"น่านะ เฉี่ยวเกอเกอ ท่านอยากได้สิ่งใดข้าจะหามาให้ท่านให้ได้เลย นะๆ บอกข้าเถอะ!" หมิงเสวี่ยดึงแขนเสื้อเฉี่ยวเหมยพร้อมทั้งทำเสียงอ้อนสุดชีวิตเท่าที่จะทำได้ หลังจากเฉี่ยวเหมยปฏิเสธที่จะบอกว่าเจ้านายของเขาโปรดปรานสิ่งใด"ไม่ ไม่มีทาง ข้าไม่บอกเจ้าหรอก" ผู้เป็นพี่ชายยืนยันเฉียบขาด"น่านะ พี่ชายที่แสนดีของข้า ถ้าท่านบอกนะ ข้ายอมทำทุกอย่างเลย""ข้าไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น เจ้าอย่าเสียเวลาเลย"หมิงเสวี่ยทำท่าฮึดฮัด "ท่านไม่อยากสนับสนุนข้าให้คืนดีกับนายท่านเร็วๆ หรือไร?""แล้วเห็นข้าเป็นคนขายเจ้านายเช่นนั้นหรือ?" เฉี่ยวเหมยยิ้มถาม เขาเป็นคนสนิทของไป๋จิ้งเหอนะ"เห็นเป็นเช่นนั้น!" หมิงเสวี่ยตอบเต็มเสียง"นี่เจ้า!..." เฉี่ยวเหมยคิดอยากจะฟาดก้นนางสักหนจริงๆ หมิงเสวี่ยรู้ทันรีบหลบไปยืนบิดข้างๆ"เฉี่ยวเกอเกอ...""...ข้าไม่เล่นด้วยหรอก นางแมวขโมยตัวน้อย" เขาเดินหนี นางก็เดินตาม"ท่านไม่เห็นข้าเป็นน้องสาวคนดีแล้วหรือ?""น้องสาวคนดีของข้าจะให้ข้าทรยศนาย ข้าจะทำได้อย่างไรกัน" เฉี่ยวเหมยเดินไปพลาง โยกตัวหลบมือน้อยที่จะคว้าชายแขนเสื้อเขาไปพลาง"ทำได้สิ ข้ากับท่านเป็นพี่น้องกันนะ พี่ต้องทำเพื่อน้องสิ" คราวนี
นางย่นจมูกใส่เขาทีหนึ่ง "ท่านกลับมาเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อีกแล้ว""ก็เจ้าอยากให้พวกเรากลับไปเป็นเหมือนก่อนมิใช่หรือ?" จิ้งเหอยิ้มอ่อน "ข้าก็ต้องกลับไปเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์สิ" "นางแมวขโมยตัวน้อย""คราวนี้จะให้ข้าขโมยอะไรดีล่ะเจ้าคะ?""นั่นสิ" เขาครุ่นคิด "แท่งหยก...ไม่สิ...ป้ายหยกข้าเหมือนเมื่อก่อนดีไหม?""ไม่เอาเจ้าค่ะ" นางนึกถึงเรื่องขโมยหยกพกคราวที่แล้วที่แทนที่นางจะได้รางวัล กลับเป็นฝ่ายถูกเขากินเสียนี่"ทำอาหารไม่ได้เรื่องเช่นนี้ข้าคงได้ตายก่อนเป็นแน่..." เขาว่า "เจ้าสนใจอยากเรียนทำอาหารกับข้าหรือไม่?""ท่านน่ะรึ?..." นางเอานิ้วจิ้มอกเขา "...ทำกับข้าวเป็นด้วย?""ตอนที่ข้าต้องออกเดินทางบ่อย บางทีก็ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายบ้าง" จิ้งเหออธิบาย "ซึ่งตอนนั้นฝีมือการทำอาหารของเฉี่ยวเหมยห่วยยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก ข้าเลยต้องเรียนรู้การทำอาหารไว้บ้าง""ไม่เอาหรอก ข้ายังไม่ได้ลองชิมฝีมือท่านเลย จะรู้ได้อย่างไรว่าท่านไม่มีดีแค่คารม""เจ้าอยากกินอะไร?" เขาเอ่ยถาม"เต้าหู้หม่าโผว" นางตอบ "ตอนที่ข้าท้อง หนี่เอ๋อร์เคยพาข้าไปกิน ทั้งเผ็ดชา ทั้งอร่อย""เจ้ากินเผ็ดได้หรือ?" เขาเห็นนางกินติดหวานมาตลอด"ตอ
หมิงเสวี่ยหลังจากได้รับคำสั่ง ก็หายเข้าไปในครัวอยู่พักใหญ่ อาหารตามที่ไป๋จิ้งเหอสั่งก็มาวางต่อหน้าเขาในที่สุดไป๋จิ้งเหอมองหมิงเสวี่ยคล้ายกับตัดสินใจได้แล้ว ในเมื่อนางอยากจะเกี้ยวเขา อยากจะเริ่มต้นกันใหม่ตั้งแต่แรกเริ่ม...เช่นนั้นเขาก็จะกลับไปเป็นจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ของนางใหม่อีกหน..."ขออภัยที่ให้รอนานเจ้าค่ะ" น้ำเสียงที่เพียรปั้นเสียหวานหยดดังมาพร้อมร่างบอบบางที่เดินเข้ามาในห้อง พร้อมถาดอาหารในมือที่มีอาหารที่ดูหน้าตาไม่เลวนักไป๋จิ้งเหอนั่งนิ่ง สายตาจับจ้องที่ร่างคล่องแคล่วกำลังจัดวางอาหารลงบนโต๊ะ จนกระทั่งจานอาหารสามอย่างวางเสร็จเรียบร้อย เสวี่ยหมิงก็ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะโดยไม่พูดจา ชายหนุ่มมองจานอาหารราวกับครุ่นคิดบางอย่างและสลับเงยมองสาวใช้เขานิ่งเงียบไม่พูดจาจนหมิงเสวี่ยชักจะอึดอัด "เอาล่ะ เชิญนายท่านทานได้เจ้าค่ะ"นางเลี่ยงมายืนข้างๆ เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาที่ยกยิ้มนั้นเปล่งประกายวิบวับราวกับรอคอยเรื่องสนุกบางอย่างอยู่ เขากลับตอบนาง"ทำไมเจ้าไม่นั่งลงล่ะ""จะให้ข้านั่งตีตนเสมอเจ้านายได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ" นางตอบ พลางทำท่าสงบเสงี่ยมเจียมตัว "นายท่านทานให้สบายใจ บ่าวจะคอยปรนนิบั
นางหยุดยืนข้างเขาด้วยท่วงท่าสง่างามและส่งยิ้มหวาน มือประสานไว้ด้านหน้าคล้ายคุณหนูจากตระกูลผู้ดี หากทว่า พอเขาตอบนางเสร็จ นางก็ลบรอยยิ้มเหล่านั้น สองมือเปลี่ยนเป็นเท้าสะเอวแทนและพูดด้วยเสียงอันดังว่า"ไป๋จิ้งเหอ! ท่านฟังให้ดี! นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะเป็นสาวใช้ของท่าน และข้าจะเกี้ยวท่านให้สำเร็จให้จงได้!"นางพูดไปหน้าก็เริ่มแดง "หากไม่สำเร็จ ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าเสวี่ยเอ๋อร์! เข้าใจหรือไม่?!""..." คราวนี้ท่าทีน้อยใจถูกแทนที่ด้วยความงุนงง จะเกี้ยวเขาอีกครั้งหรือ? นางกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า? "เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำอะไร?""ข้าบอกว่าอย่าเรียกข้าเสวี่ยเอ๋อร์ไงเจ้าคะ!" นางเถียง "นายท่าน!"ไป๋จิ้งเหอครุ่นคิด เขาทำสัญญาณมือว่าให้นางรออยู่ตรงนี้ก่อน จากนั้นเขาก็เดินออกไปหน้าห้องและเรียกจื่อหนี่มากระซิบถาม "เจ้าให้นางกินอะไรหนี่เอ๋อร์?""เปล่าเจ้าค่ะ ข้าแค่พูดอะไรกับนางไปสองสามคำ" อีกฝ่ายกระซิบตอบ "นึกไม่ถึงว่าจะได้ผลดีเพียงนี้”"พูดอะไร?" "ก็แค่ บอกให้นางลองคิดว่าหากนางเป็นท่านนางจะทำอย่างไรเท่านั้นเจ้าค่ะ""แค่นี้รึ?""เจ้าค่ะ"จิ้งเหอหันไปมองหมิงเสวี่ยที่ยืนชะเง้อมองเขาอย่างน่ารัก "นา
นอกจากความรักทำให้หัวตื้อ ความหิวกลับทำให้นางคิดอะไรไม่ออกอีก หันไปเห็นสำรับอาหารที่ไป๋จิ้งเหอนำมาให้ก็ท้องร้องออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว หลังจากไปหาเขาเสร็จแล้ว นางก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำสิ่งใด ได้แต่ซุกตัวอยู่บนเตียงและครุ่นคิดถึงสิ่งที่นางทำลงไป"เสวี่ยเอ๋อร์" คราวนี้จื่อหนี่เดินมาหานางพร้อมสำรับอีกชุดในมือ "นายท่านบอกว่าให้ข้ามาทานอาหารเป็นเพื่อนเจ้า""ขอบใจนะ หนี่เอ๋อร์" หมิงเสวี่ยยิ้ม"เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้ารักนายท่านหรือไม่?" จื่อหนี่ไม่ตอบคำถามนาง กลับถามนางกลับด้วยคำถามคำถามหนึ่ง"รักสิ...ก็เขาเป็นพ่อของลูก...""ไม่ใช่ หมายถึงในฐานะคนรัก""...รักสิ..." นางตอบเสียงแผ่ว "รักมาก..."จื่อหนี่ถลึงตาใส่หมิงเสวี่ยและวางตะเกียบกับชามข้าวเสียงดังด้วยความโกรธจัด "เจ้ารักเขาแล้วทำเช่นนี้กับเขารึ?! เจ้าโกรธเขาแทบล้มประดาตาย กระทั่งทิ้งลูกไว้ให้เขาเลี้ยง แต่เขาทำทุกอย่างเพื่อเจ้า รักเจ้า ทะนุถนอมเจ้า แต่เจ้าไม่เคยใส่ใจ แต่พอเห็นเขาบาดเจ็บเจียนตายเจ้าก็เกิดจะรู้สึกผิด อยากเปลี่ยนใจกลับมาอยู่กับเขาเช่นนี้น่ะหรือ!" จื่อหนี่พูดจนแทบหายใจไม่ทัน "เจ้าตอบข้ามาสิเสวี่ยเอ๋อร์ ที่เขาทำเพื่อเจ้ามาทั้งหมด ให้เจ้า
นางพยายามยืนหลบไม่ให้เกิดเงาพาดผ่านประตู ได้แต่รอฟังว่าจิ้งเหอเจ็บป่วยสิ่งใด"บาดแผลเพิ่งทุเลาไม่นานก็เร่งรุดกลับมาซีหนิง นายท่านช่างไม่ดูตัวเองเอาเสียเลย" เสียงจื่อหนี่ดังแว่วออกมาหัวใจหมิงเสวี่ยกระตุกวูบ บาดแผล? บาดแผลอันใดกัน?"แล้วเจ้าจะให้ทำอย่างไร รอพักฟื้นอย่างเร็วหกเดือน อย่างช้าหนึ่งปีอย่างที่หมอหลวงบอกรึ?!" เสียงเฉี่ยวเหมยโวยตามด้วยเสียงผ้าชุบน้ำ"นายท่านห่วงเสวี่ยเอ๋อร์ยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก เจ้าก็รู้ดี""แล้วนางเคยรู้หรือไม่ มีแต่ทำให้นายท่านลำบากใจไม่เว้นแต่ละวัน!" คราวนี้เสียงของจื่อหนี่เจือสะอื้นขึ้นมา "ท่านดูสิ บาดแผลกรีดผ่านหัวใจจนอาการสาหัสเพียงนี้! เพราะใครกัน?! เพราะสัญญากับนางใช่หรือไม่ ฆ่าฉู่หลานเทียนแล้วอย่างไร ตัวเองก็เกือบตายไปพร้อมกันเช่นนี้น่ะหรือ!?""..." คราวนี้ไม่มีคำพูดจากเฉี่ยวเหมยอีก"พวกเจ้า...หยุดพูดเสียที" คราวนี้เป็นเสียงอ่อนแรงของจิ้งเหอที่ดังออกมาหมิงเสวี่ยแข้งขาอ่อนแรง ทรุดลงนั่งพับเพียบกับพื้นด้วยสมองที่ขาวโพลน"ข้าฝังเข็มให้ท่านแล้ว อาการทุเลาลงบ้างหรือไม่เจ้าคะ""ดีขึ้น" เขาตอบ "จื่อหนี่ ข้าวานเจ้าให้นำสำรับไปให้เสวี่ยเอ๋อร์ทีได้หรือไม่?" ทั