1
บุคคลสำคัญล้วนปรากฎตัว
“พี่หมิงเสวียนที่นี่คือสำนักงานของตระกูลเย่หรือคะ”
“ใช่แล้วอาอี้ เราเข้าไปข้างในกันเถอะคุณพ่อคงรออยู่แล้ว”
เขาพาเธอเดินเข้าไปในสำนักงานตรงหน้าเข้าไปข้างในเป็นโถงกว้าง มองจากภายนอกอาคารนี้ดูใหญ่โดดเด่นที่สุดในแถบนี้ แต่เมื่อเข้ามาภายในจะเห็นว่าอาคารเริ่มทรุดโทรมลงตามกาลเวลาและไม่ได้ซ่อมแซมเลย บ่งบอกพวกเขากำลังอยู่ในวิกฤตเรื่องการเงิน
สองฝั่งซ้ายมือขวามือมีประตูฝั่งละบาน ฝั่งขวาเป็นห้องของพวกลูกน้อง บรรดานักเลงที่ใช้ลงไปช่วยกันในสุสานได้ ฝั่งซ้ายเป็นที่รับซื้อของโบราณจากพวกชาวบ้านหรือคนที่บังเอิญได้มา ชั้นสองเป็นห้องของพวกหัวหน้าสายต่าง ๆ และมีห้องรับซื้อข้อมูล ชั้นบนสุดเป็นห้องของเจ้าของสำนักงานและรับแขกสำคัญ เรื่องพวกนี้เธอรู้ดีอยู่แก่ใจเพราะเป็นคนวางแผนผังอาคารเองทั้งหมด
“ที่นี่เงียบจังเลยนะคะ”
“คนที่นี่จะอยู่ในห้องของตัวเองเสียส่วนใหญ่ จึงเงียบแบบนี้แต่ถ้ามีงานอะไรก็จะเรียกรวมตัว ไปเถอะครับ”
ชายหนุ่มประคองมือเธอเดินขึ้นไปยังชั้นสาม ระหว่างทางเดินขึ้นไปบนผนังของทางเดินมีกรอบภาพขนาดใหญ่กรอบหนึ่ง ในกรอบมีมีดเก่าแก่ติดอยู่ ดูเหมือนพวกเขาจะตั้งใจทำไว้ตกแต่งอาคารสำนักงานนี้
เธอไม่ได้จงใจดูภาพให้เย่หมิงเสวียนสงสัย หลังจากเกือบเดินผ่านไปก็ใช้มืออีกข้างแอบหยิบปิ่นปักผมโบราณติดมือมาด้วย ไม่นานเธอต้องได้ใช้มัน
“คุณพ่อ ยุ่งอยู่หรือครับ”
“ใช่ ธุรกิจเรากำลังวุ่นวาย คู่ค้ายกเลิกสัญญาหลายรายแล้ว”
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”
“ม่านอี้ก็มาด้วยหรือ”
เย่ป๋อหรานตอบสะใภ้ด้วยใบหน้าใจดีที่แสร้งทำขึ้นมาเช่นเดียวกับคนอื่นในตระกูลเย่ ยิ่งได้เห็นหลี่ม่านม่านยิ่งรู้สึกว่าตนเองเขียนนิยายเรื่องนี้ได้แย่มาก เธอไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมถึงได้ย้อนกลับมาในนิยายของตัวเองอีกครั้ง ถามเธอเสร็จก็หันไปสนใจเอกสารตรงหน้าต่อปล่อยให้ลูกชายพาเธอไปนั่งที่เก้าอี้บุนวมหุ้มหนังอย่ใางดีตรงมุมห้อง
“อาอี้ เธอนั่งอยู่ตรงนี้พี่จะไปช่วยคุณพ่อดูเอกสารกันที่ชั้นล่างเสียหน่อย”
“ได้ค่ะ พี่ไปเถอะ ฉันจะรอที่นี่”
เมื่อเขาออกจากห้องทำงานชั้นบนสุดได้เพียงสิบห้านาที ถนนนอกอาคารก็จะมีเสียงปืนดังลั่นไปทั่วท้องถนน นี่แหละโอกาสของเธอ...
