เช้าวันถัดมา
ริรินตื่นเช้ามาอย่างลำบากจากอาการปวดหัวที่ยังหลงเหลือจากเมื่อคืน ด้วยความที่ดื่มหนักไปหน่อย และอย่างที่รู้กัน จากหน้ามหาวิทยาลัยไปถึงคณะบริหารนั้นไกลมาก ไหนจะกฎเข้มงวดไม่ให้รถคนนอกเข้ามาอีก
แต่โชคดีที่เธอมีเจมส์คอยมารับเสมอ ถึงอย่างนั้นวันนี้เธอก็ตัดสินใจไม่รบกวนเขา เพราะเมื่อคืนก็เหนื่อยกับการมารับเธอแล้ว
ระหว่างเดินผ่านหน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ เสียงของนักศึกษาสาวคนหนึ่งทำให้เธอต้องหันไปมอง
“พี่คะ หนูขอไลน์พี่ได้ไหมคะ?”
ต้นไม้ที่บังทำให้มองไม่เห็นหน้าผู้ชาย แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะภาพแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยกับคณะวิศวะที่ขึ้นชื่อว่าผู้ชายหล่อทั้งคณะ รวมถึงเจมส์ด้วย
แต่ก่อนที่เธอจะเดินผ่านไปได้ ดวงตาก็เบิกโพลงเมื่อข้อมือถูกคว้า และร่างของเธอปลิวเข้าไปปะทะอกของใครบางคน
“ที่รัก~” เสียงนั้นคุ้นหูเกินไป
ริรินเงยหน้าขึ้นอย่างโมโห แต่ก็ต้องชะงักทันที ผู้ชายตรงหน้า คือคนเดียวกับที่เข้ามาเต๊าะเธอที่ผับเมื่อคืน!
“โทษทีนะ พอดีพี่มีแฟนแล้วน่ะ” เขาพูดพลางชี้มาที่เธอ ราวกับใช้เธอเป็นไม้กันหมา
หญิงสาวที่ยืนขอไลน์อยู่เมื่อครู่หน้าเศร้าทันที ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร
“นี่นาย!” ริรินตวาดเสียงดัง แต่ไม่ทันจะได้ต่อว่าอะไร ชายหนุ่มก็หันมายิ้มบาง ๆ ในชุดนักศึกษาพร้อมเสื้อช็อปเลือดหมู แล้วเดินจากไปดื้อ ๆ
“ขอบใจนะ” เขาทิ้งคำสั้น ๆ ไว้เพียงเท่านั้น
ริรินยืนงันอยู่กับที่ ความโมโหแล่นพล่านไปทั่วทั้งหน้า ยังไม่ทันได้ปะทะฝีปาก กลับต้องมาโดนใช้เป็นไม้กันหมาแบบงง ๆ
“นิสัยแย่ชะมัด! ชาตินี้ทั้งชาติ อย่าได้มาเจอกันอีกเลย เพี้ยง!”
เธอได้แต่เก็บความโมโหเอาไว้ในใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้ามาจับเนื้อต้องตัวเธอโดยไม่ขออนุญาต
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แถมยังอยู่คณะเดียวกับเจมส์อีกต่างหาก
"ถ้ามาให้เห็นหน้าอีกนะ ฉันจะฟ้องแฟนสุดที่รักของฉันให้จัดการเลย คอยดู!"
เธอคิดในใจอย่างเดือดดาล แต่พอลองนึกถึงเจมส์แล้วก็ใจเย็นลงได้บ้าง
เจมส์ของเธอทั้งหล่อ สุภาพ อ่อนโยน ไม่มีทางเป็นผู้ชายแย่ ๆ แบบนั้นแน่นอน...
คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ... วันนี้คงเป็นอีกวันดวงตกจริง ๆ ถึงได้มาเจอผู้ชายนิสัยเสียแบบนี้แต่เช้า!
...
