ซินหลินมองดูถังไม้ที่อยู่ใต้เตียงของเขา ถังไม้มีฝาปิดเอาไว้อย่างดีเพื่อปกปิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา “ข้าขอเอาถังไม้ของท่านไปล้างก่อนนะ ท่านต้องใช้ตอนนี้หรือไม่?” นางอยากเอามันไปทิ้ง เพราะถังไม้นั้นช่างสกปรกและไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดีพอ
“เจ้าจะทำอะไรก็เอาไปเถอะ ข้ายังไม่จำเป็นต้องใช้ตอนนี้” วันนี้นางทำไมถามเขามากเสียจริง ทุกครั้งที่นางมาที่ห้องของเขา นางก็แทบจะไม่มองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ “ถ้าอย่างนั้น ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ท่านพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะมาขอดูแผลของท่านทีหลัง” ตอนแรกนางอยากจะดูแผลตรงขาของเขาเลย แต่ตอนนี้นางอยากให้เขาพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน นางเดินเอาถังไม้เหม็น ๆ ออกไปทิ้งด้านนอก มองดูถังไม้ที่ดำเกินกว่าจะใช้งานได้อีก นางคิดถึงอุปกรณ์ดูแลผู้ป่วยที่อยู่ในคอนโด มันก็มีอุปกรณ์ที่ใช้ในเรื่องพวกนี้อยู่ นางเคยเอาพวกมันมาทำวิจัย โดยใช้วัสดุอื่นมาใช้ทดแทนสำหรับหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลจากผู้คน ‘ถ้าข้าเอาของพวกนั้นมาใช้ เขาจะสงสัยข้าหรือไม่? เพราะของสิ่งนั้นมันดีเกินกว่าที่อยู่ในยุคนี้’ ซินหลินไม่คิดนานมากนัก ก็หายตัวกลับไปที่คอนโดและเอากระโถนสำหรับไว้ถ่ายหนัก กระบอกสำหรับถ่ายเบาที่ทำจากไม้อย่างดีเคลือบด้วยสารบางอย่างที่ทำให้เงา เวลาโดนสิ่งสกปรกก็จะทำให้ไม่เกิดเชื้อราหรือผุพังได้ง่าย มันพอดีกับยุคนี้ที่ส่วนมากของทุกอย่างจะเป็นไม้ ‘ถ้าเป็นไม้ เขาก็คงไม่สงสัยเท่าไหร่’ ถ้าเขาจะสงสัย นางก็จะบอกว่าหมอหลี่เทาให้มาก็แล้วกัน คงทนให้เขาใช้ของพวกนี้ไม่ได้หรอก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเอารถเข็นมาให้เขาด้วย ‘ทำไมมันยุ่งยากขนาดนี้กันนะ!’ นางเลิกสนใจเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้ ชีวิตต้องดำเนินด้วยท้อง หลี่เซิงยังไม่ได้กินข้าวเลย นางก็ด้วย ตั้งแต่ย้อนเวลากลับมา อาหารก็ยังไม่ได้ตกถึงท้องเลยสักอย่างเดียว ในตอนที่ทำอาหารอยู่ นางคิดเรื่องหลายอย่าง ทั้งเรื่องที่อยู่ในโลกเดิม และเรื่องที่อยู่ในปัจจุบัน ในเมื่อซินหลินคนเก่าไม่อยู่แล้ว นางก็จะใช้ชีวิตตอนนี้ให้ดี ต่อไปนี้นางคือหยางฉิง! (ต่อไปนี้จะใช้ตัวเองเป็นหยางฉิงนะคะ) หยางฉิงทำอาหารกว่าจะเสร็จก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว คงสำรวจอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ แค่ดูแลหลี่เซิงคนเดียว นางก็แทบไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น นางเอาเสื้อผ้าของหลี่เซิงกลับไปที่คอนโดของนาง นางเปิดใช้เครื่องซักผ้า นางเห็นว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างยังใช้งานได้ปกติ นางก็เอาเสื้อผ้าของเขาลงไปปั่นเอาไว้ นางลองเปิดประตูออกไปนอกคอนโด แต่ประตูห้องก็เปิดไม่ได้ ถึงกลับไปไม่ได้ แต่ห้องของนางก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้เธอเลย หลังจากที่นางทำอาหารเสร็จแล้ว ก็เข้าไปอาบน้ำล้างตัวให้สะอาด นางยกอาหารที่ใส่จานในบ้านของหลี่เซิง ‘เขาจะได้ไม่สงสัย’ นำของที่เตรียมเอาไว้ทั้งสองอย่างเดินถือเข้าไปในห้องของหลี่เซิง เขามีสีหน้าที่อยากถามอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้ซักถามมันออกมา นางบอกว่าของที่นางได้มาจากไหน เขาก็เลิกถามไป ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากพูดคุยกับนางมากกว่า ‘ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุย แล้วใครจะอยากคุยกับเขากัน เหอะ! คิดว่าตัวเองหล่อมากมั่ง…’ หลังจากที่นางเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ตั้งแต่วันแรกที่ได้ทะลุมิติเข้ามา หยางฉิงล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม ๆ พร้อมกับคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดีในอนาคต ความรู้ก็มีแค่เรื่องกายภาพและรักษาได้บ้างเท่านั้น หรือจะไปรักษาคนเพื่อหาเงิน ‘ว่าแต่ยุคนี้มันยุคไหนกันนะ และยุคนี้ยังมีเรื่องฆ่าฟันกันอยู่หรือเปล่า?’ นางคิดอะไรหลายอย่างจนเผลอหลับไป หลี่เซิงเขาสงสัยว่าหยางฉิงนางเปลี่ยนไปมาก นางทั้งดูแลเขาอย่างดี เขามองอาหารและของทั้งสองอย่างที่นางเอามาให้เขาใช้ ของทั้งสองอย่างนี้เขาไม่คุ้นเคยกับมันเลย แต่นางอธิบายสิ่งของต่าง ๆ ว่าเขาต้องใช้อย่างไร ซึ่งมันสะดวกกว่าถังไม้ที่เขาเคยใช้มาก ยังมีอาหารที่มีทั้งไข่และเนื้อหมู นางไม่เคยทำอะไรพวกนี้ให้เขากินมาก่อนเลย… เขาได้แต่เก็บความสงสัยเหล่านั้นเอาไว้… เช้าวันต่อมา หยางฉิงตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น ‘ตอนนี้มันเป็นเวลาไหนกันแล้วเนี่ย’ นางหันมองไปทางนาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้องนอน เข็มสั้นบนนาฬิกาชี้ไปที่เลขห้าพอดี ‘เวลาในห้องนอนกับโลกที่ข้าอยู่ปัจจุบัน ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเดียวกันหรือเปล่า’ มองดูปฏิทินที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ปฏิทินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ไม่ได้เป็นเวลาของโลกเดิม แต่มันเป็นปีที่นางไม่รู้จัก ซึ่งปีนี้ได้ย้อนกลับไปจากโลกเดิมหลายร้อยปี และเดือนนี้ก็เป็นเดือนมีนาคม ช่วงนี้อาการหนาวเริ่มเบาบางลงแล้ว ชาวบ้านคงเริ่มปลูกข้าว ลงทำนากัน นางลุกจากเตียงนอนเพื่อไปล้างหน้าแปรงฟันและออกไปหาหลี่เซิง ตอนนี้หยางฉิงยืนอยู่หน้าห้องของหลี่เซิง นางเปิดประตูห้องเข้าไปโดยที่ไม่ได้ขอเขาก่อน พอเข้าไปในห้องนอนของเขา สายตากลมโตมองไปเห็นหลี่เซิงนอนเหงื่อออกอยู่บนเตียงนอน นางรีบเดินเข้าไปจับตัวของเขา ‘เขาตัวร้อนมาก! เขาไข้ขึ้นสูงตั้งแต่ตอนไหน’ นางไม่ได้เอายาให้เขากินตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลังจากที่เอาอาหารให้เขากินแล้ว นางก็ไม่ได้สนใจเขาอีก นางเปิดบาดแผลตรงขาของหลี่เซิงออกดู เห็นว่าบาดแผลของเขาเริ่มเป็นหนอง นางต้องเอาหนองที่กัดกินรอบ ๆ บาดแผลออกก่อน นางหันไปมองเขา เห็นว่าเขาหลับตาคงยังไม่ตื่นตอนนี้ หยางฉิงกลับไปในห้องคอนโด เอากล่องผ่าตัดฉุกเฉินที่อยู่ในห้องออกมา กล่องผ่าตัดนี้เคยใช้สมัยเรียน ดีที่ยังเก็บมันเอาไว้ นางไม่ค่อยได้ใช้ผ่าตัดเท่าไหร่ เพราะเรียนหมอด้านกายภาพบำบัดเป็นหลักมากกว่า หยางฉิงเปิดกล่องผ่าตัดออก ใช้แฮกฮอล์ที่อยู่ในกล่องล้างมือของนางให้สะอาดก่อน และก็ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราดไปบนบาดแผลของหลี่เซิงหนึ่งรอบ “อือ..” เสียงร้องของหลี่เซิงดังออกมาหลังจากที่นางล้างบาดแผลของเขา “ท่านทนหน่อยนะ ข้าจะรีบทำแผลของท่านให้เสร็จเร็ว ๆ มันอาจจะเจ็บนิดหน่อย” นางปลอบเขาเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูเจ็บปวดทรมาน ดีที่กล่องผ่าตัดมีเข็มฉีดยาและยาชาอยู่สามขวด หยางฉิงฉีดยาให้ตรงบริเวณรอบบาดแผล เขาจะได้ไม่เจ็บมาก เมื่อนางทดสอบดูว่าเขาไม่เจ็บแล้ว ก็ใช้มีดผ่าตัดกรีดไปตรงบาดแผลที่ปิดอยู่ มีน้ำสีขาวขุ่นอยู่ด้านใน มันทำให้แผลบวมและไม่หาย นางกรีดมีดเป็นทางยาวลงมาตามบาดแผล พอมีดกรีดลงไปแล้ว ก็เริ่มมีหนองสีขาวขุ่นไหลตามรอยมีดที่นางกรีด นางใช้สำลีซับหนองและเลือดที่ไหลออกมาพร้อมกัน หยางฉิงค่อย ๆ เปิดบาดแผลตรงขาให้กว้างขึ้น นางขูดเอาหนองที่เกาะติดตรงบาดแผลจนสิ่งที่ไหลออกมาเป็นเลือดสีแดงสด จึงหยุดมือ หยางฉิงใช้สำลีซับเลือดที่ไหลออกมาอีกครั้ง นางทำความสะอาดบาดแผลพร้อมทั้งใส่ยาฆ่าเชื้อและเอายาที่ติดมาในกล่องใส่ลงบาดแผลอีกที [4]แม่ทัพหันกลับไป ก่อนจะใช้มีดสั้นขว้างไปยังพุ่มไม้ที่คาดว่ามีมือสังหารซุ่มอยู่หลังจากที่เขาปราบชายชุดดำจนสิ้นชีพ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้น นางรีบปีนลงจากต้นไม้แล้ววิ่งตรงไปยังจุดที่หลี่เซิงตกลงไป แม่ทัพมองดูนางที่กำลังร่ำไห้ราวกับจะขาดใจ พลางรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยชายหนุ่มเอาไว้ได้เขาเดินไปตรวจดูศพของชายชุดดำที่สังหารเมื่อครู่ เห็นรอยเลือดและร่างไร้วิญญาณที่นอนแน่นิ่ง ‘คนผู้นี้คงเป็นคนของฉินอ๋อง’ แม่ทัพกัดฟันแน่น เป็นความผิดของเขาเอง ที่ต้องให้คนอื่นมาปกป้องตน“หลี่เซิง! ท่านอย่าเป็นอะไรนะ ฮือ!” หยางฉิงคุกเข่าร้องไห้อยู่ริมหน้าผา น้ำตาของนางไหลไม่ขาดสาย‘ถ้าไม่มีเขา ข้าก็อยู่บนโลกนี้ไม่ได้…’ ในใจของนางเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด คำว่า ‘จากลา’ ผุดขึ้นมาในหัว นางอยากกระโจนตามเขาลงไปเสียด้วยซ้ำ…แม่ทัพเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาวที่ปกปิดใบหน้าไว้ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงรู้สึกผิด“ข้าขอโทษ ที่เป็นต้นเหตุให้คนรักของเจ้าต้องตาย”คำพูดของเขาทำให้หยางฉิงตัวสั่นด้วยความโกรธ นางเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาแดงก่ำ “ท่านอย่ามาพูดเช่นนั้น!” นางกัดฟันกรอด ไม่อาจทนฟังได้ “สามีของข้ายังไม่ตาย
ทั้งสองฟาดฟันกันอยู่ครู่หนึ่ง แต่เพราะหลี่เซิงได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว แรงที่ลงไปในดาบจึงไม่มั่นคง ทำให้การโจมตีพลาดเป้าไปหลายครั้ง พวกเขาผลัดกันรุกผลัดกันรับ สู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครกระทั่งหลี่เซิงเห็นจังหวะเหมาะ เขาจึงฟันดาบไปที่ขาของนักฆ่าทันที!นักฆ่าหลบดาบไม่ทัน จึงถูกฟันเข้าจนเกิดบาดแผล แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือความแสบร้อนบริเวณที่ถูกดาบฟัน ราวกับถูกกัดกร่อนจากบางสิ่ง“เจ้า…ทำอะไรกับข้า!?” เขาก้มลงมองบาดแผลตรงขา ก่อนจะเห็นผงสีแดงติดอยู่หลี่เซิงมองแผลของนักฆ่าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ พลางยิ้มมุมปาก “ไม่รู้สิ…” เขาตอบยั่วอีกฝ่ายอย่างจงใจ‘ต้องถ่วงเวลาอีกสักหน่อย…’นักฆ่าเห็นว่าหลี่เซิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา เขาจึงเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ก่อนจะใช้มืออีกข้างหยิบมีดเล็กที่พกติดตัวมา แล้วเหวี่ยงไปทางชายตรงหน้าอย่างรวดเร็ว!หลี่เซิงที่กำลังจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ ไม่ทันสังเกตว่ามีดเล็กพุ่งเข้ามา จึงหลบไม่ทันฉึก!มีดเล่มนั้นปักเข้าที่ขาของเขาทันที!‘มีดนี้มีพิษ!’หลี่เซิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขาข้างที่ถูกมีดปักเริ่มชาและไร้ความรู้สึก เขาจึงจำเป็นต้องใช้ขาอีกข้างพยุงตัวเองเอาไว้นักฆ่าห
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง พระจันทร์ก็เคลื่อนเลยปล่องไปกว่าครึ่งแล้ว‘ข้าต้องรีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!’หลังจากเก็บของสำคัญไว้กับตัวเรียบร้อยแล้ว หลี่เซิงก็แอบย่องออกจากห้อง เขาเห็นว่าบริเวณหน้าปากถ้ำ ทหารของฝ่ายตนเริ่มเข้าปะทะกับศัตรูด้านในแล้ว เขาใช้จังหวะที่ผู้คนกำลังสับสน หลบซ่อนตัวออกมาระหว่างทาง แม้เขาจะต้องปะทะกับทหารศัตรูอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือสังหารพวกเขา เพียงแค่จัดการให้ไม่สามารถสู้ต่อได้ ในที่สุด หลี่เซิงก็หลบออกมานอกถ้ำได้อย่างปลอดภัยแต่ทันทีที่เขาก้าวออกมา เขากลับสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังตามเขามา…“นายท่านขอรับ! มีผู้บุกรุกเข้าไปในถ้ำของเราแล้ว ไม่รู้ว่ามันเอาสิ่งใดออกไปบ้าง ทหารที่เฝ้าประตูถูกฆ่าตายทั้งหมด และตอนนี้คนของท่านแม่ทัพกำลังตรวจค้นและยึดสิ่งของที่เราซ่อนไว้”ชายผู้นั้นรายงานสิ่งที่พบเห็นให้ฉินอ๋องได้รับทราบฉินอ๋องยืนฟังรายงานจากนักฆ่าฝีมือดี พลางจ้องมองไปยังค่ายของตนด้วยสายตาดุดัน เขาสังเกตเห็นเงาคนผู้หนึ่งวิ่งหนีออกมาจากค่าย ดูแตกต่างจากคนอื่น ๆ เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา“เจ้าตามไปจัดการคนผู้นั้น! มันต้องมีของของข้าแน่ ถ้าหาไม่พบ… ก็ฆ่ามันทิ้ง
ทางด้านหลี่เซิง เขาหาจุดหลบซ่อนและนำของบางส่วนที่พกมาเก็บไว้อย่างมิดชิด โดยเหลือไว้เพียงสร้อยคอที่สวมติดตัว กับยาที่หยางฉิงให้มา หลังจากนั้นเขาออกค้นหาถ้ำที่ถูกระบุไว้ในจดหมาย จนกระทั่งพบว่า ปากถ้ำมีทหารยามหลายสิบคนเฝ้าอยู่ เป็นเรื่องยากที่เขาจะบุกเข้าไปเพียงลำพัง จึงตัดสินใจรอจังหวะให้คนของท่านแม่ทัพเข้าปะทะกับพวกมันก่อน จากนั้นจึงใช้โอกาสนั้นแทรกตัวเข้าไป ไม่นานนัก เสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้นจากด้านหลังของเขา เสียงดาบกระทบกันดังไปทั่วค่าย“มีคนบุกรุก!”เสียงตะโกนแจ้งเตือนดังขึ้นในค่าย ทำให้พวกมันรีบจุดไฟส่องสว่างและกรูกันออกไปเผชิญหน้ากับศัตรู“พวกเจ้าคอยเฝ้าปากถ้ำ ข้าจะไปช่วยพวกที่อยู่ด้านนอก!”ชายที่ดูเหมือนหัวหน้าสั่งการเสร็จ ก็พาคนออกไปครึ่งหนึ่งเพื่อช่วยต่อสู้ด้านนอกหลี่เซิงเห็นโอกาสดี สายตาเขาเจือความเหี้ยมโหด เขาประทับธนู แล้วยิงลูกศรพุ่งตรงไปยังหน้าอกด้านซ้ายของยามเฝ้าปากถ้ำ สังหารไปสองคนในพริบตาเมื่อพวกยามเห็นพวกพ้องล้มลง หนึ่งในนั้นกำลังจะส่งเสียงเตือน หลี่เซิงไม่รอช้า เขาพุ่งตัวเข้าหาพวกมันอย่างรวดเร็ว ชักมีดออกมาแล้วกรีดผ่านลำคอของทั้งสามคนอย่างแม่นยำ ก่อนที่พวกมันจะได้ทัน
“ข้าเตรียมอาหารและเงินเล็กน้อยไว้ให้ท่านใช้ในยามจำเป็น นอกจากนี้ อย่าลืมพกยาที่ข้าให้ไปด้วย หากท่านรู้สึกเหนื่อย น้ำในกระบอกนี้เพียงจิบเล็กน้อยก็สามารถช่วยฟื้นฟูกำลังของท่านได้ และนี่คือสร้อยนำโชคที่ข้าทำขึ้นเพื่อท่าน อย่าลืมใส่ติดตัวตลอดเวลา อย่าปล่อยให้ตนเองต้องเผชิญอันตรายลำพัง ท่านอย่าลืมว่าข้ายังรอท่านอยู่ที่บ้าน” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่แฝงด้วยความเป็นห่วงหลี่เซิงรับสร้อยคอจากนาง มันมีลักษณะแปลกตา เป็นลูกกลม ๆ สีแดงที่ด้านในหมุนไปมาอย่างลึกลับ เขานำมันสวมไว้ที่คอ ก่อนพยักหน้ารับคำ “ข้ารู้แล้ว ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”กล่าวอำลาหยางฉิงเสร็จแล้ว หลี่เซิงจึงก้าวออกจากบ้านไป...ขณะมองตามแผ่นหลังของหลี่เซิงที่ค่อย ๆ ไกลออกไป หยางฉิงก็ปิดบ้านให้เรียบร้อย นางเตรียมตัวเดินทางเช่นกัน ภายในมิติของนางมีสิ่งของจำเป็นพร้อมสรรพ นางแต่งกายด้วยชุดสีดำ ข้างในเป็นกางเกง ส่วนด้านนอกเป็นกระโปรงที่ช่วยให้เคลื่อนไหวสะดวก เสื้อแขนยาวสีดำเชื่อมต่อกับกระโปรง ทำให้นางคล่องตัวขณะเดินป่า และที่คอของนาง... มีเข็มทิศติดตามอยู่หนึ่งอัน...หยางฉิงรอจนกระทั่งหลี่เซิงเดินลับสายตา ก่อนค่อย ๆ ก้าวตามไปอย่างร
หยางฉิงสังเกตเห็นความผิดปกติของหลี่เซิง จึงเอ่ยถามขึ้น “ท่านเป็นอะไรหรือไม่ เหตุใดจึงดูเศร้าเช่นนี้” นางจ้องเขาด้วยความไม่เข้าใจ“เอาไว้กินข้าวเสร็จก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า” เขาพูดพลางกินข้าวต่อจนหมด วันนี้เขากินน้อยกว่าทุกวันเมื่อได้ฟังคำพูดของหลี่เซิง หยางฉิงก็รู้สึกใจคอไม่ดี นางกินข้าวไปพลางคิดไปว่าหลี่เซิงต้องการจะบอกอะไรกับนางกันแน่หลังจากนางกินเสร็จ หลี่เซิงจึงเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้เราไม่ได้เข้าเมืองไปขายของใช่หรือไม่”“ใช่แล้ว พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเรา” นางตอบพร้อมจิบน้ำ “ท่านมีเรื่องอะไรจะบอกข้าหรือไม่” นางถามสิ่งที่ติดค้างในใจ“ข้ามีเรื่องที่ต้องบอกเจ้า พรุ่งนี้ข้าอาจต้องออกไปทำเรื่องบางอย่าง เจ้าอยู่คนเดียวต้องปิดบ้านให้ดี หากข้าไม่ได้กลับมาหลายวัน เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าอาจต้องใช้เวลานานเสียหน่อย” เขาตัดสินใจบอกนางถึงเรื่องที่ต้องขึ้นเขาหยางฉิงที่ได้ฟังทำหน้าตกใจ “ท่านไปทำสิ่งใด บอกข้าได้หรือไม่ แล้วมันอันตรายหรือเปล่า” นางรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลยหลี่เซิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะมองหน้านางด้วยสายตาลึกซึ้ง ราวกับต้องการจดจำภาพของนางให้ได้นานที่สุด “ทั้งอันตรายและไม่อันตราย ถ