ถึงวันสัมภาษณ์งาน ใบเฟิร์นแวะส่งลูกชายที่โรงเรียนก่อนจะเดินทางไปยังบริษัท เธอมีท่าทีประหม่าเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้สัมภาษณ์งานในบริษัทใหญ่แบบนี้ จากข้อมูลคร่าว ๆ ที่เธอพอจะทราบมาบ้าง ถึงบริษัทแห่งนี้จะเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาไม่ถึง 5 ปี แต่ก็สามารถพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางภายในเวลาไม่นาน
ใบเฟิร์นเดินเข้าไปในบริษัท ขณะเดินผ่านป้ายทำเนียบผู้บริหาร เธอนิ่งไปเพราะผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัทแห่งนี้คือหญิงสาวที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เธอจำใบหน้าหวานนั้นได้ดี ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรขนาดนี้
“ขอเชิญคนต่อไปค่ะ” ใบเฟิร์นหันมองตามเสียงก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วตามพนักงานคนดังกล่าวเข้าไป
ใบเฟิร์นเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง เบื้องหน้าเป็นหญิงสาวที่เธอเห็นตรงป้ายทำเนียบผู้บริหาร ‘คิดถึง’ คำนี้ลอยเข้ามาในหัวของเธอ นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ไม่รู้ว่าจะจำกันได้หรือเปล่า
ความสงสัยของใบเฟิร์นได้สิ้นสุดลงเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาหาเธอ
“เฟิร์น” ทันทีที่เข้าใกล้เธอก็โผเข้ากอดใบเฟิร์นจนแน่น “ดีใจจังเลยที่ได้เจอ”
ด้วยความตกใจ ใบเฟิร์นเองก็ทำตัวไม่ถูก วันนี้เธอมาสัมภาษณ์งาน และหญิงสาวที่กอดเธออยู่คือผู้บริหารระดับสูงของที่นี่
“คิดถึงจังเลย” เธอยังคงแสดงท่าทางดีใจโดยไม่ได้สนใจว่ามีอีกสามชีวิตที่มองมาอย่างส่งสัย
“คุณอลินคะ” ใบเฟิร์นพยายามผลักอลินให้ออกห่างจากตัว เพราะตอนนี้อลินกำลังทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม
“คุณอะไรกัน เรียกลินเฉย ๆ สิ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้คุณคือผู้บริหารสูงสุดของที่นี่นะคะ” ใบเฟิร์นพูดเตือนสติเพื่อนของเธอ
“อะไรกัน ยังไงเราก็เพื่อนกัน” เธอไม่ได้ถือตัว และไม่ได้สนสายตาของใครด้วย “คุณแหม่มคะ”
“คะคุณลิน” เลขาสาวรีบขานรับทันทีทันใด
“ลินเอาคนนี้ค่ะ” อลินเปลี่ยนมาเป็นกอดแขนของใบเฟิร์นแทน
“แต่...” เลขาสาวมีท่าทีลังเล
“ไม่มีแต่ค่ะ”
“คุณลินคะ ดิฉันว่าเราปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนดีกว่ามั้ยคะ” กรรมการสอบสัมภาษณ์อีกคนที่นั่งอยู่ในห้องพูดแย้งขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น ลินจะเปิดตำแหน่งใหม่ค่ะ ลินต้องการผู้ช่วย” เธอพยายามหาทางเพื่อที่จะรับเพื่อนของเธอเข้าทำงานทันที
“แต่คุณลินมีเลขาส่วนตัวแล้วนะคะ”
“คุณแหม่มก็ยังคงเป็นเลขาของลินเหมือนเดิม แต่เฟิร์นจะมาเป็นผู้ช่วยอีกคนของลิน” เธอยืนยันหนักแน่น “เอาตามนี้นะคะคุณแหม่ม จัดการให้ลินด้วย”
“แต่เรายังไม่เคยมีประสบการณ์เลยนะ” ใบเฟิร์นเองก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่อลินทำ
ทำไมใบเฟิร์นจะไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทคนนี้ของเธอเป็นยังไง ตอนที่เรียนด้วยกันอลินใส่ใจเธอเสมอ พยายามยื่นมือมาช่วยทุกครั้ง แม้เธอจะปฎิเสธก็ไม่ยอม ครั้งนี้ก็เช่นกัน ใบเฟิร์นรู้ดีว่าอลินกับลังสนับสนุนเธอ แต่แบบนี้มันไม่ถูกต้องเธอเลยไม่เห็นด้วย
“ลินรู้ว่าเฟิร์นเก่ง เรียนรู้งานไว” เธอมั่นใจในตัวเพื่อนคนนี้เสมอ เพราะตอนที่เรียนด้วยกันใบเฟิร์นเป็นคนที่เรียนเก่งมาก เธอยังแอบเสียดายที่อยู่ ๆ ใบเฟิร์นก็หายไป
“ขอบคุณนะ” ใบเฟิร์นของคุณจากใจ “แต่เรื่องนี้เราว่ามัน...”
“ไม่มีแต่” ไม่ทันที่ใบเฟิร์จะได้พูดจบ อลินก็พูดแทรกขึ้น “เฟิร์นไปรอลินที่ห้องทำงานของลินก่อนนะ สัมภาษณ์เสร็จลินจะไปหา”
“จะดีเหรอ”
“ไม่มีอะไรไม่ดีเลย เพื่อนของลินมาที่หนึ่งเสมอ”
นี่คือนิสัยของอลิน เมื่อเธอให้ใจใครไปแล้วเธอจะเต็มที่กับคน ๆ นั้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือแฟน
ใบเฟิร์นเองก็ไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรอีก เธอจึงต้องยอมทำตามคำขอของอลิน หลังออกจากห้องเลขาส่วนตัวของอลินก็พาใบเฟิร์นไปยังห้องทำงานของอลินทันที
หลังเสร็จภารกิจสัมภาษณ์งาน อลินก็รีบกลับห้องไปหาใบเฟิร์น เธอพาใบเฟิร์นออกไปนั่งร้านเบเกอร์รี่ที่พวกเธอชอบไปนั่งตอนที่ยังเรียนด้วยกัน
“ดีใจมากเลยนะที่ได้เจอกันอีก” ตั้งแต่เจอกับใบเฟิร์นอลินพูดประโยคนี้จนนับครั้งไม่ถ้วน
“เราก็ดีใจ”
“หายไปไหนมา เล่าให้ฟังได้มั้ย”
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ เลยตัดสินใจลาออกแล้วกลับต่างจังหวัด” เธอเลือกที่จะไม่เล่ารายละเอียดทั้งหมดของเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น เพราะไม่อยากรื้อฟื้น
“รู้ตัวมั้ยว่าสวยขึ้นมากเลยนะ” เธอจะเอ่ยชมตั้งนานแล้วแต่ก็ยังหาโอกาสไม่ได้
“ลินก็เหมือนกัน เราเกือบจำไม่ได้แน่ะ”
“สวยแบบนี้มีแฟนยังเนี่ย” อลินเอ่ยแซว
“เรามีลูกแล้ว” ใบเฟิร์นเลือกที่จะพูดความจริงออกไป เพราะไม่มีเหตุผลที่เธอจะปิดบังอลิน เธอยังต้องทำงานกับอลินอีกนาน ถึงเธอไม่บอกสักวันอลินก็คงต้องรู้ บอกตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า
“เฮ้ย!! จริงดิ” อารมณ์ของอลินในตอนนี้ทั้งดีใจตกใจและตื่นเต้นปนกันไปหมด
“อือ”
“แล้วตอนนี้อยู่กับใคร อยู่กับพ่อเขาเหรอ”
“ไปโรงเรียนน่ะ” ใบเฟิร์นหลีกเลี่ยงการพูดถึงพ่อของออกัส
“เฮ้ย!! โตขนาดเข้าโรงเรียนแล้วเหรอ”
“อือ”
“อยากเจอหลาน” อลินดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ “ผู้หญิงผู้ชายอ่ะ”
“ผู้ชาย”
“หล่อมั้ย”
ใบเฟิร์นยิ้มอ่อน ๆ พลางพยักหน้า นั่นยิ่งทำให้ความตื่นเต้นของอลินเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ยังไงเธอก็ต้องไปเจอเด็กน้อยให้ได้
ทั้งคู่นั่งคุยกันเรื่องทั่วไป ถึงจะเคยสนิทกันแต่อลินก็ไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัวมากจนเกินไป เธอยังคงให้เกียรติใบเฟิร์นจะรอให้ใบเฟิร์นเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาเอง ไม่ใช่การตอบคำถามของเธอ
อาทิตย์ต่อมาเนื่องจากโรงเรียนปิด ใบเฟิร์นเลยมีความจำเป็นที่จะต้องพาลูกชายติดสอยห้อยท้ายไปที่ทำงานด้วย ด้วยความเกรงใจเธอจึงโทรไปเอ่ยปากขอกับอลิน ซึ่งเธอก็อนุญาตโดยไมลังเล ดีซะอีกเธอจะได้เจอหลานสักที เพราะวันก่อนที่ตั้งใจจะไปหาก็โดนที่บ้านโทรเรียกให้กลับบ้านด่วน
“สวัดดีคุณน้าแล้วยัง” ใบเฟิร์นหันไปบอกลูกชาย
“สวัสดีฮะ”
“ว้าว” อลินวิ่งไปหาแล้วอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาทันที “หล่อจริง ๆ ด้วย”
“...” ออกัสได้แต่มองหน้าของอลินด้วยความแปลกใจ
“ชื่ออะไรจ๊ะ” เธอเริ่มชวนคุย
“ออกัสฮะ”
“ชื่อก็เพราะ คนก็หล่อ” เหมือนอลินจะเริ่มถูกอกถูกใจเด็กน้อยเข้าแล้ว
“วางได้แล้วเดี๋ยวเสื้อเธอก็ยับหมดหรอก” ใบเฟิร์นเอ่ยห้ามเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทเอาแต่อุ้มลูกชายของเธอไม่ยอมวาง
“ช่างสิ วันนี้ไม่ได้ออกไปไหน”
สรุปทั้งวันอลินก็อาสาเป็นพี่เลี้ยงให้ออกัส ทั้งคู่สนิทกันไวพอสมควร ระหว่างที่ใบเฟิร์นนั่งทำงาน อลินก็ขนมมาให้ออกัสทานเล่น
ตอนค่ำของวันเดียวกันหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ อลินก็เดินตามพี่ชายออกไปด้านนอกเพื่อบอกอะไรบางอย่าง
“พี่อเล็กซ์” เธอเรียกเขาจากด้านหลัง
“หือ” เขาหยุดแล้วหันมามองน้องสาว
“เรื่องที่ลินขอให้พี่ช่วยเมื่อหกปีก่อน”
“...” อเล็กซ์ยังไม่เข้าใจว่าน้องสาวพูดถึงเรื่องอะไร
“ไม่ต้องตามหาแล้วนะ เพื่อนที่ลินให้พี่หาน่ะ ตอนนี้ลินเจอเธอแล้ว”
“เจอที่ไหน” เขารีบถามออกไปทันที เพราะมั่นใจว่าคนที่น้องสาวพูดถึงคือคน ๆ เดียวกันกับหญิงสาวในคืนนั้น
“ที่บริษัทค่ะ” พูดแค่นั้นอลินก็วิ่งกลับเข้าบ้านไปอย่างคนอารมณ์ดี
อเล็กซ์มองตามหลังน้องสาวไปจนสุดสายตา ผู้หญิงในคืนนั้นกลับมาแล้วอย่างนั้นเหรอ เพียงแค่ได้ยินทำไมหัวใจของเขาถึงได้กระตุก เพราะความรู้สึกผิดที่มีต่อเธออย่างนั้นเหรอ
‘ไม่!! ฉันไม่ได้เอาเธอฟรี ๆ ฉันเสียเงินไปตั้งเท่าไหร่เพื่อที่จะได้นอนกับเธอ แค่นั้นก็ยังไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปเลย’