Share

บทที่ 9 ความใส่ใจ

last update Last Updated: 2025-06-27 11:01:17

หลังจากที่ออกมาจากกระโจมของกงเหล่ยแล้ว ไต้ฝูหรงก็กลับมาที่กระโจมของตนเอง นางนำเสื้อผ้าของเขาวางเอาไว้บนโต๊ะ ก่อนที่หญิงสาวจะค่อยๆจัดการเย็บปะชุนมันทีละตัวอย่างไม่รีบไม่ร้อน

เขาอยู่ในค่ายทหาร ไม่มีคนคอยดูแลเอาใจใส่ เรื่องอาหารการกินและเสื้อผ้าล้วนไม่ได้รับการดูแลใส่ใจเท่าใดนักเพราะในค่ายทหารมีเพียงบุรุษที่มือไม้หยาบกระด้าง 

นางได้ยินเซียวเย่เอ่ยว่า สงครามครานี้ค่อนข้างจะหนักหนาไม่เบา อยู่ๆในใจของหญิงสาวก็เป็นกังวลขึ้นมา นางรู้สึกเป็นห่วงเขายิ่งนัก

เขาคือผู้มีพระคุณของนาง หากเขาได้รับบาดเจ็บนางเองก็คงไม่อาจวางใจลงได้

อาจเพราะจิตใจของนางเหม่อลอยฟุ้งซ่านจนเกินไป ทำให้เผลอทำเข็มปักผ้าทิ่มนิ้วมือ โลหิตสีแดงสดหยดลงบนเสื้อผ้าของกงเหล่ยจนกระจายเป็นวงกว้าง ไต้ฝูหรงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะจัดการวางงานในมือลง คืนนั้นทั้งคืนนางนอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องความปลอดภัยของกงเหล่ย

ด้านกงเหล่ยนั้นก็นอนไม่หลับเช่นเดียวกัน นอกจากครุ่นคิดเรื่องสงครามแล้ว ในใจของเขาก็ยังสับสนไม่น้อย

ความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นในใจยามนี้คืออันใดกัน?

เช้าวันต่อมา หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว กงเหล่ยก็นำทัพออกรบกับแคว้นเว่ย เดิมทีไม่คิดว่าจะรีบร้อนออกรบถึงเพียงนี้ อย่างไรให้เหล่าทหารได้พักเสียหน่อยคงดีกว่าบุ่มบ่ามทำศึก แต่ทว่าเมื่อคืนนี้ทหารของแคว้นเว่ยกลับลักลอบเข้ามาเผาคลังเสบียงของเขา โชคดีที่เหล่าทหารไหวตัวทัน ทำให้คลังเสบียงไม่ได้รับความเสียหายเท่าใดนัก กงเหล่ยกัดฟันกรอด ในเมื่อให้ดื่มสุราคารวะแต่เว่ยอ๋องกลับคิดจะดื่มสุราลงทัณฑ์เช่นนั้นเขาก็จะไม่ปรานีแล้ว

เว่ยอ๋องคือพระญาติของฉินฮองเฮา แน่นอนว่าหากคนผู้นี้ตาย ย่อมเป็นการตัดกำลังของเกาฮ่องเต้ไปได้อีกทางหนึ่ง อย่างไรตำแหน่งเว่ยอ๋องนี้ก็ได้มาเพราะการเหยียบหัวคนอื่นขึ้นมา เช่นนั้นตายไปเสียก็นับว่าแผ่นดินจะได้สูงขึ้น

กองทัพแคว้นเซี่ยออกรบอย่างยิ่งใหญ่ ไต้ฝูหรงมองส่งเขาจนลับสายตา ด้านท่านเฉิงซุนที่ยืนอยู่ข้างนางก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใดนัก

เขาไม่ได้ติดตามไปด้วย เพราะกงเหล่ยต้องการให้เขาอยู่ดูแลความปลอดภัยในค่ายทหาร

แต่เขารู้ดีว่า ที่ท่านอ๋องสั่งให้เขาอยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของไต้ฝูหรง เขาหันไปมองสตรีน้อยที่อุ้มลูกหมูป่าเอาไว้ในอ้อมกอดพลางทอดสายตามองกองทัพอย่างอาลัยอาวรณ์คราหนึ่ง

เมื่อกองทัพของกงเหล่ยออกจากค่ายทหารไปแล้ว ไต้ฝูหรงจึงหันมาเอ่ยกับท่านเฉิงซุนทันที

"ท่านกุนซือเจ้าคะ ข้าจะกลับเข้าไปในกระโจม ไปสวดมนต์ของพรให้ท่านอ๋องและเหล่าทหารให้ได้รับชัยชนะ"

เฉิงซุนพยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะมองตามแผ่นหลังของเด็กสาวนางนั้นไปจนลับสายตาและยิ้มออกมา

ไต้ฝูหรงนั้นแม้จะดูอ่อนแอบอบบางแต่กลับไม่เคยทำตัวเป็นภาระหรือสร้างปัญหาให้พวกเขาเลยแม้แต่น้อย กลับกันนางยังทำให้เหล่าทหารอยู่ดีกินดี ท่านอ๋องเองก็ดูจะสำราญมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

แต่อย่างไรหากท่านอ๋องมีใจชอบพอนางวาสนาของนางก็คงเป็นได้เพียงอนุหรือไม่ก็ภรรยารองเท่านั้น เพราะที่แคว้นเซี่ยท่านอ๋องก็มีสตรีที่คู่ควรกับเขารออยู่แล้ว

ความเสียดายพาดผ่านดวงตาของเฉิงซุนไป

ไต้ฝูหรงนั้นสวดมนต์อยู่ในกระโจมอย่างตั้งใจ โดยมีเจ้าลูกหมูป่านอนอยู่ข้างๆนาง หลายวันมานี้เจ้าหมูป่าน้อยเอาแต่เกาะติดนางไม่ยอมห่าง มันรู้ความอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งยังฟังเพียงคำสั่งของนาง นางเอ็นดูมันมากจึงตั้งชื่อมันว่า เปาเปา

 ด้านกงเหล่ยเองก็ออกรบด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น

เพราะกองทัพของตระกูลกงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพียงไม่นานก็สามารถพบุกทะลวงเข้าไปในประตูเมืองหลวงแคว้นเว่ยได้สำเร็จ เหล่าทหารแคว้นเว่ยต่างล้มตายกองเป็นภูเขา ส่วนชาวบ้านที่ถูกบังคับมาเป็นทหารเมื่อสู้ไม่ได้ บางคนก็ถึงกับทิ้งดาบนั่งร้องไห้โฮบอกว่าตนถูกบังคับมา บางคนก็วิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว กงเหล่ยรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว จึงไม่คิดจะสังหารพวกเขา อีกทั้งยังปลอบขวัญพวกเขาอีกด้วย ทำให้เหล่าชาวบ้านที่หวาดกลัวคลายความหวาดหวั่นลงไปได้ไม่น้อย

ที่ผ่านมาพวกเขาคิดมาตลอดว่าเซี่ยอ๋องเป็นคนใจดำอำมหิต สังหารคนไม่เลือกหน้า แต่ วันนี้เมื่อได้มาเห็นกับตาตน กลับไม่เป็นเช่นที่ผู้คนเล่าลือกันเลยแม้แต่น้อย

ที่ผ่านมาพวกเขาล้วนถูกคนชั่วที่แท้จริงปิดหูปิดมาตามาโดยตลอด เทียบกันแล้ว เว่ยอ๋องยังชั่วช้าเสียยิ่งกว่า!

เว่ยอ๋องเมื่อได้ยินว่ากงเหล่ยสามารถบุกเข้ามาได้แล้วก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขาไม่สนใจแม้กระทั่งเหล่าภรรยาและอนุของตน กลับหนีตายเอาตัวรอดเพียงคนเดียว แม้แต่หลานชายจอมเสเพลเพียงคนเดียวที่เขารักประดุจบุตรในอุทรเขาก็ยังทอดทิ้ง

หลังจากเข้ายึดเมืองหลวงแคว้นเว่ยได้แล้ว เขาก็สั่งให้ทหารของตนสังหารทหารของแคว้นเว่ยให้หมด ส่วนตัวเขามุ่งหน้าไปตามสังหารเว่ยอ๋องพร้อมกับเซียวเย่และเฉิงซาน ก่อนหน้านี้หลัวเยี่ยได้นำกองกำลังทหารมาสมทบ ทำให้ทุกอย่างราบรื่นด้วยดี

เว่ยอ๋องขึ้นรถม้าหมายจะหนีไปหาเกาฮ่องเต้ที่แคว้นเกา แต่ยังไม่ทันหนีพ้นก็ถูกกงเหล่ยจับตัวได้เสียก่อน

กงเหล่ยจัดการสังหารคนข้างกายของเว่ยอ๋องจนหมดไม่เว้นแม้กระทั่งหลานชายของเขา เว่ยอ๋องคุกเข่าลงไปบนพื้น ใบหน้าชราซีดเผือด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองกงเหล่ย

"กงเหล่ย หากเจ้ากล้าสังหารข้า เกาฮ่องเต้ไม่ม่ีทางปล่อยเจ้าไปแน่!"

กงเหล่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา แววตาที่มองเว่ยอ๋องนั้นอำมหิตอย่างไม่ปิดบัง

"เว่ยอ๋อง เจ้าคิดว่าข้าเกรงกลัวเกาฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ อย่างไรวันนี้เจ้าก็จะต้องตายอยู่แล้ว เจ้าจะต้องไปเป็นสุนัขคอยรับใช้ท่านพ่อของข้าในปรโลก เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ถึงความชั่วของพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าอยากควบคุมกองทัพตระกูลกงของท่านพ่อข้า จึงรวมหัวกับเกาฮ่องเต้จัดฉากว่าบิดาข้าถูกศัตรูสังหารตายในสนามรบ ทั้งที่ความจริงแล้ว เกาฮ่องเต้เป็นคนส่งมือสังหารไปลอบฆ่าท่านพ่อของข้า หวังจะขึ้นเป็นใหญ่ในใต้หล้า ส่วนเจ้าและอ๋องต่างแคว้นคนอื่นก็คอยกระดิกหางเป็นสุนัขรับใช้คอยทำตามคำสั่งของเกาฮ่องเต้เพราะหวังผลประโยชน์มหาศาลที่รออยู่เบื้องหน้า!"

เว่ยอ๋องถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก เรื่องที่กงเหล่ยเอ่ยออกมาล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น เรื่องเมื่อหลายปีก่อนนั้นเขาเองที่เป็นญาติของฉินฮองเฮามีหรือจะไม่รู้เห็นเป็นใจด้วย

ไม่เพียงรู้ดีแต่ยังร่วมมือกันสังหารคนอีกด้วย!

เดิมทีใต้หล้านี้ควรจะมีกงฮ่องเต้ ไม่ใช่เกาฮ่องเต้ แต่เพราะพวกเขาใช้วิธีสกปรก จึงทำให้ได้อำนาจมาครอบครองโดยมิชอบธรรม!

เมื่อได้มองเห็นแววตาที่แสนเย็นชาราวกับมัจจุราชที่กำลังจะมาลากตัวเขาลงหลุมของกงเหล่ยแล้วนั้น เว่ยอ๋องก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

กงเหล่ยยื่นดาบไปพาดเอาไว้บนลำคอของเว่ยอ๋อง ก่อนจะยิ้มเย็นชา

"คนเช่นเจ้ามีชีวิตอยู่ก็รกแผ่นดิน เจ้าจงจำเอาไว้ ข้าจะสังหารสุนัขรับใช้ของเกาฮ่องเต้ให้หมด จากนั้นข้าก็จะสังหารคนตระกูลเกาไม่ให้เหลือรอดแม้เพียงคนเดียว เจ้านี่มันชั่วช้าไม่ต่างจากพี่เขยของเจ้าจริงๆ แม้แต่ชีวิตของราษฎรเจ้าก็ยังไม่สนใจ ยามนี้คนแคว้นเว่ยของเจ้ามีแต่สาปแช่งประนามเจ้า!"

"ข้า..."

เว่ยอ๋องยังไม่ทันเอ่ยจบประโยค ศีรษะของเขาก็ร่วงตกลงบนพื้นเสียแล้ว โลหิตสีแดงฉานไหลเจิ่งนองเต็มพื้นหญ้า 

"เอาหัวของมันไปเสียบประจานหน้าประตูเมืองแคว้นเว่ย จากนั้นหักธงรบแคว้นเว่ยทิ้งและปักธงแคว้นเซี่ยขึ้นแทน ยามนี้แคว้นเว่ยเป็นของข้าแล้ว!"

เอ่ยจบเขาก็ควบม้ากลับมาที่เมืองหลวงแคว้นเว่ย เมื่อมาถึงก็พบว่าเหล่าภรรยาของเว่ยอ๋องล้วนผูกคอตายปลิดชีพตนไปหมดแล้ว ส่วนทหารที่เหลือต่างยอมสวามิภักดิ์อย่างไม่มีข้อแม้ เหล่าชาวบ้านต่างคุกเข่าพร้อมเอ่ยขอบคุณเขา กงเหล่ยมองดูเหล่าชาวบ้าน เด็กและสตรีที่มีท่าทีหวาดกลัวแล้วก็อดเวทนาไม่ได้

มันทำให้เขานึกถึงราษฎรแคว้นเซี่ยของตน ยามนั้นท่านพ่อตาย เขาเองก็จำต้องหนีเอาชีวิตรอด ราษฎรของเขาถูกเซี่ยอ๋องคนใหม่กดขี่ข่มเหง ช่างน่าเวทนายิ่งนัก ท่านพ่อรักราษฎรดั่งบุตรตน เขาเองก็เช่นเดียวกัน

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงสั่งให้ทหารปลอบประโลมเหล่าชาวบ้าน บอกว่าอย่างไรเขาก็ไม่คิดสังหารคนบรสุทธิ์

เหล่าเด็กและสตรีแม้จะยังหวาดกลัวแต่กับไม่ได้ต่อต้านเขาเฉกเช่นคราแรกอีกแล้ว และยังขอบคุณที่กงเหล่ยนำอาหารมามอบให้ ตั้งแต่เกิดสงครามพวกเขาอดอยากมากเหลือเกิน

เหล่าชายหนุ่มของแคว้นเว่ยเองก็เอ่ยปากว่า จะขอติดตามกงเหล่ยเข้าสู่สนามรบ ปราบคนชั่วให้สิ้นซาก พวกเขาอดทนมามากพอแล้ว ถูกปิดหูปิดตามานานเกินไปแล้ว ยามนี้เมื่อเซี่ยอ๋องไม่คิดทำร้ายพวกเขาและครอบครัว พวกเขาก็ยินดีสวามิภักดิ์โดยไม่มีข้อแม้

กงเหล่ยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า อีกทั้งยังบอกว่าหากใครอยากเข้ามาเป็นทหารก็ให้มาลงชื่อและฝึกฝนให้หนัก หากไม่กลัวตายในสนามรบ และยินดีติดตามเขาออกรบ เขาเองก็จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เหล่าชาวบ้านต่างกู่ร้องว่านับแต่นี้เซี่ยอ๋องก็คือนายเหนือหัวคนใหม่ของพวกเขา

เซียวเย่ เฉิงซานและ หลัวเยี่ยหันมาสบตากันก่อนจะยิ้มออกมา

ด้านเกาฮ่องเต้นั้น เมื่อได้ยินว่าเว่ยอ๋องถูกกงเหล่ยสังหาร อีกทั้งศัตรูยังยึดแคว้นเว่ยไปได้แล้วก็โมโหโกธาจนกระอักโลหิตออกมาคำโต เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างจิตใจสั่นคลอนและหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อยึดแคว้นเว่ยได้แล้ว แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมราบรื่น กงเหล่ยตัดสินใจพักอยู่ในเมืองหลวงแคว้นเว่ยเพื่อให้เหล่าทหารได้พักผ่อน มีชาวบ้านมาช่วยกันทำอาหารให้เหล่าทหารได้กิน ทุกอย่างนับว่ากลับคืนสู่ความสงบอย่างที่มันควรจะเป็น

ชายหนุ่มถอดชุดเกราะไปแขวนไว้บนราวไม้ ก่อนจะทิ้งกายนั่งลงในอ่างอาบน้ำด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาจึงมานั่งที่เก้าอี้เพื่อพักผ่อนเสียหน่อย

เขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเหมือนกัน ที่ไหล่ซ้ายถูกดาบยาวฟันจนเกิดบาดแผลลึก ตามร่างกายก็มีแผลเป็นอยู่หลายจุด

สงครามไม่เคยส่งผลดีต่อใคร อีกทั้งยังทำให้แผ่นดินร้อนเป็นไฟ เขาเองไม่อยากก่อสงครามแต่เพราะความจำเป็นบีบคั้น ครั้งนี้นับว่าโชคดีที่เขาสามารถซื้อใจราษฎรได้

เพราะได้รับบาดเจ็บทำให้เขาขยับตัวทำอันใดไม่ค่อยสะดวกเท่าใดนัก

"มีผู้ใดอยู่ด้านนอกบ้าง ช่วยนำผ้าสะอาดและน้ำร้อนเข้ามาให้ข้าที"

เขาเอ่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ไม่นานเสียงประตูก็ถูกเปิดออก  พร้อมกับเสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่ก้าวเข้ามา กงเหล่ยย่นหัวคิ้ว จังหวะการเดินของผู้ที่เข้ามาในห้องนั้นดูแปลกไป ชายหนุ่มรีบหันกลับไปมอง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะทอประกายคราหนึ่ง

"ไต้ฝูหรง"

กงเหล่ยเอ่ยเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและเจือไปด้วยความสงสัย ด้านไต้ฝูหรงเองก็มองมาที่เขาอย่างไม่ละสายตาเช่นเดียวกัน ในมือของหญิงสาวถืออ่างใส่น้ำร้อนเอาไว้

เมื่อได้ทราบข่าวว่าเขาได้รับชัยชนะนางก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก รีบร้อนขอให้ท่านเฉิงซุนช่วยพามาที่เมืองหลวงแคว้นเว่ย เพราะนางอยากเห็นกับตาตนเองว่าเขายังสบายดี ท่านเฉิงซุนเองก็ไม่คัดค้าน ยามนี้แคว้นเว่ยตกเป็นของพวกเขาแล้ว ย่อมปลอดภัยไร้กังวล

เมื่อได้เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บ ดวงตาคู่งามก็ทอประกายโศกเศร้าคราหนึ่ง 

"เจ้ามาได้เช่นไร?"

เขาเอ่ยถามนางด้วยความสงสัย แต่ทว่านางกลับไม่ตอบ แต่เดินเข้ามาช้าๆวางอ่างน้ำลงบนโต๊ะ ก่อนจะใช้มือบิดผ้าที่อยู่ในอ่างน้ำจนหมาด และเข้ามาช่วยทำแผลให้เขา กงเหล่ยรู้สึกประหม่าไม่น้อย เขาไม่เคยให้สตรีคนใดทำแผลให้เลยสักครานอกจากท่านแม่ของตน

"เจ้าไม่ต้อง ข้าทำเอง เจ้าออกไปเถอะ"

แต่ดูเหมือนไต้ฝูหรงจะไม่สนใจ นางทำแผลให้เขาอย่างตั้งอกตั้งใจ กงเหล่ยย่นหัวคิ้ว ก่อนจะคว้าจับมือนางเอาไว้ พลางเอ่ยเสียงเข้ม

"อันใดกัน เจ้าขัดคำสั่งข้าหรือ เดี๋ยวนี้ข้าเอ่ยอันใดเจ้าก็ไม่กลัว ถามว่ามาได้อย่างไรเจ้าก็ไม่ตอบ ยามนี้เจ้าใจกล้าแล้วอย่างนั้นหรือ!"

เขามองหน้านางด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจ สตรีนางนี้เป็นอันใดไป อยู่ๆก็ไม่พูดไม่จา จนเขาเองเริ่มจะทำตัวไม่ถูกแล้ว

เมื่อถูกเขาดุ ไต้ฝูหรงจึงเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม ดวงตาของนางแดงก่ำ ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาจากดวงตาหยดแล้วหยดเล่า กงเหล่ยที่เห็นเช่นนั้นก็เริ่มตื่นตระหนก

"อันใดกัน ข้าพูดเพียงเท่านี้เจ้าก็ร้องไห้แล้วหรือ ข้าไม่ได้ด่าเจ้า เพียงถามเจ้า ให้ตายเถอะ เจ้าหยุดร้องได้หรือไม่ หากมีคนมาเห็นเข้าจะคิดว่าข้ารังแกเจ้าเอาได้!"

"ท่านอ๋อง ฮึก เหตุใดจึงไม่ระวังถึงเพียงนี้เล่าเจ้าคะ เดิมทีท่านเก่งกาจด้านการรบมากไม่ใช่หรือ แล้วไยจึงเจ็บตัวมากมายถึงเพียงนี้เล่า ฮือ"

กงเหล่ยถึงกับชะงักไปชั่วขณะ 

ที่แท้นางร้องไห้เพราะเห็นบาดแผลบนตัวของเขา ไม่ได้หวาดกลัวเขาหรอกหรือ?

ความรู้สึกที่แสนอบอุ่นสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในใจเขา ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากก่อนจะเอ่ยตอบ

"ไต้ฝูหรง ข้าเป็นทหาร อยู่ในสนามรบย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับบาดเจ็บ แม้ข้าจะเก่งกาจมากเพียงใด แต่ข้าก็เป็นเพียงคนธรรมดาไม่ใช่เทพเซียนที่มีอายุขัยยืนยาว เอาเป็นว่าต่อไปข้าจะระวังให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน”

ไต้ฝูหรงพยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะตั้งใจทำแผลให้เขา เมื่อเห็นว่าต่อต้านสตรีน้อยนางนี้ไม่ได้ เขาจึงยอมโอนอ่อนแต่โดยดี เมื่อทำแผลเสร็จแล้ว นางจึงเอ่ยถามเขา

"ท่านอ๋อง ดูเหมือนว่าเหงื่อท่านจะออก ให้ข้าเช็ดตัวให้ดีหรือไม่เจ้าคะ ท่านรีบถอดเสื้อผ้าออกเถอะเจ้าคะ"

"ห๊ะ?"

กงเหล่ยถึงกับลนลานขึ้นมาทันที อยู่ๆนางก็มาบอกให้เขาถอดเสื้อผ้า นี่มันเรื่องอันใดกัน

"ไต้ฝูหรง ชายหญิงไม่ควรชิดใกล้ เจ้าไม่รู้หรือ"

ไต้ฝูหรงย่นหัวคิ้ว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไร้เดียงสา

"รู้สิเจ้าคะ แต่ข้าช่วยผู้มีพระคุณของข้ามีอันใดไม่เหมาะสมกันเล่า ข้าทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ท่านอ๋องคงยังไม่รู้ ยามที่บิดาข้าป่วย ข้าก็เคยทำเช่นนี้"

แต่ข้าไม่ใช่บิดาเจ้า!

เขาทำได้เพียงร้องโอดครวญอยู่ในใจ ช่วงล่างเริ่มจะตื่นขึ้นมาอีกคราหนึ่งแล้ว เขาต้องหาทางให้นางออกไปเสีย

"ไม่เป็นอันใดข้าอยากพักแล้ว เอาอย่างนี้เจ้าช่วยไปทำน้ำแกงมาให้ข้าสักถ้วยก็พอ"

"ก็ได้เจ้าค่ะ"

นางรับคำอย่างไม่เต็มเสียงเท่าใดนัก กงเหล่ยถึงกับทำหน้าไม่ถูกขึ้นมาทันที

ความเสียดายที่พาดผ่านดวงตาคู่งามของนางไปมันคืออันใดัน

นางเสียดายที่ไม่ได้ถอดเสื้อผ้าเขาอย่างนั้นหรือ?

หรือว่าเขาทำผิดไปแล้ว เขาควรแก้ผ้าให้นางดูใช่หรือไม่?

มารดามันเถอะ ความคิดเขานับวันจะยิ่งบัดซบจนเกินเยียวยาแล้ว!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตามเย้ารักดอกฝูหรง   บทที่ 20 ตอนจบ

    ด้านไต้ฝูหรงนั้นตอนนี้อยู่ในที่ปลอดภัยและมีทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนา นางเดินวนไปวนมาอยู่ในเรือนเพื่อรอฟังข่าวของกงเหล่ยเกาฮ่องเต้หนีหัวซุกหัวซุนด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่่ว่าจะหนีไปทางไหนก็มีแต่เหล่าทหารไล่ล่าเขา เกาฮ่องเต้ถึงกับก้าวขาไม่ออก ไม่คาดคิดว่าตนเองจะมีวันนี้เดิมทีเขาสะกดวิญญาณของกงอวี้ไปแล้ว และไม่เชื่อว่ากงเหล่ยจะสามารถสังหารตนได้แต่ยามนี้เขารู้แล้วว่าตนเองคิดผิดเกาฮ่องเต้เริ่มลนลานด้วยความหวาดกลัว เขาไม่สนใจคำเตือนของทหาร วิ่งหนีออกมาจากวงล้อมป้องกัน สุดท้ายเมื่อได้เห็นคนตรงหน้าที่กำลังยื่นดาบพาดบนลำคอของเขา เกาฮ่องเต้ก็ถึงกับก้าวขาไม่ออก"เจ้า!""ไม่ได้พบกันานเลยนะ ท่านลุงเกา!"เกาฮ่องเต้มือไม้สั่นเทิ้มไปหมด เมื่อนึกถึงศีรษะของเกาข่ายบุตรชายอันเป็นที่รักซึ่งถูกกงเหล่ยสังหาร เขาก็กัดฟันกรอด"ข้าจะฆ่าเจ้า เอาหัวเจ้ามาเซ่นสังเวยให้กับวิญญาณของบุตรชายข้า!"กงเหล่ยเมื่อได้ฟังกลับส่งเสียงหัวเราะออกมา เกาฮ่องเต้ที่เห็นอย่างนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลซึมออกมาเต็มแผ่นหลัง กงเหล่ยยกมือขึ้นส่งสัญญาณ หลัวเยี่ยก็พุ่งเข้าจัดการสังหารทหารและแม่ทัพใหญ่ของเกาฮ่องเต้ตกตายไปจนหมด เกาฮ่องเต้ร้องคำรา

  • ตามเย้ารักดอกฝูหรง   บทที่ 19 ล้มตระกูลเกา

    สงครามจบสิ้นลง ทหารของเกาข่ายล้วนถูกสังหารจนหมดสิ้นไม่เหลือซาก ครั้งนี้กงเหล่ยไม่ได้ใจดีเฉกเช่นครั้งก่อน ที่จะเก็บทหารจงรักภักดีกลับใจเอาไว้ใช้งาน อย่างไรทหารพวกนั้นก็ถูกเกาฮ่องเต้ฝึกฝนมานานหลายสิบปี ไม่เหมือนกับชาวบ้านที่มีใจภักดี เขาจึงไม่คิดจะเก็บเอาไว้แม้เพียงคนเดียวแคว้นเซี่ยตอนนี้กลับสู่ความสงบเฉิงซานและหลัวเยี่ยนั้นได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก แต่ทว่าเซียวเย่กลับได้รับบาดเจ็บที่แขนเป็นแผลใหญ่ กว่าจะห้ามเลือดได้ต้องใช้เวลาอยู่นาน โชคดีที่เขาไม่ได้เสียแขนไป ไต้ฝูหรงและท่านหมอจ้าวสลับกันช่วยดูแลเขา เซียวเย่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดเล็กน้อย เขาเอ่ยขอบคุณท่านหมอจ้าว ก่อนจะหันมาเอ่ยกับไต้ฝูหรง"ศิษย์น้องเล็ก ข้าปลอดภัยดีแล้ว เจ้าไปดูศิษย์ใหญ่กงเถอะ หากเจ้ายังไม่ไปอีก พี่ใหญ่กงคงได้ตามมากระทืบข้าซ้ำแน่ ข้ายังไม่อยากถูกเขากระทืบจนตายหรอกนะ สตรีในหอนางโลมยังรอข้าอยู่"ไต้ฝูหรงหัวเราะออกมาเล็กน้อย แม้นางจะแต่งงานกับกงเหล่ยแล้ว แต่เซียวเย่ยังคงยืนยันที่จะเรียกนางว่าศิษย์น้องเล็ก นางเองก็ไม่ถือสาอันใด อย่างไรสำหรับนางแล้ว เขานับว่าเป็นพี่ชายที่แสนดีสำหรับนางเมื่อทุกคนปลอดภัยไร้กัง

  • ตามเย้ารักดอกฝูหรง   บทที่ 18 ชัยชนะที่วาดหวัง

    ไต้ฝูหรงตกใจจนแทบสิ้นสติ นางหันมองซ้ายขวาตอนนี้มีแต่ห่าธนูที่พุ่งเข้ามาหมายจะสังหารพวกนาง แต่ยามนี้ไม่อาจปล่อยให้ท่านเฉิงซุนอยู่ที่นี่ต่อได้ โลหิตของเขาไหลออกมามากเกินไป ต้องหาทางผ่าเอาลูกธนูออกและห้ามเลือดโดยเร็วที่สุด!ไต้ฝูหรงสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตัดสินใจประคองท่านเฉิงซุนขึ้นมาและพาเขาเดินฝ่าลูกธนูออกไปโดยมีเหล่าทหารที่ยังรอดชีวิตคอยคุ้มกัน ท่านเฉิงซุนยังไม่ได้หมดสติ เขาจ้องมองสตรีข้างกายที่ประคองตนเดินฝ่าลูกธนูอย่างไม่เกรงกลัวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย"นะ นายหญิง ปล่อยข้าเอาไว้บนนี้เถอะขอรับ! "ไต้ฝูหรงเม้มริมฝีปากแน่น นางพาเฉิงซุนลงมาด้านล่างได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่เขาจะหมดสติไป พลันได้ยินเสียงของนางเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ"ข้าไม่มีวันทิ้งท่าน พวกเราถ้าอยู่ก็อยู่ด้วยกัน ถ้าตายก็ต้องตายด้วยกัน กงเหล่ยยังอยู่ข้างนอก เขาเคารพท่านดั่งบิดา ข้าเองก็เช่นกัน เฉิงซานหลานของท่านและแม่ทัพทุกคนก็ยังรอให้ท่านต้อนรับพวกเขากลับเข้าเมืองหลังจากพวกเรารบชนะ หากท่านตาย ข้าคงไม่อาจมองหน้าพวกเขาได้ ท่านจะต้องอดทนไว้นะเจ้าคะ ข้าจะไม่มีทางยอมให้ท่านตายเด็ดขาด!"ท่านเฉิงซุนยิ้มอย่างอ่อ

  • ตามเย้ารักดอกฝูหรง   บทที่ 17 ศึกครั้งใหญ่

    เสียงต่อสู้ดงกึกก้องไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ยามนี้กองทัพแคว้นเซี่ยกำลังสู้รบกับกองทัพของเกาข่ายอย่างไม่กลัวตาย พวกเขาใช้สมุนไพรพิษที่ไต้ฝูหรงมอบให้นำไปอาบย้อมบนอาวุธ ก่อนจะเข้าห่ำหั่นกับศัตรู กงเหล่ยควบม้าห้อตะบึงอยู่ท่ามกลางซากศพของเหล่าทหารทั้งสองฝ่าย ใบหน้าหล่อเหลามีโลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนเป็นวงกว้าง ขับเน้นให้ใบหน้าเย็นชาของเขาดูดุดันขึ้นไปอีกหลายเท่าวิธีของไต้ฝูหรงนั้นใช้ได้ผล ทหารของฝ่ายตรงข้ามเพียงถูกพิษนั้นเข้าสู่โลหิตไม่นานก็ค่อยๆอ่อนแรงและล้มตายลงไปในที่สุด เพียงไม่นานกำลังทหารของเกาข่ายก็ลดลงไปมากกว่าครึ่งเกาข่ายมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาตื่นตระหนก เห็นๆอยู่ว่าแรกเริ่มนั้นเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่แท้ๆ แต่แล้วเหตุใดสถาณการณ์จึงพลิกผันเช่นนี้เล่าชายหนุ่มกัดฟันกรอด พลางมองไปเบื้องหน้า "ห้ามถอย ต้องตัดหัวกงเหล่ยและสังหารทหารแคว้นเซี่ยให้จงได้!"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ พลางกำมือแน่น ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ไม่รู้ว่าผิดปกติตรงที่ใด เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดวันนี้ทหารแคว้นเซี่ยจึงใช้ผ้าปิดบังใบหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นเพียงดวงตา หรือว่าพวกมันกลัวตาย หากว่าเจ้าน

  • ตามเย้ารักดอกฝูหรง   บทที่ 16 สมุนไพรพิษ

    ไต้ฝูหรงมุ่งหน้ามายังภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวัดบนเขา ห่างจากเมืองหลวงของแคว้นเซี่ยมาไม่ไกลมากนัก ฮูหยินผู้เฒ่าให้เหล่าทหารติดตามมาพร้อมสาวใช้อีกหลายคน ไม่นานรถม้าก็หยุดลง ไต้ฝูหรงจึงรีบลงจากรถม้าพร้อมกับเอ่ยกำชับสาวใช้และทหาร"พวกเจ้าคงจำลักษณะของสมุนไพรที่ข้าบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้แล้ว รีบเก็บมาให้มากหน่อย ยิ่งมากยิ่งดี เข้าใจหรือไม่"เหล่าสาวใช้และเหล่าทหารต่างพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบแยกย้ายกันไปเก็บสมุนไพรตามที่เจ้านายของตนสั่ง ไต้ฝูหรงเองก็เดินขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรหลายอย่างมาเพิ่มเช่นเดียวกัน นางสะพายกระบุงไว้บนหลังตน และเก็บสมุนไพรอย่างรวดเร็ว เหล่าสาวใช้และทหารต่างมองนางด้วยสายตาที่ตกตะลึง นายหญิงของพวกเขายามปกติดูบอบบางและน่าทะนุถนอมยิ่ง แต่ในยามนี้กลับดูแข็งแรงและว่องไวมาก แรกเริ่มพวกเขาต้องขึ้นลงเขาเพื่อหาสมุนไพรจึงรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน แต่เมื่อได้เห็นว่านายหญิงยังไม่บ่นสักคำ อีกทั้งยังไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อย พวกเขาจึงมีแรงใจมากยิ่งขึ้นใช้เวลาไม่นานก็สามารถเก็บสุมนไพรที่ต้องการได้สำเร็จ ไต้ฝูหรงยิ้มด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบเดินทางกลับจวน จากนั้นจึงจัดการล้างทำความส

  • ตามเย้ารักดอกฝูหรง   บทที่ 15 ออกรบ

    กงเหล่ยรีบเปลี่ยนมาสวมชุดเกราะ ก่อนจะมุ่งหน้ามายังค่ายทหารในช่วงกลางดึก เมื่อมาถึงก็พบว่าตอนนี้เหล่าทหารต่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว สีหน้าทุกคนมีความมุ่งมั่นปรากฏชัดบนใบหน้า ไม่มีความเกรงกลัวใดใดให้เห็นเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความฮึกเหริมและพร้อมออกรบเพื่อปกป้องแว่นแคว้น กงเหล่ยยืนอยู่เบื้องหน้าเหล่าทหาร ในมือถือดาบเอาไว้ แววตาฉายแววมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งเกาฮ่องเต้ไม่มีทางปล่อยแคว้นเซี่ยไป อีกทั้งยังไม่มีทางยอมให้คนตระกูลกงเหลือหนทางรอด ศึกครานี้หนักหนาไม่น้อย อีกทั้งอาจจะต้องสูญเสียกำลังพลไปไม่น้อยเลย แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาย่อมไม่อาจถอย หลายปีที่หลบซ่อนตัวเขาได้ซ่องสุมกำลังทหารลับเอาไว้ร่วมหลายแสนนาย ยามนี้ถึงเวลาที่จะต้องเรียกออกมาใช้งานแล้ว"ศึกครานี้ใหญ่หลวงนัก แต่ข้าเชื่อว่าพวกเราทุกคนจะผ่านมันไปได้ ขอให้พวกเจ้าเชื่อมั่นในตัวข้า เชื่อมั่นในตัวเอง ช่วยกันปกป้องแว่นแคว้นและขจัดคนชั่วไปให้หมดจากแผ่นดินนี้เสีย!"ทันทีที่กงเหล่ยเอ่ยจบเหล่าทหารต่างชูดาบขึ้นสูง พลางตะโกนกู่ร้องก้องแผ่นดินแคว้นเป่ยและแคว้นฉีบุกประชิดชายแดน อีกทั้งยังยึดเมืองด่านหน้าสำคัญต่างๆของแคว้นเซี่ยไปได้หลายเมือง และ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status