ผมมองตามรถที่ขับออกไปด้วยอารมณ์หลากหลายความรู้สึก มันรู้สึกหน่วง ๆ ในใจ เหมือนกับว่ากำลังจะสูญเสียของรัก! ก่อนจะสะบัดหัวขับไล่ความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงเรียกของน้องดา
“พี่เหนือ พี่เหนือไม่เป็นไรนะคะ”
“ครับ พี่ต้องขอโทษแทนทิพย์ด้วยนะครับ แล้วก็ เอ่อ...เมื่อกี้พี่ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เหนือ อย่าใส่ใจเลยดาไม่คิดมากหรอกค่ะ พี่เหนือสิคะโดนตบไปสี่ครั้งติดคงเจ็บมาก”
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ไกลหัวใจ”
“ค่ะ ถ้ายังไงก็สู้ ๆ นะคะ ปรับความเข้าใจกับพี่ทิพย์ให้ได้ น้องดาเป็นกำลังใจให้ค่ะ” ผมมองสบตากับน้องดาก่อนจะยิ้มให้เมื่อสายตาที่เธอมองมายังผมมันเต็มไปด้วยความใสซื่อและจริงใจ
ผมได้แต่รู้สึกผิดที่เมื่อครู่ดึงเธอมาจูบเพราะอยากประชดน้ำทิพย์ที่เธอไม่เชื่อใจผม
ผมรู้ว่าเธอขับรถตามผมมา ตอนแรกก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นเธอเพราะผมไม่เคยเห็นเธอใช้รถคันนี้มาก่อน แต่เมื่อนึกไปนึกมาผมก็คิดได้ว่าบ้านของเธอจะส่งรถคันใหม่มาให้ การที่เธอใช้รถคันใหม่ขับตามผมแบบนี้ มันยิ่งตอกย้ำว่าเธอไม่เคยไว้ใจผมเลย ผมถึงได้ดึงน้องดาเข้ามาจูบ!
“ครับ เข้าบ้านได้แล้วครับ พี่ก็จะกลับแล้วเช่นกัน” ผมยืนรอจนน้องดากลับเข้าบ้าน ถึงได้ขับรถออกมา
ตลอดเวลาที่ผมขับรถ ผมก็คิดเรื่องของผมกับน้ำทิพย์มาโดยตลอด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้ระแวงผมนัก ทั้ง ๆ ที่ผมก็ย้ำกับเธอไปหลายครั้งแล้วว่า ระหว่างน้องดากับผมมันไม่มีอะไร ผมคิดกับเธอแค่น้องจริง ๆ แต่น้ำทิพย์ก็ยังไม่เชื่อ ยังคงหวาดระแวง และล่าสุดก็ขับรถมาตามจับผิดผมแบบนี้
ผมเบื่อนะครับ ที่ต้องมาคอยตอบคำถามกับเรื่องเดิม ๆ
บางทีการที่ผมกับเธอห่างกันอย่างที่ผมเคยพูดกับเธอไว้มันก็ดีจริง ๆ นั่นแหละกับสถานการณ์ตอนนี้
กริ๊ง... กริ๊ง...
“ว่าไงไอ้วิน มีอะไรถึงได้โทรหากู” ผมกดรับสายทันทีที่เห็นชื่อคนที่โทรเข้ามา
“มึงอยู่ไหน”
“ขับรถอยู่กำลังกลับคอนโด มีอะไร”
“นี่ไอ้วินถ้าโทรมาแล้วไม่พูดกูวางนะ” ผมบอกเพราะมันไม่พูดอะไรสักที
“กูไม่ได้อยากยุ่งนะไอ้เหนือ แต่กูถามมึงจริง ๆ เถอะ มึงกับน้องข้างบ้านเด็กดารินอะไรนั่นนี่มันยังไงแน่วะ”
“ก็เป็นน้อง”
“มึงมั่นใจว่าแค่น้อง”
“เออ! มึงจะมาซักถามอะไรกูนักหนาเนี่ย” ผมบอกอย่างไม่สบอารมณ์เพราะนี่มันคือเรื่องส่วนตัว
“ถ้าเป็นน้องแล้วทำไมมึงเทนัดน้องทิพย์ตลอดเลยวะ”
“กูมีเหตุผล”
“เหอะ เหตุผลของมึงคืออะไรวะไอ้วิน ถ้าการพาเด็กดารินนั่นไปเที่ยว ไปซื้อของ กูว่ามันไม่ใช่นะเว้ยมันเกินไป แฟนก็ไม่ใช่ญาติก็ไม่ใช่ แค่เด็กข้างบ้านมึงจะดูแลอะไรนักหนาวะ”
“ไอ้วิน!” ผมพูดเสียงต่ำด้วยความไม่พอใจ
“เหอะ มึงไม่ต้องมาทำเสียงเข้มใส่กูหรอก ที่กูถามเพราะกูเป็นห่วง มึงทำร้ายจิตใจน้องทิพย์เกินไป”
“พอเลยไอ้วิน เขาให้มึงมาพูดใช่ไหม กูบอกว่าไม่คิดอะไรก็ไม่เคยเชื่อกู นี่คงเล่าให้เพื่อน ๆ ของเธอฟังล่ะสิ”
“เปล่าเลยเว้ยไอ้เหนือ น้องทิพย์เขาไม่เคยมาพูดหรือฟ้องพวกกูเลย มีแต่กูนี่แหละที่สังเกตเห็น และไม่ใช่แค่กู ไอ้พายุไอ้ดินก็เห็นเหมือนกัน แต่พวกมันไม่พูด เพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของมึง”
“แล้วมึงจะมาพูดทำไม”
“เพราะกูเป็นห่วง กลัวมึงพลาดเพชรแล้วไปคว้าก้อนกรวดไง มึงจำคำกูนะไอ้เหนือ น้องทิพย์เป็นคนแข็งนอกอ่อนใน แต่ถ้าน้องมันตัดน้องมันตัดเลยนะเว้ย ถ้ามึงไม่อยากน้ำตาเช็ดหัวเข่า มึงก็จัดการเด็กข้างบ้านมึงซะ แค่นี้แหละ กูจะไปนอนกอดเมีย” ว่าจบมันก็ตัดสายไป
“หึ! น้ำตาเช็ดหัวเข่าเหรอ ไม่มีทาง!”
แต่ว่านะคำพูดของไอ้วินก็น่าคิด น้ำทิพย์เป็นคนแข็งนอกอ่อนใน แต่ถ้าได้ตัดก็ตัดเลย แต่มันก็ไม่ใช่แค่น้ำทิพย์หรอกไอ้นิสัยแบบนี้มันเป็นกันทั้งกลุ่มเธอนั่นแหละ
ติ๊ง!
น้องดา : กลับถึงคอนโดหรือยังคะ
เหนือนที : ถึงแล้วครับ
และก็มีอีกหลายข้อความไลน์จากน้องดา ผมหยิบขึ้นมาอ่านแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะตอนนี้ผมถึงคอนโดแล้วและต้องการที่จะพักผ่อนเต็มที จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เพียงอ่านและปล่อยผ่านไป
ผ่านมาได้หลายวันแล้วตั้งแต่ที่ผมโดนน้ำทิพย์ตบวันนั้น ผมก็ยังไม่ได้คุยกับเธออีกเลย ไม่ใช่ว่าไม่อยากคุยแต่เป็นเพราะว่าผมติดต่อเธอไม่ได้ ไปหาที่ห้องก็ไม่อยู่ราวกับว่าเธอกำลังหลบหน้าผม
หลบได้หลบไป เจอเมื่อไหร่จะได้รู้กัน...
ติ๊ง!
น้องดา : พี่เหนือเจอกันที่ห้างเลยนะคะ จะได้ไม่ต้องวนรถมารับ เดี๋ยวดาไปเองค่ะ
เหนือนที : โอเคครับ
ผมกดตอบข้อความไลน์น้องดา ก่อนจะกดปิดแอปพลิเคชัน และเตรียมตัวไปห้างสรรพสินค้าตามเวลานัด
วันนี้ผมมีนัดกับดาริน เนื่องจากว่าเธอขอให้ผมช่วยไปซื้อของเป็นเพื่อน ผมเห็นว่าไม่ได้มีอะไรเสียหายจึงตกลงไปกับน้องมัน ที่สำคัญเลยผมเอ็นดูดารินเหมือนน้องสาวจริง ๆ
ด้วยผมอยากมีน้องสาวตั้งแต่เด็กแต่คุณพ่อคุณแม่ผมมีผมแค่คนเดียว พอได้มาเจอน้องดาที่น่ารัก ขี้อ้อน ทำให้ผมรู้สึกเอ็นดูเธอได้ไม่ยาก
ผมรู้จักกับน้องดามาหลายปีแล้ว ถ้าผมจำไม่ผิดตอนที่ผมรู้จักกับน้องดาครั้งแรกผมน่าจะอายุราว ๆ 15 ปี ส่วนน้องดาก็น่าจะ 12 ปี ตอนนั้นเธอเพิ่งย้ายมาอยู่ข้าง ๆ บ้านผมกับแม่ของเธอ หลังจากสูญเสียเสาหลักอย่างคุณพ่อของเธอไป ทำให้แม่เธอต้องกลายเป็นหัวหน้าครอบครัว
ผมไม่ได้รู้อะไรมากนัก รู้เพียงแค่ว่าตอนที่เธอย้ายมาอยู่บ้านข้าง ๆ นั้นพ่อของเธอก็เสียแล้ว ด้วยความที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ แม่เธอจึงชอบทำขนมหรืออาหารมาฝากบ้านผมอยู่เสมอ นั่นจึงทำให้คนในบ้านรู้จักและสนิทสนมกับครอบครัวของเธอ
น้องดาเป็นผู้หญิงน่ารัก นิสัยดี เก่งและฉลาด เสียอย่างเดียวไม่ค่อยทันคนเท่าไหร่ ช่วงแรก ๆ ที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ มักถูกเด็กภายในหมู่บ้านกลั่นแกล้งเสมอ จนผมสงสารจึงได้เข้าไปช่วยเหลือ หลังจากวันนั้นเธอก็ตัวติดผมตลอดเวลา และด้วยนิสัยขี้อ้อนเอาใจเก่งกับความที่ผมอยากมีน้องสาวมาตลอด จึงทำให้ผมค่อย ๆ ให้ความสนิทสนมกับเธอและเอ็นดูเธอในฐานะน้องสาว
ผมไม่เคยคิดเป็นอื่นเลย สำหรับผมถ้าขีดสถานะให้ใครไว้ตรงไหนแล้ว นั่นเท่ากับว่าคนคนนั้นจะเป็นได้แค่นั้น ไม่มีวันพัฒนาได้!
ซึ่งน้องดาก็อยู่ในสถานะน้องสาวที่ผมเอ็นดูมาตลอด ข้อนี้เธอรู้ดี และผมก็ไม่เห็นว่าเธอจะชอบผมที่ตรงไหน น้ำทิพย์อะคิดมากเกินไป
ผมว่าผมก็ชัดเจนนะ สถานะแฟนที่เธอได้รับไปก็น่าจะยืนยันได้แล้วรึเปล่าว่าผมค่อนข้างจริงจังกับเธอมากแค่ไหน ตลอดชีวิตของผมมีใครที่ไหนบ้างที่ได้รับสถานะนั้น
เฮ้อ ช่างเถอะ ไว้ค่อยปรับความเข้าใจกันใหม่
“พี่เหนือคะ น้องดาอยู่นี่ค่ะ” ผมหันไปมองตามเสียงเรียก ก่อนจะเจอน้องดายืนยิ้มสดใสให้ ผมส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอทำตัวไม่สมกับอายุที่เพิ่มขึ้นเอาเสียเลย
“ไม่ใช่เด็กแล้วนะ ยืนโบกไม้โบกมือได้ยังไง ไม่อายคนรึไง”
“โธ่... พี่เหนือคะ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย คิกคิก” เธอพูดก่อนจะหัวเราะออกมาด้วย เห็นไหมล่ะผมบอกแล้วเธอน่ารักจะตาย
“ไปครับ ไปซื้อของเสร็จแล้วจะได้ไปกินข้าวกัน”
“โอเคค่า”
จากนั้นทั้งผมและน้องดาก็เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อสิ่งของที่เธอต้องการ เธอและผมเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ได้ของติดไม้ติดมือออกมาเป็นว่าเล่น
ในขณะที่ผมกับน้องดากำลังจะเดินไปหาอะไรกินนั้นก็ต้องหยุดลง เพราะสายตาผมเหลือบไปเห็นจี้สร้อยเพชรรูปดาวเล็ก ๆ ความสวยของมันสะท้อนเข้าตาทำให้ผมนึกถึงใครบางคนที่ช่วงนี้ติดต่อไม่ได้
“พี่เหนือมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่ขอดูของในร้านนี้สักครู่นะครับ” ผมตอบน้องดาแต่ไม่ได้หันไปมองเธอ เลือกที่จะเดินนำเข้าไปในร้านแทน
“พี่เหนือจะซื้อให้พี่ทิพย์เหรอคะ”
“ครับ พี่เห็นมันสวยดีทิพย์น่าจะชอบ”
“น้องดาว่าพี่ทิพย์ต้องชอบมากแน่ ๆ เลยค่ะ” ผมหันไปมองคนพูดที่ส่งยิ้มใสซื่อให้ผมอย่างน่ารัก อดไม่ได้จนต้องยกมือลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู
ผมยืนเลือกสร้อยและจี้อยู่หลายลายโดยมีน้องดายืนเล่นโทรศัพท์และให้คำแนะนำอยู่ข้าง ๆ แต่ไม่ว่าจะเลือกดูเท่าไหร่ก็ไม่ถูกใจเท่าสร้อยเส้นแรกที่ผมเห็น ผมจึงตัดสินใจซื้อสร้อยรูปดาวมา
“ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ น้องดาหิวแล้ว”
“โอเคครับ” ผมตอบรับน้องดายิ้ม ๆ แล้วจึงเดินออกจากร้านขายสร้อยไป
“เอ่อ...พี่เหนือคะ เราไปกินร้านอื่นดีไหมคะ”
“อ้าว ไหนน้องดาบอกอย่างกินราเมงไม่ใช่เหรอ กินร้านนี้แหละ”
“แต่ว่า...”
“มีอะไรครับ” ผมเห็นสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูกของเธอ บวกกับพยายามชวนผมไปร้านอื่นก็อดสงสัยไม่ได้ว่าภายในร้านมีอะไรที่ผมไม่ควรรู้เห็นหรือเปล่า ผมตัดสินใจมองเข้าไปในร้าน ก่อนจะเห็นภาพที่ทำให้ผมแทบอยากจะเผาร้านอาหารร้านนี้ทิ้ง!
ฉันผละออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพี่เหนือ ก่อนจะเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วยิ้มให้เขาอย่างมีความสุขที่สุดตอนแรกที่เขาบอกว่าอย่าร้อง ฉันก็กะว่าจะไม่ร้องไห้นั่นแหละ แต่ใครมันจะไปอดทนได้เล่า ในเมื่อเขาน่ารักขนาดนี้คิดดูสิบรรยากาศภายในร้าน และอะไรต่าง ๆ ที่เขาทำวันนี้เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงทั้งสิ้นว่าเขาจะทำ เพราะสิ่งที่เขาทำวันนี้มันตรงกันข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิญพี่เหนือไม่ใช่คนที่โรแมนติก เขาค่อนข้างที่จะเป็นคนที่มีนิสัยไม่ยอมคน สายเอาแต่ใจ ที่สำคัญเขาหื่นมาก เพราะฉะนั้นการจัดตกแต่งร้านแบบน่ารัก ๆ ที่ฉันเห็นนี่มันสวนทางกับพี่เหนืออย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ที่ฉันเดินลงจากรถและเดินเข้ามา สองข้างทางล้วนประดับประดาไปด้วยหลอดไฟเล็ก ๆ น่ารัก ๆ หน้าประตูถูกประดับไปด้วยดอกไม้ที่ฉันชื่นชอบ ยิ่งเปิดประตูเข้ามาในร้าน ฉันยิ่งรู้สึกประทับใจ เพราะมันเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง และรูปของเรา ที่ขาดไม่ได้เลยคือป้ายคำว่า‘Anniversary 2 years’หลังจากที่เห็นทุกอย่างแล้ว และคิดถึงนิสัยของเขามันเลยทำให้ฉันตื้นตันใจจนอยากร้องออกมาแต่ก็ต้องกลั้นไว้เมื่อเขาห้าม แต่พอฟังเขาพูดประโยคพวกนั้นจบฉันก็ไม่สามารถกักเก็บความรู้สึ
“พี่เหนือ นี่จะพาทิพย์ไปไหนคะ ไม่เห็นบอกเลยอยู่ดี ๆ ก็บอกให้แต่งตัว”น้ำทิพย์ถามผม เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของเรา ผมจึงจะพาเธอไปยังที่แห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้เราอยู่ที่คอนโดครับ ผมกับน้ำทิพย์กลับมาจากบ้านสวนได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว กลับมากรุงเทพเราก็ใช้ชีวิตไปตามปกติอ้อ ผมไม่ได้อยู่กับเธอตลอดเวลานะครับ เพื่อเป็นการให้เกียรติเธอและทางครอบครัว ผมจะมานอนกับเธอที่ห้องหรือให้เธอไปนอนที่ห้องกับผมแค่อาทิตย์ละสามวันเท่านั้นนอกจากนี้ผมยังให้คุณแม่ของผมคุยเรื่องการหมั้นหมายของผมกับเธอไปคร่าว ๆ ทางโทรศัพท์กับคุณพ่อคุณแม่ของเธอแล้วด้วยก่อนผมจะกลับกรุงเทพนั่นเองซึ่งผลจากการที่ผู้ใหญ่คุยกันเรื่องนี้นั้นได้ข้อสรุปว่า หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่กลับกรุงเทพแล้ว พวกท่านจะคุยเรื่องนี้และข้อตกลงกันต่าง ๆ กันอีกที ซึ่งผมและน้ำทิพย์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะถือว่าได้บอกความต้องการของตัวเองออกไปแล้ว ต่อไปก็ให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เขาคุยและตกลงกัน“อ้าวพี่เหนือถามไม่ได้ยินเหรอคะ จะไปไหน” น้ำทิพย์ถามผมหน้ายุ่ง“พาไปที่ที่สำคัญของเราสองคนไงครับ”ผมตอบเธอพร้อมกับยิ้ม น้ำทิพย์ย่นคิ้วคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า“จะพา
ระหว่างทาผมก็ถามพนักงานชายไปด้วยว่าทำแบบนี้ทำไม ซึ่งคำตอบที่ได้รับทำให้ผมตาโตด้วยความไม่เชื่อ เพราะพนักงานคนนั้นบอกว่าถ้าทาแป้งและขี้เถ้าแล้วมดแดงมันจะไม่กัด เป็นความเชื่อที่คนโบราณทำสืบต่อกันมา ซึ่งพอเวลาผ่านไปการทำแบบนี้ก็เริ่มไม่มีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพนักงานของที่นี่เขาค่อนข้างจะเชื่อคำคนโบราณจึงได้เอามาทำที่ไร่นี้ พอว่าที่พ่อตามาเห็นและรู้ว่าได้ผลจึงไม่ได้ห้ามตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะได้ผลจริง แต่พอขึ้นไปบนต้นมะม่วงแล้วก็ต้องชะงัก เพราะสิ่งที่ผมไม่เชื่อกลับสามารถได้ผลดี แต่ใช่ว่าจะไม่โดนกัดเลย มันก็มีกัดบ้างแต่ไม่เท่ากับสามต้นแรกที่ผมไม่ได้ทาพวกมันแล้วขึ้นไปเก็บเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคล สำหรับผมแล้วผมเชื่อครับเพราะมันใช้ได้จริงหลังจากเก็บมะม่วงสองต้นสุดท้ายเสร็จแล้วผมกับว่าที่พ่อตาก็กลับมาอาบน้ำที่บ้านก่อนจะมานั่งทานข้าวที่ถูกเตรียมไว้แล้วมื้ออาหารกลางวันเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ไม่มีเสียงกระทบกระทั่งกันไปมาของผมและคุณพ่อของน้ำทิพย์ถึงผมจะค่อนข้างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะไม่ต้องการจุดฉนวนให้ตัวเองโดนเล่นง
หลังจากที่เมื่อวานได้เปิดอกเปิดใจคุยกับคุณพ่อของน้ำทิพย์แล้ว วันนี้ผมก็ต้องมาทำงานใช้แรงงาน เพราะว่าที่พ่อตาท่านบอกว่าจะมานั่งกินนอนกินไม่ได้ จะมาอยู่ก็ต้องมาช่วยกันทำงาน แม้ว่าที่บ้านสวนจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของพวกท่านก็ตามแต่พวกท่านก็ไม่ได้พักอย่างที่ใครคิด การพักผ่อนของพวกท่านคือการใช้ชีวิตชาวสวน วันนี้ผมจึงต้องมายืนสอยมะม่วงบ้าง ปีนต้นมะม่วงจนมดแดงกัดอยู่แบบนี้ไงครับ“ใช่ ๆ พวงนั้นแหละ ลูกมันดก ขนาดกำลังกิน”เสียงของว่าที่พ่อตาตะโกนส่งมาไม่ขาดสาย ในขณะที่ผมทั้งตัดพวงมะม่วง ทั้งปัดป่ายมดแดงที่ขึ้นอยู่ตามตัวและก็ไอ้มดแดงที่กำลังกัดผมอยู่นี่แหละ ที่ผมกินไข่ของพวกมันเมื่อวานนี้เห็นแบบนี้ก็อดยอมรับนับถือคนงานไม่ได้ที่ต้องมายืนแหงนคอสอยรังของมดแดง เพื่อที่จะนำไข่ของมันไปประกอบอาหารขนาดผมปีนต้นไม้เพื่อเก็บมะม่วงยังโดนกัดขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่ากว่าพวกเขาจะสอยได้แต่ละรังกว่าจะได้ไข่มาต้องลำบากกันขนาดไหน“มัวคิดอะไรอยู่ บอกเอาพวงนั้น พวงนั้น”“ผมก็ตัดอยู่นี่ไงครับว่าที่พ่อตา อย่าเร่งสิครับ มดมันกัดผมอยู่” ผมตะโกนโต้กลับกับคนที่ยืนชี้นิ้วสั่งผมอยู่ด้านล่าง“ผิวหนังด้าน ๆ อย่าง
บ้านสวนของน้ำทิพย์มีคนอยู่ไม่มากนัก จะมีแค่คุณพ่อคุณแม่ของเธอที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจตามเวลาที่สะดวก มีน้ำทิพย์ และคนสวนที่ดูแลที่นี่เพียงสองคน คนดูแลบ้านอีกสองคน หลัก ๆ แล้วคนที่อยู่ที่นี่แค่สี่คนเท่านั้น ส่วนลุงเชิดกับป้าชมนั้นเป็นสามีภรรยากัน ลุงเชิดเป็นคนขับรถส่วนป้าชมเป็นหัวหน้าแม่บ้านและเป็นคนสนิทของคุณแม่ของน้ำทิพย์ด้วยเช่นกันอ้อ ผมลืมบอกไปที่เรียกว่าบ้านสวน เพราะบริเวณรอบบ้านของเธอล้วนปลูกผักผลไม้ทั้งสิ้น ยิ่งถ้าเป็นที่ดินด้านหลังบ้านที่ถัดออกไปอีกไม่ไกล มีเพียงคลองส่งน้ำเล็ก ๆ ขวางกั้นเท่านั้นเพียงก้าวข้าวสะพานไม้ที่ทำไว้ก็จะเจอกับสวนมะม่วงที่ให้คนงานลงปลูกไว้ขึ้นเต็มไปหมดผมโชคดีที่หน้านี้มะม่วงกำลังติดลูก คิดว่าคงจะได้เดินไปชมสวนของบ้านเธอแน่ ๆ ครับ เพราะนอกจากจะปลูกไว้กินแล้วเนี่ย ทางบ้านของน้ำทิพย์ยังส่งมะม่วงให้ตลาดในตัวอำเภอเพื่อขายอีกด้วย“เหม่ออะไรอยู่ ไปได้แล้วลูกเมียฉันรอ ไร้มารยาทจริง”ผมหลุดจากความนึกคิดของตัวเองแล้วเขม่นตามองว่าที่พ่อตาที่เดินนำออกไปไกลแล้ว จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามท่านไปบ้าง“ขอโทษที่มาช้าครับ” ผมรีบพูดทันที เพราะคุณแม่ของน้ำทิพย์กำลังนั่งรออยู่จ
“เจ้าบ้านเขาไม่ต้อนรับก็ยังจะหน้าด้านอยู่อีก” คำกล่าวทักทายแรกหลังจากที่ออกมาจากห้องพัก ก็โดนพ่อตากระแหนะกระแหนใส่ซะแล้ว“คุณพ่อครับ ถ้าไม่เต็มใจต้อนรับผมจะได้พักที่ห้องข้าง ๆ ทิพย์เหรอครับ”“ใครพ่อแก!”“อา... ลืมไปว่าไม่ใช่ งั้นคงต้องเรียกว่า...”“ว่าอะไร”“พ่อตา”“ไอ้เหนือ!”ผมพูดเสร็จก็รีบพาตัวเองเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านทันที โดยไม่สนใจคนที่กำลังทำหน้าราวกับจะฆ่าคนของคุณพ่อตาสักนิด แถมยังมียิ้มให้ก่อนจะเดินออกมาด้วย“คุณนทีเป็นอะไรคะ เสียงดังมาถึงข้างล่าง” คุณแม่ของน้ำทิพย์เดินมาชะเง้อขอถามตรงตีนบันได ซึ่งสวนกับที่ผมเดินลงไปพอดีผมยิ้มให้ท่านแล้วเดินจากมา แต่พอมาถึงโซฟาก็เจอน้ำทิพย์ยืนกอดอกขมวดคิ้วอยู่“เป็นอะไรครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”“ทิพย์ต่างหากที่ควรถามพี่เหนือว่าเป็นอะไรถึงได้กวนคุณพ่อ จนคุณพ่อเสียงดังแบบนี้”“พี่เปล่าทำอะไรสักหน่อยนะครับ” ผมตีหน้าซื่อตาใสไม่ยอมรับ“พี่เหนือ เราคบกันอยู่แล้วทำไมทิพย์จะไม่รู้สันดาน เอ๊ย!นิสัยของพี่เหนือล่ะคะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงหน่อยสิคะ”“โธ่... ที่รักก็คุณพ่อของทิพย์ท่านชอบว่าพี่นี่”“แต่ถ้าพี่เหนือยอมท่านปล่อยเวลาไปสักพัก ให้ท่านได้มีเวลายอมร