Se connecter09 ฉันเป็นลูกค้าของเธอนะ
ร่างของปรางปรีญาถูกเหวี่ยงลงบนที่นอน แต่ยังไม่ทันที่จะขยับตัว อคิราห์ก็ก้าวขึ้นมาคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ มือเล็กทั้งสองข้างถูกตรึงไว้เหนือหัว คนใต้ร่างส่งเสียงกรีดร้องหวังให้คนมาช่วย “กรี๊ดด!! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!” “ร้องให้ตายก็ไม่มีใครได้ยินหรอก ทางที่ดีเธอควรทำตัวให้น่ารักกับแขกเข้าไว้นะ” อคิราห์เค้นหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เลิกพูดจาดูถูกฉันสักทีเถอะ ฉันไม่เคยทำอย่างที่คุณว่า!” “ถ้าไม่ได้ทำอย่างที่ฉันว่า แล้วทำไมเธอถึงไม่ชอบอยู่ห้อง” กึก! ร่างที่กำลังดีดดิ้นชะงัก ปรายตามองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ “คะ….คุณหมายความว่ายังไง นี่คุณแอบตามสืบที่อยู่ฉันหรอ” “ถ้าไม่สืบจะรู้หรอว่าเธอไม่ค่อยชอบอยู่ห้อง คงออกไปขายตัวล่ะสิท่า” ปรางปรีญาแทบไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้เขาจะมองเธอยังไง แต่เป็นห่วงความปลอดภัยของรินรดามากกว่า ถ้าอคิราห์รู้ว่าน้าสาวของเธออยู่ไหน ท่านต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ เพราะผู้ชายอย่างเขาทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว แม้กระทั่งตามสืบเรื่องของเธอ “จะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใครทั้งนั้น หรือถ้าฉันจะขายตัวจริงๆมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ” “เกี่ยวสิ เพราะฉันกำลังจะเป็นลูกค้าของเธอไง” เขารวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเดียว ส่วนมืออีกข้างเคลื่อนมาบีบปลายคางมน บังคับให้เธอสบตา “สนใจรับฉันไปเป็นลูกค้าเพิ่มอีกคนไหม” “ฉันไม่มีวันรับคนจิตใจสกปรกอย่างคุณหรอก ดีแต่ดูถูกคนอื่น” ปรางปรีญาเอ่ยเสียงสั่นเครือ ไม่คิดว่าอคิราห์ที่เคยอ่อนโยน จิตใจดีที่แท้ก็เป็นพวกชอบดูถูกคนอื่น นี่สินะ คือตัวตนที่แท้จริงของเขา ที่ผ่านมาก็แค่ภาพลวงตา “แล้วฉันดูผิดตรงไหน เธอคงทำแบบนี้มาเยอะแล้วสินะ ผู้หญิงที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมมารยาไปหลอกผู้ชาย มันไม่มีวันได้เจอความรักดีๆหรอก!” ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงด้วยความโกรธ แต่นั่นมันช่างดูยั่วยวนใจอีกฝ่ายยิ่งนัก ริมฝีปากนี้ที่เขาเคยครอบครองครั้งแล้วครั้งเล่า และในตอนนี้เองเขาก็อยากพิสูจน์ความหวานฉ่ำอีกครั้ง มือใหญ่เปลี่ยนจากบีบคางมนเลื่อนลงไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนร่างขาวเนียน ก่อนที่เขาจะกระตุกปมผ้าขนหนูออก เผยให้เห็นเรือนร่างอันสุดแสนยั่วยวนจนอดใจไว้ไม่อยู่ “ว้ายย!!!” ปรางปรีญาถอยหลังกรู่ ยกมือปิดบังเรือนร่างให้พ้นจากสายตาคมกริบ แต่ปิดยังไงก็ปิดไม่มิดเพราะบางสิ่งบางอย่างนั้นอวบใหญ่จนอคิราห์ตกตะลึก ไม่คิดว่าปรางปรีญาจะเป็นผู้หญิงซ่อนรูปขนาดนี้ “เธอหนีไม่พ้นฉันหรอก อยากรู้เหมือนกันว่าฉันเป็นผัวที่เท่าไหร่ของเธอ” “ถอยไปนะถอยไป ได้โปรด….” “เมื่อก่อนที่ฉันไม่ทำอะไรเพราะฉันรักและให้เกียรติครอบครัวของเธอ แต่ในเมื่อพวกเธอเป็นคนทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง….ฉันก็จะไม่เกรงใจอีกแล้ว!” อคิราห์กระชากข้อเท้าเล็กกลับมาอยู่ภายใต้อาณัติเหมือนเดิม ปรางปรีญาดิ้นเป็นพัลวันเอาชีวิตรอดจากซาตานร้ายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรักหมดหัวใจ เธอต่อต้านจนสุดกำลังแต่ก็สู้แรงมหาศาลของชายหนุ่มไม่ได้อยู่ดี ยิ่งดิ้น…อคิราห์ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเจ็บร้าวไปทั้งร่างกาย และในที่สุดน้ำตาแห่งความเสียใจ ความหวาดกลัวก็ไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้เขาคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว “ปล่อย! อย่าทำแบบนี้ ฮึก! อย่าทำแบบนี้กับฉัน ฮรื้อๆๆ” อคิราห์ไม่ได้สนใจ กักขังร่างเล็กไว้ใต้เรือนร่างแล้วลงมือถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก เขายังตกตะลึงกับเรือนร่างของปรางปรีญาไม่หาย เมื่อก่อนอย่างมากก็แค่จูบ ไม่เคยสัมผัสเรือนร่างนี้เลย ไม่รู้ว่าภายในจะสวยสดงดงามขนาดนี้ “งั้นฉันขอซื้อบริการเธอเลยก็แล้วกัน หลังจบงานคิดเท่าไหร่ว่ามาเลย” “อย่า!! ถอยออกไปนะ! ถอยออกไป!!...อุ๊บบ!” ริมฝีปากหยักกระแทกเข้ามาปิดริมฝีปากอวบอิ่มไม่ให้ส่งเสียงร้อง ส่วนมือก็เคลื่อนขึ้นมาบีบคั้นหน้าอกอวบอย่างรุนแรง ราวกับจะขยี้ให้แหลกคามือ ปรางปรีญาร่ำไห้ใจจะขาดด้วยความเจ็บปวด เรี่ยวแรงที่เคยต่อต้านเริ่มอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ น้ำตาไหลพรั่งพรูราวกับเขือนแตก เสียงกรีดร้องดังไปไม่ถึงจิตใจด้านชาของซาตาน เพราะเขาตัดสินว่าเธอเป็นคนแบบนั้น ก็เลยจะทำอะไรกับเธอก็ได้ แค่คิดว่าใช้เงินฟาดหัวแล้วเรื่องทุกอย่างจะจบ อคิราห์ใช้ประสบการณ์ที่สะสมมาหลอกล่อให้อีกฝ่ายคล้อยตาม จากจูบแสนรุนแรงค่อยๆนุ่มนวลลง แต่ถึงอย่างนั้นปรางปรีญาก็ไม่ยอมคล้อยตามสักที เขาจึงเปลี่ยนเป็นสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากหวาน ดูดกลืนกินน้ำผึ้งเดือนห้าด้วยความหิวกระหาย ...ปรางปรีญายังคงหอมหวานเหมือนเดิม “อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า ของมันเคยๆกันแล้ว” พูดจบเขาก็ปิดริมฝีปากของเธออีกครั้งเพราะไม่อยากได้ยินเสียงหวีดร้อง ความเค็มของน้ำตาไม่อาจต้านทานความต้องการของเขาได้ เพราะต่อให้เธอร้องไห้จนเป็นสายเลือดเขาก็ไม่มีวันหยุด เขาจะทำให้ปรางปรีญาเจ็บปวดเหมือนที่เขาเคยเจ็บ! มือใหญ่เคลื่อนลงไปยังใจกลางร่างอันแสนหวงแหน ทำให้ปรางปรีญาที่ขาดสติไปชั่วขณะ เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ พยายามหนีบขาเอาไว้พร้อมกรีดร้องออกมาจนสุดเสียง แต่เสียงนั้นก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคออยู่ดี “ที่ดิ้นเพราะอยากให้ฉันรีบๆทำใช่ไหม” อคิราห์กระซิบเสียงแหบพร่าด้วยความอึดอัด อยากปลดปล่อยตัวเองเร็วๆ มือหนาลูบไล้กลีบกุหลาบเนียนไร้ความชุ่มฉ่ำอย่างลุ่มหลง พรางเปล่งเสียงครางกระเส่าในลำคอ เลือดในร่างกายเดือดพล่านขึ้นเรื่อยๆ ไฟสวาทลุกโชนจนปวดหนึบท่อนเอ็นยาวใหญ่เกินมาตรฐานของชายไทย ในที่สุดอคิราห์ก็ทนไม่ไหว พันธนาการข้อมือเล็กเอาไว้กับหัวเตียงแล้วขยับร่างถอยออกมาพร้อมจู่โจมอีกฝ่าย “ยะ…อย่า อย่าทำฉัน ฮรื้อๆๆ” หญิงสาวร่ำไห้ ร้องขอความเห็นใจทั้งน้ำตา แต่อีกฝ่ายกลับแสยะยิ้มร้าย ดวงตาคมกริบคู่นั้นไล่มองตั้งแต่เนินหน้าอกลงมาถึงกลีบกุหลาบขาวเนียนจนปรางปรีญาอับอาย ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน “ขอร้อง เราไม่ได้รักกันแล้ว….ได้โปรดอย่าทำแบบนี้” “ฉันจะพูดอะไรให้เธอฟังนะปรางปรีญา” เขาเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบแล้วสบตากับเธอ แววตาดุดันคู่นั้นไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจ “ฉันสามารถมีเซ็กส์กับผู้หญิงได้....โดยที่ฉันไม่ได้รัก” -------------50 รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง@เช้าวันถัดมาปรางปรีญารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบร่างของอคิราห์ยืนกวาดเศษใบไม้อยู่หน้าบ้าน นี่มันบ้านของเธอนะ เขามีสิทธิ์อะไรมายุ่งวุ่นวาย เพราะนี่มันไม่ใช่ที่ของเขา“ตื่นแล้วหรอ” อคิราห์ที่ยืนกวาดเศษใบไม้อยู่หน้าบ้าน เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้หญิงสาวที่กำลังยืนตาจ้องเขม่งอยู่บนบ้านเมื่อวานเห็นว่าเศษใบไม้กองอยู่ที่หน้าบ้านของปรางปรีญาเยอะมาก วันนี้เลยตั้งใจตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำความสะอาดหน้าบ้านให้เธอ เผื่อมีสัตว์มีพิษซุกอยู่ในกองใบไม้ ปรางปรีญาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามไม่สนใจอีกฝ่ายและกำลังจะก้าวลงจากบ้านเพื่อไปเก็บดอกไม้ ด้วยความหวังดี อคิราห์รีบวางไม้กวาดและกำลังจะก้าวเข้าไปประคองร่างเล็กลงมาจากบันได ขันทองที่อยู่ในมือของปรางปรีญาก็ขว้างมาโดนศีรษะของเขาอย่างแรงปึก!“โอ้ยย!! ปรางตีพี่ทำไม”“ฉันเดินเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง!” ปรางปรีญากระแทกเสียงใส่ อคิราห์จำเป็นต้องก้าวหลบออกจากบันไดเพื่อให้หญิงสาวเดินลงได้สะดวก ปรางปรีญาเดินไปก้มเก็บขันที่เพิ่งเขวี้ยงใส่คนหน้าด้านขึ้นมา แล้วเดินหลบไปยังสวนดอกไม้ แต่อคิราห์ก็ยังไม่ลดละความพยายาม เดินตา
49 เธอเปลี่ยนไปอคิราห์รีบหอบเอาร่างอันแสนบอบช้ำกลับมาที่บ้านพัก ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพมีรอยแดงเพราะถูกน้ำร้อนลวก ปรางปรีญาเล่นสาดน้ำร้อนใส่เหมือนเขาเป็นหมาเลย โชคดีที่โดนแค่ท่อนแขน ไม่อย่างนั้นคงเสียโฉมไปแล้ว ปรเมศที่นั่งรออคิราห์อยู่ที่หน้าบ้าน ตกใจเมื่อเห็นพื่อนสนิทกลับมาในสภาพไม่ปกติ“นะ...นั่นมึงไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้กลับมาในสภาพ...เอ่อ...เหมือนหมาถูกน้ำร้อนลวก”“เมียกูเอาน้ำร้อนสาด” เขาตอบสั้นๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หวายบริเวณหน้าบ้าน กว่าจะพาตัวเองกลับมาได้ ทุลักทุเลพอสมควร ตอนนี้อาการปวดแสบปวดร้อนเริ่มปะทุขึ้น ท่อนแขนบวมแดงคล้ายกำลังจะพุพอง“ไปทำอีท่าไหนเขาถึงสาดน้ำร้อนใส่”“ก็แค่บุกเข้าไปในบ้านเขาเฉยๆ ไม่คิดว่าปรางปรีญาจะกล้าทำขนาดนี้”“โชคดีแค่ไหนแล้วที่น้องเขาไม่สาดใส่หน้ามึง ไม่งั้นคงได้บินไปศัลยกรรมที่เกาหลี แต่จะว่าไป สาดใส่หน้าก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเอาหน้าหล่อๆไปหลอกฟันใครอีก”“พอเถอะ แค่นี้กูก็เจ็บปวดมากพอแล้ว อย่าให้กูต้องเจ็บกับคำพูดของมึงอีกเลยเพื่อน”“มึงรู้อะไรไหม กูโครตสะใจเลยที่มึงโดนซะบ้าง ปากเก่งมาตั้งนาน สุดท้ายเอาตัวไม่รอด” ปรเมศเค้นหัวเราะออกมาเ
48 มาทางไหนกลับไปทางนั้น“นี่มันอะไร” ปรางปรีญามองจดหมายฉบับนั้นด้วยความงุนงง แต่ก็พอจะเดาออกว่าเป็นลายมือของใคร“น้าของปรางเขียนจดหมายฉบับนี้ไว้ก่อนที่ท่านจะเสีย”ปรางปรีญารับจดหมายไปไล่อ่านด้วยความตกใจ เนื้อหาในจดหมายบอกถึงค่ำคืนที่เธอได้ไปขอร้องให้รินรดาเลิกยุ่งกับราเชษ“แสดงว่าคืนนั้นปรางแค่โกหกน้าดาใช่ไหม ปรางไม่ได้หลอกพี่จริงๆใช่ไหม”“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าวันนั้นฉันพูดอะไรกับน้าดา” ปรางปรีญาเงยหน้าถาม“พอพี่รู้เรื่องน้าดากับอาเชษ พี่ตั้งใจขับรถไปหาปรางที่บ้านเพราะอยากไปถามให้แน่ใจ แต่พี่ดันไปได้ยินเรื่องที่ปรางพูดกับน้าดาพอดี”“คืนนั้น…คุณไปหาฉันที่บ้านหรอ” ปรางปรีญาส่งจดหมายกลับ พร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าวันนั้นอคิราห์ไปหาเธอที่บ้าน“ใช่ พี่ตั้งใจไปหาปราง และพี่ก็ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่ปรางคุยกับน้าดา ตอนนั้นพี่เสียใจมากที่ได้ยินเรื่องแบบนี้ พี่นั่งร้องไห้อยู่เงียบๆคนเดียว ทั้งๆที่พี่ควรจะเดินเข้าไปถามปราง แต่พี่ก็ดันเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พอรู้อะไรแบบนั้นมันก็เริ่มทำให้พี่มองปรางเปลี่ยนไป”“…” ปรางปรีญานิ่ง ยืนฟังอีกฝ่ายด้วยสีหน้านิ่งเรียบไร้ความ
47 ดวงใจดวงเดิมก็อก…ก็อก…เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะการนอนของอคิราห์ ชายหนุ่มลืมตาขึ้น พลิกตะแคงร่างด้วยความหงุดหงิดเพราะเมื่อสักครู่กำลังนอนหลับฝันหวาน…ฝันว่าได้นอนกอดปรางปรีญากับลูกอคิราห์หยัดกายลุกขึ้นนั่ง ถอนหายใจพรืดใหญ่ ยกมือขยี้ผม สีหน้าบอกบุญไม่รับ เขาไม่อยากเปิดประตูออกไปแล้วเจอภาพของปรเมศกำลังจู๋จี๋กับศรุตา เพราะมันทำให้เขาคิดถึงปรางปรีญามากขึ้นจนไม่อาจทนดูภาพพวกนั้นได้ทำไมถึงไม่มีเมียให้นอนกอดแบบนี้บ้าง เห็นแล้วก็นึกอิจฉาไม่ได้จริงๆ“อะไร” อคิราห์เปิดประตูออกมา ตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ“กูมีข่าวดีจะบอก”“ข่าวอะไรของมึง”“เดี๋ยวให้ตาเป็นคนบอกดีกว่า”“ถ้างั้นพวกมึงก็กลับไปเถอะ ขัดจังหวะการนอนของกูจริงๆ” อคิราห์ปิดประตูใส่ แต่ถูกปรเมศดึงกลับมาเหมือนเดิม “ไหนมึงบอกว่าอยากเจอเมีย”“ก็อยากเจอ แต่มันไม่เจอไง”“แล้วถ้าเจอล่ะ”“มึงว่าอะไรนะ” อคิราห์ถามกลับอย่างรวดเร็ว“วันนี้ตาไปเดินตลาดแล้วบังเอิญเจอปรางปรีญา”“ว่ายังไงนะ ทะ…ที่ไหน!!” อคิราห์ตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ หัวใจที่เคยห่อเหี่ยวไปนานถึงเจ็ดเดือนกลับมาเต้นโครมครามอีกครั้ง “ท้ายหมู่บ้าน”อคิราห์เดินทางมาที่บ้า
46 บังเอิญเจอ ปรเมศใช้เวลาขับรถแค่สองชั่วโมงนิดๆ ในที่สุดก็มาถึงจังหวัดกาญจนบุรี ศรุตาที่ตอนนี้ท้องแก่ใกล้คลอดเดินออกจากบ้านพักตากอากาศเพื่อมารอรับสามีกับเพื่อนสนิทอย่างอคิราห์ อคิราห์ก้าวลงจากรถพร้อมกันกับปรเมศ ศรุตารีบวิ่งเข้ามาสวมกอดสามี ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถทนดูภาพนั้นต่อได้ รีบเบือนหน้าหนีด้วยความเจ็บปวดหัวใจเพราะมันทำให้เขานึกถึงปรางปรีญาทุกทีที่เห็น ศรุตากับปรางปรีญาน่าจะตั้งท้องไล่เลี่ยกัน ป่านนี้ก็คงท้องแก่ใกล้คลอดแล้วไปอยู่ที่ไหนกันนะปรางปรีญา ฉันอยากดูแลเธอกับลูกเหลือเกิน“ลมอะไรหอบโซ่มาถึงที่นี่” ศรุตาเอ่ยแซวเพื่อนสนิท หล่อนได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของสามี ไม่คาดคิดว่าคาสโนว่าตัวพ่อจะตกอยู่ในสภาพนี้“ไม่รู้สิ อาจจะลมบ้าหมู” เขาตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ พยายามไม่มองศรุตากับปรเมศที่กำลังยืนจู๋จี๋กัน พวกมันจะรู้หรือเปล่าว่าเขาไม่อยากเห็นภาพนี้ เห็นแล้วเจ็บใจทุกทีเพราะคิดถึงเมีย“ตาคิดว่าโซ่น่าจะเป็นบ้าจริงๆ ดูสภาพโซ่ในตอนนี้สิ ไม่ใช่คุณอคิราห์ที่ตาเคยรู้จักด้วยซ้ำ”“เอาน่า เราอย่าไปตอกย้ำมันเลยนะ” ปรเมศเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเพื่อนสนิท “ผมว่าเราเข้าบ้านกัน
45 มิตรแท้ไม่มีคำว่าปลอบใจ...เจ็ดเดือนต่อมา...“ไงเพื่อน ลมอะไรหอบมึงมาหากูถึงที่นี่” ปรเมศเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังเดินเข้ามาในบ้าน ช่วงนี้เขากับเพื่อนไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่เพราะอีกฝ่ายงานยุ่ง“ลมคิดถึงเมีย”“เมียคนไหน” ปรเมศชอบแซวแบบนี้เป็นประจำ ใจหนึ่งก็นึกสงสาร อีกใจก็สมน้ำหน้า ทำกับเขาไว้เยอะ ก็ไม่แปลกที่เขาจะไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา“เมียกูมีคนเดียวเว้ย!”“ไม่รู้สิ ตอนนั้นเห็นมึงคบหลายคน”“อย่าเพิ่งกวนประสาทกูไอ้เมศ ตอนนี้กูอารมณ์ไม่ค่อยดี” อคิราห์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับปรเมศ ก่อนจะยกมือก่ายหน้าผากเหมือนคนหมดอาลัยกับชีวิต ปรเมศเห็นภาพนี้จนชินแล้ว บางวันก็เมาหัวราน้ำจนคนในครอบครัวเอื้อมระอา เพราะพักหลังๆอคิราห์แทบไม่เป็นผู้เป็นคน “กูก็เห็นมึงอารมณ์ไม่ดีทุกวันนั่นแหละเพื่อน”“จะไปอารมณ์ดีได้ยังไง นี่ก็ผ่านมาเกือบเจ็ดเดือนแล้ว กูยังหาเมียไม่เจอเลย”“แล้วนักสืบที่มึงจ้างวานว่ายังไงบ้าง”“ไม่เจอ ทั้งๆที่เป็นนักสืบฝีมือดีที่สุดของเมืองไทย แต่ทำไมถึงยังหาปรางปรีญาไม่เจอวะ”“กูเคยบอกมึงแล้วไงเพื่อน ถ้าเชื่อกูตั้งแต่ตอนนั้น มึงก็คงไม่เสียปรางปรีญาไปแบบนี้หรอก ตอนมี







