เมื่อออกมาถึงโถงด้านหน้า ริรินสะบัดแขนเบา ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับแม่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
"แม่คะ ทำไมพ่อถึงต้องทำแบบนี้ด้วย? พ่อกับแม่ก็รู้นี่คะ ว่าหนูมีแฟนแล้ว!"
น้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ด้วยความรู้สึกร้อนรนและสับสน
แม่ของเธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะจับมือเธอเบา ๆ อย่างปลอบประโลม
"ริริน... ที่พ่อกับแม่ทำไปทั้งหมด ก็เพื่อลูกนะลูก แฟนของลูกน่ะ... เขาไม่ได้ดีอย่างที่ลูกคิดหรอก"
คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของริรินเบิกกว้าง เธอส่ายหน้าแรง ๆ พลางตอบกลับทันควัน
"พี่เจมส์ทำไมคะ? เขาไม่ดีตรงไหน!? เขาสุภาพ อ่อนโยน ดูแลหนูดีมาตลอด แม้เราจะคบกันมาหลายเดือน เขาก็ไม่เคยล่วงเกินหนูเลยสักครั้ง!"
เธอเริ่มพูดเสียงดังขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ น้ำตาแห่งความโมโหเอ่อคลอในดวงตา
"พ่อกับแม่เอาอะไรมาตัดสินพี่เจมส์คะ!? เพราะเขาเป็นลูกชายของบริษัทคู่แข่งใช่ไหม!? เพราะเรื่องธุรกิจใช่ไหมคะ!? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับความรักของหนู!?"
แม่พยายามจะพูดบางอย่าง แต่ริรินยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม เธอกัดริมฝีปากแน่น พูดออกมาทั้งน้ำตา
"หนูไม่อยากฟังอะไรแล้ว และหนูก็จะไม่ไปดูตัวกับใครทั้งนั้น!"
สิ้นประโยค เธอสะบัดตัวเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนทันที ปล่อยให้แม่ของเธอยืนมองตามด้วยแววตาเวทนาและกังวล
ปัง!
เสียงประตูห้องนอนถูกปิดกระแทกใส่หน้าแม่อย่างแรง ริรินยอมรับกับตัวเองว่าเธอเสียมารยาท แต่ก็อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะระบายอารมณ์ออกมาแบบนั้น ความโมโหเอ่อท้นจนแทบจะทะลักออกมาทางสายตา
ทั้งพ่อและแม่ไม่เคยยอมรับเจมส์ เพียงเพราะเขาเป็นลูกชายของบริษัทคู่แข่ง ทั้งที่เขาไม่เคยทำผิดอะไรเลย เจมส์รู้เรื่องนี้ดี แต่ก็ไม่เคยโกรธ เขาเพียงแค่บอกเธอเสมอว่าเขาจะพยายามพิสูจน์ตัวเองให้พ่อแม่เธอยอมรับให้ได้
ความอ่อนโยนแบบนั้นต่างหาก ที่ทำให้ริรินหลงรักเขาจนหมดหัวใจ แล้วเธอจะไปยอมถูกบังคับให้หมั้นกับใครก็ไม่รู้ได้ยังไง?
"ไม่ยอมเด็ดขาด!" เธอตะโกนในใจ
แต่ถึงจะค้านหัวชนฝาอย่างไร สุดท้ายเธอก็ต้องมายืนอยู่หน้าร้านอาหารหรูร่วมกับพ่อแม่อยู่ดี เพราะก่อนหน้านี้พ่อของเธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ถ้าเธอไม่ไปดูตัว เขาจะทำให้บริษัทของครอบครัวเจมส์ “มีปัญหา”
มันเป็นคำขู่ที่ชัดเจน ริรินไม่อยากให้เจมส์เดือดร้อน เธอจึงจำใจมา…พร้อมกับการไม่พูดกับพ่อแม่แม้แต่คำเดียวตลอดทาง
"ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย ริริน" พ่อหันมาดุเสียงเข้มทันทีเมื่อเห็นเธอทำหน้าบูดบึ้ง
"คุณคะ...พูดกับลูกดี ๆ สิ" แม่รีบปราม ก่อนจะหันมาหาลูกสาวอย่างอ่อนโยน "ยิ้มหน่อยนะลูก เดี๋ยวจะเสียมารยาทกับผู้ใหญ่นะ"
ริรินถอนหายใจยาวอย่างไม่พอใจ แต่ก็พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ ก่อนที่ทั้งสามคนจะก้าวเข้าไปในร้านอาหาร
โต๊ะของครอบครัวฝ่ายชายตั้งอยู่ลึกเข้าไปด้านใน บรรยากาศดูเป็นกันเองกว่าที่เธอคาดไว้มาก แต่สิ่งที่ทำให้เธอชะงักทันทีที่สายตาสัมผัสกับใบหน้าของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นก็คือ...
