Home / รักโบราณ / ตำนานรักองค์ชายจอมโจร / ตอนที่ 10 ท่านหญิงรอง 1.3

Share

ตอนที่ 10 ท่านหญิงรอง 1.3

last update Last Updated: 2025-07-14 19:24:05

เหตุการณ์เมื่อหนึ่งเดือนก่อน

 ร่างสูงผึ่งผายของหยางผิงเจ้าเมืองอูเจี๋ยน นั่งอ่านพระบรมราชโองการของเฉินหย่งกง เจ้าผู้ครองแคว้นหมิ่นเย่วพระราชทานพิธีอภิเษกสมรสให้กับองค์ชายเฉินจิ้น ว่าที่องค์รัชทายาทของแคว้นหมิ่นเยว่ซึ่งจะสืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบารมี หัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่งยวด

 “เฉินอวี้ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับข้าจริงๆ ด้วย นึกว่าจะลืมไปแล้วเสียอีกทั้งๆ ที่เป็นแค่คำมั่นในวัยเด็กเท่านั้น”หยางผิงพูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมยกพระบรมราชโองการขึ้นมาอ่านอีกรอบ 

 ท่ามกลางสายตาของหวังฮูหยินที่กำลังนั่งฝนหมึกให้กับสามีอยู่ใกล้ๆ ต่างมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มไม่แพ้กัน

 “แล้วท่านพี่จะเลือกลูกของเราคนไหนให้เข้าพิธีอภิเษกกับองค์ชายเฉินจิ้นเจ้าคะ”ฮูหยินคนงามถามสามีกลับไปด้วยความอยากรู้

 และนั่นทำให้หยางผิงหันกลับมามองหน้าภรรยาเอกของตนทันที

 “ถามได้ข้าก็ต้องเลือกเสวี่ยเอ๋อร์ไปนะสิ ลูกเราอยู่ในวัยที่จะต้องออกเรือนแล้ว อีกทั้งรูปโฉมงดงามเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว เป็นที่เชิดหน้าวงศ์ตระกูลยิ่งนัก ความรอบรู้ทุกอย่างที่เจ้ามอบให้นางก็ช่ำชอง รวมไปถึงได้เรียนรู้จากข้าไปด้วยเช่นกันแม้ว่าจะเทียบเท่าไม่ได้กับเฉียนเฉียนก็ตามทีเถอะ”ประโยคสุดท้ายหยางผิงเอ่ยถึงลูกสาวคนรอง

 เฮ้อ!!! หวังฮูหยินถอนหายใจออกมาทันใด หากแต่มิใช่ขัดเคืองแต่เป็นความโล่งใจเสียมากกว่า

 “โชคดีไปที่เลือกเสวี่ยเอ๋อร์ เพราะถึงแม้ว่าท่านพี่จะเลือกเฉียนเฉียนให้เข้าพิธีอภิเษกสมรสครั้งนี้ ข้าเองนี่แหละก็จะคัดค้านมิให้ท่านเลือกนางอย่างเด็ดขาด นอกจากยังไม่ถึงวัยออกเรือนแล้ว เฉียนเฉียนยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก อีกทั้งรูปร่างหน้าตาของนางหากเข้าไปในราชสำนักเช่นนั้น คงจะเป็นที่หัวเราะขบขันต่อบรรดาพระสนมนางในเป็นแน่แท้ และยังเรื่องคำทำนายของโหรหลวงประจำเมืองอีก”หวังฮูหยินพูดพร้อมถอนหายใจออกมา พลางหันกลับไปยิ้มน้อยๆ กับสามี

 “ข้าดีใจที่เจ้าไม่คิดที่จะเข้าข้างลูกแบบผิดๆ ถูกๆ ใช่ว่าเฉียนเฉียนจะไม่ได้ออกเรือนเสียที่ไหน เดือนหน้าก็จะเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว เมื่อผ่านพ้นพิธีดังกล่าวเฉียนเฉียนก็จะก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ นางจะเติบโตและมีความคิดและเหตุผลได้ดีกว่านี้แน่นอน และนางก็จะปลอดภัยจากคำทำนายของโหรหลวง”หยางผิงบอกภรรยา

 ใบหน้างามของหวังฮูหยินพยักขึ้นลงติดต่อกันนางเห็นด้วยกับสามีทุกประการ และเหตุการณ์ดังกล่าวตกอยู่ในสายตาของหยางเสวี่ยเหยาที่คอยแอบฟังอยู่ห้องติดกันกับห้องหนังสือของบิดา

 “ในที่สุด! ข้าก็จะได้เข้าสู่สายเลือดราชวงศ์แล้ว ตำแหน่งพระชายาเอกขององค์รัชทายาทก็เป็นของข้า! เป็นของข้า!”เสียงรำพึงบ่งบอกถึงความดีใจอย่างล้นพ้น

 ทว่าความดีใจเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะกลับต้องพังทลายหายไปโดยพลัน เมื่อเสียงของนางมารรุ่นเยาว์แผดดังก้องขึ้น

 “แต่ข้าไม่ยอม!!!”เสียงตวาดดังกระหึ่มอยู่ตรงหน้าห้องหนังสือ

 ปัง! บานประตูทั้งสองข้างถูกเปิดออกอย่างแรงพร้อมร่างอวบเจ้าเนื้อของหยางเฉียนเฉียน ก้าวเข้ามาภายในห้องหนังสือดังกล่าว โดยมีพานจิ่วเซียนเพื่อนสนิทของนางวิ่งตามหลังมาติดๆ เพื่อเข้ามาห้ามสหายรัก

           “เฉียนเฉียน! ออกมาเถอะ...เจ้าเข้ามาอาละวาดในนี้ทำไม รู้แบบนี้ข้าไม่ควรจะเล่าให้เจ้าฟังเลยนะ”จิ่วเซียนพูดพลางฉุดรั้งเพื่อนให้ออกจากห้องหนังสืออย่างรวดเร็ว

           พรืดดด!!! ท่อนแขนอวบกระชากออกจากมือของเพื่อนที่พยายามฉุดรั้งร่างเอาไว้ มิให้นางออกอาละวาดทันทีที่ล่วงรู้ข่าวพระบรมราชโองการของเฉินหย่งกงมาถึงจวน

           “เหตุใดท่านพ่อท่านแม่จึงเลือกพี่หญิงใหญ่ แทนที่จะเป็นข้า! ยิ่งสมรสพระราชทานแบบนี้ผู้ที่จะต้องถูกเลือกควรเป็นข้าที่เป็นลูกที่เกิดจากภรรยาเอกก็คือท่านแม่มิใช่เหรอ! เหตุใดจึงกลับไปเลือกลูกเมียรองเพื่อเข้าพิธีสมรสพระราชทาน!”เฉียนเฉียน ถามกลับไปเสียงกร้าว

           ปัง! ฝ่ามือหนาฟาดลงบนโต๊ะทำงานเสียงดังกระหึ่มจนได้ยินไปทั่วทั้งจวน

           “เจ้าช่างสามห้าวมากนักนะ ที่แสดงกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าพ่อและแม่เฉียนเฉียน จะอยากรู้ไปทำไมในเมื่อหน้าที่ในการจัดหาคู่ครองเป็นการตัดสินใจของพ่อและแม่หาผู้เหมาะสมแก่คนเป็นลูก มิใช่หน้าที่ของเจ้าที่จะมาส่งเสียงคัดค้านเช่นนี้!!!”หยางผิงตวาดลูกสาวคนโปรดกลับไปจนใบหน้าสั่นระริกด้วยความโกรธ

           หวังฮูหยินรีบลุกออกจากตั่งเดินตรงเข้าไปหาลูกสาวของนางทันใด

           “เฉียนเฉียนรีบขอโทษท่านพ่อเร็วเข้าและรีบกลับออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าแสดงกิริยาเช่นนี้ออกมานี่มิใช่เรื่องของเจ้าแม้แต่น้อย”หวังฮูหยินพูดเตือนบุตรีของนาง

           ใบหน้ากลมของแม่นางน้อยวัยเพียง 14 ปี หันไปมองหน้าคนเป็นแม่ด้วยสายตาแข็งกร้าว บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่งยวดครั้นได้ยินเช่นนั้น

           “จะให้ยอมได้อย่างไรท่านแม่ ในเมื่อข้าเข้ามาทวงสิทธิ์อันชอบธรรมของตัวเอง เพราะคนที่จะต้องได้แต่งงานในครั้งนี้ก็คือข้า! ที่เป็นลูกสาวของท่านแม่ซึ่งเป็นภรรยาเอกนะ! ไม่ใช่พี่หญิงใหญ่..สิ่งหนึ่งที่ท่านพ่อท่านแม่ยังไม่ล่วงรู้นั่นก็คือ องค์ชายเฉินจิ้นมีจิตพิศวาสพึงพอใจในตัวข้าเป็นยิ่งนัก จึงให้เจ้าผู้ครองแคว้นมอบสมรสพระราชทานในครั้งนี้”หยางเฉียนเฉียนกุเรื่องเท็จขึ้นมา  “อะไรนะ!”เสียงของท่านเจ้าเมืองและหวังฮูหยินต่างพูดออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ

           “นี่เจ้าไปรู้จักองค์ชายสี่ตั้งแต่เมื่อไร เหตุใดพ่อจึงไม่รู้”หยางผิงถามลูกสาวกลับไปทันที

           “ข้าคบหากับองค์ชายมาได้สักพักแล้ว เพียงแต่ยังมิเคยบอกให้ผู้ใดล่วงรู้ มีเพียงจิ่วเอ๋อร์เท่านั้นที่ล่วงรู้เหตุการณ์ทุกอย่าง หากท่านไม่เชื่อก็ถามจิ่วเอ๋อร์ได้ เพราะเวลาข้าพบองค์ชายก็พบที่ค่ายทหารของสกุลพาน”เฉียนเฉียนโบ้ยกลับไปหาเพื่อนสนิทของนางให้ช่วยสนับสนุน

           และจากถ้อยคำดังกล่าวของบุตรีสายตาของท่านเจ้าเมืองและหวังฮูหยินหันกลับไปมองพานจิ่วเซียนเขม็ง

           “ที่เฉียนเฉียนกล่าวอ้างเมื่อครู่เป็นความจริงอย่างนั้นเหรอจิ่วเอ๋อร์”ท่านเจ้าเมืองถามเด็กสาวกลับไปทันที

           พานจิ่วเซียนถึงกับยืนงงไปชั่วขณะ ที่จู่ๆ ก็ถูกเพื่อนรักโบ้ยทุกอย่างมาลงที่นางเช่นนั้น ก่อนจะเห็นสายตาของเฉียนเฉียน ส่งสัญญาณให้นางรับสมอ้างแต่โดยดี