หญิงสาวรีบวิ่งลงจากชั้นบนสุด ออกไปยืนแอบดูที่ข้างประตูทางเข้าอาคาร ข้างกันมีหญิงสาวรูปร่างเพรียวบางยืนอยู่ด้วย เธอเป็นพยาบาลประจำสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้ ๆ
คนร้ายสามสี่คนวิ่งมาทางที่พวกเธอยืนอยู่ มีทหารวิ่งตามมาอีกกลุ่มหนึ่ง เสี้ยววินาทีเธอทั้งสองสบตาเข้ากับคนร้าย พวกมันตั้งใจจะใช้เธอเป็นตัวประกันเพื่อหลบหนี
“โอ๊ย”
“อยู่นิ่ง ๆ”
พยาบาลสาวคนนั้นร้องเสียงดังเมื่อถูกเกาม่านอี้ผลักให้หลบจากการถูกกระชาก เดิมทีพวกคนร้ายอยากได้ตัวพยาบาลสาวและในนิยายก็เป็นเช่นนั้น แต่เธอได้เปลี่ยนเหตุการณ์นี้ไปแล้ว ฉะนั้นตอนนี้คนที่ถูกจับเป็นตัวประกันคือเธอ
คนร้ายใช้ปืนจ่อที่ลำคอเอาไว้ ออกแรงกดจนปลายประบอกปืนจมเข้าไปในคอของเธอ ซ้ำยังตะคอกไม่ให้เธอดิ้นโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งที่เธอไม่ได้ออกแรงดิ้นเลย
“อาอี้ พวกแกเป็นใครปล่อยอาอี้เดี๋ยวนี้”
“ขยับไปซะ นางนี่เป็นคนของแกสินะ อย่างนั้นไปหารถมาไม่งั้นฉันจะยิงนางนี่ซะ”
คนร้ายหันไปสั่งเย่หมิงเสวียนเสียงกระด้าง พลางคิดในใจว่าเลือกได้ถูกคนแล้ว ดูจากการแต่งตัวผู้หญิงคนนี้คงร่ำรวยไม่น้อย อย่างนั้นการหาทางหนีก็คงไม่ยากเท่าไร เขารีบหันไปสั่งลูกน้องให้เตรียมรถให้คนร้ายทันที ตอนนี้เธอเป็นอะไรไปตระกูลเย่ก็คงจบสิ้นด้วย
การเตรียมของที่คนร้ายต้องการเป็นไปอย่างรวดเร็วขณะคนร้ายกำลังจะลากเธอขึ้นรถ เย่หมิงเสวียนก็เข้ามายื้อแย่งปืนเพื่อช่วยเหลือเธอ เขาไม่ได้แข็งแรงเท่าคนร้ายจึงพลาดท่าเสียทีถูกคนร้ายยิงเฉี่ยวไหล่ไปหนึ่งนัด พวกมันรีบขับรถหนีออกไปเมื่อเห็นท่าทีล้อมจับของทหาร
“พวกคุณจะพาฉันไปไหน”
“หุบปากแล้วนั่งเงียบ ๆ ไปซะ ไม่งั้นจะยิงเธอตรงนี้”
“หากพวกคุณฆ่าฉันคิดว่าจะรอดไปที่ไหนได้หรือไง พวกคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเป็นใคร ถ้ายังอยากมีลมหายใจก็ฟังคำพูดฉันเถอะ”
คนร้ายทั้งรถเงียบกริบไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีก พวกเขาจะไม่เชื่อก็ได้แต่คำพูดและน้ำเสียงของเธอนั้นไม่มีความสั่นไหวเกรงกลัว เลย ยิ่งทำให้พวกเขาหวั่นใจอยู่บ้าง
เธอไม่กลัวเลยคนพวกนี้เลยเพราะในตอนนี้เธอเป็นนางเอก ไม่มีทางตายระหว่างที่นิยายยังไม่ถึงตอนจบ อีกทั้งรู้ว่าไม่ช้าจะมีคนมาช่วยเธอ ที่เธอควรทำก็คือถ่วงเวลาให้พวกเขาเดินทางช้ากว่าเดิม แผนที่ เส้นทาง ทุกซอกมุมในเมืองซูเป่ยเธอเป็นคนออกแบบมันเอง
“พวกคุณลังเลเพราะเป็นโจรต่างเมือง ไม่รู้เส้นทางภายในเมืองนี้ ไม่รู้ต้องหนีไปทางไหน ถ้าพวกคุณเชื่อฉัน ฉันสามารถให้ทางรอดกับพวกคุณได้”
“พวกเราจะเชื่อเธอได้ยังไง”
16บทส่งท้ายระหว่างที่คนสองคนกำลังยืนกอดกันอยู่ ทหารคนสนิทก็พุ่งเข้ามาโดยไม่ทันได้ดูสถานการณ์ก่อน ทำเอาผู้บัญชาการคิ้วกระตุก เจียงจื่อหยวนนึกอยากจะเอาหัวโขกพนังให้รู้แล้วรู้รอดไป เขายังไม่ชินกับการมีนายหญิงในบ้านจึงค่อนข้างลืมตัวแต่เรื่องนี้จะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะเรื่องที่เขานำมารายงานเร่งด่วน“นายอยากถูกลงโทษสักครั้งสินะจื่อหยวน”“พี่อวี้เจินอย่าดุนักสิคะ รองเจียงเข้ามาแบบนี้ต้องมีธุระแน่ ๆ”“ว่ามา”“เจอตัวอี้จินเฉิงแล้วครับ”“ที่ไหน”“ในเขตอาคารสำนักงานเก่าตระกูลเย่ครับ”“ม่านม่านเธออยู่ที่นี่ พี่ไปดูเอง”“ค่ะ”จางอวี้เจินพูดจบก็เดินนำออกไป คิดว่าคงไปจัดการอี้จินเฉิงแน่ ๆ หลังตระกูลเย่ถูกจับ อี้จินเฉิงที่ไม่ได้รู้เรื่องราวการค้าของเถื่อนเหล่านั้นถูกปล่อยตัวไป แต่เพราะข่าวลือมากมายภายนอกทำให้เธอไม่มีที่ไปอีก จะกลับไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้ เป้าหมา
16บทส่งท้ายเกาม่านอี้นั่งอยู่ที่เก้าอี้บ้านพักผู้บัญชาการ ช่วงนี้มีบางอย่างให้เธอคิดอย่างหนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมมาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ใจหนึ่งเธอก็อยากหลุดไปจากนิยาย แต่อีกใจกลับคิดว่าถ้าไม่ได้เจอผู้บัญชาการสุดโหดของเธออีกจะทำอย่างไรตอนนี้เธอเลยไม่กล้าอยู่ตามลำพังกับเขา เพราะในนิยายจบลงที่พระเอกบอกรักเธอ และเธอก็บอกรักเขากลับ กลัวว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเขาบังเอิญพูดมันออกมาเธอจะต้องจากไปทั้งที่ไม่ได้บอกความรู้สึกจริง ๆ“ม่านม่าน เธอมาทำอะไรตรงนี้”“เอ่อ พี่อวี้เจิน พี่ทำงานเสร็จแล้วหรอคะ”“ไม่รู้ว่าพี่คิดไปเองหรือเปล่า แต่พี่คิดว่าช่วงนี้เธอกำลังหลบหน้าพี่”“ฉันเปล่านะคะ ก็แค่มีเรื่องให้คิดมากก็เท่านั้น”“ถ้าเธอคิดมากเรื่องความรู้สึกของพี่ก็ไม่เป็นไร เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่ พี่ก็จะไม่บังคับให้เธอต้องลำบากใจ”พูดแค่ประโยคเดียวคนโหดก็ทำท่าจะเดินจาก เขาไม่เป็นไรแ
15งานเลี้ยง“เย่หมิงเสวียนปล่อยเธอเดี๋ยวนี้”“แกคิดว่าฉันโง่หรือไงจางอวี้เจิน พวกแกหลอกฉันกับพ่อมาที่นี่ก็เพื่อจัดการตระกูลเย่”“ใครจะจัดการแกได้ ถ้าแกไม่ทำชั่วก่อน คิดว่าอาละวาดที่นี่แล้วจะหนีไปได้หรือไง”จางอวี้เจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พยายามบังคับตนเองไม่ให้ตื่นตระหนกหรือลนลานจนเย่หมิงเสวียนรู้ว่าเขากลัวมากแค่ไหนในตอนนี้ ไม่ว่าจะต้องออกรบหรือทำภารกิจแบบไหนเขาไม่เคยนึกกลัว มีแค่ตอนนี้ตอนเห็นปากกระบอกปืนจ่ออยู่ตรงลำคอระหงของเกาม่านอี้เรือนร่างบอบบางพยายามคิดหาทางหนีให้กับตนเองขณะถูกจับตัวอยู่ พลางคิดถึงเส้นเรื่องหลักของนิยาย อย่างที่คิดเรื่องไหนต้องเกิดก็ต้องเกิด ตอนใกล้จบของนิยายมีการปะทะกันระหว่างพระเอกและพระรอง ซึ่งตอนนั้นพระรองถูกยิงตาวย เธอจะไม่ยอมให้จางอวี้เจินต้องบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไปเพราะคนสารเลวอย่างเย่หมิงเสวียนแน่นอน“พ่อถอย”จางอวี้เจินหันไปบอกจอมพลจางซีหลิงให้สั่งทหารรอ
14คนของฉันเกาม่านอี้ตอบพลางยื่นหนังสือสัญญานั้นให้เขาอีกครั้ง แต่แรกเขาไม่ได้สนใจหนังสือนี่เพราะมัวแต่ห่วงแผลตามร่างกายเธอ พอเธอยื่นให้อีกครั้งจึงหยิบมาดู หนังสือลงนามสัญญาค้าขายของตระกูลเย่กับพวกญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ไม่มีหลักฐานชัดเจนจึงเอาผิดพวกนั้นไม่ได้ เขาไม่อยากได้ชื่อว่าโหดเหี้ยม รังแกคนไม่มีอำนาจเลยตั้งใจหาหลักฐานมาตลอด“อย่างนั้นม่านม่านพักผ่อนเถอะ พี่จะออกไปสั่งงานจื่อหยวนสักหน่อย”“ได้ค่ะ ขอบคุณพี่อวี้เจินที่ยอมร่วมมือกับฉัน”“พูดอะไรอย่างนั้น ม่านม่านขอพี่ต้องยินดีอยู่แล้ว”คุยกันเสร็จชายหนุ่มก็ออกมาจากห้องของเธอ รีบถือหนังสือสัญญาไปยังห้องทำงาน ก่อนหน้านี้เขาใจร้อนเพราะรู้สึกโกรธที่เธอถูกคนอื่นรังแกจึงวู่วามเกือบฆ่าเย่หมิงเสวียน โชคดีได้เกาม่านอี้เตือนสติไว้ แต่ตอนนี้เขามีเหตุผลเพียงพอจะจัดการคนสารเลวคนนั้น“จื่อหยวน”“ผู้บัญชาการ มีเรื่องรายงานครับ”
15งานเลี้ยงโถงโรงแรมกลางเมืองถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงามใหญ่โต เหมาะกับตำแหน่งจอมพลของเจ้าของงานอย่างยิ่ง วันนี้เป็นวันเกิดของจอมพล แขกมากมายถูกเชิญมาร่วมงานและทุกคนที่ได้รับเชิญก็ไม่มีใครไม่กล้ามาร่วมงาน“สวัสดีครับท่านจอมพล”เย่ป๋อหรานเอ่ยทักจอมพลกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิด จอมพลหันมายิ้มพูดคุยกับเขาสักครู่ เพื่อไม่ให้ดูเสียมารยาทและหักหน้าเขาในตอนนี้“สวัสดีคุณเย่ วันนี้มากับลูกชายหรือครับ”“นี่เย่หมิงเสวียนลูกชายคนเดียวของผม”“สวัสดีครับ ท่านจอมพลนี่เป็นของขวัญให้ท่านครับ”“ขอบคุณมาก เชิญตามสบายนะ ผมขอตัวไปดูแขกคนอื่นสักหน่อย”เจ้าของงานรับของขวัญมาแล้วยื่นให้ทหารคนสนิทข้างกาย ไม่ได้เปิดดูในทันที จากนั้นจึงขอตัวออกไปดูแขกคนอื่นที่เริ่มทยอยเข้ามาในงานบ้างแล้วปกติจอมพลจะไม่จัดงานเลี้ยงรับรองหรืองานฉลองอะไร แต่ครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญที่ถูกขอให้จัด ผู้คนจึงมาร่วมงานกันม
14คนของฉันเช้ามืดของวันต่อมาเกาม่านอี้และหลู่ปินปินเตรียมกระเป๋ามาวางไว้ใกล้ประตูเผื่อหยิบได้สะดวก พอเตรียมของเสร็จก็นั่งรอให้ฟ้าสว่างช่วงสายของวันคนบ้านนั้นต้องรีบมาเอาเรื่องเธออีกแน่“เกาม่านอี้ ออกมาเดี๋ยวนี้!”นั่นอย่างไร! เสียงโหวกเหวกด้านนอกที่เธอรอมาเสียตั้งนาน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเปิดประตูเรือนเดินออกมา ท่าทางนิ่งสงบต่างจากเมื่อวานทำให้อี้จินเฉิงนึกโมโห แต่พอมองดูเธอดี ๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมากส่วนที่โผล่พ้นร่างกายของเกาม่านอี้มีแต่รอยฟกช้ำ แม้แต่ใบหน้าสวยยังบวมขึ้นเพราะถูกตีด้วยแรงของผู้ชาย หากจางอวี้เจินมาเห็นเธอในสภาพนี้ตระกูลเย่คงถูกฆ่าล้างตระกูลแน่ ๆ“เธอกล้ามากนะเกาม่านอี้ที่ทำร้ายฉัน”เย่หมิงเสวียนพูดเสียงเข้ม ก่อนจะก้าวมายืนตรงหน้าเธอ ผู้ชายคนนี้ช่างกล้าพูดเหลือเกินตัวเองถูกตีนิดหน่อยดันทำเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องที่ตีคนอื่นกลับไม่พูดถึงแม้แต่ครึ่งคำ“แล้วคุณไม่ทำร้าย