แสงสีขาวเจิดจ้าบาดตา พุ่งเข้าใส่ร่างของอลิซก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป ความเจ็บปวดแล่นแปลบไปทั่วสรรพางค์กาย ราวกับมีรถสิบล้อทับร่างเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ฉันตายแล้วเหรอ…” นั่นคือความคิดสุดท้ายที่แวบเข้ามาในหัวของโปรแกรมเมอร์สาววัย 28 ปี ผู้คลั่งไคล้นิยายแฟนตาซีและเกมจีบหนุ่มแนวโอโตเมะอย่างเธอ
แต่แล้ว… ความรู้สึกนุ่มหยุ่นของเตียงนอนนุ่มสบายก็แล่นกระทบผิว ความเย็นของผ้านวมเนื้อดีห่มคลุมกาย กลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ไม่ใช่กลิ่นฉุนของโรงพยาบาลหรือคาวเลือดที่ควรจะเป็น
เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ เปิดขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง แชนเดอเลียร์ระย้าห้อยลงมาตรงกลางอย่างโอ่อ่า และผ้าม่านผ้าไหมสีเขียวมรกตที่พลิ้วไหวตามแรงลมจากหน้าต่างบานสูง
นี่มันไม่ใช่ห้องนอนในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ของเธอแน่นอน!
อลิซพยุงตัวลุกขึ้นนั่งอย่างงุนงง เธอสังเกตเห็นมือเรียวสวยที่ยื่นออกมา มือที่ประดับด้วยแหวนทองคำขาววงเล็กๆ และเล็บที่ดูแลอย่างดี ปลายเล็บมีสีชมพูอ่อนระเรื่อ ไม่ใช่เล็บที่สั้นกุดเพราะต้องพิมพ์งานทั้งวันแบบที่เธอคุ้นเคย
“นี่มัน…” อลิซมองสำรวจตัวเอง เธอสวมชุดนอนผ้าไหมสีครีมเนื้อนุ่ม ลายลูกไม้ประดับประดาอย่างหรูหรา และเมื่อลองลูบไล้เส้นผม มันกลับยาวสลวยถึงกลางหลัง และมีสีดำขลับราวกับรัตติกาล ไม่ใช่ผมสั้นประบ่าสีน้ำตาลธรรมดาของเธอ
เธอกวาดสายตาไปรอบห้องอย่างรวดเร็ว ห้องนี้กว้างขวางราวกับโถงเต้นรำ มีเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อดีสีเข้ม จัดวางอย่างประณีต และที่มุมห้องมีกระจกสูงบานใหญ่ตั้งอยู่
ด้วยความสงสัยระคนกับความหวาดหวั่น อลิซก้าวลงจากเตียงเท้าเปล่า ตรงไปยังกระจกบานนั้น
สิ่งที่สะท้อนในกระจกไม่ใช่ภาพของเธอ!
มันคือหญิงสาววัยราวสิบแปดปี ใบหน้าสวยหวานปนเย่อหยิ่ง ดวงตาสีฟ้าครามราวกับท้องฟ้าไร้เมฆคอยจ้องมองตอบ ผมสีดำขลับยาวสลวยขับผิวขาวผ่องให้โดดเด่น จมูกโด่งรั้น และริมฝีปากอิ่มสีชมพูที่มักจะเชิดขึ้นเล็กน้อย
“เลดี้เซเรน่า ฟอน วาลดีส…” เสียงของอลิซสั่นเครือเมื่อเอ่ยชื่อนี้ออกมา
ชื่อที่เธอรู้จักดีจากนิยายแฟนตาซีที่เธอเพิ่งอ่านจบไปเมื่อคืน นิยายเรื่อง “ตำนานเจ้าหญิงแห่งแสงและเงา” และร่างที่เธอกำลังสิงสู่อยู่ตอนนี้คือ ตัวร้ายอันดับหนึ่งของเรื่อง!
ความทรงจำของเลดี้เซเรน่าผู้เป็นเจ้าของร่างไหลทะลักเข้ามาในหัวของอลิซ ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่ในวัยเด็กจนถึงช่วงเวลานี้ปะปนกับความทรงจำของเธอเองอย่างสับสน อลิซรู้แล้วว่าเธอไม่ได้แค่ฝันไป… เธอมาอยู่ในนิยายจริงๆ และที่สำคัญ เธอมาอยู่ในร่างของตัวละครที่ชะตากรรมสุดแสนอาภัพ
เลดี้เซเรน่า ฟอน วาลดีส บุตรสาวเพียงคนเดียวของดยุกผู้สูงศักดิ์ เธอเกิดมาเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ แต่กลับมีจิตใจที่เต็มไปด้วยความริษยา เธอหลงรักเจ้าชายคาเลบ พระเอกของเรื่องผู้เป็นคู่หมั้นของเจ้าหญิงเอลิเซีย นางเอกของเรื่องอย่างบ้าคลั่ง และพยายามทำร้ายเจ้าหญิงทุกวิถีทาง
และจุดจบของเซเรน่า อลิซจำได้ดี… เธอถูกปรักปรำว่าวางยาพิษเจ้าหญิงเอลิเซีย ถูกเนรเทศออกจากอาณาจักร ริบทรัพย์สินทั้งหมด และจบชีวิตลงอย่างโดดเดี่ยวในเงามืด เพราะความช่วยเหลือที่เธอได้รับจาก มหาเสนาบดีซิลเวสเตอร์ ตัวร้ายหลักของเรื่องนั้น แท้จริงแล้วคือแผนการของเขาที่ต้องการใช้เซเรน่าเป็นหมากตัวหนึ่งเท่านั้น
ดวงตาสีฟ้าครามของเซเรน่าที่สะท้อนในกระจกเบิกกว้างขึ้น อลิซพยายามขุดคุ้ยข้อมูลในสมองของเธออย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์วางยาพิษเจ้าหญิงเอลิเซีย…
ถูกค้นพบในวันรุ่งขึ้น…
ถูกจับกุม…
ถูกเนรเทศ…
“พรุ่งนี้!” อลิซพึมพำ “พรุ่งนี้เจ้าหญิงเอลิเซียจะถูกวางยา และฉัน… ฉันจะต้องถูกจับ! นั่นหมายความว่าฉันเหลือเวลาแค่… สองวัน!”
เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นที่หน้าผาก เธอไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่นอน เธอรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพล็อตเรื่อง ตัวละครแต่ละตัวมีนิสัยอย่างไร ใครเป็นพวกใคร ใครน่าไว้ใจ และใครคือศัตรูที่แท้จริง
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของเธอ "ทางลับใต้คฤหาสน์"! ในนิยายมีการกล่าวถึงทางลับนี้เพียงเล็กน้อย แต่ไม่ได้บอกรายละเอียด อลิซพยายามนึกย้อนไปถึงฉากที่ตัวละครรองบางตัวแอบใช้ทางลับนี้เพื่อลักลอบนำของบางอย่างออกไป
เธอพุ่งตรงไปยังตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ เธอต้องหาเสื้อผ้าที่ดูไม่สะดุดตา เงิน และของมีค่าที่จำเป็นที่สุดเพื่อใช้ในการหลบหนี เธอรู้ว่าคฤหาสน์แห่งนี้เต็มไปด้วยสายตาของคนของมหาเสนาบดีซิลเวสเตอร์ และเธอต้องหนีออกไปก่อนที่แผนการของเขาจะสำเร็จ
นี่คือการเริ่มต้นของชีวิตใหม่…
หรือจริงๆ คือการเอาชีวิตรอด?
อลิซในร่างของเลดี้เซเรน่า สาบานกับตัวเองว่าเธอจะไม่มีทางยอมรับชะตากรรมแบบในนิยายอย่างเด็ดขาด เธอจะเขียนเรื่องราวของ "เลดี้เซเรน่า" ขึ้นมาใหม่ ด้วยมือของเธอเอง!
หลายเดือนผ่านไปนับตั้งแต่การปราบปรามดยุกเรย์มอนด์ เมืองพอร์ตเวลล์ได้พลิกฟื้นและเติบโตอย่างก้าวกระโดด กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและนวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วอาณาจักร กำแพงหินที่แข็งแกร่งถูกสร้างขึ้นใหม่ โครงสร้างพื้นฐานทันสมัยขึ้น ระบบการศึกษาขยายตัว และร้านยาแสงจันทร์ของอลิซก็กลายเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งรวมผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพสูงอลิซในชุดเสื้อผ้าที่ดูเรียบง่ายแต่ทว่าสง่างาม ยืนอยู่บนระเบียงบ้าน มองดูชาวเมืองที่เดินไปมาอย่างมีความสุข ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มพึงพอใจ เธอกับคล้าวได้สร้างเมืองในฝันของพวกเขาขึ้นมาจริงๆ"อากาศดีจริงๆ นะคะคุณคล้าว" อลิซเอ่ยขณะที่คล้าวเข้ามาสวมกอดเธอจากด้านหลังคล้าวพยักหน้า เขามองออกไปยังเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา "ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้ลงหลักปักฐานที่ไหนแบบนี้ครับคุณเซเรน่า แต่การได้อยู่กับคุณ... ที่นี่ก็เหมือนบ้าน"ชีวิตประจำวันของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุขเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะอลิซที่มักจะใช้เวลาในห้องทดลองเพื่อคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ หรือปรับปรุงสูตรยา ส่วนคล้าวก็จะดูแลเรื่องการค้า การรักษาความปลอดภัย และคอยเป็นกำลังใจให้อลิซอยู่เสมอเจ้าชายคาเ
หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง แสงแดดยามเช้าก็สาดส่องลงมายังพอร์ตเวลล์อีกครั้ง ความเสียหายจากการรบปรากฏให้เห็น แต่ท่ามกลางซากปรักหักพัง ผู้คนกลับเต็มไปด้วยความหวังและขวัญกำลังใจที่เปี่ยมล้นดยุกเรย์มอนด์และบรรดาผู้สมรู้ร่วมคิดถูกนำตัวกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อไต่สวนอย่างเป็นทางการ เจ้าชายคาเลบทรงจัดการเรื่องนี้อย่างโปร่งใส และใช้หลักฐานที่อลิซและคล้าวมอบให้เพื่อเปิดโปงเครือข่ายอำนาจมืดที่ฝังรากลึกมานานในที่สุด ดยุกเรย์มอนด์ก็ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหากบฏและสมคบคิดกระทำการอันเป็นภัยต่อราชบัลลังก์ เขาและผู้สมรู้ร่วมคิดได้รับโทษตามกฎหมายอย่างสาสม ทรัพย์สินและอำนาจที่ตระกูลเรย์มอนด์ยึดครองมาอย่างไม่ชอบธรรมถูกริบคืน และนำมาใช้เพื่อฟื้นฟูอาณาจักรและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเมืองพอร์ตเวลล์ การฟื้นฟูเริ่มขึ้นทันที ชาวเมืองร่วมแรงร่วมใจกันซ่อมแซมความเสียหาย อลิซใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมและการจัดการของเธอ เพื่อวางแผนสร้างกำแพงและโครงสร้างป้องกันเมืองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยมีคล้าวเป็นกำลังหลักในการดูแลการก่อสร้างและฝึกฝนทหารพิทักษ์เมืองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเจ้าชายคาเลบและเจ้าหญิงเอ