"นาย!?"
ริรินยืนนิ่งงันกับที่ หัวใจเต้นกระหน่ำเมื่อเห็นใบหน้าหล่อคุ้นตาของชายหนุ่มที่เคยแตะเนื้อต้องตัวเธออย่างไร้มารยาทในผับเมื่อคืน
เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอด้วยสายตาเรียบนิ่งเช่นเดิม ก่อนจะหันไปยกมือไหว้พ่อแม่เธออย่างสุภาพเสียนี่
ไอ้บ้านี่...เป็นลูกชายเพื่อนพ่อ!?
เธอแทบไม่อยากเชื่อโชคชะตาของตัวเองเลย
"ริริน ยืนทำอะไรอยู่ล่ะลูก" แม่ทักด้วยความแปลกใจ
เมื่อได้สติ ริรินก็ยิ้มฝืน ๆ แล้วกล่าวทักทายพ่อแม่ของเขา ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามกับชายหนุ่มคนนั้นด้วยหัวใจที่ยังสั่นจากความไม่พอใจ
"นี่ยัยริริน ลูกสาวผมครับ" พ่อแนะนำเธอกับครอบครัวฝ่ายตรงข้าม
เธอยกยิ้มอย่างจืดชืด ก่อนที่บิดาของชายหนุ่มจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มใจดี
"ได้ข่าวว่าเรียนมหา’ ลัยเดียวกันใช่ไหม?"
"ครับ" รามตอบแทน ก่อนจะหันมาสบตาเธออีกครั้ง
"พี่ชื่อรามนะครับ น้องริริน ยินดีที่ได้รู้จักนะ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เจอน้อง ไม่คิดเลยว่าจะสวยน่ารักได้ขนาดนี้"
ครั้งแรกงั้นเหรอ!?
ริรินอึ้งกับคำพูดของเขา ผู้ชายคนเดียวกันกับที่เคยจับแต๊ะอั๋งเธอในผับ กำลังแสร้งทำเป็นไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน แถมพูดจาหวานหูต่อหน้าผู้ใหญ่ราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อคืน
บ้าไปแล้วแน่ ๆ ผู้ชายคนนี้! คบไม่ได้เด็ดขาด!
1ปีต่อมา“ยินดีด้วยนะริริน”“ขอบคุณค่ะคุณลุง”“ลุงอะไรกันเรียกพ่อสิ^^”“ฮ่าๆ ขอบคุณค่ะคุณพ่อ^^” ฉันยิ้มให้กับพ่อของพี่รามที่มาร่วมแสดงความยินดีในวันรับปริญญาของฉันส่วนข้างๆ ก็เป็นพ่อกับแม่ที่ยิ้มไม่หุบที่ลูกสาวคนนี้เรียนจบพร้อมจะช่วยงานได้บ้างแล้ว“ยัยริรินมาถ่ายรูปกัน!” “เดี๋ยวหนูมานะคะ” ฉันบอกกับทั้งสามก่อนจะเดินไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ของฉันที่ฉันรักมากเพราะถ้าไม่มีพวกนางฉันกับพี่รามก็คงไม่ได้คืนดีกันนแน่นอนว่าพวกนางก็บอกให้ฉันสำนึกบุญคุณตลอดจนฉันเริ่มจะหมั่นไส้ละ“แล้วพี่รามล่ะ?”“ไม่มาหรอกเขาติดงานอยู่ที่ญี่ปุ่นอ่ะ” ฉันบอกออกไปพี่รามเรียนจบไปปีที่แล้วและเข้ามาทำงานกับพ่อของเขาเต็มตัวพักหลังๆ ก็มักจะต้องบินไปดูงานตลอดจนช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่แต่เราก็ยังวิดีโอคอลหากันทุกวันแต่มันก็ไม่ได้ทำให้หายคิดถึงเลยเพราะฉันอยากกอดเขาแบบตัวเป็นๆ มากกว่าแล้วก็ฉันหมั้นกับพี่รามแล้วนะแต่ก็แอบหวงจังกลัวจะไปหลงสาวญี่ปุ่นน่ะสิ“เออนี่พวกแกรู้ข่าวพี่เจมส์ยัง?” ฉันนิ่งไปทันทีกับชื่อนั่นพี่เจมส์เขาหายไปเลยตั้งแต่วันที่ฉันทะเลาะกับพี่รามได้ข่าวว่าเขาเรียนไม่จบด้วยซ้ำ“ทำไมอ่ะ”“ก็นางอ่ะไปหลอกฟันผู้ห
เช้าวันต่อมาพี่รามขับรถมาส่งฉันที่บ้านหลังจากพาฉันไปหาหมอเขาบอกว่าจะเข้าไปขอโทษพ่อแม่ฉันด้วยที่เคยทำให้ผิดหวังแล้วก็จะขออนุญาตคบกับฉันอย่างเป็นทางการตอนแรกฉันก็แอบกังวลนะเพราะกลัวพ่อแม่จะห้ามแต่ไม่ใช่เลยพ่อกับแม่ฉันพอเจอหน้าพี่รามก็ยังคงยิ้มทักทายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแถมยังไฟเขียวให้ฉันกับพี่รามได้คบกันอีกพอเห็นแบบนี้ฉันก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขในที่สุดฉันก็จะได้มีความรักดีๆ กับเขาบ้างแล้วสินะราม PART“จริงสิลูก..แม่มีเรื่องจะวานหน่อย”“เรื่องอะไรหรอครับ” ผมเอ่ยถามอย่างสุภาพในขณะที่ได้ทานข้าวร่วมกับครอบครัวของริรินโชคดีที่ทั้งคู่เอ็นดูผมมากเลยเปิดทางให้ผมได้คบกับริรินง่ายๆ แบบนี้“พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปดูงานที่ต่างประเทศน่ะกว่าจะกลับก็หลายอาทิตย์แม่ฝากดูแลน้องหน่อยได้มั้ย?”“แม่คะหนูโตแล้วนะมาฝากดูอะไรกัน” ใบหน้าสวยบึ้งตึงทันทีเมื่อรู้ว่าทุกคนชอบทำตัวเหมือนเธอเป็นเด็ก“ได้สิครับ” ผมตอบตกลงไปด้วยความยินดีพร้อมกับส่งยิ้มให้กับริรินที่หรี่ตามองผมอย่างจับพิรุธได้หลายวันต่อมา“ขับรถกลับดีๆ นะคะ” ใบหน้าสวยโบกมือลาผมด้วยรอยยิ้มแต่ผมกลับไม่ยินดีด้วยเลยสักนิด“ริรินครับ” ผมคว้ามือบางที่กำล
“พี่โทรบอกพ่อกับแม่เราแล้วนะว่าคืนนี้จะค้างกับพี่”“อ่าค่ะ”“ขอพี่ดูขาหน่อยสิ” หลังจากนั้นพี่รามก็เข้ามาดูขาให้ฉันเขาบิดๆ มันถามตลอดว่าเจ็บมั้ยแต่ฉันไม่ค่อยเจ็บแล้วเขาเลยทายาแก้ปวดกับพันเท้าเอาไว้แล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะพาไปให้หมอเช็คอีกที“พี่รามไม่เข้ามานอนหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่กำลังนั่งอยู่ที่โชฟา“พี่จะนอนตรงนี้ริรินนอนเตียงพี่ไปเลย” ฉันขมวดคิ้วทันทีกับคำพูดของเขาอะไรกันจะมาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเอาตอนนี้เนี่ยนะ“ก็ได้ชิ!”ปัง!ฉันปิดประตูเสีงดังอุส่าห์ให้ท่าแล้วก็ยังไม่รีบมาอีกปล่อยให้นอนแห้งตายอยู่ตรงนั้นไปเลยนั้นแหละงอนแล้ว!“ริริน..” ฉันเงียบและหลับตาทำเป็นไม่สนใจเขา“ริรินเป็นอะไรครับ..หืมโกรธอะไร” มือหนาเข้ามาลูบหัวฉันเบาๆ แต่ฉันก็ปัดออกอย่างงอนๆ“อยากให้พี่นอนด้วยหรอ” ฉันพยักหน้ารับพี่รามหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มและดึงฉันไปกอด“พี่ทำแบบนี้ได้ใช่มั้ย?”“แล้วทำไมจะไม่ได้” ฉันถามออกไป“พี่นึกว่าเรายังโกรธพี่อยู่”“ไม่ได้โกรธแล้ว”“จริงหรอครับ”“ค่ะ” ฉันรีบมุดหน้าหนีทันทีเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกเขินขึ้นมา“ริริน”“คะ?”“คบกันมั้ย” ฉันรีบเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความตกใจม
“หนูเจ็บขาลุกไม่ได้” เธอบอกเสียงเบา“เดี๋ยวพี่อุ้ม” พอพูดจบผมก็ช้อนตัวริรินขึ้นอุ้มในท่าเจ้าหญิงใบหน้าสวยมุดเข้ากับอกของผมเหมือนกำลังเขินอายอยู่ทำเอาผมอดยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ โชคดีที่เธออยู่ที่ลานจอดรถพอดีผมเลยพาเธอไปนั่งที่รถของผมแทน“เจ็บมากมั้ย” ผมนั่งยองยกเท้าของเธอมาสำรวจดูมองคนตัวเล็กที่พยักหน้ารับช้าๆ“งั้นไปโรงพยาบาลก่อนเสร็จแล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน” ผมเอ่ยบอกก่อนจะรีบเข้าไปในรถทันที“จริงสิ..อ่ะนี่มือถือพิมพ์ไปบอกเพื่อนๆ ด้วยว่าโอเคดี” ผมส่งมือถือให้กับริรินซึ่งเจ้าตัวก็มีสีหน้ามึนงงเล็กน้อย“ทำไมถึงไปอยู่กับพี่ล่ะ?”“เพื่อนๆ ของเราเป็นห่วงน่ะสิ..เลยมาตามพี่ให้ไปตามหาเพราะเห็นยังไม่กลับโต๊ะสักที” ใบหน้าสวยทำหน้าหงอยเล็กน้อยก่อนจะเปิดมือถือพิมพ์ข้อความผมที่เห็นแบบนั้นก็รีบขับรถไปโรงพยาบาลทันที“เอ่อพี่รามหนูไม่ไปโรงบาลได้มั้ย?”“ทำไมล่ะ”“ชุดมัน..” เจ้าตัวเอ่ยขึ้นก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ผมจริงสิชุดเธอมันก็ออกจะไม่เหมาะที่จะใส่ไปโรงพยายาบาลจริงๆ นั้นแหละถ้าใส่ไปแล้วเจอหมอผู้ชายมาตกหลุมรักผมคงหึงแย่“งั้นไปคอนโดพี่มั้ย”“ค่ะ!” ริรินตอบกลับด้วยรอยยิ้มทันทีนานแล้วแหะที่ไม่ได้เห็นรอ
ราม PART“มึงดูผู้หญิงโต๊ะนั้นดิอย่างแจ่ม!” ผมมองเพื่อนๆ ที่กำลังสนุกกับการส่องสาวไปเรื่อยๆ ซึ่งผมก็ค่อนข้างชินแล้ว“เชี่ยสวยทั้งโต๊ะ!แต่มีคนนึงโคตรเด่นผิวขาวยังกับเรืองแสงได้” ผมขมวดคิ้วมองเพื่อนที่ลูบปากอย่างหื่มกามด้วยความอยากรู้ด้วยก็เลยหันไปดูก่อนจะชะงักเพราะผู้หญิงที่มันพูดถึงคือริรินว่าแต่ทำไมเธอถึงแต่งตัวแบบนี้กันพ่อแม่เธอปล่อยออกมาได้หรอ“กูเข้าไปจีบดีป่ะ”“ไม่ๆ ขอกูก่อน” ผมมองเพื่อนๆ ที่พากันจะลุกเข้าไปหาริรินแต่ว่าก็ต้องถอดใจไปเพราะดันมีคนเข้าไปหาเธอซะก่อนผมมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจเป็นอย่างมากรู้ว่าไม่มีสิทธิ์หึงหวงหรือเดินไปห้ามอะไรแล้วแต่มันก็ห้ามใจไม่ได้อยู่ดีเพราะผมยังคงชอบเธอมากอยู่แม้ว่าจะมีช่วงที่เราสองคนสบสายตากันริรินก็ทำเป็นไม่สนใจและเดินไปกับผู้ชายคนนั้นทำเอาผมกำหมัดด้วยความโกรธแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้“อ่าวโดนคาบไปแดกซะละ” “ว่าแต่หน้าคุ้นๆ ใช่แฟนไอเจมส์ป่ะแต่ได้ข่าวว่าเลิกกันแล้ว”“เออๆ ใช่ๆ กูก็ได้ยินมาเหมือนกัน” หลังจากนั้นผมก็พยายามทำจิตใจให้ตัวเองสงบแม้ว่าอยากจะเดินไปกระชากแขนเล็กๆ นั่นให้ออกห่างจากผู้ชายคนนั้นแต่ถ้าทำแบบนั้นริรินก็คงจะยิ่งเกลียดผมเข้าไ
ผ่านไปไม่นานเพื่อนอีกสองคนของฉันก็มาถึงพวกนางหิ้วถุงชุดมาให้ฉันเปลี่ยนจริงๆ ฉันเลยต้องไปเปลี่ยนในห้องน้ำจังหวะที่ดูตัวเองในกระจกก็รู้สึกแปลกตาชะมัดเพราะชุดมันเว้าหน้าเห็นเนินอกไม่พอยังเว้าหลังยาวลงไปเกือบถึงก้นด้วยซ้ำสาบานเถอะว่านี่คือชุดที่คนเขาใส่กันจริงๆ หรอมันแทบจะเปิดให้เห็นทุกส่วนของร่างกายแล้วเนี่ยติ๊ง ติ๊งฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูเพื่อนๆ ฉันส่งข้อความมาบอกว่าพี่รามมาจริงๆ ด้วยเขามากับกลุ่มเพื่อนของเขาแต่ไม่นานก็มีอีกข้อความส่งมาพร้อมแนบรูปภาพมาซึ่งนั่นทำฉันจุกที่อกไม่น้อยเลยเพราะมันเป็นภาพที่เขากำลังนั่งพร้อมกับมีผู้หญิงเซ็กซี่ๆ นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย“เป็นไงเป็นกัน” ฉันพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเอาปอดลึกๆ เก็บมือถือแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำแน่นอนว่ามีแต่คนมองฉันไมว่าจะหญิงหรือชายฉันเองก็คิดว่าตัวเองดูดีอยู่นะแม้ว่าจะไม่ค่อยมั่นใจกับชุดนี้เท่าไหร่แต่ก็คงสวยในสายตาคนอื่นนั้นแหละพอมาถึงโต๊ะฉันก็มีแอบมองไปฝั่งโต๊ะของพี่รามบ้างพวกเพื่อนเขามองฉันเป็นตาเดียวเลยแต่ยกเว้นพี่รามที่เอาแต่ยกแก้วเหล้าดื่มกับสาวข้างกายของเขา“เริ่ศมากสาวชุดขลับผิวสุดๆ” พวกเพื่อนๆ เอ่ยชมฉันแต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกดี