจะทำให้เธอรู้ว่าคนที่เธอควรกลัวที่สุดคือใคร”
คราวนี้มือแข็งแรงกระชากร่างบางเข้ามากอดไว้แน่น พร้อมกับระดมจูบอย่างป่าเถื่อนรุนแรงลงบนแก้มใสและเรียวปากบอบบางนุ่มนิ่ม จันทริกาเบี่ยงหน้าหลบเป็นพัลวัลแต่ก็หลบไม่พ้น สุดท้ายปากก็ถูกประกบ แล้วเธอก็ได้รู้ซึ้งว่าการจูบแบบลงโทษที่เต็มไปด้วยความโกรธจริงๆ มันเป็นอย่างไร
เรียวปากนุ่มเจ็บร้าวไปหมด เพราะเขาไม่ได้แค่จูบแต่บางครั้งรังสิมันต์ยังใช้ฟันกัดริมฝีปากของเธอแรงๆ จนเลือดไหลซิบออกมา
“จันทร์เจ็บ...” เสียงหวานเอ่ยพลางน้ำตาคลอ
“งั้นก็บอกความจริงกับฉันมา ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอเจ็บกว่านี้”
“...” จันทริกายังคงนิ่ง แม้จะเจ็บร้าวแค่ไหน
“ฉันจะถามอีกครั้งจันทริกา เธอไปทำอะไรกับไอ้ปรัชญ์” รังสิมันต์เค้นเสียง
“พี่ปรัชญ์ให้จันทร์ไปเล่นเปียโน…” ในที่สุดจันทริกาก็จำต้องพูดความจริงออกมา ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะเสียสัตย์กับปรัชญ์เลยสักนิด
“เล่นทำไม”
“พี่ปรัชญ์แต่งเพลงและตั้งใจจะร้องให้พี่เล็กในวันแต่งงานค่ะ เลยขอร้องให้จันทร์ช่วยเรียบเรียงและเล่นเปียโนให้ แต่พี่ปรัชญ์อยากเก็บไว้เป็นเซอร์ไพรส์เลยพาจันทร์ไปซ้อมที่ห้องสอนดนตรี และขอร้องไม่ให้จันทร์บอกใคร”
“แม้แต่ฉันงั้นเหรอ”
“ค่ะ”
“จำไว้นะจันทริกา เธอเป็นเมียฉัน ถึงจะเป็นแค่เมียลับๆ แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์มีความลับกับฉันไม่ว่าเรื่องใดๆ และต่อไปนี้ห้ามเรียกไอ้ปรัชญ์ว่าพี่ปรัชญ์ให้ฉันได้ยินอีก เธอต้องเรียกว่าคุณปรัชญ์เหมือนที่เรียกฉัน” คราวนี้น้ำเสียงที่แข็งกระด้างห้วนดุก่อนหน้าอ่อนลงหลังจากได้รู้ความจริง ยิ่งเห็นปากบอบบางซึ่งมีเลือดไหลซิบๆ ออกมาจากอารมณ์ของตัวเอง หัวใจก็ยิ่งอ่อนยวบยาบ ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาเกาะกินใจอย่างแรง จนต้องยกมือขึ้นเช็ดเลือดออกให้อย่างอ่อนโยน
บทที่ 50“แต่คุณปรัชญ์ขอร้องนะคะ จันทร์ไม่อยากผิดคำพูดกับ...”จันทริกายังพูดไม่ทันจบ นิ้วแกร่งเรียวยาวก็แตะลงบนเรียวปากนุ่ม เพื่อห้ามไม่ให้เธอพูดต่อ“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเห็นคนอื่นสำคัญกว่าฉัน”พูดจบนิ้วที่แตะอยู่บนเรียวปากนุ่มก็เลื่อนออก แต่เรียวปากหยักร้อนกลับเคลื่อนเข้ามาแทนที่ ร่างบางเกร็งขึ้นเพราะกลัวว่ารังสิมันต์จะทำรุนแรงเช่นเดิมอีก หากแต่จูบครั้งนี้เป็นจูบที่แสนอ่อนโยน จูบที่คล้ายจะไถ่โทษ จูบที่เว้าวอน จนอาการเกร็งนั้นมลายหายไป และยืนนิ่งให้เขาจูบอยู่เนิ่นนาน“เมี้ยว...”เสียงร้องของเมสซี่ที่ดังขึ้น ทำให้อารมณ์ที่กำลังอ่อนไหวของทั้งคู่สะดุดลง จันทริกาได้สติจึงรีบผละออกห่างจากการโอบกอดของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วย่อตัวลงไปอุ้มเมสซี่ขึ้นมาแนบอก คล้ายกับจะใช้มันเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เขาเข้าถึงตัวได้อีกรังสิมันต์ออกจะเขม่นแมวตัวโปรดเป็นครั้งแรก แต่ไหนแต่ไรมันรู้งาน และไม่เคยทำตัวเป็นก้างขวางคอ แต่ทำไมวันนี้มันถึงมาขัดจังหวะก็ไม่รู้“ฉันเพิ่งบอกเธอไปหยกๆ ว่าไม่ให้เห็นใครสำคัญกว่าฉัน”“แต่นี่เมสซี่แมวของคุณนะคะ คุณให้อาหารมันหรือยังคะ” จันทริกาถามอย่างพอจะเข้าใจอากัปกิริยาของเมสซี่ดีว่าที
บทที่ 49ร่างสูงเดินดุ่มไปหาคนทั้งคู่อย่างไม่รีรอ สีหน้าบอกชัดว่าไม่สบอารมณ์และไม่พอใจเป็นอย่างมาก ปรัชญ์จึงพยักหน้าให้จันทริกาหลบไปก่อน ส่วนเขาเป็นฝ่ายอยู่รับหน้ารังสิมันต์ “แกมาทำอะไรที่บ้านฉัน” รังสิมันต์ถามเสียงห้วนกระด้างอย่างไม่คิดจะเก็บอารมณ์“มาหาจันทร์”“มาหาทำไม?”“มาจีบมั้ง” ปรัชญ์ตอบกวนๆ ยิ่งเห็นรังสิมันต์ทำหน้าถมึงทึงเช่นนั้นก็ยิ่งพอใจที่ได้ยั่วให้เพื่อนโกรธได้ แต่ดูแค่ตาเดียวก็รู้ว่าที่รังสิมันต์ทำหน้าแบบนั้นก็เพราะกำลังหึงหรือไม่ก็หวงก้าง“มันใช่เวลาไหม” รังสิมันต์ย้อนถามด้วยน้ำเสียงโทนเดิม“ทีแกยังเคยคิดจีบเมียฉัน ทำไมฉันจะจีบเมียแกบ้างไม่ได้” ปรัชญ์ยักไหล่และตอบกวนๆ เช่นเดิม ทั้งๆ ที่ในใจแอบหัวเราะคนออกอาการอยู่เงียบๆ “ฉันบอกแล้วไงว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่เมียฉัน” แม้จะออกอาการว่าหึงหวงปานใด แต่ปากก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง ซึ่งนั่นกลับยิ่งเข้าทางปรัชญ์“ไม่ใช่ก็ยิ่งดีใหญ่ ฉันจะได้ทำอะไรสะดวกๆ”“แกกำลังจะแต่งงานกับน้องเล็กนะเว้ย เลวให้มันน้อยๆ หน่อยได้ไหมไอ้เวร”“หวงก้างว่างั้น”“แกแม่งกวนตีนไม่เลิกว่ะ แล้วแต่แกเถอะไอ้เลวอยากทำอะไรก็ทำ” เมื่อถูกจี้แบบถูกจุดซ้ำแล้วซ้ำอีก รังสิ
บทที่ 48วันนี้เป็นวันหยุดของรังสิมันต์ซึ่งเพิ่งจะกลับมาจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ อุ้ยคำจึงลากลับบ้านไปหาครอบครัว ส่วนหนานอินซึ่งเป็นรปภ.เฝ้าป้อมหน้าบ้านก็ขอลาหยุดเช่นกัน จึงกลายเป็นว่าวันนี้จันทริกาต้องอยู่บ้านหลังใหญ่นั้นกับเจ้าของบ้านตามลำพังรังสิมันต์อยู่กับเมสซี่ในห้องนั่งเล่น ส่วนจันทริกาตากผ้าอยู่หลังบ้าน มือเล็กที่กำลังจับผ้าขึ้นแขวนบนราวตากชะงักครู่หนึ่งพลางเงี่ยฟัง เมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน ปกติแล้วหน้าที่เปิดประตูรั้วจะเป็นของหนานอินซึ่งเป็นรปภ.เฝ้าหน้าป้อม แต่วันนี้หนานอินลางาน จันทริกาจึงต้องละมือจากการตากผ้า แล้วเร่งฝีเท้าไปยังประตูหน้าบ้านอย่างรู้ดีว่าเป็นหน้าที่ตัวเอง“มาหาใครคะ” เสียงหวานถามคนที่มากดกริ่งอย่างสุภาพ ก่อนที่ดวงตาสวยปนเศร้าจะเบิกกว้างและเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายด้วยความดีใจ เมื่อเห็นหน้าคนที่มากดกริ่งในระยะใกล้“พี่เล็ก...”เจ้าของชื่อที่เธอเรียกคือรุ่นพี่ที่เธอเคยสนิทสนมมากในตอนเรียนมัธยม เพราะเคยอยู่ชมรมดนตรีด้วยกันนั่นเอง “จันทร์...” “ดีใจจังค่ะที่ได้เจอพี่เล็ก พี่เล็กสวยขึ้นจนจันทร์เกือบจะจำไม่ได้เลยค่ะ”
บทที่ 47สำหรับคนที่จมอยู่ในห้วงของความทุกข์ใจ วันเวลามักผ่านไปช้าเสมอ คนในบ้านที่รังสิมันต์ส่งไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าของเขา ยังไม่มีใครได้กลับมา ดังนั้นจันทริกาจึงต้องทำงานบ้านทุกอย่างแทบจะคนเดียวเช่นเดิม และยังมีสิ่งที่ต้องทำมากกว่าหน้าที่ของคนรับใช้ทั่วไป นั่นคือเธอต้องคอยรองรับไฟปรารถนาของรังสิมันต์ ไม่ว่าเขาต้องการยามใด เธอก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธได้สักครั้ง จันทริการู้ดีว่าเขาทำไปเพื่อระบายความแค้นเท่านั้น หากแต่ตอนนี้เธอกลับเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มจะผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้เธอทุกข์ใจไม่น้อย หากจะมีสิ่งที่ทำให้เธออยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างมีความสุข ก็คงจะเป็นความน่ารักของเมสซี่กับความเอ็นดูจากลุงหนานอินซึ่งเป็นรปภ.กับอุ้ยคำเท่านั้น ส่วนเจ้าของบ้าน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังคงใจร้ายและเย็นชาใส่เธอดังเดิม แม้บางครั้งเขาเหมือนจะอ่อนโยน แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะเขาลืมตัว ครั้นพอเขาคิดได้ว่าเกลียดชังเธอแค่ไหน จันทริกาก็มักจะได้รับผลจากความเคียดแค้นชิงชังของเขาดังเดิมเช้านี้จันทริกาไม่ได้ทำอาหาร รังสิมันต์บอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่
บทที่ 46“คำว่าเกมหัวใจ มันไว้สำหรับคนที่มีใจให้กัน”“แกไม่ได้คิดอะไรกับจันทร์ว่างั้น” จากที่ถูกไล่ต้อนตอนนี้ปรัชญ์เปลี่ยนเป็นฝ่ายไล่ต้อนรังสิมันต์บ้าง“คิด...คิดว่าเด็กคนนั้นทำให้เมียฉันตาย”“แน่ใจว่าคิดแค่นั้น แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหน”“กลับเชียงใหม่สิวะ จะอยู่ทำไมล่ะ ก็ผู้หญิงที่ฉันตั้งใจจะมาจีบกลายเป็นเมียแกไปแล้วนี่ หรือแกจะให้ฉันแย่งเมียเพื่อนก็ได้นะฉันไม่ถือ”“ก่อนจะถามฉัน ถามตัวเองก่อนว่าคิดจะแย่งเมียฉันจริงๆ หรือแค่อยากให้เมียตัวเองหึง”คำพูดที่เหมือนกับมานั่งอยู่ในใจเช่นนั้น ทำให้รังสิมันต์ต้องทำหน้าตึงกลบเกลื่อน แม้สิ่งที่ปรัชญ์พูดมาจะไม่ตรงกับความจริงนักแต่ก็เฉียดสุดๆ เขาไม่ได้อยากให้จันทริกาหึง แค่อยากให้เธอเจ็บจริงหรือที่ว่าต้องการแค่นั้น?รังสิมันต์ถามตัวเอง...แล้วทำไมตอนที่เด็กคนนั้นทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเขา เขาถึงได้หงุดหงิดนัก“ต้องให้ย้ำกี่ครั้งว่าเมียฉันตายแล้ว แกความจำเสื่อมหรือไงไอ้เชี่ยปรัชญ์” คนถูกต้อนคืนทำเสียงฉุนๆ ใส่“ฉันไม่ได้หมายถึงคนที่ตายแล้วเว้ย แต่หมายถึงคนที่แกอยู่ด้วยตอนนี้”“จันทริกาไม่ใช่เมียฉัน”“แล้วเป็นอะไร แค่อดีตน้องเมียที่ตอนนี้ถูกลดฐานะล
บทที่ 45“เธอนอนหรือยัง” ถามทั้งๆ ที่รู้ว่าดึกดื่นขนาดนี้ จันทริกาต้องนอนแล้ว เพราะปกติถ้าคืนไหนที่เขาไม่ได้ให้เธอขึ้นไปหา หรือเป็นฝ่ายลงมาหาเธอ เด็กคนนั้นจะหลับเร็วเป็นพิเศษ“นอนแล้วค่ะ คุณโทร.มามีอะไรหรือเปล่าคะ”“ฉันแค่โทร.มาถามว่าเมสซี่เป็นยังไงบ้าง” ปากพูดไปตามที่สมองเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า หากแต่เสียงในใจเสียงหนึ่งกลับตะโกนก้องขึ้นมาว่า เพราะอยากได้ยินเสียงนุ่มๆ เรียบๆ ของเธอต่างหาก“เมสซี่อยู่กับจันทร์ค่ะ ตอนนี้หลับไปแล้ว”“ก็ดี ฉันแค่เป็นห่วงมัน”“ไม่ต้องห่วงนะคะจันทร์จะดูแลเมสซี่อย่างดี และสมบัติทุกชิ้นของคุณในบ้านหลังนี้ยังอยู่ครบค่ะ” จันทริกาพูดกับคนโทร.มาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเป็นการบอกกล่าวตามปกติ ทว่าหัวใจกลับปวดแปลบ เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่า คุณตะวันเป็นห่วงแค่เมสซี่เท่านั้น ไม่ได้ห่วงเธอแม้แต่นิด หากจะห่วงก็คงห่วงว่าเธอจะพาใครมาขโมยของในบ้านอย่างที่เขาพูดไว้ก่อนไปมากกว่า เพราะเธอเป็นผู้ร้ายในสายตาเขามาตลอดตั้งแต่ศศิประภาตายไป จันทริกาจึงต้องบอกเขาไปเช่นนั้น หากแต่คนฟังกลับรู้สึกว่าเธอกำลังประชด“สมบัติของฉันที่เธอว่าอยู่ครบทุกชิ้น รวมถึงเธอด้วยหรือเปล่า”จันทริกาห