ณ โรงพัก
“ผมยังไม่ทันทำอะไรให้มันเลยคุณตำรวจ อยู่ๆ มันก็เข้ามาต่อยผม!” ตะโกนบอกตำรวจที่กำลังสอบปากคำอย่างเอาเรื่อง ชี้นิ้วตรงไปที่ศิราช ซึ่งนั่งหลุบตามองมือของตัวเองอยู่เงียบๆ บังคับไม่ให้มันออกแรงต่อยหน้าของคนที่กำลังโวยวายอยู่อีกครั้ง “ผมไม่ยอม เรื่องนี้ผมไม่ผิด!” “ใจเย็นๆ ก่อนครับ” “ใจเย็นได้ไง ดูสภาพผมสิ!” ใบหน้าช้ำ มีเลือดออกจนต้องใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบ ดีแค่ไหนแล้วที่ยังแบกสังขารมาโรงพักได้ เพราะสภาพแบบนี้ควรไปโรงพยาบาลก่อน “ผมเป็นพยานได้ เราคุยกันอยู่สองคน อยู่ๆ มันก็เดินเข้ามาต่อย” เพื่อนที่อยู่ด้วยช่วยพูดเสริม มองมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง ปากดี ตอนเห็นเพื่อนโดนต่อยเสือกยืนนิ่ง มีดีแค่อายุ แต่ปากอย่างแจ๋ว เพราะดูแล้วทั้งสองคนอายุ 30 อัพ มากกว่าเขาเสียอีก “เคยรู้จักกันมาก่อนไหม” “ผมไปสักกับมันมาวันนี้ ไม่รู้โกรธเคืองอะไรถึงได้มาต่อยผมแบบนี้ ผมไม่ยอมจริงด้วย!” “ใจเย็นก่อนครับ คุณมีอะไรจะพูดไหม” หันไปมองศิราชซึ่งนั่งฟังฝ่ายตรงข้ามพูดอยู่นาน โดยไม่คิดจะแย้งอะไร “ขอโทษที่มาช้าครับ” เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้น “ผมเป็นผู้ปกครองของคุณศิราชครับ เราไปคุยในห้องที่เป็นส่วนตัวมากกว่านี้หน่อยดีไหมครับ” คุณตำรวจที่เห็นอย่างนั้นจึงดันตัวลุกขึ้น ผายมือเชิญไปที่ห้อง ศิราชเองก็ดันตัวลุกขึ้นเมื่อเห็นลุงณรงค์พยักหน้าเรียกเขา “เฟรญ่าล่ะ” หันไปถามไอชิที่นั่งหัวร้อนแทนเขา แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา “เฮียกิมกับเฮียก๊วนไปส่งถึงบ้านแล้วครับ เฮียใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง จะเปิดดูกล้องวงจรปิดตอนนี้ก็ได้” เขาทำเพียงพยักหน้ารับ เดินนำไอชิตามลุงณรงค์ทนายที่คอยตามจัดการปัญหาให้เขา ตั้งแต่ศิราชยังเป็นเด็กเวรต่อยตีไปทั่ว ตอนนี้เองก็โตขึ้นมาก ไม่มีเรื่องจำพวกนี้มานาน จากที่ลุงณรงค์เคยทำงานให้พ่อ ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นทำงานให้พี่ชายที่รับช่วงต่อพ่อเขาไปเสียแล้ว แค่บอกชื่อทนายและชื่อพี่ชายเขาออกไป ทุกอย่างก็จะง่ายดายจนเป็นเรื่องปกติ ที่เขารอดไม่ติดคุกติดตะรางก็เพราะอิทธิพลของพ่อที่เผื่อแผ่มายังพี่ ถึงจะไม่อยากมีอิทธิพลในมือจนแตกหักกับครอบครัว ออกมาสร้างชีวิตใหม่ด้วยตัวเอง แต่ท้ายที่สุดยามเขามีปัญหาจำพวกนี้ขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่มีใครคนไหนยืนมองนิ่งเฉย “ทำอย่างไงก็ได้อย่าให้มันมายุ่งกับผมและคนของผมได้อีกก็พอ” ยื่นสมาร์ตโฟนที่มันถ่ายคลิปไว้ให้คนของพี่ จะจัดการอย่างไงเขาไม่สนใจ เพราะถึงกฎหมายจะเล่นงานมันไม่ได้ แต่เขาได้จัดการมันในโลกของความรุนแรงไม่ใช่ทางกฎหมายไปแล้ว “เพราะถ้ามันมายุ่งอีก จะไม่ใช่แค่นี้” บอกกับลุงทนาย อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับเข้าใจ เข้าใจดีทุกอย่างถึงความต้องการของเขา “รับทราบครับ เชิญคุณศิราชกลับไปพักผ่อนได้เลย ทางนี้ผมจัดการให้” “ผมขอตัว” โคลงศีรษะลงเล็กน้อย เดินนำไอชิที่ยังนิ่งอึ้งอยู่กับที่นำไปที่รถ “เฮียแม่งโคตรเจ๋ง!” วิ่งตามศิราชไปขึ้นรถ เปิดประตูเข้าไปนั่ง ดึงเข็มขัดนิรภัยออกมาคาด ไม่นานรถก็ถูกเคลื่อนออกไปด้วยความเร็ว “เวลาเฮียมีเรื่อง มีคนเข้ามาจัดการให้แบบนี้ตลอดเลยดิ อย่างเท่อะ” เท่ตรงไหน? ได้ความเงียบตอบกลับมา ใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ของคนหลังพวงมาลัยทำให้เขารู้สึกเกร็งขึ้นมาอัตโนมัติ ยอมหุบปากเข้าหากัน ทันทีที่รถเลี้ยวสู่ทางเข้า ความเร็วที่พุ่งทะยานตรงไปที่บ้านก็เหมือนจะเพิ่มขึ้น ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก มองเฮียใหญ่ที่เปิดประตูลงจากรถ เดินกลับเข้าบ้านไป ไม่หันมาสนใจเขาที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่หน้ารถ โรงพักกับที่นี่ห่างกันไม่มาก ดูจากความเร็วที่เฮียแกขับ การจะถึงเร็วไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร กดรหัสประตูเปิดเข้าไป รับร่างเล็กที่พุ่งตัวเข้ามาหาเขาเข้ามาไว้ในอ้อมแขน “ศิราชคนบ้า” กำมือกับเสื้อที่เขาสวม ร่างเล็กสั่นเทา เบียดตัวเข้ามาหาเขา “เจ็บตรงไหนไหมคะ” ศิราชย่อตัวลงอุ้มเฟรญ่าขึ้นพาดบ่า ขึ้นบันไดไปที่ห้อง ไม่ตอบคำถามเธอ ตั้งแต่รู้ว่าเขามีเรื่อง เธอวิ่งตามคุณกิมเล้งกับคุณก๊วนไปที่เกิดเหตุ แต่ทุกคนกันเธอออกห่าง ไม่ให้เธอเห็นแม้แต่หน้าของศิราช แถมยังกึ่งบังคับให้เธอกลับมารอที่บ้านอีกด้วย และคนที่เป็นคนบงการบอกให้เธอกลับมารอที่บ้านนั่นก็คือศิราชนั่นแหละ “ตัวสั่นเป็นลูกนกโดนฝนเชียว” วางเธอลงบนเตียง เฟรญ่าขดตัวเข้าหากัน นอนมองคนตัวสูงยืนมองเธออยู่ด้านข้าง “ศิราชมีเรื่องอีกแล้ว…” เขาไหวไหล่ หญิงสาวกัดปากล่างของตัวเอง เป็นแบบนี้ตลอดเลย ภาพจำในอดีตตอนเห็นเขากลับมาจากการมีเรื่อง ยามเธอถามศิราชก็มักจะไหวไหล่ใส่เธอทุกครั้ง มองดูร่างกายของเขาซึ่งไม่มีร่องรอยบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว ตรงกับที่คุณกิมเล้งกับคุณก๊วนบอกเธอ ว่าศิราชไม่มีแม้แต่รอยมดกัด “ทำไมต้องมีเรื่องด้วยคะ เขาเข้ามาหาเรื่องศิราชเหรอ” “ไปอาบน้ำ จะได้นอน ดึกแล้ว” “ศิราชตอบเฟรญ่าก่อนสิคะ” ยื่นมือไปจับแขนเขาเอาไว้ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง หย่อนขาลงจากเตียง ดึงชายหนุ่มให้แทรกมาตรงกลางระหว่างขาเธอ “เธอไม่จำเป็นต้องรู้เฟรญ่า” “แต่เฟรญ่าอยากรู้นี่คะ” “…” “แล้วตำรวจว่าอย่างไงบ้างคะ” “ไม่ว่าอย่างไง ฉันจะไปอาบน้ำ” บิดแขนออกจากมือเธอ หันหลังเดินเข้าห้องน้ำ “ศิราชเป็นคนเข้าไปหาเรื่องเขาใช่ไหมคะ” ชะงักฝีเท้า ยืนหันหลังให้เธอ “เขาตายหรือเปล่าคะ” เพราะทุกครั้งที่เขามีเรื่อง คู่ต่อสู้ของเขามักจะเจียนตายทุกครั้ง “อ๊ะ!” เขาหันมามองเธอ ผลักเธอให้หงายหลังลงบนเตียงก่อนจะตามขึ้นมาคร่อมทับเธอเอาไว้ “ทำไม ห่วงอะไรมัน” แววตาโกรธจัด เส้นเลือดที่โผล่ขึ้นมาบริเวณหน้าผากเขา เพิ่มความน่ากลัวที่มีอยู่แล้วในตัวเขาเป็นทวีคูณ “ฉันต้องอดทนไม่กระทืบมันให้ตายคาตีนมากแค่ไหนรู้บ้างไหมเฟรญ่า” ศิราชออมแรง อดทน อดกลั้น มันถึงได้นั่งปากดีอยู่ที่โรงพักได้แบบนั้น “อย่าร้องไห้ เธอทำให้ฉันหงุดหงิดเอง” ดันตัวลุกขึ้น เสยผมขึ้นลวกๆ เมื่อเห็นแววตาสั่นระริกของคนตัวเล็กกว่า “ไปอาบน้ำ ฉันจะไปอาบอีกห้อง” เปิดประตูออกไปจากห้องนอน กระแทกประตูเสียงดังจนเธอสะดุ้ง เฟรญ่ายกมือขึ้นกอดตัวเอง เธอถามเพราะเป็นห่วงเขาต่างหากล่ะ หากย้อนกลับไปในอดีตเหตุผลที่เธอเลือกที่จะรักคนแบบเขา ก็เพราะนิสัยแข็งกร้าวที่พร้อมจะปกป้องเธอในทุกเรื่องละมัง ศิราชเข้ามาจีบเธอเฉกเช่นที่ผู้ชายปกติชอบจีบผู้หญิง บุคลิกหน้าตาของเขาดึงดูดเพศตรงข้ามได้ดีอยู่แล้ว ไม่เว้นแม้แต่เธอที่ก็โดนเขาตกตรงนี้เหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เธอรักเขาหรอก ศิราชปฏิบัติตัวต่อเธอแตกต่างจากคนอื่น เขาทำให้เธอเห็นว่าเธอสำคัญกว่าคนอื่นที่เข้ามาในชีวิตเขา ทำให้ใจเธอเหลวเป็นน้ำ รู้สึกว่าตัวเองสำคัญ เหมือนโดนทะนุถนอมเป็นอย่างดี แต่สุดท้ายนิสัยนักเลงของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกกลัว ยิ่งคบนานยิ่งรู้ว่ารอบตัวเขาอันตรายมากแค่ไหน ยิ่งคบยิ่งรู้นิสัยที่แท้จริง ประจวบกับการที่ครอบครัวของเธอรู้ว่าคบกับผู้ชายแบบไหน ช่วงเวลาของเราสองคนในอดีตถึงได้จบลง ศิราชไม่ตาม ไม่ติดต่อ จนเธออดคิดไม่ได้ว่าเขาได้รัก ได้สนใจเธอจริงหรือเปล่า แม้แต่ข้อความเดียวเธอก็ไม่เห็น แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้หรอกเธอเป็นคนหนีเขาออกมาเอง6 วันถัดมา..เช้าวันใหม่ศิราชวิ่งออกกำลังกายตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เขาวิ่งทว่าเฟรญ่าปั่นจักรยานตาม เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ตอนเช้า และเพื่อไปเที่ยวดูสวนทุเรียนของคุณพ่อด้วยคุณพ่อกับคุณแม่เข้าสวนตั้งแต่เช้าไปดูคนตัดทุเรียน เฟรญ่าจึงถือโอกาสออกกำลังกายขาด้วยการปั่นจักรยานเพื่อไปหาท่านขับมาถึงหน้าสวน ตั้งขายั้งกับพื้น เดินเข้าไปในสวนพร้อมกับศิราช เฟรญ่ามาอยู่ที่นี่เกือบอาทิตย์ เธอยังไม่ได้เข้าสวนทุเรียนสักครั้ง มัวแต่หากิจกรรมทำกับครอบครัว เป็นต้นว่าพาคุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันใกล้ๆ บ้าน ให้คุณพ่อได้ทำความคุ้นเคยกับว่าที่ลูกเขย“เดินดีๆ” มองเฟรญ่าที่เดินเซไปเซมาเพราะพื้นไม่เสมอเรียบเหมือนพื้นปูน “บอกว่าเป็นลูกชาวสวนใครจะเชื่อ” ส่ายหน้ามองเธอ“เฟรญ่าไม่ได้ใส่ผ้าใบมานี่คะ เลยเดินไม่คล่องตัว” ชายหนุ่มจับมือเธอ ตรงเข้าไปหาคุณพ่อ การปรากฏตัวพร้อมกันของทั้งคู่ เหมือนเป็นการประกาศว่าที่ลูกเขยของที่นี่ก็ไม่ปาน“น้องเฟรญ่าของพี่~” เสียงยานเรียกเฟรญ่าดังขึ้นบนต้นทุเรียน “จำพี่ได้ไหมจ๊ะ” บอกตรงจำไม่ได้ แต่เฟรญ่าก็เลือกที่จะอมยิ้มส่งให้ “จำไม่ได้แต่พี่จำน้องเฟรญ่าได้นะจ๊ะ คนสวยของพี่~”
ดินเนอร์มื้อค่ำง่ายๆ เกิดขึ้นหน้าบ้าน ศิราชกับคุณพ่อไม่มีบรรยากาศอึมครึมต่อกัน แถมยังดูเข้ากันง่ายขึ้นเพราะกินเหล้าเหมือนกันชายหนุ่มตักหมูกระเทียมให้เธอเพราะเห็นว่าอยู่ไกลมือ การใส่ใจของศิราชอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งหมด แม้จะมีการดูแลคุณพ่อคุณแม่ของเฟรญ่าเพื่อเรียกคะแนนอยู่บ้าง แต่การดูแลลูกสาวของตนดูออกง่ายมาก ว่าทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติเพราะทำแบบนี้ให้เฟรญ่าบ่อย“เฟรญ่าอยากกินกุ้งหรือเปล่าลูกรัก” คุณพ่อพูดและหันไปมองศิราช “ให้พ่อตักให้ไหม”“เฟรญ่าแพ้กุ้งครับ” ศิราชพูดดักเอาไว้“ฮึ” ยกแก้วเหล้าขึ้นกิน พูดไปงั้นแหละ อยากรู้ว่าเขยจะรู้หรือเปล่าว่าเฟรญ่าแพ้ ดูจากการตอบสนองจากคำถามที่ถามเฟรญ่า สีหน้าก็ออกทันที“ถ้าเฟรญ่ามาอยู่ที่นี่ คงมีหนุ่มจีบตรึม เนื้อหอมมากรู้หรือเปล่า” คุณพ่อพูดกับใครไม่มีใครรู้ เสมือนพูดขึ้นมาลอยๆ“แต่เฟรญ่าชอบศิราชค่ะ” พูดกับคุณพ่อยิ้มๆ ได้รับเสียงหัวเราะจากคุณแม่เป็นการยกใหญ่“คุณก็อย่าแกล้งลูก” คุณแม่หันไปพูดกับคุณพ่อ“แล้วศิราชล่ะชอบลูกสาวพ่อหรือเปล่า ไม่สิรักหรือเปล่า ชอบมันพูดง่ายเกินไป มาเพื่อที่จะขอเฟรญ่าแต่งงานคงไม่ตอบว่าแค่ชอบหรอกใช่ไหม?”เฟรญ่าอมยิ้
“คุณพ่อจะไปไหนคะ” เดินเข้ามาในบ้าน เห็นคุณพ่อสวมเสื้อแขนยาว เหมือนจะออกไปไหน แถมยังโยนเสื้อแขนยาวอีกตัวให้ศิราชอีกด้วย ชายหนุ่มเองก็รับเอาไว้ได้ทัน“จะเข้าสวน พ่อหนุ่มตามมา จะเป็นลูกเขยของชาวสวน ก็ต้องเก็บทุเรียนให้เป็น”“คุณพ่อ…” เรียกท่านเสียงอ่อน มองตามหลังท่านที่เดินผ่านเธอไป ศิราชเองก็สวมเสื้อและเดินตามท่านไปเช่นกันเฟรญ่ากังวล เพราะกลัวว่าคุณพ่อจะทดสอบอะไรแผลงๆ ถึงศิราชจะไม่ใช่คนที่ใช้ชีวิตฟู่ฟ่าหรูหรา แต่เขาก็ไม่เคยลำบาก แถมตอนนี้แดดยังร้อนจัดอีกด้วย ขนาดเธอเป็นลูกเจ้าของสวน เฟรญ่ายังไม่เคยเก็บทุกเรียนเองเลยมันต้องใช้ความชำนาญ ซึ่งมีคนงานคอยทำหน้าที่นี้อยู่แล้วคุณพ่อนะคุณพ่ออยากเดินตามทั้งสองคนไป แต่คุณแม่จับแขนเธอเอาไว้ พร้อมส่ายหน้า“เราซื้ออะไรมาเยอะแยะจ๊ะ พาแม่ไปดูหน่อยสิ เตรียมมื้อเย็นให้ทั้งสองคนนั้นด้วย กลับมาคงเหนื่อยและหิว” มองคุณแม่อ้อนๆ แต่ในเมื่อท่านยังคงส่ายหน้าเฟรญ่าจึงจำยอม เดินตามท่านไปในครัว“ตอนนี้ทำงานอะไร” เปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างคนขับ คุณพ่อของเฟรญ่าใช้รถกระบะขับเข้าไปในสวนที่อยู่ห่างออกไป“เปิดร้านสักครับ มีหุ้นธุรกิจกับเพื่อนอีกนิดหน่อย” ตอบท่านอย่างตรง
สองอาทิตย์ต่อมา..เลื่อนกระเป๋าไปให้ศิราชยกขึ้นท้ายรถ เฟรญ่ายิ้มตั้งแต่ตื่นเช้า เธอทั้งตื่นเต้นมากและยินดีมาก เพราะวันนี้เป็นวันที่ศิราชจะเดินทางไปพบคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอท่านเป็นคนต่างจังหวัด และศิราชต้องการขับรถไปเอง แม้จะเหนื่อยหน่อยแต่มันสะดวกต่อการเดินทาง จะแวะที่ไหนก็ได้ระหว่างทาง และเฟรญ่าชอบนั่งรถมากกว่านั่งเครื่องบิน“ไม่ต้องยก” หันมาพูดกับเธอ “พูดไม่ฟังเดี๋ยวโดน” เฟรญ่าย่นจมูกใส่เขา เธอแค่อยากช่วยเขายกกระเป๋าเอง อีกอย่างมันเป็นใบเล็ก“โดนอะไรคะ”“โดนจับจูบ ถ้าไม่อายเด็กในค่ายก็ลองยกอีกรอบ” เฟรญ่าหันไปมองเด็กในค่ายมวยที่มองตรงมายังเธอ ก่อนจะเบือนหน้าหนี“อายค่ะ ไม่ยกแล้ว” ก้าวขาถอยหลัง แต่เฟรญ่ากลับถูกดึงให้กลับเข้าไปชิดตัวเขา “อื้อออ” ชายหนุ่มจูบหนักๆ บนปากนุ่ม“ยิ้มตั้งแต่เช้า ตอนนี้ก็ยังไม่หยุดยิ้ม”“เหมือนคนบ้าไหมคะ” ยิ่งเขาพูดเธอก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น“ไม่เหมือน” ส่ายหน้าตอบ “ไม่มีคนบ้าที่ไหนน่ารักเท่าเธอแล้วเฟรญ่า”“ฮืออออ” วางมือบนแผ่นอกกว้าง ก่อนจะกดหน้าลงเพื่อหลบซ่อนความเขินอายของตัวเองชายหนุ่มปล่อยตัวเธอ ยกกระเป๋าใบสุดท้ายขึ้นรถ ก่อนจะจูงมือเฟรญ่าไปขึ้นรถเพื่อออกเดินท
07.40 น.วางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะ มองคนตัวโตเดินลงบันไดตรงมาที่โต๊ะทานข้าว วันนี้เฟรญ่าทำข้าวต้มเองในครัว ไม่ได้ออกไปทำที่ร้านเฉกเช่นทุกวันชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะดึงเฟรญ่านั่งลงบนตัก เกยคางบนไหล่บอบบาง “วัดไข้ให้หน่อย” จับมือเล็กวางบนหน้าผากเขา “ยังมีไข้อยู่ไหม”เฟรญ่าอมยิ้ม หอมแก้มของชายหนุ่มเป็นการเอาใจคนป่วย “ตัวไม่ร้อนแล้วค่ะ” เมื่อคืนเธอคาดการณ์ว่าเขาอาจไข้สูง แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น หลังจากกินยา อาบน้ำ นอนพัก แปะแผ่นเจลลดไข้ ศิราชก็ไม่ไข้อีกเลย “ตัวเย็นมากเลย”“เพราะเพิ่งอาบน้ำมา” เฟรญ่าพยักหน้ารับ เพราะกลิ่นครีมอาบน้ำยังติดตัวเขาอยู่เลย “ป้อนหน่อย” มองข้าวต้มในถ้วย บอกเฟรญ่าชิดริมหูเฟรญ่าอมยิ้มน้อยๆ นานทีเธอจะเจอศิราชโหมดนี้ ใช้ช้อนตักข้าวต้มเป่าป้อนเขา ศิราชก็อ้าปากรับกินจนหมด วันนี้เขานอนตื่นสายกว่าทุกวัน อยากลุกไปออกกำลังกายตามความเคยชิน แต่ก็โดนเมียตัวน้อยห้ามเอาไว้ แถมยังขู่อีกด้วยว่า หากเขาดื้อ เธอจะขังเขาเอาไว้ในห้องตัวก็แค่นี้ยังมีหน้ามาขู่ ทว่าศิราชก็ยอมทำตาม“วันนี้หยุดทำงานสักวันดีไหมคะ”“เมื่อกี้ฉันมีไข้ไหม” เฟรญ่าส่ายหน้าตอบ “แสดงว่าหายแล้ว”“แต่อาจจะยังไม่
19.00 น.‘มึงอยากให้กูจัดการแบบไหน’ เสียงพูดธิเบศร์ดังผ่านมือถือเข้ามากระทบหูเขา ศิราชถอดถุงมือโยนใส่ถังขยะ เพราะพึ่งสักให้ลูกค้าเสร็จ ทว่ายังไม่เสร็จทั้งหมด ต้องมาทำต่ออีกในวันพรุ่งนี้“แล้วแต่ดุลพินิจ” ตอบเรียบๆ หันไปคว้าเสื้อแขนยาวมาพาดบ่า มองนาฬิกาบนข้อมือเพียงนิด “สองคนนั้นทำร้ายว่าที่น้องสะใภ้มึง”‘…’“น้องสะใภ้คนแรกของมึง”‘เออ’ ตอบรับอย่างหงุดหงิด รู้อยู่หรอกว่าเฟรญ่าเป็นว่าที่น้องสะใภ้ มีใครไม่รู้บ้าง ธิเบศร์เองก็เพิ่งรู้เรื่องว่าพ่อของเขาไปหาว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยตัวเอง ไปดูให้เห็นกับตา“จัดการให้เหมาะสมแล้วกัน”‘ไอ้เวร ทำไมมึงไม่จัดการเองวะ’“หรือมึงจะคอยตามเช็ดให้กู?” ศิราชจัดการเองได้ แต่เพราะเขาละเอียดไม่มากพอ เส้นสายไม่เยอะเท่าธิเบศร์ อารมณ์ร้อนดั่งไฟ เผลอพลั้งมือทำอะไรเกินกว่าเหตุคงไม่ใช่เรื่องดี “จะเอาอย่างนั้นก็ได้ กูไม่มีปัญหา”‘เฮ้อ เดี๋ยวกูจัดการเอง เก็บเงินเตรียมแต่งน้องสะใภ้กูแล้วกัน’“อย่าห่วง เฟรญ่าพร้อมเมื่อไหร่แต่งเมื่อนั้น”‘เออ กูรอดู’สายถูกตัดไป ชายหนุ่มเดินออกจากห้อง มองเฟรญ่าที่นั่งกินผัดไทยอยู่บนโซฟา ดวงตาคู่สวยมองซีรีเกาหลีบนหน้าจอไอแพด โดยมีไอชินั่งเล่น