“พี่จะสิงร่างน้องอยู่แล้วนะ กอดน้องมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วถึงตอนนี้ก็ไม่ยอมปล่อย น้องแทบขยับตัวไม่ได้อยู่แล้ว” พิชชาบ่นยับเมื่อคนเป็นพี่โอบรัดตัวเธอไว้แน่นในอ้อมกอดไม่ยอมคลาย ตั้งแต่อยู่ในผับเมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้ที่กลับมาถึงคอนโด หากสิงร่างเธอได้คงสิงไปนานแล้ว อะไรมันจะเป็นขนาดนั้น “ก็พี่กลัว.. น้องไม่รู้หรอกว่ามันรู้สึกยังไง การที่อยู่ๆก็มีคนมาบอกว่าคนที่เรารักจะไม่อยู่กับเราแล้ว จะไม่กลับมาตลอดไป..“ เดนนิสเล่าถึงความในใจพร้อมนํ้าตาที่เริ่มคลอเอ่อจนแทบล้นเบ้าตาเมื่อย้อนนึกถึงเวลานั้นทีไร เขาไม่เคยรับมันได้แม้ตอนนี้จะรับรู้แล้วว่าเป็นเพียงเรื่องหลอก ”น้องแค่แกล้งเล่น พี่ก็เห็นแล้วนี่ว่าน้องไม่ได้เป็นอะไรเลย แค่อยากแกล้งให้พี่หลาบจำสักหน่อย“ หญิงสาวพยายามอธิบาย เธอเองยอมรับได้ว่าเห็นนํ้าตาเขาทีไรหัวใจดวงน้อยมันอ่อนระทวยทุกที “แต่น้องก็ไม่ควรเอาความเป็นความตายมาแกล้ง พี่แทบขาดใจตายอยู่แล้ว“ “แต่เรื่องนี้พี่มีความผิดอยู่เต็มๆนะคะ ลองคิดดูสิ น้องอุตส่าห์รีบกลับมาเพื่อเซอร์ไพรส์พี่ แต่พอเปิดประตูเข้ามา สิ่งแรกที่เห็นคือแฟนกำลังเอากับผู้หญิงคนอื่น ถ้าเป็นพี่ พี่จะรู้สึกยังไง“ พิชชาสว
ไม่นานนัก ฝีเท้ายาวก็ก้าวเข้ามายันโต๊ะวีไอพีประจำที่ในผับอย่างคนไร้เรี่ยวแรง เดนนิสนํ้าตาซึมเดินเหม่อลอยเข้ามาจนคนเป็นเพื่อนที่นั่งกอดสาวอยู่บนโซฟาแทบจะกลั้นขำกับสภาพของเพื่อนไม่ได้ เพิ่งจะเคยเห็นมันโดนหลอกเป็นควายจริงๆก็เวลานี้แหละ นึกแล้วก็อยากจะขอบคุณพิชชาที่ทำให้ได้เห็นครั้งหนึ่งในชีวิตถือว่าชาตินี้ใช้ชีวิตคุ้มแล้วจริงๆ “มึงเจอใคร” เจ้าของนํ้าตาเอ่ยถามเสียงกร้าวทันที “ใจเย็นสิเพื่อน อ่าๆ ดื่มให้สดชื่นก่อน“ แดนเทพสวนตอบอย่างใจเย็น เลื่อนแก้วนํ้าสีอำพันที่เขาได้รินเตรียมไว้ไม่นานให้กับเพื่อน เดนนิสไม่ปฏิเสธ หยิบแก้วขึ้นมากระดกดื่มจนเกลี้ยง ก่อนจะหลั่งนํ้าตาไหลตามลงมาเป็นสายธารนํ้าพร้อมเสียงสะอื้น “เอ้าเห้ยๆ กูให้มึงดื่มเพื่อความสดชื่น ไม่ได้เติมนํ้าตาให้มึงนะเว้ย” แดนเทพรีบกล่าวห้าม ทำอย่างกับว่าเหล้าที่กระดกเข้าคอนั้นไหลกลับขึ้นไปบนตาแล้วหลั่งออกมาเป็นสายนํ้าไปได้ “ฮึกก.. ทำไงได้วะ กูคิดถึงพิช… เพิ่งจะได้กลับมาคบกันอ่ะ ฮึกก.. ทำไมต้องเป็นแบบนี้วะแม่ง!“ ร่างสมส่วนฟุบลงบนโซฟากว้าง ยกมือทาบหน้าสะอื้นร้องไห้ด้วยความปวดใจ เพิ่งจะเข้าใจอย่างแท้จริงกับการสูญเสียคนที่รักไปมันปวดร้าว
แกร๊กกก….. เสียงประตูที่ถูกเปิดออกโดยชายในชุดกาวสีขาวที่เดินออกมา ดึงความสนใจของสองคนที่ยืนทรุดอยู่หน้าห้องฉุกเฉินให้รีบวิ่งแจ้นเข้าไปถามถึงอาการของคนในห้องด้วยความรีบรน “หมอ!! เมียผมล่ะครับ เธอปลอดภัยภัยใช่มั้ยครับหมอ!” “คุณหมอคะ เพื่อนฉันปลอดภัยใช่มั้ยคะ!“ สองคนยืนนํ้าตานองมองหน้าหมอในขณะที่ลุ้นคำตอบ เสียงหัวใจเต้นตุบๆรัวเร็วจนแทบจะทะลุออกมา แววตาเต็มไปด้วยความหวังที่ได้ฝากไว้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทว่าสีหน้าหมอกลับไม่ได้บ่งบอกถึงลางที่ดีเลยแม้แต่น้อย ชายวัยกลางในชุดกาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะปริปากตอบ ”ญาติทำใจดีๆนะครับ หมอพยายามยื้อคนไข้ไว้เต็มที่แล้ว ต้องขอโทษด้วยนะครับ“ “หมอหมายความว่าไง! ไม่จริงอ่ะ! หมออย่ามาล้อเล่นดิวะ! ฮึก…“ นํ้าตาลูกผู้ชายไหลรินเป็นสายธารนํ้าอีกครั้ง เขาช็อคกับคำตอบจนหัวใจปวดร้าวเหมือนโดนบีบแทบสลาย ความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามามหาศาลจนอธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้ แม้จะโวยวายใส่ชายวัยกลางที่ไม่สามารถยื้อชีวิตแฟนสาวที่รักได้จนแทบครั่งก็ไม่มีทางที่จะทำให้เธอฟื้นขึ้นมาได้อีก ”ฮึกก ฮืออ…พิชชา น้องจะมาทิ้งพี่ไปแบบนี้ได้ยังไงฮึกก..น้องต้องไม่ทิ้งพี่สิ!” เจ้าของเ
“ที่รักฟังพี่ก่อน!” ชายหนุ่มเมื่อขับเคลื่อนรถเข้ามาจอดก็รีบตะพึงลงจากรถก่อนจะสาวเท้ายาววิ่งหน้าเสียเข้ามาหาแฟนสาวที่ยืนจุดไฟแช็คอยู่หน้าคฤหาสน์หลังมหึมาของตน พิชชาหันมองตามเสียงโวยวายที่ดังสนั่นมาแต่ไกล มุมปากเล็กแสยะยิ้มพรางมองหน้าชายคนรักด้วยนัยด์มืดเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ”ถ้าการเผาคฤหาสน์หลังนี้ทำให้น้องใจเย็นขึ้นแล้วฟังที่พี่จะอธิบาย น้องทำเลย“ เดนนิสกล่าว เขาไม่ได้ล้อเล่นหรือพูดเพื่อให้หญิงสาวหยุด มันคือคำพูดที่มาจากใจจริง แล้งตัวเขาเองรู้ดีว่าแฟนสาวไม่เคยล้อเล่น เธอกล้าคิดกล้าทำมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยยอมให้ใครมาหยามศักดิ์ศรีฟรีๆ หากวันนี้ความต้องการของเธอสามารถทำให้เขาได้อธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เขาก็ยินดี ”หึ… คุณอย่ามาท้าฉัน“ นัยด์ตาเบิ่กกว้างพร้อมกับคำพูดที่กล่าว เธอไม่ได้ตกใจหรือตะลึงอะไร แต่เธอโกรธ แววตาที่เต็มไปด้วยโทสะ จนสรรพพนามที่ใช้แทนกันก่อนหน้าเปลี่ยนมาเป็นเหมือนคนรู้จัก ”ได้โปรดฟังพี่ก่อนได้มั้ย มันไม่ใช่แบบนั้น..“ “มันเป็นแบบนั้น! คุณไม่ต้องมาแก้ตัว ฉันเห็นมันกับสองตาตัวเอง! ฉันอุตส่าห์รีบเคลียร์งานให้หมดก่อนกำหนด เพื่อที่จะได้กลับมาใช้เวลาที่เหลือก
เพียงกระพริบตาไม่กี่ครั้งเวลาสามวันที่รอคอยก็ผ่านไปด้วยความเร็วแสง เมื่อเครื่องลงแลนดิ้ง หญิงสาวก็มุ่งหน้ามายันตึกสูงยักษ์ใหญ่ทันทีด้วยความคิดถึง ทว่าพอมาถึงกลับมีอะไรไม่ชอบมาพากล เมื่อ แดน ยืนอํ้าอึ้งทำท่าทีตกใจที่เห็นเธอยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องผู้เป็นเจ้านาย “ค..คุณพิชชา” แดนยิ้มแหยๆมือไม้ไม่อยู่นิ่ง เดี๋ยวลูบท้ายทอยเดี๋ยวลงมากุมมืออีกข้างเหมือนกำลังลนลาน จนคนมองเกิดสงสัย “มีอะไรรึเปล่าแดน ทำไมเห็นหน้าฉันแล้วตกใจขนาดนั้น” คิ้วบางขมวดถามผลอยจ้องจับผิดชายเบื้องหน้า “ป..เปล่าครับ แค่เซอร์ไพรส์น่ะครับ ฮะๆ“ แดนขำแห้งกลบเกลื่อนความหนักอก ”ก็ฉันตั้งใจมาเซอร์ไพรส์ไง“ หญิงสาวฉีกยิ้มจนชายการ์ดในชุดดำขนลุกซู่ ถ้าให้เธอเดาคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากว่าเธอกำลังจะโดนเซอร์ไพรส์กลับแล้วล่ะ อีกฝั่งของประตูที่กั้นไว้ต้องมีอะไรบางสิ่งเป็นแน่ ”น..นั่นน่ะสิครับ ฮะๆ เซอร์ไพรส์สุดๆเลยล่ะครับ“ เมื่อตัวเองเป็นคนโกหกไม่เนียนอีกด้วยสิ เพียงอ้าปาก หญิงสาวก็เห็นถึงลิ้นไก่ ”อืม ช่างเถอะ ว่าที่สามีฉันอยู่มั้ย“ พิชชากอดอกถาม เธอรู้คำตอบดี เพียงอยากจะลองใจการ์ดหนุ่มเสียหน่อย ”อยู่ครับ เอ้ย! ไม่ใช่ครับไม
”งั้นน้องไปก่อนนะคะ“ พูดเสร็จยื่นหน้าไปหอมแก้มชายคนรักหนึ่งฟอดเป็นการบอกลา ก่อนจะลุกออกจากตักแกร่งทำท่าจะก้าวออกไป ทว่าถูกมือหนาดึงหมับหันกลับมาพรางประกบปากแนบชิดจนเธอไม่ทันได้ตั้งตัว หัวใจกระตุกวูบกับการกระทำของคนเป็นพี่ ดวงตาเบิ่กกว้างในขณะที่โดนเขาบดคลึงริมฝีปากนุ่มอย่างดูดดื่ม ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงรับสัมผัสรสชาติความเร่าร้อนที่เขามอบให้ เขาทั้งดูดทั้งเลียพร้อมยังสอดลิ้นสากเข้ามาในโพรงปากนุ่ม ตวัดเลียหยอกล้อกับลิ้นเล็กจนหญิงสาวแทบหายใจไม่ทัน “อื้มม.. แฮกๆ… หายใจไม่ทัน“ เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆลืมขึ้นสบตากับเขา เปร่งเสียงพูดกระเส่าแผ่วเบาในขณะที่หอบหายใจสูดอากาศที่ขาดไปเข้าปอด ป๊อก! “โอ้ยยย” ใบหน้านวลบึ้งตึงเปร่งเสียงอุทานร้องเบาๆพรางยกมือขึ้นถูหน้าผากมนที่อยู่ๆก็ถูกเขาดีดเข้ามา “พี่มาดีดน้องทำไม นิสัยไม่ดี!” ฝ่ามือน้อยตบเข้าบนใหล่กว้างแสดงหน้าบึ้ง เพิ่งจูบเสร็จก็มาใช้ความรุนแรง อีตาแก่นิสัยไม่ดี “หึ.. ไปได้แล้ว” ปากหยักได้รูปเผยยิ้มอ่อนพร้อมเสียงขำเบาๆที่เปร่งออกมาจากลำคอด้วยความเอ็นดูในท่าทางยัยแมวป่าสิ้นลาย “ไล่เลยหรอ” อะไรกัน พอได้จูบแล้วก็มาไล่ “จะได้กลับมาหาพี่เร็วๆไงคร