หลังจากกลับจากมหาวิทยาลัย
"วันนี้เป็นยังไงบ้างครับคุณหนู"เสียงทุ้มนุ่มของลุงหมาย คนขับรถประจำบ้านดังขึ้นทันทีที่รถจอดสนิทหน้าบ้านหลังใหญ่ ริรินถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า
"ก็เหมือนเดิมแหละค่ะลุงหมาย สมองจะระเบิดอยู่แล้ว"
ลุงหมายคือคนที่ขับรถไปรับไปส่งเธอมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ส่วนพ่อกับแม่น่ะหรือ? มักจะวุ่นอยู่กับธุรกิจของตัวเองจนแทบไม่มีเวลาให้ลูกสาวเลยสักนิด หลายครั้งที่เธอแอบน้อยใจอยู่ลึก ๆ ว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสนั่งรถกลับบ้านพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่เหมือนในวัยเด็กอีกครั้ง
แต่เธอก็เข้าใจดี ว่าทุกอย่างที่พวกท่านทำ ก็เพื่ออนาคตของครอบครัว เพื่อความมั่นคงและชื่อเสียงที่สะสมมายาวนาน จึงเลือกที่จะไม่บ่นอะไรอีก
"ขอบคุณนะคะลุงหมาย" ริรินระบายยิ้มอ่อน ๆ พร้อมกล่าวขอบคุณ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถอย่างเงียบ ๆ
เธอรู้สึกปวดหัวตุบ ๆ จึงตั้งใจจะขึ้นไปพักในห้อง วันนี้อาการเมาค้างยังเล่นงานอยู่ไม่หยุด ส่งผลให้การเรียนทั้งวันเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและไร้สมาธิ
แต่เสียงเรียกชื่อที่คุ้นหูกลับทำให้ฝีเท้าของเธอชะงักลง
"ริริน"
หญิงสาวหันขวับไปตามเสียง ก่อนจะเบิกตากว้างเล็กน้อย
"อ้าว วันนี้อยู่บ้านกันเหรอคะ?" เธอเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นพ่อกับแม่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร กำลังจิบชาและของว่างกันอย่างเงียบ ๆ
ปกติทั้งสองคนกลับบ้านค่ำแทบทุกวัน และตัวเธอเองก็มักจะเข้านอนเร็วเพื่อเตรียมตัวตื่นไปเรียนเช้า การได้เจอกันพร้อมหน้าแบบนี้จึงแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องหายาก
"มานั่งตรงนี้แป๊บหนึ่งสิลูก" เสียงเรียบ ๆ ของแม่เอ่ยขึ้น น้ำเสียงนั้นไม่ดังนัก แต่กลับทำให้หัวใจของริรินรู้สึกหวิวอย่างประหลาด
เธอมองสายตาทั้งสองคู่ที่จ้องมาที่ตนอย่างเคร่งเครียด ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มก่อตัวขึ้นในทันที
"มีอะไรหรือเปล่าคะ สีหน้าพ่อกับแม่ดูไม่ค่อยดีเลย หรือว่าธุรกิจมีปัญหา?"
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอกลูก คือแม่..."
"เดี๋ยวพ่อพูดเอง" พ่อของเธอเอ่ยแทรกขึ้นก่อนที่แม่จะพูดจบ พร้อมกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
"พ่ออยากให้หนูหมั้นกับลูกชายของเพื่อนพ่อ"
"อะไรนะคะ!?" เสียงของริรินดังขึ้นอย่างตกใจสุดขีด
"คืนนี้สามทุ่ม เราจะไปดูตัวกัน" พ่อพูดต่อด้วยน้ำเสียงเหมือนจะเป็นคำสั่งมากกว่าการแจ้งข่าว
"พ่อคะ...แต่ว่า!" เธอพยายามจะแย้ง แต่เสียงของพ่อก็ดังแทรกขึ้นอีกครั้ง
"ไม่มีแต่ ขึ้นไปเตรียมตัวซะ"
"พ่อ..." ริรินเรียกท่านเสียงอ่อน กลั้นความคับข้องใจเอาไว้เต็มอก แม่รีบลุกขึ้นมาจูงมือเธอออกจากห้องอาหารทันที เพื่อกันไม่ให้เกิดการปะทะทางคำพูดระหว่างพ่อลูก
1ปีต่อมา“ยินดีด้วยนะริริน”“ขอบคุณค่ะคุณลุง”“ลุงอะไรกันเรียกพ่อสิ^^”“ฮ่าๆ ขอบคุณค่ะคุณพ่อ^^” ฉันยิ้มให้กับพ่อของพี่รามที่มาร่วมแสดงความยินดีในวันรับปริญญาของฉันส่วนข้างๆ ก็เป็นพ่อกับแม่ที่ยิ้มไม่หุบที่ลูกสาวคนนี้เรียนจบพร้อมจะช่วยงานได้บ้างแล้ว“ยัยริรินมาถ่ายรูปกัน!” “เดี๋ยวหนูมานะคะ” ฉันบอกกับทั้งสามก่อนจะเดินไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ของฉันที่ฉันรักมากเพราะถ้าไม่มีพวกนางฉันกับพี่รามก็คงไม่ได้คืนดีกันนแน่นอนว่าพวกนางก็บอกให้ฉันสำนึกบุญคุณตลอดจนฉันเริ่มจะหมั่นไส้ละ“แล้วพี่รามล่ะ?”“ไม่มาหรอกเขาติดงานอยู่ที่ญี่ปุ่นอ่ะ” ฉันบอกออกไปพี่รามเรียนจบไปปีที่แล้วและเข้ามาทำงานกับพ่อของเขาเต็มตัวพักหลังๆ ก็มักจะต้องบินไปดูงานตลอดจนช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่แต่เราก็ยังวิดีโอคอลหากันทุกวันแต่มันก็ไม่ได้ทำให้หายคิดถึงเลยเพราะฉันอยากกอดเขาแบบตัวเป็นๆ มากกว่าแล้วก็ฉันหมั้นกับพี่รามแล้วนะแต่ก็แอบหวงจังกลัวจะไปหลงสาวญี่ปุ่นน่ะสิ“เออนี่พวกแกรู้ข่าวพี่เจมส์ยัง?” ฉันนิ่งไปทันทีกับชื่อนั่นพี่เจมส์เขาหายไปเลยตั้งแต่วันที่ฉันทะเลาะกับพี่รามได้ข่าวว่าเขาเรียนไม่จบด้วยซ้ำ“ทำไมอ่ะ”“ก็นางอ่ะไปหลอกฟันผู้ห
เช้าวันต่อมาพี่รามขับรถมาส่งฉันที่บ้านหลังจากพาฉันไปหาหมอเขาบอกว่าจะเข้าไปขอโทษพ่อแม่ฉันด้วยที่เคยทำให้ผิดหวังแล้วก็จะขออนุญาตคบกับฉันอย่างเป็นทางการตอนแรกฉันก็แอบกังวลนะเพราะกลัวพ่อแม่จะห้ามแต่ไม่ใช่เลยพ่อกับแม่ฉันพอเจอหน้าพี่รามก็ยังคงยิ้มทักทายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแถมยังไฟเขียวให้ฉันกับพี่รามได้คบกันอีกพอเห็นแบบนี้ฉันก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขในที่สุดฉันก็จะได้มีความรักดีๆ กับเขาบ้างแล้วสินะราม PART“จริงสิลูก..แม่มีเรื่องจะวานหน่อย”“เรื่องอะไรหรอครับ” ผมเอ่ยถามอย่างสุภาพในขณะที่ได้ทานข้าวร่วมกับครอบครัวของริรินโชคดีที่ทั้งคู่เอ็นดูผมมากเลยเปิดทางให้ผมได้คบกับริรินง่ายๆ แบบนี้“พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปดูงานที่ต่างประเทศน่ะกว่าจะกลับก็หลายอาทิตย์แม่ฝากดูแลน้องหน่อยได้มั้ย?”“แม่คะหนูโตแล้วนะมาฝากดูอะไรกัน” ใบหน้าสวยบึ้งตึงทันทีเมื่อรู้ว่าทุกคนชอบทำตัวเหมือนเธอเป็นเด็ก“ได้สิครับ” ผมตอบตกลงไปด้วยความยินดีพร้อมกับส่งยิ้มให้กับริรินที่หรี่ตามองผมอย่างจับพิรุธได้หลายวันต่อมา“ขับรถกลับดีๆ นะคะ” ใบหน้าสวยโบกมือลาผมด้วยรอยยิ้มแต่ผมกลับไม่ยินดีด้วยเลยสักนิด“ริรินครับ” ผมคว้ามือบางที่กำล
“พี่โทรบอกพ่อกับแม่เราแล้วนะว่าคืนนี้จะค้างกับพี่”“อ่าค่ะ”“ขอพี่ดูขาหน่อยสิ” หลังจากนั้นพี่รามก็เข้ามาดูขาให้ฉันเขาบิดๆ มันถามตลอดว่าเจ็บมั้ยแต่ฉันไม่ค่อยเจ็บแล้วเขาเลยทายาแก้ปวดกับพันเท้าเอาไว้แล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะพาไปให้หมอเช็คอีกที“พี่รามไม่เข้ามานอนหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่กำลังนั่งอยู่ที่โชฟา“พี่จะนอนตรงนี้ริรินนอนเตียงพี่ไปเลย” ฉันขมวดคิ้วทันทีกับคำพูดของเขาอะไรกันจะมาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเอาตอนนี้เนี่ยนะ“ก็ได้ชิ!”ปัง!ฉันปิดประตูเสีงดังอุส่าห์ให้ท่าแล้วก็ยังไม่รีบมาอีกปล่อยให้นอนแห้งตายอยู่ตรงนั้นไปเลยนั้นแหละงอนแล้ว!“ริริน..” ฉันเงียบและหลับตาทำเป็นไม่สนใจเขา“ริรินเป็นอะไรครับ..หืมโกรธอะไร” มือหนาเข้ามาลูบหัวฉันเบาๆ แต่ฉันก็ปัดออกอย่างงอนๆ“อยากให้พี่นอนด้วยหรอ” ฉันพยักหน้ารับพี่รามหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มและดึงฉันไปกอด“พี่ทำแบบนี้ได้ใช่มั้ย?”“แล้วทำไมจะไม่ได้” ฉันถามออกไป“พี่นึกว่าเรายังโกรธพี่อยู่”“ไม่ได้โกรธแล้ว”“จริงหรอครับ”“ค่ะ” ฉันรีบมุดหน้าหนีทันทีเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกเขินขึ้นมา“ริริน”“คะ?”“คบกันมั้ย” ฉันรีบเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความตกใจม
“หนูเจ็บขาลุกไม่ได้” เธอบอกเสียงเบา“เดี๋ยวพี่อุ้ม” พอพูดจบผมก็ช้อนตัวริรินขึ้นอุ้มในท่าเจ้าหญิงใบหน้าสวยมุดเข้ากับอกของผมเหมือนกำลังเขินอายอยู่ทำเอาผมอดยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ โชคดีที่เธออยู่ที่ลานจอดรถพอดีผมเลยพาเธอไปนั่งที่รถของผมแทน“เจ็บมากมั้ย” ผมนั่งยองยกเท้าของเธอมาสำรวจดูมองคนตัวเล็กที่พยักหน้ารับช้าๆ“งั้นไปโรงพยาบาลก่อนเสร็จแล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน” ผมเอ่ยบอกก่อนจะรีบเข้าไปในรถทันที“จริงสิ..อ่ะนี่มือถือพิมพ์ไปบอกเพื่อนๆ ด้วยว่าโอเคดี” ผมส่งมือถือให้กับริรินซึ่งเจ้าตัวก็มีสีหน้ามึนงงเล็กน้อย“ทำไมถึงไปอยู่กับพี่ล่ะ?”“เพื่อนๆ ของเราเป็นห่วงน่ะสิ..เลยมาตามพี่ให้ไปตามหาเพราะเห็นยังไม่กลับโต๊ะสักที” ใบหน้าสวยทำหน้าหงอยเล็กน้อยก่อนจะเปิดมือถือพิมพ์ข้อความผมที่เห็นแบบนั้นก็รีบขับรถไปโรงพยาบาลทันที“เอ่อพี่รามหนูไม่ไปโรงบาลได้มั้ย?”“ทำไมล่ะ”“ชุดมัน..” เจ้าตัวเอ่ยขึ้นก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ผมจริงสิชุดเธอมันก็ออกจะไม่เหมาะที่จะใส่ไปโรงพยายาบาลจริงๆ นั้นแหละถ้าใส่ไปแล้วเจอหมอผู้ชายมาตกหลุมรักผมคงหึงแย่“งั้นไปคอนโดพี่มั้ย”“ค่ะ!” ริรินตอบกลับด้วยรอยยิ้มทันทีนานแล้วแหะที่ไม่ได้เห็นรอ
ราม PART“มึงดูผู้หญิงโต๊ะนั้นดิอย่างแจ่ม!” ผมมองเพื่อนๆ ที่กำลังสนุกกับการส่องสาวไปเรื่อยๆ ซึ่งผมก็ค่อนข้างชินแล้ว“เชี่ยสวยทั้งโต๊ะ!แต่มีคนนึงโคตรเด่นผิวขาวยังกับเรืองแสงได้” ผมขมวดคิ้วมองเพื่อนที่ลูบปากอย่างหื่มกามด้วยความอยากรู้ด้วยก็เลยหันไปดูก่อนจะชะงักเพราะผู้หญิงที่มันพูดถึงคือริรินว่าแต่ทำไมเธอถึงแต่งตัวแบบนี้กันพ่อแม่เธอปล่อยออกมาได้หรอ“กูเข้าไปจีบดีป่ะ”“ไม่ๆ ขอกูก่อน” ผมมองเพื่อนๆ ที่พากันจะลุกเข้าไปหาริรินแต่ว่าก็ต้องถอดใจไปเพราะดันมีคนเข้าไปหาเธอซะก่อนผมมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจเป็นอย่างมากรู้ว่าไม่มีสิทธิ์หึงหวงหรือเดินไปห้ามอะไรแล้วแต่มันก็ห้ามใจไม่ได้อยู่ดีเพราะผมยังคงชอบเธอมากอยู่แม้ว่าจะมีช่วงที่เราสองคนสบสายตากันริรินก็ทำเป็นไม่สนใจและเดินไปกับผู้ชายคนนั้นทำเอาผมกำหมัดด้วยความโกรธแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้“อ่าวโดนคาบไปแดกซะละ” “ว่าแต่หน้าคุ้นๆ ใช่แฟนไอเจมส์ป่ะแต่ได้ข่าวว่าเลิกกันแล้ว”“เออๆ ใช่ๆ กูก็ได้ยินมาเหมือนกัน” หลังจากนั้นผมก็พยายามทำจิตใจให้ตัวเองสงบแม้ว่าอยากจะเดินไปกระชากแขนเล็กๆ นั่นให้ออกห่างจากผู้ชายคนนั้นแต่ถ้าทำแบบนั้นริรินก็คงจะยิ่งเกลียดผมเข้าไ
ผ่านไปไม่นานเพื่อนอีกสองคนของฉันก็มาถึงพวกนางหิ้วถุงชุดมาให้ฉันเปลี่ยนจริงๆ ฉันเลยต้องไปเปลี่ยนในห้องน้ำจังหวะที่ดูตัวเองในกระจกก็รู้สึกแปลกตาชะมัดเพราะชุดมันเว้าหน้าเห็นเนินอกไม่พอยังเว้าหลังยาวลงไปเกือบถึงก้นด้วยซ้ำสาบานเถอะว่านี่คือชุดที่คนเขาใส่กันจริงๆ หรอมันแทบจะเปิดให้เห็นทุกส่วนของร่างกายแล้วเนี่ยติ๊ง ติ๊งฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูเพื่อนๆ ฉันส่งข้อความมาบอกว่าพี่รามมาจริงๆ ด้วยเขามากับกลุ่มเพื่อนของเขาแต่ไม่นานก็มีอีกข้อความส่งมาพร้อมแนบรูปภาพมาซึ่งนั่นทำฉันจุกที่อกไม่น้อยเลยเพราะมันเป็นภาพที่เขากำลังนั่งพร้อมกับมีผู้หญิงเซ็กซี่ๆ นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย“เป็นไงเป็นกัน” ฉันพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเอาปอดลึกๆ เก็บมือถือแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำแน่นอนว่ามีแต่คนมองฉันไมว่าจะหญิงหรือชายฉันเองก็คิดว่าตัวเองดูดีอยู่นะแม้ว่าจะไม่ค่อยมั่นใจกับชุดนี้เท่าไหร่แต่ก็คงสวยในสายตาคนอื่นนั้นแหละพอมาถึงโต๊ะฉันก็มีแอบมองไปฝั่งโต๊ะของพี่รามบ้างพวกเพื่อนเขามองฉันเป็นตาเดียวเลยแต่ยกเว้นพี่รามที่เอาแต่ยกแก้วเหล้าดื่มกับสาวข้างกายของเขา“เริ่ศมากสาวชุดขลับผิวสุดๆ” พวกเพื่อนๆ เอ่ยชมฉันแต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกดี