เข้าสู่ระบบของที่กรรวียัดเข้าปากของมนต์พยัคฆ์มันมีลักษณะคล้ายกับลูกกวาด...ซึ่งมีรสชาติเฝื่อนๆ ฝาด ๆ ติดจะเปรี้ยวนิดหน่อย ต่อเมื่อค่อยๆ กลืนมันลงไปในร่างกาย อาการที่กำลังปวดเหมือนมีใครมาบิดไส้ ก็ค่อยๆ หายไปในที่สุดราวกับปาฏิหาริย์...
ไม่ใช่ฝัน!...
รึเปล่าวะ?...
บนโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่ทำให้คนเราพิศวงได้อีกไหม...ถ้าไม่พิสูจน์ทุกอย่างได้ด้วยตัวเองแบบเขาเนี่ย..
“มันก็แค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นค่ะ...ไม่ใช่ตลอดไป”
เธอเอ่ยกับชายหนุ่มเมื่อเห็นสีหน้าของเขาดูดีขึ้น..ซึ่งอีกฝ่ายก็เงียบเสียงของตัวเองลงไป เหมือนรอให้เธอพูดกับเขาต่อจากนั้น
“หลับตาพักก่อนนะคะ...หากมองหน้ากวางมาก ๆ อาจทำให้คุณเสืออาการแย่ลง”
มนต์พยัคฆ์สะอึก...ก่อนสะบัดหน้าหันไปอีกทางเมื่อถูกหญิงสาวจับได้ว่า เขาเอาแต่มองหน้าเธอไม่วางตา...
ก็คนมันอึ้งนี่หว่า..ไม่ได้พิศวาสอะไรนักหนาหรอก...เฮอะ!
“แม่คะ เราพาคุณเสือกลับบ้านกันเถอะค่ะ...ผลไม้เสกของหลวงตา คงระงับได้เพียงแค่ชั่วคราว เราต้องรีบกันแล้ว”
“เดี๋ยวนะ.. ลูกกวาง...พี่สงสัยว่ะ....พี่ขอถามเราสักสามข้อได้ไหม ”
หนุมานเอ่ยถามกรรวีขึ้นมา เมื่อเห็นมารดาออกจากห้องไปทำเรื่องของมนต์พยัคฆ์ เพื่อให้เจ้าตัวได้ออกจากโรงพยาบาลในตอนนี้เลย
“พี่ด้วย..พี่ขออีกสามข้อนะ...มันคาใจจริงๆ นอนไม่หลับด้วยเอ๊า..ถ้าไม่ได้คำตอบอ่ะนะ” พี่ชายคนกลางยกมือขึ้นพยักหน้าเชิงขอร้องด้วยอีกคน
ทีแรกมนต์พยัคฆ์ก็ตั้งใจจะขัดน้องชายทั้งคู่ เพราะเธอก็บอกอยู่แล้วว่าสิ่งที่ให้เขากินเข้าไปน่ะมันมีระยะเวลาของมัน...แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะสิ่งที่พวกนั้นถามเขาเองก็อยากจะรู้…
“ถ้าตอบได้..ก็จะตอบให้ค่ะ” กรรวีตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้
“ไอ้ลูกกลม ๆ ดำ ๆ ที่ลูกกวางให้พี่เสือกินเข้าไป เราล้วงออกมาจากไหนเหรอ?” หนุมานเอ่ยถามขึ้นก่อนใคร
ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็มองจ้องน้องสาวไม่วางตา แล้วจู่ ๆ ในมือของเธอก็ปรากฎไอ้ก้อนสีดำกลมๆ ขึ้นมาได้...มันโคตรเจ๋งมากเลยนะว่าไหม...
เมื่อได้ยินดังนั้นมนต์พยัคฆ์จึงนึกขึ้นได้... เขาเองก็ไม่ว่าเห็นเธอหยิบจับอะไรเลยเช่นเดียวกัน... รู้ตัวอีกทีตอนที่เธอจับมันใส่ปากเขาแล้วนั่นแหละ
กรรวีกวาดสายตามองพี่ชายรวมไปถึงคนที่นอนอยู่บนเตียงนั่นด้วย...หากเธอบอกพวกเขาออกไปตรงๆ ก็คงจะไม่มีใครเชื่อเธออยู่แล้ว
“เสกไงคะ”
“เฮ้ย!..เราเป็นคนปกติเหมือนพวกพี่รึเปล่าวะ..พี่ว่าพี่เริ่มกลัวเราแล้วว่ะ” หนุมานพูดพร้อมกับถอยหลังกรูด สีหน้าดูหวาดกลัว..เมื่อได้ยินน้องสาวตัวเองเอ่ยออกมาแบบนั้น
“ทำให้ดูอีกทีได้ไหม”วาสุกรีเสริมขึ้น
“ของดีมีให้ดูครั้งเดียว..เรากลับกันเถอะ..นะคะ”
กรรวีไม่อยากยืดเยื้อ...พยายามพูดตัดจบ...ไม่อยากตอบคำถาม ที่บางครั้งตัวเธอ...ก็ไม่สามารถบอกทุกอย่างกับทุกคนได้ทั้งหมด
ตัวเธอเอง...แค่รู้ว่าต้องทำแบบนี้..ทุกอย่างมันไหลเข้ามาในกระแสจิต...มันคือของเก่าที่ติดมาด้วย...หลวงตาท่านบอกกับเธอแค่นั้นเอง...
มันดูเหนือธรรมชาติเกินไปนะว่าไหม..ที่จะบอกกับใครต่อใครว่า...เธอมีมนต์คาถา...ถูกฝังเข้ามาในจิต..มาพร้อมกับตาที่สามของเธอนั่นไง
“เดี๋ยวสิ...ยังถามได้แค่ข้อเดียวเอง....ไอ้ลูกดำ ๆ นั่นน่ะทำมาจากอะไรเหรอ”
“ก้อนขี้หมาแห้งมั้งคะ”
กรรวีเอ่ยออกไปขำๆ โดยไม่ได้คิดอะไร...แต่มันทำให้คนที่กำลังนอนฟังอยู่นั่น ถึงกับมีอาการอยากจะอาเจียนออกมาให้ได้ในตอนนี้เลย
ยายเด็กบ้า!..นี่เอาก้อนขี้หมา...มาให้เขากินเหรอวะ...โมโหจนนึกคำด่าออกมาไม่ทันแล้วเนี่ย!
เสียงอ้วกของมนต์พยัคฆ์แทรกขึ้นมาทำให้กรรวีหัวเราะอย่างรู้สึกสะใจ ก่อนจะอธิบายต่อจากนั้น...เมื่อรอให้อีกฝ่ายอ้วกให้เสร็จไปแล้ว
“ผลไม้ทิพย์จากหิมพานต์...เชื่อไหมล่ะคะ...สรรพคุณทำให้หนุ่มขึ้น...หล่อขึ้น..สาวหลงไหล...ที่สำคัญกว่าสิ่งใด ๆ ก็คือมันมีความสามารถสะกดสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเราได้แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นค่ะ..มันขึ้นอยู่กับว่า..ของที่อยู่ในตัวของคนคนนั้นอยู่ในเลเวลไหน...และอยู่มานานเท่าไหร่…หรือถ้าอยู่ในตัวนานเกินไปก็จะยิ่งแก้ยากหรือแก้ไม่ได้เลยค่ะ”
กรรวีตอบให้แบบยาวๆ ซึ่งก็คงไม่มีใครเชื่อเธออยู่แล้วล่ะ…
“พี่จะขอสักเม็ดดิ..งั้น” หนุมานแบมือยื่นออกมาเล่นๆ
“พี่ด้วย..งั้น” วาสุกรีกลัวน้อยหน้า...ยื่นฝ่ามือหนาออกมาด้วยเช่นกัน
ส่วนมนต์พยัคฆ์นั้นถึงกับจ้องมองไม่วางตา....แล้วบอกตัวเองว่า...หยุดแอ็คชั่วคราวสักพักน่าจะดีกว่าละมั้งแบบนี้น่ะ...
“จะเอาไปทำอะไรกันคะพี่ชาย..หล่อรวยครบสูตรกันขนาดนี้ ไม่ต้องใช้หรอกค่ะเสียของเปล่าๆ...สาว ๆ ของพี่ ๆ เอามาร้อยต่อรวมกันน่าจะยาวเกินรอบเอวแล้วละมั้ง” แทนที่จะตอบคำถาม ดันถามพี่ชายกลับไปเสียอีกแน่ะ
กรรวีปฏิเสธไปพร้อมกับบึนปาก...ทำแก้มป่องตาโตอย่างน่ารัก...และปัดมือใหญ่ของพี่ชายทั้งสองออกไป
“อย่ามาเบี่ยงประเด็นทำให้พวกพี่เขวหน่อยเลยน่า เอางี้ถามใหม่..เราเสกใบไม้ให้เป็นต่อแตนได้ไหม”
หนุมานถามเล่นๆ...พลางคิด...ขนาดหลวงตาพระที่มารดาของเขานับถือมาก ออกปากขนาดนี้ น้องสาวของเขา ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน
อยู่กับหลวงตามมาตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้...ใช้ชีวิตที่วัดนั้นทุก ๆ วันหยุด และช่วงปิดเทอมมาหลายปี...น่าจะได้วิชาดีๆ ของท่านมาบ้างแหละน่า...
กรรวีหัวเราะแทนคำตอบ ยิ่งถามก็จะยิ่งไปกันใหญ่ เสียเวลาเข้าไปอีก หญิงสาวจึงตัดสินใจ...ยกมือกระตุกเส้นผมของพี่ชายให้หลุดติดมือมาไม่กี่เส้น
หนุมานเกาหัวยิก เมื่อถูกคนตัวเล็กดึงผมของตัวเองออกไป แล้ววางเส้นผมลงบนฝ่ามือของพี่ชาย...
“ดูให้ดี ๆ นะคะ กวางจะเล่นกลให้พวกพี่ดู”
เธอบอก...ในขณะเดียวกับที่สายตาคู่หวาน...เพ่งมองเส้นผมที่อยู่ในอุ้งมือของหนุมาน โดยไม่ต้องหลับตาเพื่อทำสมาธิ...หรือทำปากขมุบขมิบเหมือนหมอผีทั้งหลายที่พวกเขาเคยเห็นในหนัง..หรือ...ในละครหลังข่าว...
23.50 น.“พี่เสือ...” เสียงหวานเรียกหาเขาดังแว่วมาแต่ไกล...“หืม...เธอมาหาพี่อีกเหรอ?”มนต์พยัคฆ์ขานรับกับเอ่ยถามกลับแบบกึ่งหลับกึ่งตื่น“มารับลูกกวางสิคะ...ใกล้ถึงเวลาของเราแล้วค่ะ”“ที่ไหน...จะให้พี่ไปรับเธอได้ที่ไหน?”“พี่เสือรู้ว่าลูกกวางอยู่ที่ไหน?”สิ้นเสียงของกรรวี มนต์พยัคฆ์ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหน้าของต้นสาละ ที่ด้านบนของต้นมีดอกของมันดอกหนึ่ง กำลังมีแสงสีทองเปล่งประกายระยิบระยับสว่างวาบ ๆ และกำลังจะผละจากกิ่งลอยลงมาอย่างช้า ๆ ก่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม...เขารู้สึกตื่นเต้น ระคนประหลาดใจ แล้วก็อยากจะร้องไห้ เมื่อดอกไม้ดอกนั้นหายไป แล้วกลายเป็นหญิงสาวที่เขาโหยหามาแสนนาน..และไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้เธอคืนกลับมาอีกครั้ง“ลูกกวาง!”กรรวีโผเข้ากอดร่างสูงที่มัวแต่ยืนอึ้ง แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะกอดร่างเล็กของเธอเอาไว้อย่างแนบแน่นด้วยเช่นกันกอดกันอยู่อย่างนั้น...โดยไม่รู้ว่ามีสายตาอีกสองคู่แอบมองอยู่อย่างตกใจ...จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกของเพื่อนรัก ดังขึ้นมาจากด้านหลัง เพราะทนแอบดูอยู่ต่อไปไม่ไหว...“ไอ้เสือ!...มึงถูกผีต้นไม้นี่หลอกเอาแล้วนะ มันไม่ไช่ลูกกวางของมึงหรอก...”ชนธั
มนต์พยัคฆ์ยืนกอดอก ขณะแหงนคอมองต้นสาละที่มีความสูงราวยี่สิบเมตร ลำต้นที่มีดอกของมันทั้งตูมและผลิบานประดับอยู่ล้อมรอบจนถึงโคนต้น ส่งกลิ่นหอมละมุนชวนหลงไหล..คล้ายกับเชิญชวนให้เดินเข้าไปใกล้“ถ้ามึงคิดจะโค่นทิ้ง งั้นกูขอ”มนต์พยัคฆ์เอี้ยวคอหันมาพูดกับชนธัญ...ที่ยืนมองเขาอยู่ข้างหลัง...ก่อนจะหันกลับไปมองดอกสาละดอกหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนกับดอกนั้นที่มันหายไปมนต์พยัคฆ์กำลังจะเอื้อมมือขึ้นไปจับ แต่กิ่งของดอกไม้กลับโน้มลงมาหาเขาซะเอง“เฮ้ย!เล่นกูซะกลางวันเลย สัสเอ้ย!” ชนธัญสบถใส่ ในจังหวะที่ก้าวถอยหลังมาสองสามก้าว เพราะรู้สึกไม่ค่อยจะไว้ใจกับต้นไม้ต้นนี้ที่เขาคิดว่ามันมีผีสิง…ยิ่งเขาต่อต้านมันเท่าไหร่ ดูเหมือนกับต้นไม้ต้นนี้จะรู้ และพยายามโต้กลับมาทุกครั้ง แล้วก็ชอบทำให้เขาเห็นอะไรแปลก ๆ แบบนี้ทุกที“แต่กูชอบ..ไหนมึงบอกจะเล่า..กูรอฟังอยู่...”เมื่อถูกมนต์พยัคฆ์ทวงถาม ชนธัญจึงเริ่มเล่าให้เพื่อนฟังต่อจากนั้นว่า“เมื่อสักสองเดือนก่อน..อยู่ ๆ มันก็โผล่ขึ้นมาเอง โดยใช้ระยะเวลาเจ็ดวันในการเจริญเติบโตเป็นต้นเท่านี้ได้...ขนกูลุกไปยันขนตูด..มึงเชื่อกูมั๊ย!”มนต์พยัคฆ์เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นรับ อีกคนจึ
ต่อให้เกลียดแค่ไหน...ยังไงก็ต้องรัก...สุดท้ายก็ต้องจาก...ในที่สุดเวลาที่มนต์พยัคฆ์รู้สึกกลัวก็เดินทางมาถึง…ชายหนุ่มนั่งกุมมือของหญิงสาวอันเป็นที่รัก ไม่จากไปไหนเลยนานเป็นเวลาหลายชั่วโมง รวมไปถึงทุกคนที่พร้อมใจมารวมตัวกันอยู่ภายในห้องของกรรวี ที่ตอนนี้ดูแคบไปถนัดหญิงสาวนอนเหยียดยาวอยู่บนที่นอนนุ่ม สีหน้าดูดีขึ้นหลังจากที่พูดคุยเข้าใจกันดีแล้วทุกอย่าง รวมไปถึงการจากไปของเธอที่ใกล้จะถึงเวลาอีกในไม่กี่นาทีข้างหน้า...การจุติเป็นมนุษย์ของกรรวีไม่ได้ผ่านครรภ์ของมารดา แต่เกิดจากการสร้างกายหยาบของมนุษย์ขึ้นมา ด้วยมนตราชั้นสูงของผู้ที่มีฤทธิ์มาก...แล้วฝังดวงจิตของเธอเข้าไปไว้ในนั้น...เธอจึงไม่มีพ่อแม่...และไม่เคยถูกใครนำมาทิ้ง…มันเป็นความตั้งใจของเธอเองทั้งสิ้น...การจากไปก็เช่นกัน...มนต์พยัคฆ์ฟุบหน้าลงร้องไห้กับที่นอน เมื่อร่างบางที่เขากำลังกุมมืออยู่เริ่มสลายหายไปจนหมด และตรงตามเวลาที่เธอได้บอกเอาไว้ เหลือเพียงดอกไม้ดอกเดียวที่เธอให้เขาได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก ดอกไม้ประจำตัวของเธอ ที่มีสีชมพูอมเหลืองหรือแดง ด้านในสีม่วงอ่อนอมชมพู มีกลิ่นหอมมาก...หอมอบอวลไปทั่วห้อง ดอกไม้ที่มีเขาเป็นเจ
วาสุกรีเข้าไปรับร่างบางทันที ที่เห็นเธอก้าวเท้าออกมาจากห้องพระ ในสภาพอ่อนแรง ใบหน้าน่ารักปราศจากสีเลือด หน้าผากมนเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ บ่งบอกว่าหญิงสาวเหมือนจะไม่ไหวแต่ก็ยังฝืนใจเอ่ยกับพี่ชายทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงพร่าเครือ“คนพวกนั้นคงไม่มารบกวนครอบครัวของเราแล้วนะคะ”“ลูกกวางไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะ พี่จะเราไปพัก”หนุมานเอ่ยออกมาอย่างตะหนก เพราะเคยเห็นอาการของน้องสาวมีสภาพเดียวกันกับที่เขาเคยเห็นเธอที่บ้านโบราณในคืนนั้น…“ลูกกวางอยากไปหาพี่เสือ...พาลูกกวางไปหาพี่เสือนะคะ”วาสุกรีมองสบตากับหนุมาน ก่อนเลื่อนสายตามามองหน้าน้องสาว ที่กำลังมองเขาอยู่ก่อนแล้ว“ไอ้เสือมันสั่งไว้ว่าไม่อยากจะเจอเรา มันจะไม่ออกมาจากห้องถ้าลูกกวางยังอยู่ ”คำพูดตรง ๆ ที่ออกมาจากปากของวาสุกรีทำร้ายจิตใจกรรวีอย่างที่สุด...มนต์พยัคฆ์ไม่อยากเห็นหน้าเธอ ถึงแม้จะรู้ว่า...นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเขาและเธออย่างงั้นเหรอ?แรงสั่นไหวของน้องสาวในอ้อมแขน...บอกเขาได้ว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ มันทำให้คนเป็นพี่ชายรู้สึกปวดหัวใจแทน แอบไปรักกันลึกซึ้งขนาดนี้โดยที่ไม่มีใครรู้ แล้วจู่ ๆ ก็มารับรู้เรื่องราวของทั้งคู่เอาตอนที่ต้อง
ความเงียบถูกปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณอย่าว่าแต่มนต์พยัคฆ์ตัวชาเลย วาสุกรีกับหนุมานก็รู้สึกไม่ต่างกัน...อยากจะเดินหนีแล้วหายตัวเข้าห้องตัวเองเหมือนกับที่พี่ชายทำ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เมื่อน้องสาวยืนร้องไห้จนตัวโยน ก่อนร่างเล็กจะทรุดตัวลงนั่งยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้อยู่คนเดียววาสุกรีหันมามองหน้าน้องชายพยักหน้าให้กันอย่างทำใจ ก่อนจะพากันเดินเขาไปนั่งข้างกันกับน้องสาว เขายกมือหนาขึ้นลูบผมเธออย่างแผ่วเบา พยายามบังคับตัวเองไม่ให้อ่อนไหวมากไปกว่านี้ แล้วเอ่ยกับน้องสาวที่น่ารักเพียงคนเดียวของบ้านคนนี้ว่า“เสือมันคงยังทำใจไม่ได้ เดี๋ยวพ่อกับแม่คงไปคุยกับมันเองนั่นแหละ ว่าแต่เราเถอะ ไม่ร้องไห้แล้วได้มั๊ย?...ไหน ๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็จะไปแล้ว ”ถึงตรงนี้เสียงของวาสุกรีเริ่มสั่น...เขาหยุดพูดกับกระพริบตาถี่..เพื่อไล่รื้นน้ำตาให้ออกไป แล้วจึงเค้นสียงพูดให้เป็นคำต่อจากนั้นว่า...“เราควรจะกอดกัน ก่อนที่จะไม่มีเวลาให้กอด...เราควรจะ....”หยุด...เพื่อบังคับน้ำตาตัวเองด้วยการเงยหน้าขึ้น ให้มันไหลกลับเข้าไปในอก แล้วจึงเค้นสียงพูดให้เป็นคำต่อจนจบประโยคว่า“...เราควรจะบอกรักกัน...ก่อนจะไม่ได้พบกันอีกแล้วว่า
ธรากรทำทุกอย่างตามที่บุตรสาวแนะนำอย่างเร่งด่วน ถึงแม้จะกะทันหัน แต่พนักทุกคนต่างก็ช่วยกันอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะฉุกละหุกไปสักหน่อย แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้เหตุผลว่าทำไม? ย่างเข้าวันที่สาม สาขาในเครือของธรากรกรุ๊ปทุกที่ทั่วประเทศได้ทำบุญใหญ่เสร็จสิ้นไปแล้วทุกคนต่างเหนื่อยล้า แต่ก็รู้สึกดีใจที่ทำทุกอย่างให้แล้วเสร็จได้ทันตามเวลา และกลับมารวมตัวกันที่บ้านเหมือนเคยโดยที่ยังไม่มีใครได้รู้ว่าเหลือเวลาอีกเพียงสองวันเท่านั้น สองวันสุดท้ายที่น้องน้อยของบ้านต้องจากไปอย่างที่ไม่มีวันกลับมาวาสุกรีไม่ได้ไปกองถ่าย เขาช่วยงานบุญที่บริษัทร่วมกับพี่ ๆ อย่างเต็มที่จนสุดกำลังความสามารถมนต์พยัคฆ์แทบไม่มีเวลาได้พูดหรือคุยกับกรรวีเลยทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ ๆ ได้แต่มองตากันอย่างเข้าใจ เพราะต้องคอยหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ใครรู้หรือจับได้สิ่งที่มนุษย์ทุกคนไม่สามารถหยุดได้..นั่นก็คือเวลา...เวลาที่ต้องพลัดพรากจากกันมันใกล้เข้ามาทุกที...สีหน้าที่ดูเศร้าหมองของกรรวี ทำให้มนต์พยัคฆ์จับสังเกตุได้ เขาอยากจะถามว่าเธอกำลังทุกข์อะไร ในเมื่อสามวันที่แล้วเขายังเห็นเธอยิ้มได้อยู่เลยชายหนุ่มได้จังหวะในตอนที่เธอข