การมาถึงของเจ้าชายคาเลบพร้อมกององครักษ์หลวง เปรียบได้กับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมากลางสมรภูมิที่มืดมิดในพอร์ตเวลล์ แรงฮึดของชาวเมืองกลับคืนมา คล้าวและเจ้าชายคาเลบร่วมกันต่อสู้อย่างดุดัน พลังเวทมนตร์ธาตุพฤกษาของคล้าวกับทักษะดาบที่เหนือชั้นของเจ้าชายคาเลบ ผนึกกำลังกันจนยากที่ทหารของดยุกเรย์มอนด์จะต้านทานได้ดยุกเรย์มอนด์ซึ่งเฝ้าดูการรบอยู่จากแนวหลังถึงกับกุมขมับ เขาไม่คาดคิดว่าเจ้าชายคาเลบจะมาปรากฏตัวที่นี่ และที่สำคัญคือพระองค์ยังนำทัพมาด้วยพระองค์เอง บัดนี้แผนการของเขาที่ต้องการยึดพอร์ตเวลล์อย่างลับๆ ได้ถูกเปิดเผยต่อหน้าธารกำนัล และกำลังจะพลิกกลับมาเป็นภัยต่อตัวเขาเอง"ถอยทัพ! ถอยทัพเดี๋ยวนี้!" ดยุกเรย์มอนด์ตะโกนสั่งนายพลด้วยความตื่นตระหนก แต่ก็ดูเหมือนจะสายเกินไป ทหารของเขากำลังถูกตีโอบ และการมาถึงของเจ้าหญิงเอลิเซียพร้อมขบวนเสบียงและยาบำรุง ทำให้ขวัญกำลังใจของทหารพอร์ตเวลล์พุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอลิซในฐานะผู้บัญชาการเบื้องหลัง สั่งการให้ทหารพอร์ตเวลล์ที่เหลือปิดล้อมกองทัพที่กำลังถอยร่น ประสานงานกับเจ้าชายคาเลบเพื่อปิดทางหนีทั้งหมด การต่อสู้ดำเนินไปอีกพักใหญ่ ก่อนที่ฝ่ายกองทัพของ ด
เช้าตรู่วันนั้น แสงอาทิตย์ยังไม่ทันทอประกายเต็มที่ เสียงแตรศึกก็ดังก้องไปทั่วป่ารอบเมืองพอร์ตเวลล์ กองทหารของดยุกเรย์มอนด์นับพันนาย ที่นำโดยนายพลผู้มากประสบการณ์ พร้อมด้วยเครื่องยิงก้อนหินขนาดใหญ่และธนูเพลิง เคลื่อนทัพเข้าประชิดกำแพงไม้ชั่วคราวของพอร์ตเวลล์อย่างพร้อมเพรียงในเมือง อลิซและคล้าวยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ที่สูงที่สุด มองดูภาพกองทัพที่กำลังรุกคืบด้วยสายตาที่มุ่งมั่น ชาวเมืองทุกคนที่สามารถจับอาวุธได้ หรือช่วยเหลือได้ กำลังประจำตำแหน่งที่ถูกจัดเตรียมไว้ พวกเขามีจำนวนน้อยกว่ามาก แต่ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องบ้านของตัวเอง"คุณคล้าวคะ... เราจะรับมือไหวไหม" อลิซกระซิบถามคล้าวโอบไหล่อลิซแน่น "เราต้องไหวครับคุณเซเรน่า เราได้เตรียมการทุกอย่างเท่าที่เราทำได้แล้ว"แผนการป้องกันของอลิซและคล้าวอาศัยภูมิประเทศเป็นหลัก พวกเขาใช้ป่าทึบและลำธารรอบเมืองให้เป็นประโยชน์ มีการวางกับดักง่ายๆ ซ่อนอยู่ตามเส้นทางที่คาดว่าศัตรูจะเดินทัพเข้ามา และเตรียมพลธนูที่แม้จะมีจำนวนน้อย แต่ก็ได้รับการฝึกฝนให้ยิงจากตำแหน่งที่ได้เปรียบเสียงโห่ร้องของทหารฝ่ายดยุกเรย์มอนด์ดังสนั่น เมื่อพวกเขาเร
หลังจากการค้นพบอันน่าตกใจเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่าง ดยุกเรย์มอนด์และเครือข่ายของซิลเวสเตอร์ในอดีต อลิซและคล้าวรู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถรับมือกับภัยคุกคามนี้เพียงลำพังได้ การต่อสู้ครั้งนี้ใหญ่เกินกว่าแค่การปกป้องพอร์ตเวลล์ แต่มันคือการชำระล้างความมืดมิดที่ฝังรากลึกในอาณาจักร"เราต้องไปหาเจ้าชายคาเลบค่ะคุณคล้าว" อลิซกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว "หลักฐานทั้งหมดนี้จะต้องถึงมือพระองค์ให้ได้"แต่การเข้าถึงเจ้าชายคาเลบในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในตอนนี้ดยุกเรย์มอนด์เพิ่มการควบคุมเมืองหลวงอย่างเข้มงวด คล้าวใช้ความสามารถพิเศษของเขาในการติดต่อกับมาร์คัสพ่อค้าคนสนิทที่ยังคงอยู่ในเมืองหลวง มาร์คัสเป็นคนเดียวที่พวกเขาสามารถไว้ใจให้เป็นผู้ส่งสารได้"มาร์คัส ผมต้องการให้คุณนำจดหมายฉบับนี้ไปมอบให้เจ้าชายคาเลบด้วยตัวคุณเอง" คล้าวเอ่ยผ่านเครื่องมือสื่อสารลับที่อลิซได้ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อการติดต่อระยะไกลระหว่างพอร์ตเวลล์กับเมืองหลวง "มันคือหลักฐานที่จะเปิดโปงดยุกเรย์มอนด์ทั้งหมด"มาร์คัสรับคำสั่งด้วยความมุ่งมั่น "วางใจได้เลยครับ ผมจะนำมันไปถึงมือพระองค์ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเสี่ยงแค่ไหนก็ตาม"ในระหว่างที่รอข่าวจา
ความมืดมิดปกคลุมเมืองพอร์ตเวลล์อีกครั้ง ไม่ใช่แค่เพียงความมืดของค่ำคืน แต่เป็นเงาของความกังวลที่คืบคลานเข้าสู่จิตใจของผู้คน อลิซและคล้าวสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังที่เริ่มกัดกินเมืองที่พวกเขาสร้างขึ้นมา"เราต้องหาทางพลิกสถานการณ์ให้ได้ค่ะคุณคล้าว" อลิซกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบสต็อกวัตถุดิบที่ร่อยหรอลงทุกวัน "ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะผลิตสินค้าออกมาไม่ได้ และชาวบ้านก็จะไม่มีงานทำ"คล้าวพยักหน้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียด "ผมพยายามหาเส้นทางขนส่งใหม่ๆ แล้วครับคุณเซเรน่า แต่คนของดยุกเรย์มอนด์คุมเข้มทุกทางจริงๆ"ในขณะที่ทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากับทางตัน คล้าวก็คิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่เขาเคยได้ยินมานานแล้ว มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลเรย์มอนด์ที่มีประวัติยาวนานและบางครั้งก็มืดดำกว่าที่คนทั่วไปรู้"คุณเซเรน่าครับ ผมคิดว่าเราต้องสืบให้ลึกกว่านี้" คล้าวเอ่ยขึ้น "ดยุกเรย์มอนด์ไม่ได้เป็นแค่ขุนนางหัวเก่าที่ยึดติดกับอำนาจ เขาอาจจะมีอะไรที่ซ่อนเร้นอยู่มากกว่านั้น"คล้าวตัดสินใจเดินทางไปยังหอจดหมายเหตุลับแห่งหนึ่งที่เขารู้จักในเมืองหลวง ซึ่งเป็นสถานที่ที่เก็บรวบรวมบันทึกเก่าแก่และประวัติศาสตร์ที่ถูกซ่อนไ