นี่เขาคงคิดว่าฉันทำร้ายดารินจริง ๆ สินะ...
“ทำร้ายดารินทำไม” เข้ามาภายในห้องยังไม่ทันจะนั่ง คำถามเสียดแทงความรู้สึกก็ดังเข้ามาในโสตประสาทหูทันที ฉันมองคนถามด้วยสายตาที่คาดไม่ถึง
“ตอบมาสิน้ำทิพย์ ทำแบบนั้นทำไม”
“ทิพย์ไม่ได้ทำ”
“ถ้าเธอไม่ได้ทำแล้วน้องดาจะเป็นแบบนั้นไหมวะ!”
เพียะ!
ทันทีที่เขาตะคอกฉัน ฝ่ามือของฉันก็กระทบหน้าเขาทันที พร้อมกับน้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลออกมา
“อย่ามาบีบน้ำตา ครั้งนี้มันไม่ได้ผล บอกมาว่าทำร้ายน้องดาทำไม!”
“ก็บอกว่าไม่ได้ทำไง เคยเชื่อใจกันบ้างไหมวะ”
“จะให้เชื่อใจเหรอน้ำทิพย์ ทีเธอยังไม่เชื่อใจฉันเลย”
“...”
“ฉันบอกว่าฉันคิดกับน้องดาแค่น้อง เธอเคยเชื่อฉันไหม ฉันก็แค่สงสารที่เธอไม่มีพ่อก็แค่นั้นอะ ทำไมวะ ทำไมชอบทำให้เป็นเรื่องอยู่เรื่อยเลย”
“ทิพย์ทำเหรอ ทิพย์ยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ มีไหมที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น มีไหมที่จะหาเหตุผล นี่อะไรมาถึงก็หาว่าทิพย์ทำมัน แบบนั้นมันใช่เหรอ” พูดพร้อมกับปาดน้ำตาไปด้วย
“ก็ถึงได้ถามไงว่าทำไปทำไม”
“ถ้าจะถามแบบนี้อย่าถามเลยดีกว่า พี่จะถามทำไมถ้าพี่เชื่อยาย
ดาริน ถ้าพี่จะปักใจเชื่อว่าทิพย์ผิดไปแล้ว พี่จะถามทำไม”“น้ำทิพย์ฉันถามเธอดี ๆ นะ อย่ามาชวนทะเลาะ”
“เหอะ ใครกันแน่ที่ชวนทะเลาะ เคยมองย้อนดูตัวเองบ้างไหมว่าตั้งแต่มีเด็กนั่น พี่เปลี่ยนไปมากแค่ไหน”
“...”
“ที่เปลี่ยนไปเพราะเบื่อก็พูดมาตรง ๆ สิ ทิพย์หลีกทางให้ก็ได้ ไม่ใช่มากล่าวหา และหาเรื่องทะเลาะกันอยู่แบบนี้ มันเหนื่อยนะเว้ย” จบคำพูดฉันก็ไม่มีใครพูดอะไร เหตุการณ์ยังคงเงียบ ภายในห้องมีเพียงแค่เสียงร้องไห้ของฉันเท่านั้น ถ้าเป็นปกติเขาคงเข้ามาปลอบฉันแล้ว แต่ครั้งนี้มันไม่มี เขาคงเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นั่นแหละ
“น้ำทิพย์ ฉันว่าเราห่างกันสักพักเถอะ ฉันเบื่อ ห่างกันเถอะจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองต้องการอะไรกันแน่” ฉันมองหน้าคงพูดด้วยแววตาตัดพ้อพร้อมทั้งไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะพูดมันออกมา เขามองหน้าฉันอีกครั้งก่อนเดินออกจากห้องไป
“ฮึก ฮือ... ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย คบกันมาเป็นปีไม่เชื่อใจกันเลยหรือยังไง ไอ้คนใจร้าย พี่เหนือใจร้าย”
ฉันทรุดนั่งลงบนเตียงพร้อมร้องไห้ออกมาอย่างหนัก คบกันมาหนึ่งปีมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยสินะ ได้แล้วก็ทิ้งกันง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ จริงสิ เขาได้ฉันมาง่าย ๆ จะทิ้งไปง่าย ๆ ก็คงไม่แปลก
คงมีแค่ฉันสินะที่เสียใจนั่งร้องไห้อยู่แบบนี้ คำว่าห่างกันสักพักมันจะต่างอะไรกับการบอกเลิกวะ
“อย่าร้องสิยายทิพย์ แกจะร้องทำไม ฮึก อย่าร้อง” ยิ่งพูดปลอบตัวเองเท่าไหร่ น้ำตาที่กักเก็บไว้ก็ยิ่งไหลออกมา
ความรักมักมาในรูปแบบของความเจ็บปวดเสมอ...
หนึ่งเดือนผ่านไปแล้วตั้งแต่ที่เขาขอห่างกันวันนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย แรก ๆ ฉันก็ทักไป คิดว่าเขาจะตอบแต่ก็ไม่ เขาเมินเฉยกับข้อความของฉัน เจ็บดีนะคะ โคตรเจ็บเลย
ติ้ง!
เสียงข้อความเข้าฉันจึงกดเข้าไปดูพบว่าคนที่ส่งเข้ามาเป็นเด็กดารินนั่น ไม่ได้ส่งมาแค่ข้อความเด็กนั่นถ่ายรูปมือที่จับกันส่งมาให้ฉันด้วย ทันทีที่เห็นฉันจำได้เลยว่าเป็นมือของใคร มือที่เขาเคยกอบกุมมือฉัน ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ฉันอีกแล้ว เขากอบกุมมือคนอื่นด้วย เจ็บจี๊ดเข้าไปในหัวใจเลยว่ะ
ดาริน : เขาอยู่กับฉัน ไม่เชื่อก็ตามมาดูสิคะ จะได้ตาสว่างสักที!
ฉันอ่านข้อความนี้ซ้ำไปซ้ำมาว่าจะเอายังไงดี สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่าฉันจะไปดูให้เห็นกับตา ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่เหนือมันจะได้ชัดเจนเสียทีว่าจะบวกหรือจะลบ
ฉันขับรถไปตามโลเคชันสถานที่ที่ดารินส่งมา แต่มาถึงยังไม่ทันจะได้จอดรถ ฉันก็เห็นรถพี่เหนือกำลังขับออกไปเสียก่อน อ้อ เขาไม่เห็นฉันหรอกนะ เพราะวันนี้ฉันเลือกเอารถอีกคันที่บ้านเพิ่งส่งมาให้ขับออกมา
คิดจะตีงูมันต้องตีให้ตาย!
เมื่อมั่นใจว่าเขากำลังขับรถกลับบ้าน ฉันจึงพยายามขับแบบทิ้งช่วง ห่าง ๆ ไม่ให้เขาจับได้ว่ามีรถตามอยู่ ภายในใจฉันตอนนี้เต้นแรงเหมือนรัวกลอง ได้แต่ภาวนาให้เขาส่งแล้วก็กลับ อย่าไปส่งเด็กนั่นถึงในบ้านเลย
หลังจากที่ขับรถเป็นระยะเวลาพอสมควรก็ถึงบ้านเขาเสียที ส่วนบ้านของยายดารินก็อยู่ข้าง ๆ กันนั่นแหละ ช่างเหมาะเจาะเสียจริง ฉันมองว่าเขาจะไปส่งดารินข้างในไหม แล้วก็ต้องถอนหายใจเมื่อเขาเปิดประตูรถลงมาและอ้อมไปเปิดให้เด็กนั่นลงรถแทน
แต่แล้วความโล่งใจของฉันก็หายไปเมื่อเห็นเขาดึงเด็กคนนั้นเข้าไปจูบ! เนื้อตัวฉันสั่นเทิ้มทำอะไรไม่ถูก ใจมันสั่นไปหมด ความรู้สึกตอนนี้มีทั้งสับสนและเสียใจ ฉันเปิดประตูรถและก้าวเดินไปตรงหน้าช้า ๆ
ในขณะที่ฉันหยุดตรงหน้าเขา แต่เหมือนทั้งเขาและเธอจะไม่รับรู้ว่าตอนนี้มีบุคคลที่สามอยู่ตรงนี้ด้วย ฉันมองภาพนั้นด้วยความเจ็บไปทั้งใจก่อนจะตัดสินใจดึงยายเด็กนั่นออกมาจากเขา
เพียะ!
“อีหน้าด้าน”
เพียะ!
“นี่สำหรับที่แกแย่งแฟนคนอื่น ไม่มีปัญญาหาแฟนเอง ร่าน!”
“หยุดนะทิพย์ ทำบ้าอะไรเนี่ยฮะ! ตบน้องมันทำไม”
“ใครบอกว่าฉันจะตบแค่มัน ฉันจะตบนายด้วย”
เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ!
พูดจบฉันก็ตบหน้าเขาอย่างสุดแรงสี่ครั้งติด พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา
“สำหรับคนไม่รู้จักพออย่างนาย แค่นี้มันยังน้อยไป” จบคำพูดฉันก็วิ่งกลับมาขึ้นรถและขับกลับทันที น้ำตาที่ไหลออกมาไม่ได้ช่วยให้ฉันสบายใจขึ้น
เขาทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ทำได้ยังไง...
ครั้งนี้ไม่มีแม้แต่เสียงร้องไห้ มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของฉันเท่านั้น ความเจ็บปวดที่ฉันเจอวันนี้เป็นคำตอบให้ฉันอย่างดี ว่าฉันควรจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป
“หยุดร้องได้แล้วน้ำทิพย์ น้ำตาของเธอมีค่า เธอไม่ควรร้องไห้ให้ผู้ชายพรรค์นั้นอีก ปล่อยเขาไปเถอะ นับจากวันนี้เธอจะไม่มีน้ำตาแห่งความเสียใจอีกแล้ว”
หลังจบคำพูดที่ฉันใช้พูดกับตัวเองน้ำตาที่เคยไหลก็หยุดลง พร้อมกับมือของฉันที่ใช้ปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ในเมื่อเขาไม่เห็นค่าฉัน ฉันก็จะไม่ให้ค่าเขาเช่นกัน ผู้ชายมีเยอะแยะ นับจากวันนี้ไปฉันกับเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก
ความสัมพันธ์ที่มันคาราคาซัง ฉันจะทำให้มันชัดเจนเอง!
ฉันผละออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพี่เหนือ ก่อนจะเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วยิ้มให้เขาอย่างมีความสุขที่สุดตอนแรกที่เขาบอกว่าอย่าร้อง ฉันก็กะว่าจะไม่ร้องไห้นั่นแหละ แต่ใครมันจะไปอดทนได้เล่า ในเมื่อเขาน่ารักขนาดนี้คิดดูสิบรรยากาศภายในร้าน และอะไรต่าง ๆ ที่เขาทำวันนี้เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงทั้งสิ้นว่าเขาจะทำ เพราะสิ่งที่เขาทำวันนี้มันตรงกันข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิญพี่เหนือไม่ใช่คนที่โรแมนติก เขาค่อนข้างที่จะเป็นคนที่มีนิสัยไม่ยอมคน สายเอาแต่ใจ ที่สำคัญเขาหื่นมาก เพราะฉะนั้นการจัดตกแต่งร้านแบบน่ารัก ๆ ที่ฉันเห็นนี่มันสวนทางกับพี่เหนืออย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ที่ฉันเดินลงจากรถและเดินเข้ามา สองข้างทางล้วนประดับประดาไปด้วยหลอดไฟเล็ก ๆ น่ารัก ๆ หน้าประตูถูกประดับไปด้วยดอกไม้ที่ฉันชื่นชอบ ยิ่งเปิดประตูเข้ามาในร้าน ฉันยิ่งรู้สึกประทับใจ เพราะมันเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง และรูปของเรา ที่ขาดไม่ได้เลยคือป้ายคำว่า‘Anniversary 2 years’หลังจากที่เห็นทุกอย่างแล้ว และคิดถึงนิสัยของเขามันเลยทำให้ฉันตื้นตันใจจนอยากร้องออกมาแต่ก็ต้องกลั้นไว้เมื่อเขาห้าม แต่พอฟังเขาพูดประโยคพวกนั้นจบฉันก็ไม่สามารถกักเก็บความรู้สึ
“พี่เหนือ นี่จะพาทิพย์ไปไหนคะ ไม่เห็นบอกเลยอยู่ดี ๆ ก็บอกให้แต่งตัว”น้ำทิพย์ถามผม เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของเรา ผมจึงจะพาเธอไปยังที่แห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้เราอยู่ที่คอนโดครับ ผมกับน้ำทิพย์กลับมาจากบ้านสวนได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว กลับมากรุงเทพเราก็ใช้ชีวิตไปตามปกติอ้อ ผมไม่ได้อยู่กับเธอตลอดเวลานะครับ เพื่อเป็นการให้เกียรติเธอและทางครอบครัว ผมจะมานอนกับเธอที่ห้องหรือให้เธอไปนอนที่ห้องกับผมแค่อาทิตย์ละสามวันเท่านั้นนอกจากนี้ผมยังให้คุณแม่ของผมคุยเรื่องการหมั้นหมายของผมกับเธอไปคร่าว ๆ ทางโทรศัพท์กับคุณพ่อคุณแม่ของเธอแล้วด้วยก่อนผมจะกลับกรุงเทพนั่นเองซึ่งผลจากการที่ผู้ใหญ่คุยกันเรื่องนี้นั้นได้ข้อสรุปว่า หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่กลับกรุงเทพแล้ว พวกท่านจะคุยเรื่องนี้และข้อตกลงกันต่าง ๆ กันอีกที ซึ่งผมและน้ำทิพย์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะถือว่าได้บอกความต้องการของตัวเองออกไปแล้ว ต่อไปก็ให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เขาคุยและตกลงกัน“อ้าวพี่เหนือถามไม่ได้ยินเหรอคะ จะไปไหน” น้ำทิพย์ถามผมหน้ายุ่ง“พาไปที่ที่สำคัญของเราสองคนไงครับ”ผมตอบเธอพร้อมกับยิ้ม น้ำทิพย์ย่นคิ้วคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า“จะพา
ระหว่างทาผมก็ถามพนักงานชายไปด้วยว่าทำแบบนี้ทำไม ซึ่งคำตอบที่ได้รับทำให้ผมตาโตด้วยความไม่เชื่อ เพราะพนักงานคนนั้นบอกว่าถ้าทาแป้งและขี้เถ้าแล้วมดแดงมันจะไม่กัด เป็นความเชื่อที่คนโบราณทำสืบต่อกันมา ซึ่งพอเวลาผ่านไปการทำแบบนี้ก็เริ่มไม่มีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพนักงานของที่นี่เขาค่อนข้างจะเชื่อคำคนโบราณจึงได้เอามาทำที่ไร่นี้ พอว่าที่พ่อตามาเห็นและรู้ว่าได้ผลจึงไม่ได้ห้ามตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะได้ผลจริง แต่พอขึ้นไปบนต้นมะม่วงแล้วก็ต้องชะงัก เพราะสิ่งที่ผมไม่เชื่อกลับสามารถได้ผลดี แต่ใช่ว่าจะไม่โดนกัดเลย มันก็มีกัดบ้างแต่ไม่เท่ากับสามต้นแรกที่ผมไม่ได้ทาพวกมันแล้วขึ้นไปเก็บเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคล สำหรับผมแล้วผมเชื่อครับเพราะมันใช้ได้จริงหลังจากเก็บมะม่วงสองต้นสุดท้ายเสร็จแล้วผมกับว่าที่พ่อตาก็กลับมาอาบน้ำที่บ้านก่อนจะมานั่งทานข้าวที่ถูกเตรียมไว้แล้วมื้ออาหารกลางวันเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ไม่มีเสียงกระทบกระทั่งกันไปมาของผมและคุณพ่อของน้ำทิพย์ถึงผมจะค่อนข้างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะไม่ต้องการจุดฉนวนให้ตัวเองโดนเล่นง
หลังจากที่เมื่อวานได้เปิดอกเปิดใจคุยกับคุณพ่อของน้ำทิพย์แล้ว วันนี้ผมก็ต้องมาทำงานใช้แรงงาน เพราะว่าที่พ่อตาท่านบอกว่าจะมานั่งกินนอนกินไม่ได้ จะมาอยู่ก็ต้องมาช่วยกันทำงาน แม้ว่าที่บ้านสวนจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของพวกท่านก็ตามแต่พวกท่านก็ไม่ได้พักอย่างที่ใครคิด การพักผ่อนของพวกท่านคือการใช้ชีวิตชาวสวน วันนี้ผมจึงต้องมายืนสอยมะม่วงบ้าง ปีนต้นมะม่วงจนมดแดงกัดอยู่แบบนี้ไงครับ“ใช่ ๆ พวงนั้นแหละ ลูกมันดก ขนาดกำลังกิน”เสียงของว่าที่พ่อตาตะโกนส่งมาไม่ขาดสาย ในขณะที่ผมทั้งตัดพวงมะม่วง ทั้งปัดป่ายมดแดงที่ขึ้นอยู่ตามตัวและก็ไอ้มดแดงที่กำลังกัดผมอยู่นี่แหละ ที่ผมกินไข่ของพวกมันเมื่อวานนี้เห็นแบบนี้ก็อดยอมรับนับถือคนงานไม่ได้ที่ต้องมายืนแหงนคอสอยรังของมดแดง เพื่อที่จะนำไข่ของมันไปประกอบอาหารขนาดผมปีนต้นไม้เพื่อเก็บมะม่วงยังโดนกัดขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่ากว่าพวกเขาจะสอยได้แต่ละรังกว่าจะได้ไข่มาต้องลำบากกันขนาดไหน“มัวคิดอะไรอยู่ บอกเอาพวงนั้น พวงนั้น”“ผมก็ตัดอยู่นี่ไงครับว่าที่พ่อตา อย่าเร่งสิครับ มดมันกัดผมอยู่” ผมตะโกนโต้กลับกับคนที่ยืนชี้นิ้วสั่งผมอยู่ด้านล่าง“ผิวหนังด้าน ๆ อย่าง
บ้านสวนของน้ำทิพย์มีคนอยู่ไม่มากนัก จะมีแค่คุณพ่อคุณแม่ของเธอที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจตามเวลาที่สะดวก มีน้ำทิพย์ และคนสวนที่ดูแลที่นี่เพียงสองคน คนดูแลบ้านอีกสองคน หลัก ๆ แล้วคนที่อยู่ที่นี่แค่สี่คนเท่านั้น ส่วนลุงเชิดกับป้าชมนั้นเป็นสามีภรรยากัน ลุงเชิดเป็นคนขับรถส่วนป้าชมเป็นหัวหน้าแม่บ้านและเป็นคนสนิทของคุณแม่ของน้ำทิพย์ด้วยเช่นกันอ้อ ผมลืมบอกไปที่เรียกว่าบ้านสวน เพราะบริเวณรอบบ้านของเธอล้วนปลูกผักผลไม้ทั้งสิ้น ยิ่งถ้าเป็นที่ดินด้านหลังบ้านที่ถัดออกไปอีกไม่ไกล มีเพียงคลองส่งน้ำเล็ก ๆ ขวางกั้นเท่านั้นเพียงก้าวข้าวสะพานไม้ที่ทำไว้ก็จะเจอกับสวนมะม่วงที่ให้คนงานลงปลูกไว้ขึ้นเต็มไปหมดผมโชคดีที่หน้านี้มะม่วงกำลังติดลูก คิดว่าคงจะได้เดินไปชมสวนของบ้านเธอแน่ ๆ ครับ เพราะนอกจากจะปลูกไว้กินแล้วเนี่ย ทางบ้านของน้ำทิพย์ยังส่งมะม่วงให้ตลาดในตัวอำเภอเพื่อขายอีกด้วย“เหม่ออะไรอยู่ ไปได้แล้วลูกเมียฉันรอ ไร้มารยาทจริง”ผมหลุดจากความนึกคิดของตัวเองแล้วเขม่นตามองว่าที่พ่อตาที่เดินนำออกไปไกลแล้ว จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามท่านไปบ้าง“ขอโทษที่มาช้าครับ” ผมรีบพูดทันที เพราะคุณแม่ของน้ำทิพย์กำลังนั่งรออยู่จ
“เจ้าบ้านเขาไม่ต้อนรับก็ยังจะหน้าด้านอยู่อีก” คำกล่าวทักทายแรกหลังจากที่ออกมาจากห้องพัก ก็โดนพ่อตากระแหนะกระแหนใส่ซะแล้ว“คุณพ่อครับ ถ้าไม่เต็มใจต้อนรับผมจะได้พักที่ห้องข้าง ๆ ทิพย์เหรอครับ”“ใครพ่อแก!”“อา... ลืมไปว่าไม่ใช่ งั้นคงต้องเรียกว่า...”“ว่าอะไร”“พ่อตา”“ไอ้เหนือ!”ผมพูดเสร็จก็รีบพาตัวเองเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านทันที โดยไม่สนใจคนที่กำลังทำหน้าราวกับจะฆ่าคนของคุณพ่อตาสักนิด แถมยังมียิ้มให้ก่อนจะเดินออกมาด้วย“คุณนทีเป็นอะไรคะ เสียงดังมาถึงข้างล่าง” คุณแม่ของน้ำทิพย์เดินมาชะเง้อขอถามตรงตีนบันได ซึ่งสวนกับที่ผมเดินลงไปพอดีผมยิ้มให้ท่านแล้วเดินจากมา แต่พอมาถึงโซฟาก็เจอน้ำทิพย์ยืนกอดอกขมวดคิ้วอยู่“เป็นอะไรครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”“ทิพย์ต่างหากที่ควรถามพี่เหนือว่าเป็นอะไรถึงได้กวนคุณพ่อ จนคุณพ่อเสียงดังแบบนี้”“พี่เปล่าทำอะไรสักหน่อยนะครับ” ผมตีหน้าซื่อตาใสไม่ยอมรับ“พี่เหนือ เราคบกันอยู่แล้วทำไมทิพย์จะไม่รู้สันดาน เอ๊ย!นิสัยของพี่เหนือล่ะคะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงหน่อยสิคะ”“โธ่... ที่รักก็คุณพ่อของทิพย์ท่านชอบว่าพี่นี่”“แต่ถ้าพี่เหนือยอมท่านปล่อยเวลาไปสักพัก ให้ท่านได้มีเวลายอมร