บัวรัตนาคิดมาพักใหญ่แล้วว่าชีวิตตัวเองช่างเหมือนนิยายน้ำเน่าเสียจริง เธอเกิดเป็นอัลฟ่า แต่เพราะสังคมปิตาธิปไตยบีบให้จำต้องแต่งใครสักคนเข้ามาช่วยดูแลบริษัท ทั้งที่เรื่องทั้งหมดเธอสามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว ภายหลังยังต้องมารับรู้ว่าสามีอัลฟ่าของเธอเคยลักลอบมีสัมพันธ์กับโอเมก้าคนอื่น แถมโอเมก้าคนนั้นยังต้องท้อง ทั้งสองมีลูกด้วยกัน! กับนรกานต์ สามีของเธอ เดิมทีแม้จะแต่งงานกันด้วยเหตุผลทางธุรกิจโดยปราศจากความรัก ทว่าเธอก็ยังหวังว่าเขาจะให้เกียรติกันในฐานะสามีภรรยา ไม่นึกว่าหลังจากได้พบกับชลธารโอเมก้าคนนั้นอีกครั้ง นรกานต์จะมุ่งมั่นตามตื๊ออีกฝ่ายจนไม่สนภาพลักษณ์หรือหน้าตาทางสังคมใด ๆ ถ้าสามีของเธอแค่ต้องการรับผิดชอบเพียงอย่างเดียวก็ว่าไปอย่าง แต่นรกานต์กลับทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งอีกฝ่ายเข้าบ้านให้ได้ เพียงเพราะคำว่ารักคำเดียว ทำให้เธอต้องสูญเสียทุกอย่าง ถูกหักหลังจนสิ้นเนื้อประดาตัว แม้แต่ชีวิตก็เอาไม่รอด! ไม่คิดว่าหลังจากตายไป เธอจะได้รับโอกาสกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ในคืนวันแต่งงานของพวกเขาทั้งสองคน เอาละ กับชลธารคนนั้น เธอถือว่าอีกฝ่ายก็เป็นเหยื่อราคะของนรกานต์เหมือนกันจึงยังพอปล่อยไปได้ แต่สามีสุนัขของเธอคนนี้ต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม!
View Moreชีวิตที่เหมือนพล็อตละครน้ำเน่านี่มันอะไรกัน
“ออกไป”
น้ำเสียงเคร่งขรึมเอ่ยพร้อมกับแรงมือที่ผลักอย่างไม่ออมแรงจนหญิงสาวที่หมายพุ่งตัวเข้าไปในรถกระเด็นออกมา ร่างงามระหงของบัวรัตนาเซถลาตามแรงส่ง ก่อนจะล้มลงบนพื้นถนนคอนกรีตร้อนจัดจนแทบแผดเผาผิวขาวเนียนของเธอให้เป็นรอยแดง ทว่าในหัวใจของหญิงสาวนั้นเย็นเยียบลงด้วยความเย็นชาของเขา
“ทำไม...คุณจะหย่าจริง ๆ งั้นเหรอ”
เสียงสั่นเทาเอ่ยถาม ข่มความปวดร้าวในอกแล้วกลืนลงไป
ชายหนุ่มผู้นั่งอยู่ในรถคันหรูคือนรกานต์—สามีตามนิตินัยของเธอ รูปหน้าหล่อเหลาคมเข้มรับกับคิ้วรูปดาบพาดเฉียงเหนือดวงตาสีนิล ซึ่งบัดนี้กำลังเดือดระอุด้วยอารมณ์โกรธกรุ่น
“ยังต้องให้ผมบอกอีกเหรอ ก็ผมไม่เคยรักคุณ”
“เพราะงั้นคุณเลยจะหย่างั้นสิ คุณสอง” บัวรัตนาเอ่ยเสียงเย็น
เมื่อเช้าหลังจากเธอตื่นนอนขึ้นมา หญิงสาวก็พบเพียงที่ว่างข้างตัวอันว่างเปล่าและใบหย่าซึ่งวางไว้ตรงหัวเตียง ฝ่ายชายลงชื่อเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแต่ชื่อของบัวรัตนาเท่านั้น นั่นทำให้โทสะของเธอปะทุขึ้นมา
แรกเริ่มเดิมที การแต่งงานระหว่างนรกานต์กับบัวรัตนาเกิดขึ้นเพราะมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งพวกเรายังเป็นอัลฟ่าทั้งคู่ ก่อนแต่งงานบัวรัตนาจึงไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับความรักทะนุถนอมจากอีกฝ่าย เธอเพียงหวังให้สามีให้เกียรติในฐานะภรรยา และเอาใจใส่กันบ้างตามประสาคนร่วมเรียงเคียงหมอน
แต่ทุกอย่างมันกลับผิดพลาดไปหมด
“เรื่องแค่นี้ต้องให้อธิบายด้วยเหรอ?” นรกานต์ปรายตามองเธออย่างเย็นชา สีหน้าราบเรียบปานไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น
“ทำไม? ฉันถามว่าทำไม! ในเมื่อฉันให้คุณได้ทุกอย่าง เงินทอง ที่ดิน หนี้สินของครอบครัวคุณฉันก็เป็นคนจัดการให้ แล้วเพราะอะไร?” บัวรัตนาพยายามเค้นเสียงออกมา ในใจเธอจุกจนแทบพูดไม่ออกแล้วแท้ ๆ แขนขาก็อ่อนแรงไปหมด กระนั้นก็ยังพยายามออกแรงจับเขาไว้แน่นเพื่อไม่ให้เขาได้หนีไปไหน
“ก็เพราะว่าหมดแล้วไง” พูดจบร่างสูงก็สลัดมือของเธอทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
“เดี๋ยว!—”
นรกานต์เปิดประตูรถพร้อมกับแทรกตัวเข้าไปนั่งก่อนจะปิดมันลงอย่างรวดเร็ว จนบัวรัตนาที่พยายามเอื้อมมือออกไปเกือบโดนหนีบไปด้วย! บัวรัตนาไม่ยอมแพ้ เธอพยายามเปิดประตูรถแต่มันกลับถูกล็อกไว้แล้วจากด้านใน เธอทั้งทุบและตีอยู่แบบนั้น สายตาจากคนรอบข้างเริ่มจับตามองเหตุการณ์ ถึงเธอจะตกเป็นเป้าสายตาและต้องอับอายแค่ไหน เธอจะไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ
“เปิดเถอะนะคุณสอง เรื่องนี้เราคุยกันได้นะ โอเค ฉันอาจจะเรียกร้องกับคุณเยอะไปหน่อย แต่ฉันจะพยายามปรับตัวให้นะ คุณเปิดประตูมาคุยกันก่อนเถอะ...” เธอลดระดับเสียงเป็นอ้อนวอนขอความเห็นใจ แต่ความเคลื่อนไหวภายในรถคันนั้นก็ยังคงนิ่งอยู่
แต่แล้วกระจกดำทึบก็ถูกเลื่อนลง เผยให้เห็นคนด้านใน ใบหน้าของนรกานต์ยังคงเรียบเฉยและเย็นชาเช่นเดิม สายตาที่ทอดมามีแต่ความรู้สึกสมเพชอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกถึงความเย้ยหยันที่เขามีต่อเธอ
“คุณสอง...”
เจ้าของชื่อเรียกถอนหายใจแรงคล้ายเหนื่อยระอาเต็มทน หากเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกระตุกแผ่วเบาตรงชายเสื้อ คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันก็พลันคลายลง
นรกานต์หันไปมอบรอยยิ้มที่เรียกได้ว่าแสนจะอ่อนโยนให้เจ้าของร่างบางข้างกาย ชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าก้มหน้างุดหลบสายตาร้อนแรงนั้น ก่อนเบือนหน้ามาทางหญิงสาวที่นั่งพังพาบอยู่บนพื้นถนนอันร้อนระอุด้วยสีหน้าเห็นใจปนสงสาร
ดวงตากลมใสวาวรื้นด้วยหยาดน้ำ น่าแปลกตรงที่แม้อีกฝ่ายจะนับเป็นชายหนุ่มผู้เรียกได้ว่าเติบโตเต็มที่แล้ว ทว่าเมื่อแสดงอากัปกิริยาเช่นนี้กลับยังให้ความรู้สึกว่าน่าเอ็นดู น่าทะนุถนอมนัก
ก็เรื่องความสามารถในการดึงดูดเพศอัลฟ่า นับเป็นข้อได้เปรียบของโอเมก้านี่นะ
กระทั่งในสายตาของอัลฟ่าอย่างบัวรัตนายังเห็นเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องนับว่านรกานต์จะหน้ามืดตามัวสักแค่ไหน
“ผมจะบอกคุณชัด ๆ อีกครั้งนะคุณบัว ผมไม่อยากให้สัญญาแต่งงานงี่เง่านี่รั้งพวกเราเอาไว้ด้วยกันอีกแล้ว คนที่ผมรักสมควรได้รับสิ่งที่ควรได้อย่างแท้จริงเสียที”
“คนที่คุณรัก เฮอะ ส่วนฉันมันก็แค่ภรรยาในนามใช่ไหม...”
หลังจากที่ได้เจอกับชลธารอีกครั้งในวันแต่งงานของเรา นรกานต์ก็เอาแต่เริ่มตามตื้อโอเมก้าคนนั้นอย่างไม่ลืมหูลืมตา จนไม่สนใจภาพลักษณ์หรือหน้าตาในสังคมใด ๆ เลย หลายครั้งที่เธอพยายามเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แต่ทุกครั้งก็ต้องจบลงด้วยความเงียบ เพราะเธอทำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ ทั้งที่สิ่งที่เธอต้องการก็มีเพียงแค่การรักษาฐานะสามีภรรยาให้คงอยู่เท่านั้นเอง
“รู้ดีแล้วก็จำไว้ คนที่ผมรักมีแค่ธารเท่านั้น นี่คือความจริงและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
สิ้นคำพูดประโยคนั้น สามีของเธอก็สั่งให้คนขับรถเคลื่อนตัวออกทันที บัวรัตนาไม่ยอมแพ้ เธอวิ่งตามรถคันหรูสีดำนั่นอย่างไม่ลดละ แม้จะรู้ดีว่าคงไม่อาจตามทันก็ตาม แต่เธอก็ยังคงวิ่งต่อไปไม่ลดละ ราวกับการวิ่งตามครั้งนี้คือการไขว่คว้าบางสิ่งที่หลุดมือไปแล้วให้กลับมาเป็นของเธออีกครั้ง
หญิงสาวตะโกนเรียกชื่อนรกานต์ไม่หยุด ขณะที่ร่างกายอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัวว่าเธอวิ่งตามรถคันนั้นจนมาถึงถนนใหญ่
เสียงแตรรถดังสนั่นรอบตัว ปลุกสติที่กระจัดกระจายของบัวรัตนาให้กลับมา แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป รถคันหนึ่งพุ่งชนเธอเต็มแรง ร่างของเธอถูกกระแทกจนลอยกระเด็นออกไปตามแรงปะทะ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนชาทุกส่วน เสียงรอบข้างที่เคยดังก้องค่อย ๆ เลือนหายไปในความมึนงง
ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะค่อย ๆ จมลงเข้าสู่ความมืดสนิท...
ที่บ้านพักตากอากาศสุดหรูแบบพูลวิลล่าขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ติดริมทะเลภูเก็ตซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ทั้งคนไทยและต่างชาตินิยมมาพักผ่อน แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นก็ตาม คนไทยที่มีฐานะส่วนใหญ่ ถ้าชื่นชอบการเที่ยวทะเล มักจะซื้อบ้านพักตากอากาศไว้ตามที่ต่าง ๆ บางคนถึงกับลงทุนหลายล้านเพื่อครอบครองที่ดินและบ้านพักริมทะเลที่ตนเองชอบนรกานต์ บัวรัตนา และชลธารเดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ในช่วงค่ำ เนื่องจากบัวรัตนามีงานสำคัญในช่วงกลางวันที่ต้องจัดการก่อน แม้ว่าทั้งสามคนจะตกลงกันไว้แล้วว่าจะมาฮันนีมูนที่นี่ แต่สำหรับบัวรัตนา งานก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยบ้านหลังนี้เป็นบ้านของบัวรัตนาที่เธอตัดสินใจซื้อไว้หลังจากถูกใจบ้านนี้เข้าเต็มเปา แต่ด้วยงานที่รัดตัว ทำให้เธอแทบไม่มีเวลาได้มาใช้ชีวิตในบ้านพักหลังนี้เลย ทั้งที่เธอเคยเป็นคนชอบเที่ยวทะเลมาก นอกจากนี้ บัวรัตนายังเป็นหุ้นส่วนในรีสอร์ทที่มีพูลวิลล่าหลายหลังอีกด้วยเมื่อมาถึง บัวรัตนาก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน นรกานต์มองดูเธอด้วยความเอ็นดูเล็กน้อย เพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นบัวรัตนาแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าแบบนี้บ่อยนัก งานที่เธอเผ
เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กลับกลายเป็นความจริงในโลกของบัวรัตนา จากความสับสนและความไม่แน่นอนที่เคยบดบังเส้นทางของเธอไป เมื่อเวลาผ่านไป เธอได้เรียนรู้และเข้าใจตัวเองมากขึ้น รวมถึงคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างในชีวิต ความเข้าใจนี้ทำให้เธอตระหนักว่าเธอรักทั้งนรกานต์และชลธารพร้อมกันอย่างแท้จริงความเคียดแค้นที่เคยมีต่อนรกานต์ได้ถูกลบล้างจนหมดสิ้น เมื่อบัวรัตนาเริ่มเห็นความเปราะบางในตัวเขาแทนที่ความเย่อหยิ่ง ความรู้สึกเหล่านี้เปลี่ยนเป็นความรักและความปรารถนาที่จะดูแล ส่วนชลธารที่เริ่มต้นด้วยความสบายใจ กลับค่อย ๆ พัฒนาเป็นความรักที่มั่นคงและลึกซึ้งยิ่งขึ้นการใช้ชีวิตร่วมกันทั้งสามคน แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาและท้าทาย แต่กลับเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตของพวกเขาอย่างที่ไม่เคยคาดคิด แต่ละคนมีบทบาทเฉพาะในการช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย จนทำให้ความสัมพันธ์นี้ก้าวสู่ความสมบูรณ์แบบ ความรักของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกที่แบ่งปัน แต่เป็นการหล่อหลอมให้กลายเป็นหนึ่งเดียวที่แน่นแฟ้น“ธาร อย่าลืมกระเป๋าใบนั้นนะ มันสำคัญมาก!” บัวรัตนาเอ่ยกำชับ พร้อมชี้ไปยังกระเป๋าถือขนาดกลางที่วางตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง“ทำไม
“แต่ฉันจริงจัง...”คำพูดนั้นทำให้นรกานต์รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ความหนาวเย็นไหลวูบผ่านสันหลัง เขาเริ่มตระหนักว่าเขาอาจจะพูดจาไม่คิด และตอนนี้คงหาเรื่องใส่ตัวตั้งแต่เช้าเข้าให้แล้ว ความรู้สึกกังวลพลันเข้ามาครอบงำเขาอย่างรวดเร็วนรกานต์พยายามเบี่ยงเบนความเครียดด้วยการเล่นมุก เขาเอื้อมมือไปดึงแก้มบัวรัตนาเบา ๆ “อย่าคิดมากสิ คุณบัว ขำ ๆ น่า อย่าหน้าบึ้งเลย” เขาพยายามดึงรอยยิ้มจากเธอ แต่บัวรัตนากลับหัวเราะเบา ๆ เพียงชั่วครู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น“จะว่าอะไรไหมถ้าฉันอยากจะเริ่มต้นใหม่กับคุณ?” บัวรัตนาถามขึ้น ทำให้นรกานต์ชะงักไป เขาไม่เข้าใจแน่ชัดว่าหมายความว่ายังไง“หมายความว่ายังไงนะ ผมไม่เข้าใจ” นรกานต์ขมวดคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความกังวลบัวรัตนาสูดหายใจลึก เธอรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องพูดความในใจ “ฉันคิดดูแล้ว... ฉันไม่อยากให้เรายึดติดกับสถานะคู่แต่งงานใช้หนี้บ้า ๆ บอ ๆ นั่น ตอนนี้คุณสองก็รักฉัน ฉันก็รู้สึกดีกับคุณเหมือนกัน แต่...”“แต่...?” นรกานต์ถามต่อด้วยความสงสัย สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่สำคัญมากกำลังจะถูกพูดออกมา“แต่...อะไรล่ะ? ถ้าคุณบัวพูดแบบนี้ ฟัง
บัวรัตนายืนฟังทุกอย่างอยู่ที่หน้าประตูห้องเลี้ยงเด็ก ทุกคำพูดของนรกานต์และชลธารสะท้อนเข้ามาในความคิดของเธออย่างชัดเจน ทั้งสองคนกำลังเปิดเผยความในใจต่อกันอย่างตรงไปตรงมาเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จและตั้งใจจะมาเล่นกับเจ้าตัวน้อยเหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาที่แฝงความรู้สึกเจ็บปวดนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากความเชื่อเดิม ๆ ที่เคยมีมา สุดท้ายบัวรัตนาก็ตัดสินใจถอยออกมาก่อนเงียบ ๆ ปล่อยให้นรกานต์และชลธารได้คุยกันต่อตัวเธอเองก็ต้องใช้เวลานี้เพื่อพิจารณาความรู้สึกของตัวเองด้วยบัวรัตนาเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองด้วยฝีเท้าเบาหวิว ก่อนปิดประตูลงแผ่วเบา อัลฟ่าสาวเดินไปนั่งอยู่หน้ากระจก มองดูเงาสะท้อนของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในบานกระจกใส เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของตัวเอง รู้สึกได้ถึงความสับสนและคำถามที่ค่อย ๆ ถาโถมเข้ามาเธอครุ่นคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในชาติที่แล้ว ตอนที่เธอตัดสินใจตกลงแต่งงานกับนรกานต์ ทุกอย่างตอนนั้นมันดูเต็มไปด้วยความหวัง แต่หลังจากนั้นเธอพบว่าความรักที่เธอวาดฝันไว้นั้นกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง การแต่งงานครั้งนั้นพังทลายลงเพราะความเชื่อผิด ๆ และความคาดหวังที่ไม่เป็นจริง
ความทรงจำเกี่ยวกับชลธารหวนกลับมาเล่นงานนรกานต์อีกครั้ง ภาพในหัวของเขาพาให้คิดย้อนกลับไปถึงวันที่เขาขืนใจชลธาร มันไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากความรักหรือความผูกพันใด ๆ แต่มันเต็มไปด้วยความรุนแรงและการบังคับ ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถมเข้าใส่ เมื่อเขาตระหนักว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่คล้ายกัน การถูกบีบให้ต้องแบกรับสิ่งที่ไม่คาดคิดและความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับมันเขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ชลธารจะรู้สึกอย่างไรตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนั้น? จะรู้สึกทุกข์ทรมานเหมือนกับที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้หรือไม่? นรกานต์ได้ยินมาว่าชลธารยังคงทำงานต่อไปแม้จะตั้งท้อง แม้ต้องแบกรับน้ำหนักของท้องที่ใหญ่ขึ้นทุกวัน เขายังคงพยายามทำงานตลอดเก้าเดือนที่ยาวนานในที่สุดนรกานต์ก็เริ่มยอมรับในความแข็งแกร่งของชลธาร ความอดทนและความพยายามของโอเมก้าคนนี้เกินกว่าที่เขาเคยประเมินไว้มาก เขาไม่เคยคิดว่าโอเมก้าที่เขาเคยมองว่าอ่อนแอ จะมีความอดทนและหัวใจที่แข็งแกร่งขนาดนี้ มันทำให้เขาเริ่มมองเห็นความผิดพลาดของตัวเองในอดีตมากขึ้น ความโกรธ ความรุนแรง และความเย่อหยิ่งที่ทำให้เขาทำลายทุกอย่าง ตอนนี้กลับมากัดกร่อนหัวใจของเขาเอง
เวลาผ่านไปหลายเดือน เรื่องการตั้งครรภ์ของนรกานต์ยังคงเป็นความลับที่รู้กันเฉพาะในครอบครัว บัวรัตนาจัดการทุกอย่างอย่างรอบคอบ เธอให้เหตุผลกับบริษัทว่านรกานต์ต้องไปดูงานที่สาขาใหม่ในต่างจังหวัด เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยในการหายตัวไปชั่วคราวของเขา แต่ในความเป็นจริง นรกานต์ต้องอยู่ภายใต้การดูแลใกล้ชิดเนื่องจากภาวะแท้งคุกคามที่ทำให้เขาไม่สามารถทำงานหนักได้การตั้งครรภ์ทำให้ชีวิตของนรกานต์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยเป็นอัลฟ่าที่ทรงพลังและทำงานเก่ง ตอนนี้เขาต้องประสบกับความยากลำบากในการเดินหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แม้แต่การขึ้นบันไดก็กลายเป็นภาระ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะบัวรัตนาไม่เคยห่างเขา เธอมักหาเวลามาดูแล ทั้งก่อนออกไปทำงานและหลังเลิกงาน และในวันที่เธอไม่ได้เข้าบริษัท เธอก็จะใช้เวลาอยู่กับนรกานต์ให้มากที่สุดแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จะยังคงเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความขัดแย้งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาได้ใช้ร่วมกันก็ทำให้บัวรัตนาเริ่มคิดทบทวนหลาย ๆ อย่างในชีวิต ความผูกพันที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างการดูแลนรกานต์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ทำให้
แต่ก่อนที่เธอจะตอบอะไร เสียงของหมอที่เดินเข้ามาใกล้ก็ดังขึ้น เรียกสติของเธอกลับมา“ญาติคนไข้ หมอขอคุยด้วยหน่อยครับ” หมอพูดขึ้นพร้อมกับสบตากับบัวรัตนา“ค่ะคุณหมอ ฉันเป็นญาติคนไข้เองค่ะ” บัวรัตนาลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีที่หมอเรียก เธอรู้สึกถึงความตึงเครียดในอากาศ ขณะที่หมอเตรียมจะบอกข่าว เธอเองก็เตรียมใจรับฟังสิ่งที่ไม่คาดคิดอยู่ในใจ“ผลการตรวจของคนไข้...” หมอเริ่มพูดช้าๆ อย่างระมัดระวัง “พบว่าคุณนรกานต์กำลังตั้งครรภ์อยู่ในระยะแรกครับ”คำพูดนั้นดังก้องในหูของบัวรัตนา ใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะควบคุมไม่อยู่ มันเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดฝัน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น เธอเป็นอัลฟ่า นรกานต์ก็เป็นอัลฟ่า แล้ว...เป็นไปได้ยังไง?“หมอ...หมายความว่ายังไงคะ?” บัวรัตนาถามเสียงเบา ใจหนึ่งอยากให้คำตอบนั้นเป็นเพียงความผิดพลาด แต่อีกใจก็รู้ดีว่าหมอคงไม่พูดเล่นเรื่องแบบนี้หมอถอนหายใจเบาๆ ก่อนอธิบาย “จากการตรวจเบื้องต้น ผลเลือดของคุณนรกานต์บ่งชี้ว่าเขากำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในอัลฟ่า แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้”เธอพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเอง “แต่ว่า...เขาเป็นอัล
หลังจากการทะเลาะกันยืดเยื้อระหว่างสามีภรรยา ความเย็นชาระหว่างพวกเขาก็กลายเป็นกำแพงสูงที่ไม่มีใครยอมก้าวข้ามใบหน้าของนรกานต์ที่เคยหล่อเหลาค่อย ๆ ดูทรุดโทรมขึ้นทุกวัน ความเครียดสะสมและความโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจ ทำให้เขาซูบผอมลงและไร้เรี่ยวแรงมากขึ้นทุกที ทว่าไม่มีใครสนใจเขามากพอที่จะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น อาจเพราะเขาไม่ได้อยู่ในบ้านของตัวเองอย่างแท้จริง ใครจะมาใส่ใจหรือห่วงใยเขาได้?เช้าวันนี้ นรกานต์ตื่นขึ้นมาแต่เช้า เตรียมตัวไปทำงานเช่นทุกวัน แม้ว่าร่างกายจะรู้สึกอ่อนแรงและเวียนหัว ซึ่งอาการนี้เป็นมาหลายวันแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจจะดูแลตัวเอง จนกระทั่งวันนี้ เขาเดินลงบันไดด้วยความไม่มั่นคง และทันทีที่ก้าวพลาด ความหน้ามืดเข้าครอบงำ ร่างของเขาลอยวูบลงสู่บันได ความรู้สึกนั้นทำให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะตกบันไดแน่แล้วโชคดีที่ชลธารเดินผ่านมาในจังหวะนั้นพอดี เมื่อเห็นเหตุการณ์เขาไม่คิดอะไรมาก รีบพุ่งเข้าไปช่วยทันที ร่างของนรกานต์ถูกพยุงไว้ในนาทีสุดท้าย“คุณ!” แต่เมื่อชลธารรู้สึกตัวว่าเขาเพิ่งช่วยใคร หัวใจของเขาก็สั่นสะท้านจนเผลอปล่อยมืออย่างไม่ตั้งใจ ร่างนรกานต์หล่นกระแทกกับพื้
“คุณบัว คุณรักใครกันแน่?” นรกานต์ถามเสียงเข้ม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกดดันและความคาดคั้น ดวงตาของเขาจ้องบัวรัตนาอย่างไม่ลดละ รอคอยคำตอบที่เขาอยากจะได้ยินบัวรัตนาเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ก่อนจะทวนคำถามของเขาอีกครั้ง “คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ” แม้จะได้ยินคำถามชัดเจน แต่เธอกลับไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขานรกานต์กัดฟันแน่น หงุดหงิดที่บัวรัตนาไม่ตอบตรงประเด็น เขาจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดกว่าเดิม “ธารล่ะ คุณรักเขาหรือเปล่า?”คำถามนั้นทำให้บัวรัตนานิ่งไปชั่วครู่ รู้สึกเหมือนถูกต้อนให้จนมุม เธอพยายามอ่านความรู้สึกที่แท้จริงของนรกานต์จากท่าทางที่ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจ และยิ่งเธอไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เขาเป็นแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ“ถะ...ถามทำไม” บัวรัตนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความลังเลในใจของเธอแสดงออกมาชัดเจนในเวลานี้“แค่ตอบมาว่าคุณรักเขาหรือเปล่า!” นรกานต์ไม่ลดละ เขาตะคอกกลับมาเสียงดังจนบัวรัตนาสะดุ้ง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและความคาดหวังอยากได้ยินคำตอบทิ่มแทงบัวรัตนา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันจนไม่อาจทนไหว“ไม่รู้! ฉันไม่รู้!” บัวตะโกนกลับด้วย
Comments