           “อะ..เออ...ปะ..เป็นความจริงเจ้าค่ะท่านลุง องค์ชายสี่ทรงพึงพอใจเฉียนเฉียน ทั้งสองพบปะกันอยู่เสมอที่ค่ายทหารของท่านพ่อข้า และสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว สมรสพระราชทานในครั้งนี้องค์ชายต้องการเฉียนเฉียนเป็นพระชายามิใช่พี่หญิงใหญ่นะเจ้าค่ะท่านลุง”จิ๋วเซียนรับสมอ้างได้อย่างแนบเนียน ท่ามกลางความพึงพอใจของเพื่อนสาวตัวแสบ

           และนั่นทำให้หวังฮูหยินกับท่านเจ้าเมืองต่างหันหน้ากลับมามองหน้ากันทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น

           “นี่เจ้าคบหาดูใจกับองค์ชายสี่โดยมิมีผู้ใหญ่ล่วงรู้เลยอย่างนั้นหรอกรึ ชายหญิงอยู่ใกล้ชิดกันเยี่ยงนั้นเหตุใดหามีผู้ใดล่วงรู้”หยางผิงถามบุตรีกลับไปด้วยความแคลงใจ

           “เป็นความจริงนะท่านพ่อ ข้าไม่ได้กล่าวคำเท็จแม้แต่น้อย ตั้งใจว่าเมื่อเข้าพิธีปักปิ่นแล้วจะบอกให้ทราบ แต่ไม่คิดว่าองค์ชายจะใจร้อนเช่นนี้ให้เจ้าผู้ครองแคว้น มีพระบรมราชโองการก่อนที่ข้าจะเข้าพิธีปักปิ่นเสียอีก”

 เฉียนเฉียนยังคงพูดลอยหน้าลอยตาปั้นเรื่องเท็จอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะสิ่งที่นางต้องการคือการเอาชนะพี่สาวต่างแม่นั้นเอง 

           และถ้อยคำดังกล่าวของหยางเฉียนเฉียน ทำให้คนเป็นพี่สาวซึ่งกำลังยืนแอบฟังอยู่ห้องติดกัน ถึงกับกำมือเข้าหากันจนแน่น ครั้นได้ยินน้องสาวตัวร้ายพูดออกมาเช่นนั้น

           “หยางเฉียนเฉียน! เจ้าจะตามจองล้างจองผลาญข้าไปถึงไหน! เหตุใดต้องกุเรื่องเท็จเพื่อแย่งชิงตำแหน่งพระชายาไปจากข้า!”เสวี่ยเหยาก่นดาน้องสาวต่างแม่ลอดไรฟันออกมาด้วยความแค้นใจเป็นยิ่งนัก

           ในขณะที่หวังฮูหยินยืนจ้องหน้าบุตรีของนางด้วยความรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าสามีคล้ายรอคำตอบ

           “ท่านพี่ในเมื่อเรื่องกลับกลายเป็นเช่นนี้ ก็ให้เฉียนเฉียนเข้าพิธีสมรสพระราชทานกับองค์ชายเฉินจิ้นเถิด ส่งเสริมลูกให้ได้สมหวังด้วยกันทั้งสองฝ่าย”

           เจ้าเมืองหยางผิงนั่งครุ่นคิดด้วยสีหน้าที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามีความทุกข์ที่เก็บไว้อยู่ภายในใจอย่างยิ่งยวด พร้อมเสียงของลูกสาวตัวร้ายดังแทรกขึ้น

           “หากท่านพ่อกังวลเรื่องคำทำนายที่โหรหลวงเคยบอกเอาไว้ ว่าข้าจะต้องตายหากแต่งงานเมื่อถึงวัยปักปิ่นแล้วละก็ อย่าเอามาคิดเลยเพราะข้าไม่เชื่อและไม่ใส่ใจเรื่องคำทำนายอะไรนั้น”

           และนั้นทำให้หยางผิงและหวังฮูหยินจ้องหน้าบุตรสาวคนรองเขม็งครั้นได้ยินเช่นนั้น

           “นี่เจ้าล่วงรู้คำทำนายของโหรหลวงได้อย่างไร ผู้ใดเป็นคนบอกเจ้า! เรื่องนี่ถือเป็นความลับสุดยอดของตระกูล”หยางผิงถามกลับไปเสียงเข้ม ก่อนจะได้ยินลูกสาวตัวดีตอบกลับมา

           “ไม่มีผู้ใดเล่าให้ฟัง ข้าแอบได้ยินพวกท่านคุยกันเมื่อหลายเดือนก่อน ว่าปีนี้ก็จะถึงพิธีปักปิ่นของข้าแล้ว เป็นวันที่พวกท่านรอคอยให้เกิดขึ้นและอยากผ่านไปโดยเร็ว ดังนั้นข้าจึงอยากบอกท่านพ่อท่านแม่ว่า อย่าไปเชื่อในสิ่งที่มิรู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่เพียงเพราะคำทำนายและเป็นการตัดอนาคตของข้าเช่นนี้ มีใครเกิดมาล่วงรู้วันตายตัวเองอย่างนั้นเหรอ เกิดมาก็ต้องตายทุกคน เหตุใดต้องกลัว”หยางเฉียนเฉียนพูดโดยใช้หลักเหตุผลตามความเป็นจริง

           และนั่นทำให้คนเป็นพ่อและแม่ได้คิดถึงหลักของความเป็นจริงขึ้นมาได้

           เฮ้อ!!! เสียงทอดถอนหายใจของหยางผิงดังออกมา

           “เอาละ! เช่นนั้นพ่อและแม่จะส่งเสริมเจ้ากับองค์ชายสี่ให้สมหวังกับความรักที่มีต่อกัน ผ่านพิธีปักปิ่นนี้ไปแล้ว เจ้าก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และพร้อมที่จะออกเรือนแล้ว”หยางผิงบอกลูกสาวคนโปรดกลับไป

           ใบหน้ากลมอ้วนฉีกยิ้มจนตาหยีครั้นได้ยินเช่นนั้น สองมือประสานเข้าหากันด้วยความดีใจพร้อมก้มคำนับพ่อและแม่

           “ลูกขอบพระคุณท่านพ่อท่านแม่ที่ส่งเสริมให้สมดั่งใจหวัง และต้องขอโทษที่แสดงกิริยาไม่งามออกไปเมื่อครู่ที่ผ่านมาขอท่านพ่อท่านแม่ให้อภัยลูกด้วย”หยางเฉียนเฉียนฉลาดพูดและช่างเจรจาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กล่าวคำขอโทษบิดามารดา

           ทั้งพ่อและแม่ต่างพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันครั้นได้ยินคำขอโทษเช่นนั้นออกมาจากปากของบุตรี

           “ออกไปเถอะ! พ่อกับแม่ยังต้องมีเรื่องที่จะต้องปรึกษาหารือเกี่ยวกับเจ้าอีก”หยางผิงพูดพร้อมยกมือไล่ลูกสาวให้ออกไปจากห้องหนังสือด้วยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาตุบตับเลยทีเดียว ก่อนจะยกมือขึ้นคลึงขมับของตัวเองไปมาเบาๆ

           ครั้นหวังฮูหยินเห็นอาการสามีของนางเป็นเช่นนั้น ร่างงามรีบตรงดิ่งเข้าไปหาทันที

           “ท่านพี่ปวดหัวอีกแล้วใช่ไหม มาเจ้าค่ะข้าจะนวดคลึงให้จะได้ผ่อนคลายบรรเทาลง”หวังฮูหยินเป็นห่วงสามีอย่างเห็นได้ชัดพร้อมรีบตรงเข้าคลึงขมับนวดไปมาเบาๆ คอยเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลา

           ท่ามกลางสายตาของหยางเฉียนเฉียน เมื่อสิ่งที่นางต้องการสมดั่งใจหวัง 

           “ไม่มีวันที่เจ้าจะเหนือกว่าข้าเสวี่ยเหยา คิดว่าจะได้นั่งชูคอเป็นพระชายาของรัชทายาทผู้นั้นและจะได้เป็นฮองเฮาต่อไปอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะตราบใดที่หยางเฉียนเฉียนยังอยู่ ไม่มีทางเสียหรอกที่คนเช่นเจ้าจะเหนือไปกว่าข้าได้!”เสียงพึมพำลอดไรฟันออกมาเบาๆ พร้อมรอยแสยะยิ้มเหยียดแห่งความสะใจปรากฏอยู่บนใบหน้ากลมของท่านหญิงตัวร้ายของจวน

           “ออกไปกันเถอะเฉียนเฉียน วันนี้เจ้าก่อเรื่องพอแล้วนะ ข้ากับเจ้ายังต้องมีเรื่องคุยกันอีก”จิ่วเซียนบอกเพื่อนรักพลางดึงแขนอวบอ้วนให้เดินตามนางออกไปจากห้องหนังสือดังกล่าว 

           ร่างของทั้งสองก้าวเดินออกมาจากห้องหนังสือ เดินกลับไปที่เรือนส่วนตัว ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยไฟแค้นลุกโชนของ หยางเสวี่ยเหยาที่เดินออกมาจากห้องติดกัน สองมือกำเข้าหากันจนแน่นเต็มไปด้วยเลือดแดงฉานเต็มทั้งสองฝ่ามือ 

 เมื่อนางพยายามสะกดกลั้นความคับแค้นใจ จนเผลอจิกเล็บลงไปฝังแน่น มิรับรู้ถึงความเจ็บปวดอะไรทั้งสิ้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยอาฆาตยังคงมองตามหลังน้องสาวต่างแม่ไปจนลับตา

           “พิธีปักปิ่นของเจ้ามาถึงคราใด วันนั้นข้าจะส่งเสริมเจ้าให้เป็นไปดั่งคำทำนายของโหรหลวงนางเฉียนเฉียน ในเมื่อเจ้าจองเวรข้าเช่นนี้ ข้าก็จะทำลายชีวิตของเจ้าให้คำทำนายนั้นกลับกลายเป็นจริง!”คำอาฆาตลอดไรฟันออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว กลิ่นอายแห่งความตายเริ่มแผ่เข้ามาปกคลุมไปทั่วทั้งจวนเจ้าเมือง

           พรึ่บ!!! ภาพเหตุการณ์เมื่อหนึ่งเดือนก่อนดับวูบลงไปทันที เมื่อเสียงของท่านหญิงใหญ่ดังแทรกขึ้น

           “เจ้าเองก็ล่วงรู้ดีว่าเพื่อต้องการเอาชนะข้า เฉียนเฉียนกุเรื่องลวงขึ้นมาทั้งหมด และเจ้าก็ยังสมรู้ร่วมคิดกับนาง แล้วเป็นอย่างไรเล่า เพียงแค่ความคิดอยากที่จะอยู่เหนือข้าทุกอย่าง ไม่สนใจแม้กระทั่งคำทำนายของโหรหลวงที่อุตสาห์เตือน ผลสุดท้ายก็ต้องจบชีวิตลงในวันทำพิธีปักปิ่น ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันเริ่ม”เสวี่ยเหยาพูดลอดไรฟันด้วยความแค้นมิจางหาย

           พานจิ่วเซียนได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งฟังไม่ตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น ครั้นได้ยินเช่นนั้น

           “แต่เอาเถอะเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว คนที่ทุกข์และโศกเศร้าคือท่านพ่อท่านแม่และตัวข้า ที่ต้องสูญเสียเฉียนเฉียนไป แต่ต้องขอยอมรับเจ้าจริงๆ ที่อดทนเป็นเพื่อนกับนางจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต จากนี้ไปนางไม่มาสร้างความวุ่นวายให้แก่เจ้าอีกต่อไปแล้ว”เสวี่ยเหยาพูดพร้อมส่งยิ้มให้บางๆ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นสูงค่อยๆ เยื้องย่างอรชรจากไปอย่างช้าๆ โดยไม่หันกลับมามองด้านหลังอีกเลย

           ในขณะที่จิ่วเซียนทำได้แต่เพียงยืนมองตามหลังร่างงามของสตรีที่ขึ้นชื่อได้ว่า เป็นสาวงามอันดับหนึ่งที่บุรุษทั่วทุกแคว้นต่างหมายปองนาง ก่อนจะหันใบหน้ากลับไปมองโลงศพของเพื่อนสนิทและค่อยๆ ก้าวเดินตรงไปหาเพื่อกล่าวอำลาเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย

           “เฉียนเฉียน! ขอโทษนะที่ข้ามาหาเจ้าช้า แต่ข้าก็มาทันฝังเจ้านะ ไม่เห็นหน้ากันหลายวันสบายดีไหม”จิ่วเซียนส่งเสียงถามเพื่อนที่กำลังนอนอยู่ในโลง

           ในขณะที่ร่างกำลังนอนอยู่ในโลงเวลานี้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ร่างไร้วิญญาณที่เคยนอนนิ่งเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาทีละน้อย ทีละน้อย ปลายนิ้วเริ่มขยับไปมาอย่างน่าอัศจรรย์

           “ใครเรียกฉัน! ใครกำลังเรียกฉันอยู่”เสียงนั้นดังออกมาจากร่างท่านหญิงรองหยางเฉียนเฉียน พร้อมเสียงของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ โลงเอ่ยขึ้น

           “แต่เจ้าไม่ต้องห่วงนะเฉียนเฉียน ในทุกๆ ปีข้าจะไปเกาะเฉิงไห่เพื่อไปเซ่นไหว้วิญญาณให้กับเจ้า จะไปเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังว่าทางนี้เป็นอย่างไรบ้าง ส่วนเจ้าไปอยู่โลกของคนตายแล้วทำตัวดีๆ อย่าไปเที่ยวอาละวาดจนต้องทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกรู้ไหม”จิ่วเซียนพูดเตือนเพื่อนรัก

           ในขณะที่คนที่อยู่ในโลงเริ่มจับเสียงได้ว่าคนที่กำลังพูดอยู่ด้านนอกในขณะนี้เป็นใคร

           “เสี่ยวเยี่ยน! นั่นเธอใช่ไหม! นี่ฉันเป็นอะไรไป..ทำไมถึงขยับตัวไม่ได้เลย ช่วยฉันด้วยเสี่ยวเยี่ยน!!!!”เสียงร่ำร้องเรียกให้คนช่วยดังเอ็ดอึงออกมาจากร่างของหยางเฉียนเฉียน

           ในขณะที่คนในโลงกำลังเต็มไปด้วยความสับสนและมีอาการตื่นตระหนก เสียงของจิ่วเซียนพูดสั่งลาแทรกขึ้นมาทันที

           “เอาละ! ใกล้จะถึงเวลาเคลื่อนขบวนศพ ต้องนำเจ้าไปฝังที่สุสานแล้ว เดี๋ยวข้าจะขึ้นเรือไปกับท่านลุงกับท่านป้าตามไปที่เกาะเพื่อทำพิธีฝังเจ้าให้เดินทางไปอยู่บนสวรรค์”จิ่วเซียนพูดพลางใช้มือตบลงบนฝาโลงบอกเพื่อนรักของนาง พร้อมเดินจากมาก่อนจะยกมือเช็ดหยาดน้ำตาที่คลอเบ้าให้เลือนหายไป

           ท่ามกลางเสียงร้องเรียกของร่างที่อยู่ภายในโลง ดังเอ็ดอึงเพียงตามลำพัง

           “เสี่ยวเยี่ยนอย่าไป!อย่าเพิ่งไป! นี่ฉันตายไปแล้วอย่างนั้นเหรอถึงจะเอาฉันไปฝังที่สุสาน! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน! เกิดอะไรขึ้นกับฉัน! เสี่ยวเยี่ยน!!!”เสียงที่อยู่ในร่างนั้นพยายามแผดเสียงร้องออกมาจนสุดเสียง

           ทว่าหามีเสียงใดๆ เล็ดรอดออกมาแม้แต่น้อย มีเพียงนิ้วที่เริ่มขยับไปมาได้ แต่ร่างยังคงนอนนิ่งอยู่เช่นนั้น พร้อมเสียงเอ็ดอึงดังขึ้นอยู่ด้านนอกทันทีที่พานจิ่วเซียนเปิดประตูห้องดังกล่าว

           “เคลื่อนขบวนศพสู่สุสาน ณ.เกาะเฉิงไห่!!!!”เสียงตะโกนก้องส่งสัญญาณ ติดตามด้วยบ่าวรับใช้เป็นชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งเดินเข้าไปในห้องดังกล่าว ตรงเข้าสำรวจโลงศพให้เรียบร้อยก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงให้สัญญาณ

           “เชิญท่านหญิงหยางเฉียนเฉียน ณ. สุสานเฉิงไห่”เสียงส่งสัญญาณดึงขึ้นอีกครา พร้อมโลงถูกยกขึ้นจากแท่นวาง

           ท่ามกลางเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของคนที่กำลังนอนอยู่ในโลง

           “เฮ้ยๆ!!! จะเอาไปไหน นี่พวกคุณฉันยังไม่ตายนะ ฉันชื่อหวังฉิงชวน ไม่ใช่ท่านหญิงหยางเฉียนเฉียนอะไรของพวกคุณ! ปล่อยฉันออกไป! ปล่อยฉันออกไป!!!”เสียงร้องตะโกนให้ปลดปล่อยออกจากโลงดังอื้ออึง เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนกอย่างยิ่งยวดของหวังฉิงชวน

 เมื่อจู่ๆ หวังฉิงชวน สาวน้อยวัย 19 ปีจากศตวรรษที่ 21 เกิดมีอาการหมดสติล้มฟุบไปกับซากโครงกระดูกที่เพิ่งขุดค้นพบในมณฑลฝูเจี๋ยนของยุคปัจจุบัน ซึ่งในอดีตก็คือเมืองอูเจี๋ยนในแคว้นหมิ่นเยว่ 

 ซากโครงกระดูกดังกล่าวที่หวังฉิงชวนล้มทับและหมดสติไปนั้นเป็นของผู้ใดกันเล่า หรือจะเป็นซากศพของหยางเฉียนเฉียนก็มิอาจรู้ได้ แต่เหตุไฉนดวงวิญญาณของแม่สาวน้อยหวังฉิงชวนจึงมาติดอยู่ในร่างไร้วิญญาณ ที่กำลังจะนำไปฝังในสุสานบนเกาะเฉิงไห่ อยู่ในขณะนี้ได้หนอ

 และที่สำคัญเหนือความคาดหมายยิ่งไปกว่านั้น ช่วงเวลานี้หาใช่ศตวรรษที่ 21 แต่อย่างใด หากแต่เป็นช่วงเวลาที่ย้อนกลับไปนับหลายพันปีที่แผ่นดินจีนยังไม่มีการรวมแผ่นดิน ที่แม้แต่จิ๋นซีฮ่องเต้ยังไม่ถือกำเนิดเสียด้วยซ้ำ 

 ดวงวิญญาณของหญิงสาวกำลังติดอยู่ในร่างของหยางเฉียนเฉียน ท่านหญิงรองแห่งเมืองอูเจี๋ยน ในยุคอดีตที่ห่างไกลจากศตวรรษที่ 21 เกือบสามพันปีเลยทีเดียว

 ยิ่งไปกว่านั้นดวงวิญญาณของหญิงสาวกลับหลุดมาเข้าร่างที่ตายไปแล้วของท่านหญิงหยางเฉียนเฉียน นางมารร้ายของบ่าวไพร่ในจวนและคนรอบข้าง 

 หากแต่กลับมีจิตใจที่แสนจะงดงามต่อหน้าผู้อื่นซึ่งมิรู้จักตัวตนที่แท้จริงของนาง  และจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าดวงวิญญาณของหวังฉิงชวนกลับมาในชาติอดีตของตัวเอง ใครเล่าจะอธิบายเรื่องนี้และให้คำตอบให้กับเธอได้!!!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำนานรักองค์ชายจอมโจร   ตอนที่ 16 หวังฉิงชวน&หยางเฉียนเฉียน 1.2

    หวังฉิงชวนส่ายหน้าไปมาเป็นพัลวัน “มะ...ไม่มี...ไม่มีอะไรจ๊ะ..เมื่อกี้หนูเผลอนอนหลับแล้วเกิดฝันร้ายเท่านั้นเอง”หญิงสาวพูดปดตอบกลับไป “อ่อ...เช่นนั้นรึ”เสียงทุ้มพูดเบาๆ อยู่ในลำคอพร้อมก้าวเข้ามาในห้องนอน ตรงมายังเตียงไม้ไผ่พลางวางอ่างน้ำที่ทำจากไม้สนลงตรงขอบเตียง “นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการเพื่อนำมาส่องให้เห็นใบหน้า ข้านำมาให้แล้ว”ชายหนุ่มเจ้าของกระท่อมบอกฉิงชวน “ห๊ะ! นี่นะเหรอกระจก”หญิงสาวพูดออกมาทันทีครั้นได้ยินว่าอ่างไม้ขนาดย่อมที่บรรจุน้ำอยู่กว่าครึ่งเป็นกระจกที่เธอร้องเรียกหาเมื่อครู่ที่ผ่านมา “เข้าใจไม่ผิดหรอกว่าอ่างน้ำตรงหน้าเจ้าสามารถสะท้อนเงาใบหน้าให้เห็นได้อย่างชัดเจน ข้าลงไปตักน้ำจากแอ่งมรกตนำมาให้เจ้าได้ส่องใบหน้าเลยเชียวนะ เพราะน้ำในแอ่งดังกล่าวใสแวววาวจนสามารถมองเห็นทะลุไปจนถึงก้นแอ่ง ไม่เชื่อก็ลองดูสิ”ชายหนุ่มอธิบายกลับไป หวังฉิงชวนนั่งมองอ่างที่ทำจากไม้ซึ่งถูกขัดจนราบเรียบขึ้นเป็นเงา เธอค่อยๆ ชะโงกหน้าก่อนจะก้มลงมองเงาที่สะท้อนให้เห็นบนผิวน้ำที่ใสแวววาวจนสามารถล่วงรู้ว่า ใบหน้าที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้หาใช่สาวสวยระดับตัวท็อปของคณะศิลปะการแสดงจากมหาวิทยาลัยภาพยนตร์

  • ตำนานรักองค์ชายจอมโจร   ตอนที่ 15 หวังฉิงชวน&หยางเฉียนเฉียน 1.1

    “เฉียนเฉียน!”เสียงของดวงวิญญาณตรงหน้าเรียกชื่อของเธออย่างชัดเจน ห๊ะ! หวังฉิงชวนได้แต่ส่งเสียงออกมาเพียงเท่านั้น หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นดวงวิญญาณของคนตายเป็นครั้งแรกในชีวิต ร่างตรงหน้ามาในสภาพที่เคยมีชีวิต ใบหน้าแม้จะกลมแต่ก็จิ้มลิ้มพริ้มเพรา ปากนิด จมูกหน่อยแต่ที่โดดเด่นนั่นก็คือดวงตากลมโตดั่งตากวาง และร่างที่อวบสมบูรณ์ไปทุกส่วนมาพร้อมกับผิวขาวอมชมพูเนียนสวยน่ามองอย่างยิ่งยวด ถึงแม้จะแลดูเจ้าเนื้ออวบอ้วน แต่มีเค้าโครงความงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร หากเจริญวัยอย่างเต็มที่นับเป็นหญิงงามเลื่องชื่ออย่างหาตัวจับยากเลยทีเดียว “ธะ..เธอ...เธอเป็นใคร!!!”หญิงสาวกลั้นใจถามออกไป ก่อนจะได้ยินเสียงดวงวิญญาณดังกล่าวตอบกลับมา “ข้าคือหยางเฉียนเฉียน เจ้าของร่างที่เจ้ากำลังสถิตอยู่ในขณะนี้” “อะไรนะ!”ฉิงชวนอุทานออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะส่ายหน้าไปมาติดต่อกันด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยินจากปากของดวงวิญญาณที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ไม่จริง! สิ่งที่ฉันได้ยินไม่ใช่เรื่องจริง! มันจะต้องไม่ใช่เรื่องจริง!”หญิงสาวยังคงยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง “แต่ทุกสิ่งที่เจ้าได้ยินคือเรื่องจริงทั้งสิ้น”เ

  • ตำนานรักองค์ชายจอมโจร   ตอนที่ 14 เกาะมรกต 1.2

    หุบเขามรกตบริเวณกระท่อมน้อย ภายในเกาะมรกตมีภูเขาสูงเสียดฟ้าทอดตัวยาวขนานไปตามความกว้างของแนวเกาะ ลึกลงไปมีหุบเขาและถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีบ่อน้ำทองคำที่สามารถแปรสภาพได้ทุกสิ่งให้กลายเป็นสีทองเหลืองอร่าม และยังมีหินงอกหินย้อยมากมายสวยงาม อัดแน่นไปด้วยหยกสูงค่าและหินสีเขียวมรกต บริเวณด้านนอกถ้ำมีน้ำตกไหลจากหุบเขาสูงลงมาเบื้องล่าง สะสมน้ำจืดเอาไว้เป็นแอ่งขนาดใหญ่ลึกลงไปหลายสิบเมตรเลยทีเดียว สีของน้ำเป็นสีเขียวมรกตเช่นเดียวกัน ใสแจ๋วจนสามารถเห็นก้นแอ่งได้เป็นอย่างดีว่ามีแต่หินเบื้องล่างมากมาย ซึ่งมีทั้งหินธรรมดาและหินสูงค่านานาชนิด ภายในบริเวณดังกล่าวปรากฏกระท่อมหลังน้อย ทำจากไม้ไผ่ขนาดกำลังพอดี มีลานกว้างซึ่งเป็นโขดหินยกสูงขึ้นเป็นตัวกระท่อม มีบันไดสำหรับก้าวขึ้นประมาณห้าขั้น ซ้ายมือคือเรือนนอนและห้องหนังสือ ขวามือคือโรงครัวแบบเปิดโล่ง และระเบียงด้านนอกชานยื่นออกไป เต็มไปด้วยดอกไม้ป่านานาพรรณส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ฝีมือการสร้างกระท่อมที่ทำจากไม้ไผ่บ่งบอกได้ว่ามีฝีมือดุจช่างไม้เจนประสบการณ์ก็มิปาน ภายในห้องนอนซึ่งมีเตียงไม้ไผ่ยกขึ้นจากพื้

