แชร์

บทที่ 3 พบเจอพระนางในนิยาย

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-21 15:51:08

บทที่ 3

พบเจอพระนางในนิยาย

เรื่องนี้เฉินโม่หรานกลับไม่คิดอย่างนั้น เธอมองว่าปู่ที่ตายไปแล้วต้องการให้พ่อของเธอรับใช้บ้านใหญ่จนวันตายถึงได้พูด

ฝากฝังแบบนั้น

แต่ไม่เป็นไร วันที่บ้านใหญ่มายื่นข้อเสนอเพื่อให้เธอแต่งงานกับญาติผู้พี่ เธอต้องแลกข้อเสนอนี้ออกไป ทว่าก่อนถึง

วันนั้นจะต้องหาเงินให้ได้เยอะ ๆ เสียก่อน

‘แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ ฉันไม่ได้มีมิติส่วนตัวเหมือนคนอื่นที่ทะลุมิติมานี่นา’ หญิงสาวได้แต่คิดในใจ และน้อยใจตัวเองที่ไม่มีนิ้วทองคำเหมือนคนอื่นเขา

“ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะพ่อ การที่ปู่พูดแบบนั้นคงต้องการให้บ้านรองของพวกเรารับใช้บ้านใหญ่ไปจนวันตาย ดูพี่ใหญ่สิตอนนี้อายุเหมาะแก่การแต่งงานแล้ว ยังไม่มีสะใภ้เข้าบ้านเลย”

“ที่น้องพูดมาก็มีเหตุผลนะพ่อ” เฉินหลงเปียวเห็นด้วยกับสิ่งที่น้องพูด ปู่คงไม่อยากให้บ้านรองแยกบ้านเพราะกลัวบ้านใหญ่จะไม่มีคนทำงานให้มากกว่า

จากนั้นก็หันมาพูดกับน้องสาวอย่างยิ้มแย้ม “ส่วนเรื่องแต่งงานพี่ยังไม่คิด และคงไม่มีหญิงสาวที่ไหนอยากแต่งเข้ามาหรอกนะ แค่สภาพความเป็นอยู่บ้านเราก็ไม่เอื้ออำนวยแล้ว”

เขาไม่เสียใจกับโชคชะตา แต่เสียใจที่ไม่สามารถพาครอบครัวและทุกคนที่รักหลุดพ้นออกจากบ้านนี้ได้ ทั้งที่เขาเป็นลูกชายคนโตของบ้านรอง

และดูสภาพความเป็นอยู่สิ สี่ชีวิตต้องอยู่กันเพียงแค่ในห้องที่บ้านใหญ่แบ่งให้ ซึ่งห้องนี้เท่าที่พ่อกับแม่เคยบอก คือห้องเก็บของ!

“อย่าเพิ่งทุ่มเถียงกันเรื่องนี้เลย สักวันบ้านของเราจะต้องหลุดพ้นออกจากที่นี่ ต่อให้พ่อของลูกจะขอแยกบ้าน แต่เชื่อแม่เถอะว่าย่าของลูกไม่มีทางยอม” คนเป็นแม่อย่างกุ้ยเจินพูดขึ้นมาบ้างหลังจากที่เงียบไป จากนั้นจึงหันมาทางลูกสาว

“ส่วนลูก ถึงแม้จะอาการดีขึ้นแล้ว แต่วันนี้ยังไม่ต้องทำงานหรอก ส่วนเรื่องอาหารเดี๋ยวแม่ทำเอง อย่างน้อยบ้านเราก็กินด้วย” เธอตัดบท เพราะไม่อยากให้ลูกสาวคิดมาก ถึงแม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีเปลี่ยนไปของอีกฝ่ายก็ตาม

“นั่นสิ ทำตามที่แม่พูดก็แล้วกันนะ เดี๋ยวพ่อไปช่วยแม่ของลูกทำอาหารเอง ลูกกลับเข้าห้องไปพักผ่อนเถอะ”

