บรรยากาศในโรงพยาบาลเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทีมบุคลากรทางการแพทย์ต่างรีบเร่งจัดการกับการคลอดก่อนกำหนดที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน สถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครปรารถนาจะเผชิญ แต่พวกเขาก็ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ
บัวรัตนานั่งรออยู่หน้าห้องคลอดด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวล มือของเธอประสานกันแน่น พลางภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นดำเนินไปตามเนื้อเรื่องนิยาย ชลธารจะคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัยโดยมีนรกานต์คอยดูแล แต่ครั้งนี้เธอเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงชะตากรรมด้วยตัวเอง จึงไม่อาจรู้ได้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร
ความไม่แน่นอนเข้าครอบงำจิตใจของบัวรัตนา เธอไม่อาจรู้ได้เลยว่าเหตุการณ์จะดำเนินไปในทิศทางเดิมหรือไม่ ลูกของชลธารที่คลอดก่อนกำหนดจะปลอดภัยหรือเปล่า? ภายใต้ความกังวลของอัลฟ่าสาว ยินเสียงเครื่องมือแพทย์ดังขึ้นเป็นระยะ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกวินาทีเต็มไปด้วยความกดดัน บัวรัตนานั่งนิ่ง เฝ้ารออย่างทรมานในความไม่แน่นอนนี้
เสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้นด้านหลังบัวรัตนา ทว่าเธอไม่ได้นึกสนใจในตอนแรก ด้วยคิดเพียงว่าคงเป็นญาติของผู้ป่วยคนอื่น ๆ
“ดูสิแก หน้าห้องคลอดมีแค่เจ้าสาวคนนั้น ไม่เห็นพ่อของเด็กเลย สงสัยที่เขาพูดกันคงจะเป็นเรื่องจริงเสียล่ะมั้ง” เสียงสาว ๆ ซุบซิบกันดังขึ้นเข้าหูบัวรัตนา
เพื่อนร่วมงานของชลธารที่มาถึงโรงพยาบาลต่างแสดงอาการห่วงใยและอยากรู้ว่าชลธารปลอดภัยหรือไม่ แต่ก็อดใจที่จะนินทากันไม่ได้ เรื่องที่ชลธารท้องไม่มีพ่อถูกพูดถึงกันมานานหลายเดือน จึงยากที่จะห้ามไม่ให้คนพูดถึง แม้แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันบอกแกตั้งหลายครั้งแล้ว หมอนั่นเป็นโอเมก้าไม่ใช่เหรอ ท้องไม่มีพ่อก็คงไม่แปลก ควบคุมตัวเองตอนฮีตไม่ได้แบบนั้นก็สมควรแล้ว”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ฉันเห็นโอเมก้าหลายคนก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบธารทุกคน” เพื่อนร่วมงานอีกคนเอ่ยขึ้น พยายามห้ามปรามการนินทาที่เริ่มจะลามไปไกลกว่าที่ควรจะเป็น
“แบบไหน? แบบท้องไม่มีพ่อน่ะเหรอ” ถึงแม้ว่าจะเป็นห่วงชลธารจริง ๆ แต่ความอยากรู้อยากเห็นและการนินทาก็ยังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเธอพูดคุยกันคิกคักอย่างสนุกปาก บัวรัตนาไม่มีจิตใจจะด่ากลับในตอนนี้ เธอเลือกที่จะปล่อยให้พวกนั้นพูดไปก่อน เพราะเดี๋ยวความจริงจะถูกเปิดเผยเอง โดยเธอเองนี่แหละ!
“บัว!”
ทั้งพ่อและแม่ของบัวรัตนาเดินทางมาถึงโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ เมื่อมาถึงพวกเขาก็ตรงเข้ามาหาลูกสาวทันที สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลทำให้บัวรัตนาตัดสินใจเริ่มการแสดงของเธอทันที
“พ่อ แม่...” บัวรัตนาเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตกใจของพ่อกับแม่ที่เข้ามาถึง เธอก็รู้ทันทีว่าต้องทำอะไรต่อไป
“ไหน บอกแม่สิ เล่ามาให้หมดเลยนะ” คุณหญิงกัลยาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ มืออ่อนนุ่มของผู้เป็นแม่เอื้อมไปกุมมือบัวรัตนาไว้แน่น สายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาวที่ดูไม่ดีนัก
“คือ...ถ้าบัวพูดความจริง พ่อกับแม่สัญญานะคะ ว่าจะไม่โกรธบัว” บัวรัตนาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พยายามบีบน้ำตาให้ไหลออกมาเพื่อเสริมบทบาทที่เธอกำลังแสดง
“พูดมาเถอะบัว แม่ไม่โกรธหรอก...” แม่ของเธอปลอบใจ พลางส่งสายตาให้กำลังใจ
“บัวมีคนรักอยู่แล้วค่ะ...คือเขาคนนั้น”
“หา?!” พ่อกับแม่ของบัวรัตนาส่งเสียงอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ พวกเขาคาดไม่ถึงกับคำสารภาพที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินจากลูกสาว เพราะเธอไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ฟังมาก่อน ทำเอาทั้งคู่ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“บัวแต่งงานกับคุณสองตามความต้องการของพ่อกับแม่ ก่อนหน้านี้บัวกับธารเลิกรากันไปด้วยดีแล้วนะคะ แต่บัวไม่คิดว่าครั้งสุดท้ายที่มีอะไรกัน ธารจะตั้งท้องขึ้นมา ธารเองก็คงเห็นว่าเลิกกันแล้ว คนขี้เกรงใจแบบเขาก็เลยไม่ติดต่อมาอีก แต่ก็ดันบังเอิญมาเจอกันวันนี้พอดี ก็เลยเป็นอย่างที่พ่อกับแม่เห็นค่ะ” บัวรัตนาเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า พร้อมกับปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม การแสดงของเธอดูสมจริงจนทำให้พ่อกับแม่เชื่อสนิทใจ
เดิมทีตามเนื้อเรื่องในนิยาย บัวรัตนาต้องแต่งงานกับนรกานต์ หรือที่เธอเรียกว่า “คุณสอง” เพราะพ่อของเธอต้องการใครสักคนมาออกหน้าช่วยดูแลบริษัทแทนลูกสาวที่ออกหน้าออกตาไม่ได้ และนรกานต์ก็เป็นอัลฟ่าผู้มีหน้าตาและความสามารถ สติปัญญาของเขาจะช่วยให้บริษัทก้าวหน้าได้
ท่านชายวรชัยกับคุณหญิงกัลยาเองก็เคยผ่านการแต่งงานแบบคลุมถุงชนมาก่อน แต่พวกเขาเข้ากันได้ดีและสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นจึงไม่เคยคิดว่าบัวรัตนาจะมีปัญหากับการทำเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือ การตัดสินใจครั้งนี้กลับกลายเป็นความผิดมหันต์ที่เปลี่ยนชีวิตของบัวรัตนาไปตลอดกาล
ตอนนี้เพื่อนร่วมงานของชลธารต่างรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว แต่ละคนต่างพากันอ้าปากค้างเมื่อได้ยินความจริงที่คาดไม่ถึง คนรักของชลธารไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นทายาทตระกูลก้องเกษมทรัพย์ ตระกูลผู้มั่งคั่งและมีชื่อเสียงโด่งดังในสังคม! ความตกใจและความไม่เชื่อปรากฏชัดในสายตาของทุกคน
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยแก นี่มันเรื่องจริงใช่ไหม แกช่วยหยิกฉันหน่อยสิ!” หนึ่งในเพื่อนร่วมงานของชลธารพูดขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เธอเอาแต่สะกิดเพื่อนข้างกายไม่หยุด
“โอ๊ย! ก็ได้ยินเต็มสองหูแล้วไม่ใช่หรือไง!” เพื่อนคนนั้นตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์
“เรื่องนี้ต้องเอาไปขยายต่อ กลับกันเถอะแก” ทั้งสองคนนั้นพูดคุยกันสักพัก ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปอย่างตื่นเต้น
“สรุปแล้ว นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม บัวไม่ได้โกหกแม่ใช่ไหม...” แม่ของบัวรัตนาทวนถามอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“บัวจะโกหกแม่ทำไมคะ ถ้าบัวไม่ได้รักกับธารจริง ๆ ก็คงไม่รีบพาเขามาโรงพยาบาลหน้าตาตื่นแบบนี้หรอกค่ะ บัวไม่ได้อยากเป็นขี้ปากใครเปล่า ๆ สักหน่อย” อัลฟ่าสาวแสร้งสูดหายใจลึกคล้ายพยายามกลั้นน้ำตา ส่งผลให้ผู้เป็นแม่ใจอ่อนยวบทันที
“แล้วหลังจากนี้ลูกจะทำยังไง?” คุณหญิงกัลยาถามด้วยความกังวล ส่วนท่านชายวรชัยเองที่ยืนเงียบไม่พูดอะไร เนื่องจากชายผู้เป็นผู้นำตระกูลก้องเกษมทรัพย์กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวหลังจากนี้ เกิดเรื่องใหญ่โตในงานแต่งแบบนี้คงต้องตามล้างตามเช็ดให้ลูกสาวอีกเยอะ แต่ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว การโวยวายออกมากลางโรงพยาบาลก็คงไม่ใช่เรื่องดี
“พ่อกับแม่กลับไปก่อนก็ได้นะคะ บัวจะอยู่จนกว่าธารจะคลอดแล้วค่อยกลับบ้าน” บัวรัตนาจับมือนุ่ม ๆ ของแม่แน่น เธอยิ้มให้แม่ปล่อยวางและพาพ่อกลับไปก่อน ทั้งสองจึงยอมจากไปโดยดี พร้อมกับเตรียมตัวไปเคลียร์กับพวกตระกูลเจริญผลวัฒนา ป่านนี้พวกเขาคงงงเป็นไก่ตาแตกอยู่เช่นกัน
ไม่นานหลังจากพ่อและแม่กลับไป คุณหมอได้ออกมาจากห้องคลอดและกล่าวข่าวดีให้บัวรัตนาฟัง
“ญาติคนไข้ใช่ไหมครับ?” คุณหมอสูงอายุเข้ามาทักเมื่อเห็นว่าเธอเป็นคนเดียวที่อยู่หน้าห้องคลอดในตอนนี้
“ค่ะ ชลธารเป็นยังไงบ้างคะหมอ ทุกอย่างราบรื่นดีไหมคะ?”
“เรียบร้อยดีครับ ปลอดภัยทั้งคุณชลธารและเด็ก ตอนนี้หมอได้ย้ายคนไข้ไปห้องพักผู้ป่วยแล้ว ญาติเข้าเยี่ยมได้เลยนะครับ หมอต้องขอตัวก่อน” คุณหมอแจ้งผลให้บัวรัตนาทราบก่อนจะเดินจากไป
บัวรัตนาเมื่อได้ยินข่าวดีนั้น เธอก็เดินไปยังห้องพักแยกของชลธารทันที และแน่นอนว่าเธอได้แจ้งไว้ก่อนแล้วว่าขอห้อง VIP ให้กับชลธาร เพื่อให้ทุกอย่างสมกับที่เธอเตรียมจะรับเขาเข้ามาในตระกูล
อีกด้านหนึ่ง ในงานแต่งงานที่ไร้เจ้าสาว แขกในงานต่างพากันซุบซิบถึงเรื่องฉาวที่เกิดขึ้นไม่หยุด แม้ตระกูลเจริญผลวัฒนาจะพยายามแก้ข่าวแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ไม่นาน แขกในงานก็พากันทยอยกลับ เมื่อเข้าใจว่างานแต่งล่มกลางคัน ทำให้ตระกูลเจริญผลวัฒนารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“ลูกชายฉันต้องมาเสียชื่อเพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียวเลย!”
ท่านชายปิยวัฒน์ยืนอารมณ์เสียอย่างหนัก เขาพยายามยื้อแขกในงานอยู่นาน แต่ไม่มีใครยอมฟัง เขาอุตส่าห์ไว้ใจให้ลูกชายแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนรักสมัยเรียน แต่ไม่คิดว่ามันจะจบลงเละเทะแบบอย่างนี้!
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับพ่อ ผมมีแผนเตรียมเอาไว้แล้ว รอดูหลังจากนี้ได้เลย ตระกูลก้องเกษมทรัพย์ต้องอยู่ไม่สุขแน่”
นรกานต์กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น นัยน์ตาสีดำเข้มลึกล้ำด้วยอารมณ์ที่อ่านไม่ออก
ที่บ้านพักตากอากาศสุดหรูแบบพูลวิลล่าขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ติดริมทะเลภูเก็ตซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ทั้งคนไทยและต่างชาตินิยมมาพักผ่อน แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นก็ตาม คนไทยที่มีฐานะส่วนใหญ่ ถ้าชื่นชอบการเที่ยวทะเล มักจะซื้อบ้านพักตากอากาศไว้ตามที่ต่าง ๆ บางคนถึงกับลงทุนหลายล้านเพื่อครอบครองที่ดินและบ้านพักริมทะเลที่ตนเองชอบนรกานต์ บัวรัตนา และชลธารเดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ในช่วงค่ำ เนื่องจากบัวรัตนามีงานสำคัญในช่วงกลางวันที่ต้องจัดการก่อน แม้ว่าทั้งสามคนจะตกลงกันไว้แล้วว่าจะมาฮันนีมูนที่นี่ แต่สำหรับบัวรัตนา งานก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยบ้านหลังนี้เป็นบ้านของบัวรัตนาที่เธอตัดสินใจซื้อไว้หลังจากถูกใจบ้านนี้เข้าเต็มเปา แต่ด้วยงานที่รัดตัว ทำให้เธอแทบไม่มีเวลาได้มาใช้ชีวิตในบ้านพักหลังนี้เลย ทั้งที่เธอเคยเป็นคนชอบเที่ยวทะเลมาก นอกจากนี้ บัวรัตนายังเป็นหุ้นส่วนในรีสอร์ทที่มีพูลวิลล่าหลายหลังอีกด้วยเมื่อมาถึง บัวรัตนาก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน นรกานต์มองดูเธอด้วยความเอ็นดูเล็กน้อย เพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นบัวรัตนาแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าแบบนี้บ่อยนัก งานที่เธอเผ
เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กลับกลายเป็นความจริงในโลกของบัวรัตนา จากความสับสนและความไม่แน่นอนที่เคยบดบังเส้นทางของเธอไป เมื่อเวลาผ่านไป เธอได้เรียนรู้และเข้าใจตัวเองมากขึ้น รวมถึงคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างในชีวิต ความเข้าใจนี้ทำให้เธอตระหนักว่าเธอรักทั้งนรกานต์และชลธารพร้อมกันอย่างแท้จริงความเคียดแค้นที่เคยมีต่อนรกานต์ได้ถูกลบล้างจนหมดสิ้น เมื่อบัวรัตนาเริ่มเห็นความเปราะบางในตัวเขาแทนที่ความเย่อหยิ่ง ความรู้สึกเหล่านี้เปลี่ยนเป็นความรักและความปรารถนาที่จะดูแล ส่วนชลธารที่เริ่มต้นด้วยความสบายใจ กลับค่อย ๆ พัฒนาเป็นความรักที่มั่นคงและลึกซึ้งยิ่งขึ้นการใช้ชีวิตร่วมกันทั้งสามคน แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาและท้าทาย แต่กลับเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตของพวกเขาอย่างที่ไม่เคยคาดคิด แต่ละคนมีบทบาทเฉพาะในการช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย จนทำให้ความสัมพันธ์นี้ก้าวสู่ความสมบูรณ์แบบ ความรักของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกที่แบ่งปัน แต่เป็นการหล่อหลอมให้กลายเป็นหนึ่งเดียวที่แน่นแฟ้น“ธาร อย่าลืมกระเป๋าใบนั้นนะ มันสำคัญมาก!” บัวรัตนาเอ่ยกำชับ พร้อมชี้ไปยังกระเป๋าถือขนาดกลางที่วางตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง“ทำไม
“แต่ฉันจริงจัง...”คำพูดนั้นทำให้นรกานต์รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ความหนาวเย็นไหลวูบผ่านสันหลัง เขาเริ่มตระหนักว่าเขาอาจจะพูดจาไม่คิด และตอนนี้คงหาเรื่องใส่ตัวตั้งแต่เช้าเข้าให้แล้ว ความรู้สึกกังวลพลันเข้ามาครอบงำเขาอย่างรวดเร็วนรกานต์พยายามเบี่ยงเบนความเครียดด้วยการเล่นมุก เขาเอื้อมมือไปดึงแก้มบัวรัตนาเบา ๆ “อย่าคิดมากสิ คุณบัว ขำ ๆ น่า อย่าหน้าบึ้งเลย” เขาพยายามดึงรอยยิ้มจากเธอ แต่บัวรัตนากลับหัวเราะเบา ๆ เพียงชั่วครู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น“จะว่าอะไรไหมถ้าฉันอยากจะเริ่มต้นใหม่กับคุณ?” บัวรัตนาถามขึ้น ทำให้นรกานต์ชะงักไป เขาไม่เข้าใจแน่ชัดว่าหมายความว่ายังไง“หมายความว่ายังไงนะ ผมไม่เข้าใจ” นรกานต์ขมวดคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความกังวลบัวรัตนาสูดหายใจลึก เธอรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องพูดความในใจ “ฉันคิดดูแล้ว... ฉันไม่อยากให้เรายึดติดกับสถานะคู่แต่งงานใช้หนี้บ้า ๆ บอ ๆ นั่น ตอนนี้คุณสองก็รักฉัน ฉันก็รู้สึกดีกับคุณเหมือนกัน แต่...”“แต่...?” นรกานต์ถามต่อด้วยความสงสัย สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่สำคัญมากกำลังจะถูกพูดออกมา“แต่...อะไรล่ะ? ถ้าคุณบัวพูดแบบนี้ ฟัง
บัวรัตนายืนฟังทุกอย่างอยู่ที่หน้าประตูห้องเลี้ยงเด็ก ทุกคำพูดของนรกานต์และชลธารสะท้อนเข้ามาในความคิดของเธออย่างชัดเจน ทั้งสองคนกำลังเปิดเผยความในใจต่อกันอย่างตรงไปตรงมาเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จและตั้งใจจะมาเล่นกับเจ้าตัวน้อยเหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาที่แฝงความรู้สึกเจ็บปวดนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากความเชื่อเดิม ๆ ที่เคยมีมา สุดท้ายบัวรัตนาก็ตัดสินใจถอยออกมาก่อนเงียบ ๆ ปล่อยให้นรกานต์และชลธารได้คุยกันต่อตัวเธอเองก็ต้องใช้เวลานี้เพื่อพิจารณาความรู้สึกของตัวเองด้วยบัวรัตนาเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองด้วยฝีเท้าเบาหวิว ก่อนปิดประตูลงแผ่วเบา อัลฟ่าสาวเดินไปนั่งอยู่หน้ากระจก มองดูเงาสะท้อนของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในบานกระจกใส เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของตัวเอง รู้สึกได้ถึงความสับสนและคำถามที่ค่อย ๆ ถาโถมเข้ามาเธอครุ่นคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในชาติที่แล้ว ตอนที่เธอตัดสินใจตกลงแต่งงานกับนรกานต์ ทุกอย่างตอนนั้นมันดูเต็มไปด้วยความหวัง แต่หลังจากนั้นเธอพบว่าความรักที่เธอวาดฝันไว้นั้นกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง การแต่งงานครั้งนั้นพังทลายลงเพราะความเชื่อผิด ๆ และความคาดหวังที่ไม่เป็นจริง
ความทรงจำเกี่ยวกับชลธารหวนกลับมาเล่นงานนรกานต์อีกครั้ง ภาพในหัวของเขาพาให้คิดย้อนกลับไปถึงวันที่เขาขืนใจชลธาร มันไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากความรักหรือความผูกพันใด ๆ แต่มันเต็มไปด้วยความรุนแรงและการบังคับ ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถมเข้าใส่ เมื่อเขาตระหนักว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่คล้ายกัน การถูกบีบให้ต้องแบกรับสิ่งที่ไม่คาดคิดและความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับมันเขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ชลธารจะรู้สึกอย่างไรตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนั้น? จะรู้สึกทุกข์ทรมานเหมือนกับที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้หรือไม่? นรกานต์ได้ยินมาว่าชลธารยังคงทำงานต่อไปแม้จะตั้งท้อง แม้ต้องแบกรับน้ำหนักของท้องที่ใหญ่ขึ้นทุกวัน เขายังคงพยายามทำงานตลอดเก้าเดือนที่ยาวนานในที่สุดนรกานต์ก็เริ่มยอมรับในความแข็งแกร่งของชลธาร ความอดทนและความพยายามของโอเมก้าคนนี้เกินกว่าที่เขาเคยประเมินไว้มาก เขาไม่เคยคิดว่าโอเมก้าที่เขาเคยมองว่าอ่อนแอ จะมีความอดทนและหัวใจที่แข็งแกร่งขนาดนี้ มันทำให้เขาเริ่มมองเห็นความผิดพลาดของตัวเองในอดีตมากขึ้น ความโกรธ ความรุนแรง และความเย่อหยิ่งที่ทำให้เขาทำลายทุกอย่าง ตอนนี้กลับมากัดกร่อนหัวใจของเขาเอง
เวลาผ่านไปหลายเดือน เรื่องการตั้งครรภ์ของนรกานต์ยังคงเป็นความลับที่รู้กันเฉพาะในครอบครัว บัวรัตนาจัดการทุกอย่างอย่างรอบคอบ เธอให้เหตุผลกับบริษัทว่านรกานต์ต้องไปดูงานที่สาขาใหม่ในต่างจังหวัด เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยในการหายตัวไปชั่วคราวของเขา แต่ในความเป็นจริง นรกานต์ต้องอยู่ภายใต้การดูแลใกล้ชิดเนื่องจากภาวะแท้งคุกคามที่ทำให้เขาไม่สามารถทำงานหนักได้การตั้งครรภ์ทำให้ชีวิตของนรกานต์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยเป็นอัลฟ่าที่ทรงพลังและทำงานเก่ง ตอนนี้เขาต้องประสบกับความยากลำบากในการเดินหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แม้แต่การขึ้นบันไดก็กลายเป็นภาระ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะบัวรัตนาไม่เคยห่างเขา เธอมักหาเวลามาดูแล ทั้งก่อนออกไปทำงานและหลังเลิกงาน และในวันที่เธอไม่ได้เข้าบริษัท เธอก็จะใช้เวลาอยู่กับนรกานต์ให้มากที่สุดแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จะยังคงเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความขัดแย้งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาได้ใช้ร่วมกันก็ทำให้บัวรัตนาเริ่มคิดทบทวนหลาย ๆ อย่างในชีวิต ความผูกพันที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างการดูแลนรกานต์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ทำให้