  • ตำนานรักองค์ชายจอมโจร   ตอนที่ 13 เกาะมรกต 1.1

    ในขณะเดียวกัน บริเวณกลางทะเล แพน้อยล่องลอยไปตามกระแสคลื่นและแรงลมพัดพาไปอย่างไร้จุดหมาย มิรู้ว่าเวลาผ่านไปยาวนานเพียงใด ฝ่าแสงแดดอันร้อนระอุในเวลากลางวันและความเย็นย่ำในเวลากลางคืน จวบจนกระทั่งแพดังกล่าวลอยเคว้งคว้างมาจนถึงเกาะที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวทางทิศใต้ มีเมฆหมอกลอยต่ำปกคลุมอยู่ตลอดเวลามิเคยจางหายจนเรือล่องกลางทะเลมากมายแล่นผ่านเลยไปมิเคยแวะจอดเลยสักคราด้วยถูกซ่อนเร้นสายตาจากผู้คนจากสายหมอกทะมึนเหล่านั้น อีกทั้งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวมิปรากฏอยู่ในแผนที่ของเส้นทางการค้าขายทางทะเลแต่อย่างใด โดยหารู้ไม่ว่าเกาะดังกล่าวแท้จริงแล้วคือเกาะเฟซ่วยต้าว หรือเกาะมรกตที่ชาวเรือและแคว้นน้อยใหญ่ที่มีดินแดนแถบชายฝั่งต่างเฝ้าค้นหามานานนับหลายพันปี เกาะที่ขึ้นชื่อได้ว่าทุกแห่งในพื้นที่นั้นอุดมสมบูรณ์อีกทั้งสวยงามดั่งดินแดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า และยังมีบ่อน้ำที่แปรเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นทองคำไปชั่วพริบตา สร้างความมั่นคั่งให้แก่ผู้ที่ได้ครอบครองอย่างยิ่งยวด และยิ่งไปกว่านั้นภายในถ้ำซึ่งอยู่ในหุบเขาบนเกาะมรกต จะมีถ้ำบางแห่งที่มีแต่หินหยกสูงค่ามากมายอัด

  • ตำนานรักองค์ชายจอมโจร   ตอนที่ 12 คนตายกลับกลายเป็นคนเป็น 1.2

    บริเวณด้านหน้าเกาะ เรือลำใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยพ่อแม่พี่น้องและเครือญาติที่เดินทางมาร่วมพิธีฝังศพของหยางเฉียนเฉียน เทียบเรือลงจอดอยู่บริเวณด้านหน้าเกาะทยอยขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็ว ด้วยเพราะจวนเจียนใกล้จะถึงเวลาฝังศพเข้าไปทุกขณะแล้ว สายตาทุกคู่มุ่งตรงไปยังหลุมฝังศพซึ่งขุดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงแค่นำโลงลงไปเพียงเท่านั้น ทันทีที่มาถึงทุกคนต่างพากันผงะถอยหลัง หยุดชะงักด้วยกันทุกคนด้วยกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ บรรดาชายฉกรรจ์แต่ละคนที่มีหน้าทีเกี่ยวกับพิธีการของศพต่างพากันใช้ผ้าปิดจมูกกันไว้ทุกคน “ทำไมเฉียนเฉียนส่งกลิ่นแรงนักละ ตอนออกมาจากจวนยังไม่มีกลิ่นถึงขนาดนี้เลย”พานจิ่วเซียนถามกลับไปด้วยความสงสัยพร้อมยกชายแขนเสื้อปิดจมูกของตัวเองเอาไว้ด้วยเช่นกัน “มิทราบเช่นกันขอรับว่าเหตุใดศพของท่านหญิงเฉียนเฉียน จึงส่งกลิ่นรุนแรงเช่นนี้พอเรือแล่นผ่านมาได้สักระยะก็เริ่มส่งกลิ่นออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ขนาดดอกไม้หวนคืนยังไม่สามารถกลบกลิ่นได้อีกเลย”เสียงของชายซึ่งเป็นหัวหน้าผู้คอยดูแลจัดการงานศพอธิบายกลับไป ครั้นเสวี่ยเหยาได้ยินเช่นนั

  • ตำนานรักองค์ชายจอมโจร   ตอนที่ 11 คนตายกลับกลายเป็นคนเป็น 1.1

    ขบวนเรือฝังศพ ภายในเรือขนาดใหญ่จำนวนสองลำ ปรากฏโลงศพของ หยางเฉียนเฉียน ตั้งวางไว้อยู่บนเรือคลุมด้วยผ้าขาวปิดฝาโลงเอาไว้อย่างมิดชิด เตรียมพร้อมบ่ายหน้านำไปฝังบนเกาะเฉิงไห่ ซึ่งเป็นเกาะที่ตระกูลหยางครอบครองมาอย่างช้านาน กำลังลอยลำมุ่งหน้าไปยังสุสานประจำตระกูล โดยมีเรืออีกหนึ่งลำตามหลังไปซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพ่อแม่ พี่น้องและญาติสนิทของผู้ตายตามไปทำพิธีฝังศพให้ถูกต้องตามประเพณี ในขณะที่ที่เรือขนศพล้วนแล้วแต่มีชายฉกรรจ์คอยดูแลทั้งสิ้น เครื่องใช้ที่จำเป็นต่างๆ ถูกนำไปที่สุสานก่อนหน้านี้แล้วเพื่อรอบรรจุลงไปพร้อมกับโลงในวันทำพิธีฝัง ท่ามกลางสายตาของคนเป็นพ่อและแม่ยังคงมองตามโลงที่บรรจุร่างอันไร้วิญญาณของบุตรสาว ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหม่นหมองและเสียใจต่อการจากไปของหยางเฉียนเฉียนไม่คลาดครา หากแต่กลับมีดวงตาอีกหนึ่งคู่ที่จ้องเรือขนศพลำดังกล่าวที่ลอยลำอยู่เบื้องหน้าตาไม่กะพริบ ด้วยเพราะความแค้นฝังรากหยั่งลึกมานานนับตั้งแต่จำความได้ “แม้เจ้าจะตายไปแล้วก็ตาม แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าถูกฝังร่างลงดินอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษในสุสานเดียวกันเป็นอันขาด คนเช่นเจ้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status