แชร์

บทที่ 5 เริ่มวางแผนจัดการอนาคต

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-21 15:51:56

บทที่ 5

เริ่มวางแผนจัดการอนาคต

ทันทีที่ได้ยินเฉินโม่หรานถามแบบนั้น ทั้งสามคนรีบ

ส่ายหน้าพร้อมกัน

“พ่อจะกลัวลูกสาวของตัวเองทำไม ตอนนี้พ่อคิดว่าต้องหาทางแยกบ้านให้ได้ เกิดวันใดที่บ้านใหญ่รู้ลูกจะไม่ปลอดภัย” เฉินคังพูดออกมาอย่างไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไร นั่นเพราะยังหาเหตุผลที่จะแยกบ้านไม่ได้

“พี่เองก็ไม่กลัวน้องหรอก เราเป็นพี่น้องกันจะกลัวทำไม

พี่กังวลเรื่องเดียว คือเราจะหาวิธีไหนที่จะแยกบ้าน ดูแล้วย่าคงไม่ยอมง่าย ๆ”

“นั่นสิ แม่เห็นด้วยกับพ่อและพี่ชายของลูก เรื่องหวาดกลัวเพราะลูกมีของวิเศษ พวกเราไม่กลัวกรอก แต่พวกเรากังวลเรื่องเดียวเท่านั้น” กุ้ยเจินที่นิ่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง

ตอนนี้ความกังวลของทั้งสามคนไปในมทิศทางเดียวกันคือ ทำอย่างไรถึงจะแยกบ้านได้

พอเฉินโม่หรานได้ยินอย่างนั้นก็ไม่พูดอะไร ทำเพียงยิ้มให้ แล้วพูดขึ้นมาว่า “เรื่องแยกบ้านเชื่อฉันเถอะว่าเราต้องทำได้

แต่ก่อนอื่นเราต้องหาทุนสำรองของบ้านกันก่อน เพราะถ้าหากแยกบ้านแล้วอย่างน้อยก็ต้องมีเงินก่อสร้างบ้าน ฉันอยากจะซื้อบ้าน

ในเมืองให้ทุกคนอยู่ด้วยกัน แต่ก็รู้ดีว่ามันยากเกินความสามารถของพวกเรา”

เรื่องซื้อบ้านเท่าที่รู้จากความทรงจำของร่างนี้ ยุคนี้ซื้อบ้านยากมาก และการย้ายเข้าเมืองยากไม่ต่างกันเพราะทะเบียนบ้านของทุกคนอยู่ในหมู่บ้าน แม้ว่าจะย้ายภายในอำเภอก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถ้าไม่มีเส้นสาย

ดังนั้นเรื่องที่สำคัญที่สุดคือการหาเงินอย่างไรล่ะ

เมื่อได้ยินคำพูดทั้งหมดของเธอ ทุกคนจึงคิดตาม นั่นคือต้องหาเงินเข้าบ้านให้มากที่สุด ถ้าหากไม่มีเงินสำรองแล้วจะแยกบ้านอย่างไร

“ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่เย็นนี้พี่จะหาของป่าให้มากขึ้น จะได้เอาไปขายที่ตลาดมืด” เฉินหลงเปียวพูดคนแรก เขาต้องหาของป่าให้ได้มากกว่าเดิม บ้านรองของเขาจะได้มีเงินเก็บ

“ที่ลูกพูดมามันถูกต้องและเราควรทำอย่างนั้น แต่จะเดินอ้อมหมู่บ้านไปตลาดมืดเหรอ พ่อว่ามันจะลำบากไหม และหมู่บ้านนั้นมีคนรู้จักของลุงใหญ่ เกิดพวกเขาไปบอกบ้านใหญ่เราจะลำบากมากกว่าเดิมนะ” เฉินคังกลัวว่าหากมีคนพบเห็นจะเกิดเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าเดิม และหากเป็นอย่างนั้นบ้านใหญ่คงไม่ยอม ไม่แน่ว่าจะหาเรื่องบ้านรองอีกน่ะสิ

“พ่อกับพี่ใหญ่กังวลเรื่องอะไร อย่าลืมสิว่าฉันมีของวิเศษอยู่ที่ตัว และในนั้นมีข้าวของมากมายที่เรากินไม่หมด เราสามารถเอาออกมาขายได้ พี่ใหญ่กับพ่อไม่ต้องทำงานหนักกว่าเดิมหรอก แต่ทำตัวเป็นปกติก็พอ ตอนนี้พวกเราควรจะกินอาหารให้อิ่ม”

เฉินโม่หรานนั่งฟังพ่อกับพี่ใหญ่พูดก็อดที่จะพูดสวนกลับมาไม่ได้

เรื่องหาของป่าเธอเข้าใจ แต่ทั้งสองคนลืมไปหรือเปล่าว่าเธอมีมิติ และเธอสามารถหาเงินเข้าบ้านได้จำนวนมากหากเอาของไปขาย

“จริงสิ แต่มันไม่เป็นอันตรายกับลูกใช่ไหม หากเอาของวิเศษพวกนั้นไปขาย” คนเป็นพ่อถามย้ำอีกครั้ง แววตายังคงมีความกังวลเพราะกลัวว่าของพวกนั้นต้องแลกกับอายุขัยของเธอ

“ไม่เป็นอันตรายค่ะ ถ้าอย่างนั้นบ่ายนี้พี่ใหญ่ไม่ต้องทำงานได้ไหม เข้าเมืองกับฉันเราจะไปขายของกัน แล้วพี่จะรู้ว่าต่อจากนี้เราสองพี่น้องจะมีเงินเก็บมากขนาดไหน ส่วนพ่อกับแม่หากใครถามก็บอกว่าพี่ใหญ่พาฉันไปหาหมอ ดีไหมคะ” เธอยื่นข้อเสนอเพราะหากอธิบายคงไม่ดีเท่าทำให้เห็น

เมื่อได้ยินอย่างนั้นทั้งสามคนจึงพยักหน้าตกลง

“ถ้าอย่างนั้นเรามากินอาหารมื้อนี้กันก่อน ส่วนมื้อเย็นพ่อกับแม่ก็แสร้งกินไปหรือบอกว่าอิ่มแล้ว เดี๋ยวเราสองคนกลับมาจะเอาของอร่อยมาให้กิน”

สิ้นเสียงของเฉินโม่หราน ทั้งสามคนไม่รีรออีกเพราะเห็นว่าอาหารสุกแล้วจึงกินด้วยความอร่อย นี่จึงทำให้หญิงสาวยิ้มขึ้นมาไม่ได้เมื่อเห็นคนในครอบครัวได้กินของอร่อยแบบนี้

ย้อนกลับมาทางด้านจ้าวหนิงเฟิง เมื่อชายหนุ่มกลับมาถึงบ้าน เขามองดูกระต่ายในมือคล้ายกับจะตัดสินใจบางอย่าง

ก่อนจะพาพวกมันขังไว้ แล้วกลับขึ้นเขาอีกครั้งเพื่อหาไม้มาทำกรงให้พวกมัน

“ถือว่าพวกแกโชคดีนะที่ฉันไม่นำมาทำอาหาร และถ้าปล่อยพวกแกไปคงได้เป็นมื้อเย็นของใครสักคน” ใบหน้าที่มักจะเย็นชาปรากฎรอยยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย

กระต่ายเหมือนจะรู้ว่าพวกมันรอดตายก็กระโดดไม่หยุดคล้ายกับกำลังดีใจอยู่ ไม่นานสหายทั้งสองคนที่ทำงานในกองพลน้อยกลับมา

“พี่เฉิง นั่นพี่จะเลี้ยงกระต่ายเหรอ” ตงข่ายสหายร่วมเป็นร่วมตายของจ้าวหนิงเฉิงถามอย่างแปลกใจ เพราะทุกครั้งที่พี่ใหญ่ของพวกเขาหาสัตว์ป่ามาได้จะต้องลงหม้อเป็นอาหารเสียทุกครั้ง

“อืม มีคนขอไว้อย่าฆ่าพวกมันน่ะ ฉันเลยต้องเลี้ยงไว้

ในบ้านมีเนื้ออยู่พวกนายไปทำอาหารเถอะ” เขาพูดออกมาเหมือนเรื่องปกติ จนตงข่ายและจางอี้ได้แต่เกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็เดินเข้าครัวไปทำอาหารเหมือนเดิม

ความจริงแล้วจ้าวหนิงเฉิงไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี้แต่ก็เข้ามาอยู่ในฐานะยุวปัญญาชนเกือบสิบปีแล้ว วันหนึ่งได้ช่วยเหลือพ่อเฒ่าเฉิน ฝ่ายบ้านเฉินจึงรับปากว่าหากหลานสาวถึงวัยแต่งงานจะให้เป็นเจ้าสาวของเขา แต่ก่อนที่จะได้ทำตามสัญญาพ่อเฒ่าเฉินมาสิ้นใจไปเสียก่อน

ทว่าก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจก็ไม่ลืมเรื่องนี้ ยังคงสั่งเสียภรรยาและลูกไว้ว่าอย่าลืมเรื่องการแต่งงานของหลานสาว

วันหนึ่งจ้าวหนิงเฉิงเข้าป่าแล้วเกิดพลาดท่าให้กับหมู่ป่าตัวใหญ่ ทำให้เขามีบาดแผลบนใบหน้า หญิงสาวในหมู่บ้านพากันรังเกียจ รวมถึงหลานสาวของบ้านเฉินทั้งสองคน

‘วันนี้เกิดอะไรขึ้นทำไมเธอคนนั้นถึงพูดจาเหมือนคนทั่วไป ไม่มีความรังเกียจอยู่ในนั้นเลย’

เมื่อคิดถึงใบหน้าและการกระทำของใครบางคนในวันนี้ ชายหนุ่มจึงกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจเล็กน้อย ในใจนั้นเริ่มคิดถึงบางเรื่องขึ้นมา และหวังว่าเรื่องที่ตั้งใจจะกระทำจะลุล่วงไปด้วยดี

ส่วนทางด้านของเฉินโม่หราน เวลานี้ทั้งหมดกินอาหารกันจนอิ่มแล้ว และอาหารที่เตรียมไว้ก็ไม่เหลืออะไรเลย

“นี่ค่ะ ผลไม้ล้างปาก” หญิงสาวเรียกเอาส้มและกล้วยออกมาเพื่อให้ทุกคนกินเป็นของหวาน

“ขอบใจมาก บ่ายนี้พ่อมีแรงทำงานแล้ว” เฉินคังพูดอย่างยินดี ตอนนี้ท้องอิ่มย่อมต้องมีแรงทำงานต่อในช่วงบ่าย

“นั่นสิ แม่เองก็หายเหนื่อยแล้วเหมือนกัน ว่าแต่ลูกทั้งสองคนเถอะจะเข้าเมืองวันนี้เลยเหรอ” กุ้ยเจินถามย้ำอีกครั้ง

“ค่ะแม่ ฉันจะให้พี่ใหญ่พาเข้าตลาดมืด วันหน้าฉันจะได้ไปด้วยตัวเอง หากให้ฉันทำงานในทุ่งเหมือนเดิมคงไม่ไหว”

เฉินโม่หรานรู้ดีว่าเธอไม่สามารถทำงานกลางแดดแบบนั้นได้ หากไม่มีมิติคงต้องหางานอย่างอื่นทำ หรือไม่ก็ต้องเข้าเมืองแล้วหาของไปขาย แต่นั่นก็ไม่มีทางเป็นไปได้เพราะบ้านรองของเธอไม่มีเงิน!

“ไม่ได้ หรานหรานรู้หรือไม่ว่าตลาดมืดอันตรายแค่ไหน หากเมื่อไรที่เจ้าหน้าที่รัฐหรือทหารเข้าไปตรวจค้น แล้วหนีไม่ทันจะทำอย่างไร”

เฉินหลงเปียวรีบส่ายหน้ารัว ๆ เขาไม่ต้องการให้น้องสาวเข้าเมืองไปตลาดมืดคนเดียว นั่นเพราะว่ามันอันตรายเกินไป

“แต่พี่ใหญ่อย่าลืมว่าพี่เข้าเมืองไปกับฉันไม่ได้ทุกวันหรอก เพราะนั่นจะทำให้คนอื่นและบ้านใหญ่สงสัยได้ พี่เชื่อใจฉันเถอะว่าน้องสาวคนนี้สามารถเอาตัวรอดได้ วันไหนที่พี่ว่างค่อยไปกับฉัน”

หญิงสาวไม่อยากให้คนอื่นจับผิดที่เธอและพี่ชายเข้าเมืองทุกวัน หากเมื่อไรที่แยกบ้านแล้ว จะเข้าเมืองพร้อมกันก็ไม่ใช่ปัญหา

“แต่...” เฉินหลงเปียวยังมีความลังเล

“พ่อเชื่อใจหรานหราน พ่อเชื่อว่าลูกสาวของพ่อจะต้องเอาตัวรอดได้ วันนี้ลูกก็พาน้องไปดูเส้นทางเสียก่อน วันหน้าเมื่อมีเวลาพวกเราค่อยสลับกันเข้าเมืองไปกับหรานหราน แบบนี้ก็ไม่มีใครสงสัยแล้ว”

เมื่อทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าตอบตกลง และเห็นด้วยกับความคิดของเฉินคัง 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายตัวประกอบปลายปี 1979   บทส่งท้าย ครอบครัวสมบูรณ์ 

    บทส่งท้าย ครอบครัวสมบูรณ์ ภายในบ้านของจ้าวหนิงเฉิง เมื่อทุกคนเข้ามาแล้ว เฉินคังและกุ้ยเจินสลับกับเราเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง แม้ว่าเฉินหลงเปียวจะโทรหาบ่อยครั้งแต่ก็จะคุยเรื่องงานและถามความเป็นอยู่มากกว่าเมื่อรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากบ้านใหญ่ ก็ไม่คิดว่าเฉินอี้โจวจะหลงผิดถึงขั้นเปลี่ยนตัวเองเป็นหัวขโมย“เพราะเรื่องนี้ด้วยไหมคะพ่อถึงยอมไปปักกิ่งกับฉัน”“ส่วนหนึ่งเท่านั้นแหละลูก พ่อไม่อยากให้ทุกคนแยกจากกัน อีกทั้งพ่อไม่ได้มีห่วงที่นี่อีกแล้ว” เขาตอบตามความเป็นจริง “ตอนนี้ตัวตนของพี่เฉิงคงกระจายทั่วแล้ว เดี๋ยวบ้านใหญ่คงรู้เรื่อง พ่อไม่กลัวว่าย่าจะมาหาเรื่องหรือขอค่าเลี้ยงดูเหรอ”เฉินโม่หรานไม่เชื่อว่าย่าของเธอจะยอมง่าย ๆ ในเรื่องนี้ และยังมีเฉินเม่ยเม่ยอีก ฝ่ายนั้นคงแค้นแทบกระอักเลือดเมื่อพรานป่าที่ปฏิเสธกลายเป็นคนร่ำรวยและมีอิทธิพลมาก“ต่อให้ย่าของลูกมาจริงอย่างที่ลูกบอก พ่อก็ไม่ให้หรอกนะ เพราะตลอดชีวิตพ่อที่ผ่านมา พ่อทำดีที่สุดแล้ว และให้ไปมากพอแล้ว ต่อจากนี้ครอบครัวของพี่ใหญ่ต้องจัดการดูแลแม่เอง”เมื่อทุกคนได้ยินต่างก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจที่เฉินคังมีความเ

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายตัวประกอบปลายปี 1979   บทที่ 35 เริ่มต้นใหม่ในตระกูลจ้าว

    บทที่ 35 เริ่มต้นใหม่ในตระกูลจ้าวยังไม่ทันที่จ้าวต้าเค่อได้ตอบคำถามของพ่อตนเอง กลับมีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งพูดออกมาอย่างเคียดแค้น“เรื่องในอดีตเราสองคนสามีภรรยาไม่ได้สนใจอะไรมากมาย วันนี้ที่มาเปิดเผยตัวเพราะต้องการนำตราประจำตระกูลส่งมอบให้คนที่เหมาะสม แต่ไม่คิดว่าจุดจบของสามีฉันคือความตาย เช่นนั้นก็อย่าหวังว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการเลย”เฉินโม่หรานสบตากับจ้าวหมิงยังไม่เกรงกลัว ก่อนจะพูดประโยคต่อมา “ถึงแม้ว่าตอนนี้สามีฉันจะไม่อยู่แล้ว แต่ฉันคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา คุณก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปเพราะฉันไม่มีทางยอม!!”เสียงประกาศของหญิงสาวดังขึ้นมาอย่างชัดเจนและ เธอไม่มีท่าทีผู้หญิงอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย แม้ใบหน้าสวยหวานจะมีน้ำตาไหลอาบแก้มก็ตามนายท่านสวี่ได้ยินก็รีบพูดสนับสนุนทันที “ฉันจะสนับสนุนเธอเอง อย่างไรเธอก็คือภรรยาของจ้าวหนิงเฉิงอย่างถูกกฎหมาย นับว่าเธอคือทายาทของเขา”“ได้อย่างไร ในเมื่อฉันคือจ้าวหมิง คนที่ดูแลตระกูลจ้าวมานับสิบปี จะให้คนนอกมากุมอำนาจได้อย่างไร ฉันยังอยู่ทั้งคนไม่ยอมให้ใครมาแย่งชิงสิ่งที่ควรเป็นของฉันไปหรอกนะ อย่างไรตระกูลจ้าวก็ต้องเป็นของฉันเท

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายตัวประกอบปลายปี 1979   บทที่ 34 ทายาทตัวจริงปรากฎ

    บทที่ 34 ทายาทตัวจริงปรากฎคฤหาสน์ตระกูลจ้าวเวลานี้เต็มไปด้วยผู้ทรงอิทธิพลที่มาร่วมงานกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคนในเมืองหลวงหรือต่างเมืองต่างก็มาแสดงความยินดีให้กับจ้าวหมิงทุกคนต่างก็เห็นกันว่าตลอดสิบปีที่ผ่านมา เขาได้พาตระกูลจ้าวให้มาอยู่ในจุดนี้โดยไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วกิจการที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นมานั้นเป็นเพราะลูกชายของเขาต่างหากล่ะ ผู้คนที่มากันอย่างมากมายมีทั้งดีใจด้วยและภาวนาให้คุณชายใหญ่ปรากฏตัวในวันนี้ เพราะนั่นคือทายาทที่แท้จริงของตระกูลจ้าวจะว่าไปแล้วก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าจ้าวหมิงต้องการแย่งตำแหน่งของพี่ชาย จึงได้ส่งคนมาจัดการ แต่ก็นั่นแหละเพราะไม่มีหลักฐานเลยทำอะไรกันไม่ได้ จึงได้แต่ภาวนาให้ทายาทตัวจริงปรากฏ“ดีใจด้วยนะนายท่านรอง ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่านายท่านจ้าว ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึงแล้ว” ชายสูงวัยคนหนึ่งหัวเราะขึ้นมา พร้อมกับชูแก้วให้อีกฝ่ายคล้ายกับแสดงความดีใจด้วย“ความจริงแล้วผมก็อยากจะรอหลานชายเพียงคนเดียวนั่นแหละ แต่ไม่ว่าจะส่งคนหาไปเท่าไหร่ก็ไม่มีข่าวคราวเลย ผมเองก็จนปัญญา แต่ตระกูลต้องมีผู้นำ”เขาพูดตอบกลับมาด้วยคำพูดที่แฝงไปด้วยความเศร้าเล็กน้

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายตัวประกอบปลายปี 1979   บทที่ 33 จับโจรได้แล้ว

    บทที่ 33 จับโจรได้แล้วหลายวันต่อมา...ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เฉินหลงเปียวคาดการณ์ไว้ นั่นเพราะเฉินอี้โจวกลับมาที่หมู่บ้านอีกครั้ง ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านและหัวหน้าชุยรับรู้ก็เริ่มจับตามองหลานชายบ้านเฉินทันที โดยที่เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ มีเพียงคนสนิทและไว้ใจได้เท่านั้นที่ทั้งสองบอกและให้รับหน้าที่จับตาดูส่วนเฉินเม่ยเม่ยเองก็เริ่มสงสัยว่าทำไมดี๋ยวนี้พี่ชายของเธอถึงได้กลับบ้านบ่อยนัก เลยถามออกมา “นี่กลับมาอีกทำไม ไม่ใช่ถูกโรงงานไล่ออกแล้วเหรอ แล้วมีเงินกลับมาบ้างไหมตอนนี้บ้านของเราไม่เหลือเงินแล้วนะ”พอได้ยินน้องสาวพูดแบบนั้นก็แสร้งทำสีหน้าตกใจ แล้วรีบถามออกมา “เกิดเรื่องอะไรเหรอ อย่าบอกนะว่าบ้านเราโดนหัวขโมยขึ้นบ้านเหมือนคนอื่นในหมู่บ้าน”“ก็ใช่นะสิ ย่านี่ด่าไม่หยุดเลยแถมยังสาปแช่งที่กล้ามาขโมยเงินของย่าไป แล้วที่ถามนี่มีเงินไหมขอเงินหน่อยสิ” หญิงสาวแบมือรอรับเงินจากพี่ชาย เธอตั้งใจจะเข้าเมืองสักหน่อย“ฉันไม่มีหรอก นี่กว่าเงินเดือนของโรงงานจะออกก็อีกตั้งหลายวัน ที่ฉันกลับมาบ้านเพราะที่ผ่านมาไม่เคยหยุดหรือลาเลยอย่างไรล่ะ ทำให้มีวันหยุดเยอะ เธอก็เลิกถามเถอะ ฉันเหนื่อยจะเข้าไปนอนส

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายตัวประกอบปลายปี 1979   บทที่ 32 ผู้ต้องสงสัยหลัก

    บทที่ 32 ผู้ต้องสงสัยหลักสองย่าหลานได้ยินอย่างนั้นก็หันมาสบตากันทันที พยายามนึกว่าเธอลืมลงกลอนประตูและหน้าต่างหรือเปล่า“ไม่นะย่า อย่ามองฉันอย่างนั้น ฉันไม่มีทางลืมใส่กลอนประตูแน่นอน นอกเสียจากว่าพี่ใหญ่กับพ่อจะออกไปไหนตอนกลางคืนแล้วลืมใส่กลอนประตูจนทำให้หัวขโมยมันเข้ามาในบ้านโดยที่เราไม่รู้ตัว” เฉินเม่ยเม่ยรีบปฎิเสธ“ส่วนฉันจะต้องไปแจ้งเจ้าหน้าที่เรื่องนี้ ฉันไม่ยอมสูญเสียเงินไปแน่นอน จะต้องตามจับหัวขโมยชั่วนั่นมาให้ได้” หญิงชราประกาศกร้าว สีหน้าและท่าทางดูแค้นเคืองเจ้าหัวขโมยนั้นเหมือนอยากจะฆ่าให้อีกฝ่ายตายคามือ โดยที่ไม่รู้เลยว่าหัวขโมยชั่วที่ย่าเฉินทั้งด่าทั้งแช่งนั้นคือหลานชายตัวเอง และเป็นหลานชายสุดที่รักอีกต่างหากเมื่อเห็นว่าย่าเฉินฟื้นแล้วและดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร ชาวบ้านที่เข้ามาช่วยเลยเข้ามาดูก็ทยอยกันออกมา แต่ก็คิดว่าเรื่องนี้มันแปลกเกินไป บ้านอื่นประตูบ้านและหน้าต่างถูกงัดแงะแต่บ้านเฉินกลับไม่มีร่องรอยอะไรเลย ดูเหมือนจะเป็นการกระทำของคนในบ้านเสียมากกว่า ทว่ากลับไม่มีใครพูดอะไรออกมา เพราะกลัวปากของย่าเฉินเรื่องบ้านใหญ่เฉินตอนนี้กระจายไปทั่วหมู่บ้านแล้วทุกคนรู้ว่าบ้านหลัง

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายตัวประกอบปลายปี 1979   บทที่ 31 บ้านใหญ่ถูกปล้นเหมือนกัน

    บทที่ 31 บ้านใหญ่ถูกปล้นเหมือนกันเมื่อทางหมู่บ้านมีการเดินเวรยามเพื่อหาวิธีจับหัวขโมยที่ขโมยเงินของชาวบ้าน ก็ทำให้โจรตัวจริงอย่างเฉินอี้โจวเริ่มกระวนกระวายใจนั่นก็เพราะว่าเงินที่หามาได้ยังไม่ครบตามจำนวนที่ต้องไปใช้หนี้ให้กับบ่อนการพนัน และยังไม่พอให้เขาต่อยอดได้แก้มือ แต่เมื่อเห็นน้องสาวขอเงินย่า ก็เริ่มมีความคิดที่จะขโมยเงินของบ้านตนเอง“ย่าตอนนี้ของกินของใช้อะไรหมดแล้วนะ ขอเงินไปซื้อหน่อยสิ” เฉินเม่ยเม่ยแบมือขอเงินคนเป็นย่า เพราะตอนนี้ของใช้ในบ้านนั้นหมดแล้ว“จะซื้ออะไรนักหนา ของกินก็หาเก็บในป่าสิ มันก็กินได้เหมือนกันนั่นแหละ ตอนนี้อี้โจวก็กลับมาอยู่บ้านไปช่วยหาสัตว์ป่าสักหน่อยก็ได้ บ้านเราก็ไม่ได้กินเนื้อสัตว์นานแล้วนะ”หญิงชราไม่ค่อยอยากจะควักเงินออกจากกระเป๋า ตั้งแต่บ้านรองแยกบ้านออกไป ก็แทบจะไม่มีรายรับเข้ามาเลย มีแต่รายจ่ายอย่างเดียว หากยังเป็นอย่างนี้ สักวันเงินก็คงจะหมด“ก็หลานชายสุดที่รักของย่าน่ะสิ วัน ๆ เอาแต่นอนไม่รู้ไปทำอะไรมานักหนา ถ้าเกิดย่าอยากกินเนื้อแล้วไม่จ่ายเงินก็ให้หลานชายไปหาเอาก็แล้วกัน แต่ตอนนี้แป้งและข้าวสารหมดแล้ว ถ้าไม่ให้เงินไปซื้อ เย็นนี้จะกินอะไร” หญิ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status