คนเป็นพ่อเห็นด้วยกับภรรยา อีกอย่างเรื่องแยกบ้านต่อให้ไม่มีคำสั่งเสียทิ้งไว้ เขาก็เชื่อว่าแม่ของตนเองไม่มีทางให้แยกบ้านแน่นอน และถ้าจะแยกบ้านคงรอให้สิ้นอายุขัยของแม่ไปเสียก่อนถึงจะทำได้

“ถ้าอย่างนั้นผมจะต้มยาให้น้องเอง ถึงแม้ว่าหายแล้วแต่ก็ต้องกิน” เฉินหลงเปียวรีบบอกว่าจะทำหน้าที่นี้เอง

เฉินโม่หรานที่ได้ยินแทบจะร้องห้าม เพราะยาต้มนั้น

โคตรขมเลย แต่ถ้าปฎิเสธก็กลัวว่าจะถูกครอบครัวสงสัย

“ขอบคุณนะคะทุกคน วันหนึ่งฉันจะทำให้ พ่อ แม่ พี่ใหญ่หลุดพ้นจากที่นี่ ฉันให้สัญญา”

หญิงสาวให้คำมั่นสัญญา ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้อง

โดยมีสายตาของทั้งสามคนมองตามไป

ช่วงสายของวันเดียวกัน...

หลังจากที่ได้นอนเต็มอิ่ม เฉินโม่หรานรีบลุกขึ้นมาพร้อมกับบิดกายเล็กน้อยเพื่อขับไล่ความเหนื่อยล้า

แต่แล้วสายตากลับมองเห็นภาพดอกเหลียนฮวาตรงกลางฝ่ามือ “เอ๊ะ มาได้ยังไงกันนะ” เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ

“หรือว่าจะเป็นมิติเหมือนที่เคยอ่านในนิยาย งั้นลองดูหน่อยก็แล้วกัน” ว่าแล้วก็รีบลูบตรงกลางฝ่ามือที่มีดอกเหลียนฮวาปรากฎอยู่ พร้อมกับหลับตาลงแล้วนึกถึงมิติ

เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบห้างสรรพสินค้าที่เธอเพิ่งมีโครงการจะสร้าง แต่มันน่าแปลกใจที่ห้างสรรพสินค้านี้มีทุกอย่างแล้ว ทั้งที่ก่อนที่เธอจะตายเพิ่งจะเริ่มเสาเข็มเท่านั้น

“แบบนี้ก็ดี อย่างน้อยก็มีอาหารจะได้ไม่อดตาย”

พูดจบก็เดินตรวจดูทุกชั้นทุกแผนกอย่างอารมณ์ดี พอเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ก็รีบออกมาเพราะกลัวว่าจะมีใครมาหาที่บ้าน

“ขอข้าวกะเพราไข่ดาว” เธอจำได้ว่ามีแผนกอาหารอยู่เลยตัดสินใจลองเรียกออกมาดู

สิ้นคำของเฉินโม่หราน ข้าวกะเพราไข่ดาวก็อยู่ตรงหน้าทันที นี่จึงทำให้เธอยิ้มแก้มปริ และปรบมือออกมาอย่างดีใจ

ณ แปลงข้าวโพดของกองพลน้อย

ตอนนี้ถึงช่วงเวลาเก็บเกี่ยวข้าวโพดแล้ว ในหมู่บ้านนี้ผลผลิตที่เยอะที่สุดคงจะเป็นข้าวโพด เลยทำให้ทุกคนรวมตัวกันที่นี่ และแม้จะอยู่กลางแดด ทุกคนก็ไม่หวั่นเพราะอยากให้งานเสร็จเร็ว

“อีกไม่นานก็ได้พักแล้ว พ่อเป็นอย่างไรบ้างไหวไหม”

เฉินหลงเปียวกลัวว่าพ่อจะเป็นลมแดด เลยถามอยู่ตลอด

“พ่อยังไหว ลูกไม่ต้องห่วงหรอก” เฉินคังแม้ว่าจะอายุสี่สิบกว่าปีแต่ร่างกายยังแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกัน การที่ต้องอยู่กลางแดดแบบนี้เขายังทนไหว

“แต่สีหน้าพ่อดูอ่อนล้ามากเลย ผมคิดว่าพ่อไปพักสักหน่อยไหม เดี๋ยวในส่วนของพ่อผมทำเอง” ชายหนุ่มยังคงกังวล เนื่องจากสีหน้าของคนเป็นพ่อดูจะเหนื่อยล้าเต็มทนแล้ว

“ไม่ต้องห่วงหรอก พ่อยังไหว เดี๋ยวก็ได้พักแล้วล่ะ” เขายังตอบกลับเหมือนเดิม

เมื่อเห็นว่าพ่อยังดื้อดึงที่จะทำงานต่อ เฉินหลงเปียวจึงได้แต่ก้มหน้าทำงาน ทว่าสายตายังคงคอยมองไปทางพ่อตนเองอยู่ตลอด เพราะกลัวว่าท่านจะเป็นลมไป

ส่วนทางด้านของเฉินโม่หราน หลังจากที่กินข้าวจนอิ่มแล้ว ก็คิดถึงพ่อกับแม่รวมถึงพี่ชาย เธออยากให้ทุกคนได้กินอิ่ม แต่จะทำอย่างไร เพราะกลัวว่าทั้งสามคนจะตกใจกับมิติที่เธอมี

“จะทำอย่างไรดี ฉันอยากให้ทั้งสามคนกินอิ่มเหมือนกัน”

หญิงสาวได้แต่พูดกับตัวเอง ก่อนจะคิดบางอย่างได้ แล้วรีบเดินออกมาจากห้องมุ่งตรงไปยังกองพลน้อยในส่วนที่ครอบครัวของเธอทำงานอยู่

ระหว่างทางก็มีชาวบ้านคอยเมียงมอง สงสัยว่าลูกสาวบ้านรองเฉินหายดีแล้วเหรอ จนมียุวปัญาชนชายคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาหา

“หายดีแล้วเหรอโม่หราน” กู้เลี่ยงรุ่ยยิ้มแย้ม หากเป็นหญิงสาวทั่วไปหรือเจ้าของร่างเดิมคงเคลิ้มกับรอยยิ้มของเขา แต่ไม่ใช่กับเฉินโม่หรานคนนี้ เพราะเธอรู้ดีว่าชายตรงหน้าคือพระเอกในนิยายเรื่องนี้อย่างไรล่ะ และเขายังมีคนรักแล้ว ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่อง

“อ้าวเธอหายแล้วเหรอ ได้ข่าวว่าถูกย่าตีจนสลบ”

นั่นไงพูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา เสียงของหญิงสาวคนนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนางเอกของเรื่องอย่าง กงลี่ฟาง

ในนิยายเหมือนว่ากงลี่ฟางจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้

แต่ทำไมยังอยู่ที่นี่ล่ะ หรือว่าเนื้อเรื่องมันผิดแปลกไป

“อืม ขอตัวก่อนนะ” เฉินโม่หรานไม่คิดจะเสวนากับทั้งสองคน เพราะรู้นิสัยดีจากการอ่านนิยายเรื่องนี้มาแล้ว จึงตัดสินใจตอบแค่นั้นแล้วรีบเดินเลี่ยงออกมา

แต่กลับถูกกู้เลี่ยงรุ่ยคว้าแขนไว้ ทว่ามือของเธอก็เร็วกว่า ตบเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายทันที

เพียะ!

“พี่เลี่ยงรุ่ย!!” เสียงของกงลี่ฟางร้องออกมาอย่างตกใจ

แล้วรีบเข้าไปดู

ส่วนเฉินโม่หรานแสร้งทำสีหน้าตกใจเช่นกัน ก่อนจะรีบพูดแก้ตัว แต่แววตากลับไม่สลดเลยแม้แต่น้อย

“คือฉันเป็นคนมือเร็วไปหน่อย แล้วไม่ชอบให้ใครถูกตัวน่ะ หน้าแดงเลยเจ็บไหม”

“เธออย่ามาเสแสร้ง ก่อนหน้านี้เธอคือคนที่วิ่งตาม

พี่เลี่ยงรุ่ยไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมตอนนี้ถึงตบเขา เหตุผลของเธอมันฟังไม่ขึ้นหรอกนะ”

กงลี่ฟางไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ แม้ว่าคนภายนอกจะคิดว่าเธอและเขาเป็นสหายที่มาจากปักกิ่งด้วยกัน แต่ความจริงแล้วเธอและเขาคือคนรักกันต่างหาก

“ฉันพูดความจริง ถ้าเธอไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ฉันคือลูกสาวของบ้านรองเฉิน ยังไม่แต่งงานย่อมต้องไม่ชอบให้ใครมาถูกตัว แล้วฉันกับยุวชนคนนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อกัน ทำไมฉันต้องยอมให้เขาถูกตัวฉันด้วย แค่เรียกเฉย ๆ ก็ได้แล้ว”

เฉินเมิ่งหรานตอบอย่างที่คิด ก่อนหน้านี้ไม่ว่าร่างเดิมจะคิดอย่างไรกับกู้เลี่ยงรุ่ย แต่มันก็ไม่ใช่ความคิดของเธอเสียหน่อย

ผู้ชายเจ้าชู้แบบนี้เธอไม่เอามาทำพันธ์หรอก!! ใครอยากได้ก็เอาไปเลย

พูดจบก็เดินออกมาโดยไม่สนใจคนทั้งสองอีกเลย

เพราะตอนนี้เฉินโม่หรานตั้งใจจะไปเตรียมสะถานที่เพื่อเอาอาหารออกมาให้พ่อ แม่ และพี่ชายกิน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายตัวประกอบปลายปี 1979   บทส่งท้าย ครอบครัวสมบูรณ์ 

    บทส่งท้าย ครอบครัวสมบูรณ์ ภายในบ้านของจ้าวหนิงเฉิง เมื่อทุกคนเข้ามาแล้ว เฉินคังและกุ้ยเจินสลับกับเราเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง แม้ว่าเฉินหลงเปียวจะโทรหาบ่อยครั้งแต่ก็จะคุยเรื่องงานและถามความเป็นอยู่มากกว่าเมื่อรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากบ้านใหญ่ ก็ไม่คิดว่าเฉินอี้โจวจะหลงผิดถึงขั้นเปลี่ยนตัวเองเป็นหัวขโมย“เพราะเรื่องนี้ด้วยไหมคะพ่อถึงยอมไปปักกิ่งกับฉัน”“ส่วนหนึ่งเท่านั้นแหละลูก พ่อไม่อยากให้ทุกคนแยกจากกัน อีกทั้งพ่อไม่ได้มีห่วงที่นี่อีกแล้ว” เขาตอบตามความเป็นจริง “ตอนนี้ตัวตนของพี่เฉิงคงกระจายทั่วแล้ว เดี๋ยวบ้านใหญ่คงรู้เรื่อง พ่อไม่กลัวว่าย่าจะมาหาเรื่องหรือขอค่าเลี้ยงดูเหรอ”เฉินโม่หรานไม่เชื่อว่าย่าของเธอจะยอมง่าย ๆ ในเรื่องนี้ และยังมีเฉินเม่ยเม่ยอีก ฝ่ายนั้นคงแค้นแทบกระอักเลือดเมื่อพรานป่าที่ปฏิเสธกลายเป็นคนร่ำรวยและมีอิทธิพลมาก“ต่อให้ย่าของลูกมาจริงอย่างที่ลูกบอก พ่อก็ไม่ให้หรอกนะ เพราะตลอดชีวิตพ่อที่ผ่านมา พ่อทำดีที่สุดแล้ว และให้ไปมากพอแล้ว ต่อจากนี้ครอบครัวของพี่ใหญ่ต้องจัดการดูแลแม่เอง”เมื่อทุกคนได้ยินต่างก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจที่เฉินคังมีความเ

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายตัวประกอบปลายปี 1979   บทที่ 35 เริ่มต้นใหม่ในตระกูลจ้าว

    บทที่ 35 เริ่มต้นใหม่ในตระกูลจ้าวยังไม่ทันที่จ้าวต้าเค่อได้ตอบคำถามของพ่อตนเอง กลับมีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งพูดออกมาอย่างเคียดแค้น“เรื่องในอดีตเราสองคนสามีภรรยาไม่ได้สนใจอะไรมากมาย วันนี้ที่มาเปิดเผยตัวเพราะต้องการนำตราประจำตระกูลส่งมอบให้คนที่เหมาะสม แต่ไม่คิดว่าจุดจบของสามีฉันคือความตาย เช่นนั้นก็อย่าหวังว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการเลย”เฉินโม่หรานสบตากับจ้าวหมิงยังไม่เกรงกลัว ก่อนจะพูดประโยคต่อมา “ถึงแม้ว่าตอนนี้สามีฉันจะไม่อยู่แล้ว แต่ฉันคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา คุณก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปเพราะฉันไม่มีทางยอม!!”เสียงประกาศของหญิงสาวดังขึ้นมาอย่างชัดเจนและ เธอไม่มีท่าทีผู้หญิงอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย แม้ใบหน้าสวยหวานจะมีน้ำตาไหลอาบแก้มก็ตามนายท่านสวี่ได้ยินก็รีบพูดสนับสนุนทันที “ฉันจะสนับสนุนเธอเอง อย่างไรเธอก็คือภรรยาของจ้าวหนิงเฉิงอย่างถูกกฎหมาย นับว่าเธอคือทายาทของเขา”“ได้อย่างไร ในเมื่อฉันคือจ้าวหมิง คนที่ดูแลตระกูลจ้าวมานับสิบปี จะให้คนนอกมากุมอำนาจได้อย่างไร ฉันยังอยู่ทั้งคนไม่ยอมให้ใครมาแย่งชิงสิ่งที่ควรเป็นของฉันไปหรอกนะ อย่างไรตระกูลจ้าวก็ต้องเป็นของฉันเท

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายตัวประกอบปลายปี 1979   บทที่ 34 ทายาทตัวจริงปรากฎ

    บทที่ 34 ทายาทตัวจริงปรากฎคฤหาสน์ตระกูลจ้าวเวลานี้เต็มไปด้วยผู้ทรงอิทธิพลที่มาร่วมงานกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคนในเมืองหลวงหรือต่างเมืองต่างก็มาแสดงความยินดีให้กับจ้าวหมิงทุกคนต่างก็เห็นกันว่าตลอดสิบปีที่ผ่านมา เขาได้พาตระกูลจ้าวให้มาอยู่ในจุดนี้โดยไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วกิจการที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นมานั้นเป็นเพราะลูกชายของเขาต่างหากล่ะ ผู้คนที่มากันอย่างมากมายมีทั้งดีใจด้วยและภาวนาให้คุณชายใหญ่ปรากฏตัวในวันนี้ เพราะนั่นคือทายาทที่แท้จริงของตระกูลจ้าวจะว่าไปแล้วก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าจ้าวหมิงต้องการแย่งตำแหน่งของพี่ชาย จึงได้ส่งคนมาจัดการ แต่ก็นั่นแหละเพราะไม่มีหลักฐานเลยทำอะไรกันไม่ได้ จึงได้แต่ภาวนาให้ทายาทตัวจริงปรากฏ“ดีใจด้วยนะนายท่านรอง ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่านายท่านจ้าว ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึงแล้ว” ชายสูงวัยคนหนึ่งหัวเราะขึ้นมา พร้อมกับชูแก้วให้อีกฝ่ายคล้ายกับแสดงความดีใจด้วย“ความจริงแล้วผมก็อยากจะรอหลานชายเพียงคนเดียวนั่นแหละ แต่ไม่ว่าจะส่งคนหาไปเท่าไหร่ก็ไม่มีข่าวคราวเลย ผมเองก็จนปัญญา แต่ตระกูลต้องมีผู้นำ”เขาพูดตอบกลับมาด้วยคำพูดที่แฝงไปด้วยความเศร้าเล็กน้

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายตัวประกอบปลายปี 1979   บทที่ 33 จับโจรได้แล้ว

    บทที่ 33 จับโจรได้แล้วหลายวันต่อมา...ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เฉินหลงเปียวคาดการณ์ไว้ นั่นเพราะเฉินอี้โจวกลับมาที่หมู่บ้านอีกครั้ง ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านและหัวหน้าชุยรับรู้ก็เริ่มจับตามองหลานชายบ้านเฉินทันที โดยที่เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ มีเพียงคนสนิทและไว้ใจได้เท่านั้นที่ทั้งสองบอกและให้รับหน้าที่จับตาดูส่วนเฉินเม่ยเม่ยเองก็เริ่มสงสัยว่าทำไมดี๋ยวนี้พี่ชายของเธอถึงได้กลับบ้านบ่อยนัก เลยถามออกมา “นี่กลับมาอีกทำไม ไม่ใช่ถูกโรงงานไล่ออกแล้วเหรอ แล้วมีเงินกลับมาบ้างไหมตอนนี้บ้านของเราไม่เหลือเงินแล้วนะ”พอได้ยินน้องสาวพูดแบบนั้นก็แสร้งทำสีหน้าตกใจ แล้วรีบถามออกมา “เกิดเรื่องอะไรเหรอ อย่าบอกนะว่าบ้านเราโดนหัวขโมยขึ้นบ้านเหมือนคนอื่นในหมู่บ้าน”“ก็ใช่นะสิ ย่านี่ด่าไม่หยุดเลยแถมยังสาปแช่งที่กล้ามาขโมยเงินของย่าไป แล้วที่ถามนี่มีเงินไหมขอเงินหน่อยสิ” หญิงสาวแบมือรอรับเงินจากพี่ชาย เธอตั้งใจจะเข้าเมืองสักหน่อย“ฉันไม่มีหรอก นี่กว่าเงินเดือนของโรงงานจะออกก็อีกตั้งหลายวัน ที่ฉันกลับมาบ้านเพราะที่ผ่านมาไม่เคยหยุดหรือลาเลยอย่างไรล่ะ ทำให้มีวันหยุดเยอะ เธอก็เลิกถามเถอะ ฉันเหนื่อยจะเข้าไปนอนส

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายตัวประกอบปลายปี 1979   บทที่ 32 ผู้ต้องสงสัยหลัก

    บทที่ 32 ผู้ต้องสงสัยหลักสองย่าหลานได้ยินอย่างนั้นก็หันมาสบตากันทันที พยายามนึกว่าเธอลืมลงกลอนประตูและหน้าต่างหรือเปล่า“ไม่นะย่า อย่ามองฉันอย่างนั้น ฉันไม่มีทางลืมใส่กลอนประตูแน่นอน นอกเสียจากว่าพี่ใหญ่กับพ่อจะออกไปไหนตอนกลางคืนแล้วลืมใส่กลอนประตูจนทำให้หัวขโมยมันเข้ามาในบ้านโดยที่เราไม่รู้ตัว” เฉินเม่ยเม่ยรีบปฎิเสธ“ส่วนฉันจะต้องไปแจ้งเจ้าหน้าที่เรื่องนี้ ฉันไม่ยอมสูญเสียเงินไปแน่นอน จะต้องตามจับหัวขโมยชั่วนั่นมาให้ได้” หญิงชราประกาศกร้าว สีหน้าและท่าทางดูแค้นเคืองเจ้าหัวขโมยนั้นเหมือนอยากจะฆ่าให้อีกฝ่ายตายคามือ โดยที่ไม่รู้เลยว่าหัวขโมยชั่วที่ย่าเฉินทั้งด่าทั้งแช่งนั้นคือหลานชายตัวเอง และเป็นหลานชายสุดที่รักอีกต่างหากเมื่อเห็นว่าย่าเฉินฟื้นแล้วและดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร ชาวบ้านที่เข้ามาช่วยเลยเข้ามาดูก็ทยอยกันออกมา แต่ก็คิดว่าเรื่องนี้มันแปลกเกินไป บ้านอื่นประตูบ้านและหน้าต่างถูกงัดแงะแต่บ้านเฉินกลับไม่มีร่องรอยอะไรเลย ดูเหมือนจะเป็นการกระทำของคนในบ้านเสียมากกว่า ทว่ากลับไม่มีใครพูดอะไรออกมา เพราะกลัวปากของย่าเฉินเรื่องบ้านใหญ่เฉินตอนนี้กระจายไปทั่วหมู่บ้านแล้วทุกคนรู้ว่าบ้านหลัง

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายตัวประกอบปลายปี 1979   บทที่ 31 บ้านใหญ่ถูกปล้นเหมือนกัน

    บทที่ 31 บ้านใหญ่ถูกปล้นเหมือนกันเมื่อทางหมู่บ้านมีการเดินเวรยามเพื่อหาวิธีจับหัวขโมยที่ขโมยเงินของชาวบ้าน ก็ทำให้โจรตัวจริงอย่างเฉินอี้โจวเริ่มกระวนกระวายใจนั่นก็เพราะว่าเงินที่หามาได้ยังไม่ครบตามจำนวนที่ต้องไปใช้หนี้ให้กับบ่อนการพนัน และยังไม่พอให้เขาต่อยอดได้แก้มือ แต่เมื่อเห็นน้องสาวขอเงินย่า ก็เริ่มมีความคิดที่จะขโมยเงินของบ้านตนเอง“ย่าตอนนี้ของกินของใช้อะไรหมดแล้วนะ ขอเงินไปซื้อหน่อยสิ” เฉินเม่ยเม่ยแบมือขอเงินคนเป็นย่า เพราะตอนนี้ของใช้ในบ้านนั้นหมดแล้ว“จะซื้ออะไรนักหนา ของกินก็หาเก็บในป่าสิ มันก็กินได้เหมือนกันนั่นแหละ ตอนนี้อี้โจวก็กลับมาอยู่บ้านไปช่วยหาสัตว์ป่าสักหน่อยก็ได้ บ้านเราก็ไม่ได้กินเนื้อสัตว์นานแล้วนะ”หญิงชราไม่ค่อยอยากจะควักเงินออกจากกระเป๋า ตั้งแต่บ้านรองแยกบ้านออกไป ก็แทบจะไม่มีรายรับเข้ามาเลย มีแต่รายจ่ายอย่างเดียว หากยังเป็นอย่างนี้ สักวันเงินก็คงจะหมด“ก็หลานชายสุดที่รักของย่าน่ะสิ วัน ๆ เอาแต่นอนไม่รู้ไปทำอะไรมานักหนา ถ้าเกิดย่าอยากกินเนื้อแล้วไม่จ่ายเงินก็ให้หลานชายไปหาเอาก็แล้วกัน แต่ตอนนี้แป้งและข้าวสารหมดแล้ว ถ้าไม่ให้เงินไปซื้อ เย็นนี้จะกินอะไร” หญิ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status