คืนนี้ซูหนี่ห์ก็ฝันเหมือนเดิมอีกแล้ว นางสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนรุ่งสาง จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาจัดการกับตัวเองด้วยความเคยชิน ซูหนี่ว์ไม่ชอบเกล้าผมหรือทำทรงอะไรที่มันยุ่งยาก นางชอบรวบผมมัดครึ่งหัว ทำผมทรงกลมคล้ายโดนัท หรือถักเปียหลวมๆ คุณหนูในยุคนี้ทำก็ดูสวยดีแต่นางไม่ชอบ เวลาถูกจับผมรวบเป็นเวลานานๆ นางรู้สึกเจ็บหนังศีรษะ จึงชอบทำอะไรง่ายๆ มากกว่า เสื้อผ้าก็ชอบเรียบๆ ไม่ชอบสีสันเท่าไหร่นัก ใบหน้าผิวพรรณของนางค่อนข้างขาวอมชมพู ดวงตากลมโตจมูกโด่งอย่างดื้อรั้น แต่งดงามรับกับใบหน้ารูปไข่ รูปร่างสูงโปร่งเกือบเทียบเท่ามารดาแม้จะมีวัยเพียง15หนาว
ซูหนี่ว์ยังคงติดใจสงสัยกับเหตุการณ์เมื่อวาน ทำไมเครื่องปรุงถึงโผล่มา พอใช้เสร็จก็หายไปแปลกจริงๆ งั้นลองดูหน่อยก็แล้วกัน ซูหนี่ว์อยากได้แปรงสีฟันและยาสีฟัน เพราะแปรงในยุคนี้ไม่ถูกใจนางเสียเลย แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น จึงตัดสินใจเดินไปหลังฉาก เพื่อจัดการเปลี่ยนชุดแต่สายก็เหลือบไปเห็น แปรงสีฟันและยาสีฟันวางอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ ทะลุมิติมาจริงๆ สินะ หมายความว่าหากนางนึกอยากได้อะไร ของก็จะโผล่มา พอใช้เสร็จก็จะหายไป แต่ทำไมถึงต้องหายไปด้วย เพราะนางก็ต้องใช้ทุกวัน อันนี้คงต้องหาคำตอบอีกที
หลังจากจัดการกับตนเองเสร็จเรียบร้อย บ่าวรับใช้ก็มาเคาะประตู แล้วเปิดประตูเข้ามาพร้อมอ่างนำ้ แต่ก็ต้องชะงักที่เห็นคุณหนูนั่งอยู่บนเตียงและแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
“คุณหนูทำไมไม่รอบ่าวละเจ้าคะ บ่าวไม่รู้ว่าคุณหนูตื่นนอนแต่เช้า ขออภัยเจ้าค่ะ” ถิงถิงหนึ่งในสาวใช้เอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด
“อย่าคิดมาก ข้าชอบทำอะไรด้วยตัวเอง พวกเจ้าชื่ออะไรกันบ้าง?”
“ข้าถิงถิง /ส่วนข้าชิงอีเจ้าค่ะ”
“ข้าจะไปที่ห้องครัวทำโจ๊กพวกเจ้าก็ไปกับข้าก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ”
วันนี้ซูหนี่ว์ตั้งใจจะออกไปสำรวจเมืองหลวง และตามหาสถานที่ที่นางฝันถึงจะได้เลิกฝันเห็นเสียที นางฝันแบบเดิมๆ ซำ้ๆ จนเบื่อหน่ายไปหมดแล้ว พอเดินมาถึงห้องครัว ก็เห็นบ่าวชายหญิงเริ่มทำงานกันแล้ว พอทุกคนหันมาเห็นนางก็รีบเอ่ยทัก
“คุณหนูมาทำอะไรแต่เช้าขอรับ” เป็นหัวหน้าพ่อครัวอีกเช่นเคยที่เอ่ยถาม
“ข้าจะมาทำโจ๊ก ท่านลุงให้คนเตรียมของให้ข้าได้หรือไม่?”
“ได้ขอรับ”
“ข้าจะทำเผื่อทุกคนทีเดียวไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ท่านลุงเป็นผู้ช่วยข้าก็พอเจ้าค่ะ”
“ขอรับ” ลู่กังหัวหน้าพ่อครัวประกายตายินดีอย่างยิ่ง เพราะเมื่อวานเขาได้ลิ้มรส อาหารชั้นยอดจากฝีมือคุณหนู หากวันนี้จะได้กินอีกก็ถือว่าโชคดีไม่น้อย
“ท่านลุงหากไปจ่ายตลาดครั้งหน้า รบกวนท่านซื้อกระดูกหมูมาให้ข้าที ข้าจะเอามาไว้ทำนำ้ซุป รบกวนท่านช่วยให้คนสับหมูให้ข้าทีเจ้าค่ะ และก็ต้มข้าวให้ข้าเดี๋ยวข้าจะปรุงเองเจ้าค่ะ
“ได้ๆ ขอรับ” ลู่กังกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“ท่านลุง ท่านเคยเห็นจวนที่มีรูปสิงโตอยู่หน้าประตูจวนแบบนี้หรือไม่?” ซูหนี่ว์ลองวาดรูปจากที่เห็นในความฝัน เพราะฝันบ่อยจึงจำได้อย่างแม่นยำ ลู่กังหยิบกระดาษขึ้นมาดู แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน นี่มันจวนอดีตท่านแม่ทัพจ้าวนี่
“คุณหนูท่านถามทำไมหรือขอรับ?”
“ข้าอยากไปดูหน่อยอยู่ไกลหรือไม่?” ซูหนี่ว์ถามไปก็ใช้ทัพพีไม้คนข้าวในหม้อไปด้วย
“เอ่อ..คุณหนูเพิ่งมาคงยังไม่รู้” ลู่กังเบาเสียงลง
“ตระกูลจ้าว15ปีก่อนถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฎ เลยถูกประหารชีวิตทั้งตระกูล ทั้งนายและบ่าวจบชีวิตลงในปีนั้น ต่อมาทางราชสำนักต้องการ ยกจวนของตระกูลจ้าวให้ผู้ที่ทำคุณงามความดีให้กับแคว้น แต่ไม่มีใครอยู่ได้ซักคน เพราะวิญญาณของคนตระกูลจ้าว ไม่ยอมไปไหนยังวนเวียนอยู่ที่จวนหลังนั้นขอรับ บางคนพูดว่าอาจเป็นเพราะจิตวิญญาณที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม คนทั่วไปเองก็ไม่อยากเชื่อว่าตระกูลจ้าวจะเป็นกบฏ ตระกูลจ้าวเป็นตระกูลนักรบปกป้องดินแดนมาช้านาน สร้างคุณงามความดีมาอย่างมากมาย พอมาเจอข้อหาเป็นกบฏหลายคนก็ตกใจเหมือนกันขอรับ”
ซูหนี่ว์ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้รับฟัง ยามนี้ในอกของนางรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกเศร้าเสียใจและใจหายเมื่อได้รับรู้ว่า บุรุษที่นางฝันเห็นทุกคืน และยังให้นางเรียกว่าท่านพ่อ ยามนี้ไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว เขาคงมีเหตุผลบางอย่างที่ไปเข้าฝันนางเป็นแน่
“แล้วจวนหลังนั้นตอนนี้ยังอยู่ดีหรือไม่?”
“ยังอยู่ดีขอรับ ทางการประกาศขายและให้เช่าก็ไม่มีใครสนใจ เพราะหวาดกลัววิญญาณที่อยู่ในจวน ทางการสั่งคนให้ไปทำลายทิ้ง คนงานที่ไปทำตามคำสั่งก็ถูกหลอกหลอนจนป่วยไข้ ไม่มีใครกล้าเข้าจวนหลังนั้นเลยขอรับ ตอนนี้ประกาศขายถูกๆ เผื่อมีคนสนใจซื้อ บางคนเห็นราคาน่าสนใจถึงขั้น ไปจ้างอาจารย์และกุนซือดังๆ มาขับไล่วิญญาณให้ออกไป แต่ก็โดนดีกันทุกคน จนตอนนี้ไม่มีใครกล้าไม่ยุ่งอีกขอรับ” ลู่กังเหลือบมองคุณหนูที่เหม่อลอยคนโจ๊กในหม้อ
“คุณหนู…หมูสับเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” เสียงนั่นได้ทำให้ความคิดที่หลุดลอยไปไกลของซูหนี่ว์กลับคืนมา
“ท่านลุงข้าอยากให้ท่านพาข้าไปที่นั่นได้หรือไม่?
“คุณหนู!!!!!????”
“ทำไม?”
“คุณหนูไม่กลัวหรือขอรับ วิญญาณที่นั่นดุร้ายมาก ลุงกลัว” ลู่กังไม่เคยเห็นวิญญาณหรือภูตผี แต่ฟังเขาเล่ามาก็กลัวจนขนหัวลุกแล้ว
“หากว่าท่านลุงกลัวก็รออยู่ข้างนอก ข้าจะเข้าไปข้างในกับท่านแม่เอง” ซูหนี่ว์ตอนนี้อยากไปพิสูจน์ให้เห็นกับตา นางไม่เคยเห็นผีก็มีกลัวอยู่บ้าง แต่ความอยากรู้มีมากกว่า
หลังทำอาหารมื้อเช้าเสร็จ ซูหนี่ว์ก็ตรงไปที่ห้องของมารดา พอเคาะประตูและเปิดเข้าไป ก็เห็นมารดากำลังให้ป้าฮุ่ยเหมยจัดทรงผมให้ ซูเจียวหันมายิ้มให้บุตรสาว
“ตื่นเช้าจังหนี่ว์เอ่อร์แล้วนี่กลิ่นอะไร เจ้าไปทำอาหารมาอีกแล้วรึ?”
ซูหนี่ว์ยกแขนขึ้นดมก็ได้กลิ่นกระเทียมเจียว ก็หัวเราะออกมาแบบเขินๆ วันนี้นางทำโจ๊กหมูใส่ไข่ มีเครื่องเคียง ขิง กระเทียมเจียว หอมซอยผักชี แล้วยังมีพริกนำ้ส้มและพริกป่นเผื่อใครชอบอีก ที่จริงนางควรไปอาบนำ้และเปลี่ยนชุด แต่ตอนนี้นางร้อนใจอยากคุยกับมารดา จึงรีบตรงมาที่นี่เลย ซูเจียวเห็นบุตรสาวเหมือนมีเรื่องจะคุยจึงลุกขึ้นเดินมาหานาง
“เจ้ามีอะไรจะคุยกับแม่ใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ”
“ท่านแม่ตั้งแต่ข้าหายป่วย ข้าก็จะฝันแปลกๆ ทุกคืน ข้าฝันเห็นชายผู้หนึ่ง เขาบอกข้าว่าเป็นบิดาของข้า และอยากให้ข้าไปหา ในความฝันข้าจำได้อย่างแม่นยำ ข้าจึงวาดจวนหลังนั้นลงในกระดาษ แล้วข้าก็ให้ท่านลุงลู่กังช่วยดูว่าเคยเห็นหรือไม่ ท่านลุงบอกว่าเป็นจวนตระกูลจ้าวเจ้าค่ะ”
“จวนตระกูลจ้าว!!!” ซูเจียวและฮุ่ยเหมยเอ่ยขึ้นมาพร้อมกันอย่างตกใจ
“คุณหนู เชื่อความฝันมากไม่ดีนะเจ้าคะ” ฮุ่ยเหมยเปรยขึ้น
“ก็เพราะว่าไม่เชื่ออย่างไรละ ข้าถึงมาชวนท่านแม่ไปเป็นเพื่อนข้า”
“หา…อะไรนะนี่ลูกจะไปที่จวนตระกูลจ้าว ที่มีเสียงร่ำลือกันว่ามีวิญญาณอาศัยอยู่รึ”
“ใช่เจ้าค่ะ หากข้าถูกใจข้าอยากจะซื้อ เห็นท่านลุงลู่กังบอกว่าทางการปล่อยขายในราคาที่ไม่แพงมากนัก”
ซูเจียวและฮุ่ยเหมยหันมาสบตาอย่างหนักใจ 15ปีก่อน ข่าวตัดสินโทษประหารทั้งตระกูลจ้าวในข้อหากบฏ และหลังจากนั้นข่าวที่ว่าวิญญาณของคนตระกูลจ้าว ไม่ยอมไปผุดไปเกิด และยังคงวนเวียนอยู่ในจวนหลังนั้น ผู้คนหวาดกลัวไม่มีใครกล้าเข้าไปอาศัยอยู่ แต่บุตรสาวนางบอกว่าหากถูกใจจะซื้อ นางไม่กลัวหรืออย่างไร นางไม่กลัวไม่เป็นไร แต่หากวิญญาณเหล่านั้นคิดหลอกหลอน เหมือนคนอื่นๆ ให้หวาดกลัวจนอยู่ไม่ได้จะทำยังไง นางเพิ่งหายป่วยเองนะ
“นะท่านแม่ท่านไปเป็นเพื่อนข้าที ข้าทนเห็นชายผู้นั้นมาเข้าฝันข้าทุกคืนไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะ ข้าต้องไปดูให้หายสงสัย หากท่านกลัวยืนรออยู่ข้างนอกจวนก็ได้เจ้าค่ะ”
“ไม่!!!แม่จะเข้าไปกับเจ้า” ซูเจียวเอ่ยเสียงหนักแน่น ตัดสินใจเป็นไงเป็นกัน ในเมื่อซูหนี่ว์ยังไม่กลัว นางก็ไม่กลัวเช่นเดียวกัน
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านแม่ งั้นข้าไปอาบนำ้เปลี่ยนชุดก่อนนะเจ้าค่ะ อาหารข้าเตรียมเสร็จแล้ว ท่านแม่ให้คนไปยกมาได้เลยเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้ามา” ซูหนี่ว์ผละออกไปอย่างร่าเริง แต่ซูเจียวกับฮุ่ยเหมยกลับคิดหนัก