แชร์

เข้าเมืองขายเห็ด

ผู้เขียน: l3oonm@
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-08 01:07:06

รุ่งเช้าสองแม่ลูกก็ตื่นมาอย่างสดชื่น เมื่อทานมื้อเช้าเรียบร้อยต่างก็ช่วยกันนำเห็ดที่จือหลินหั่นไว้เมื่อวานไปตากแดดทันที

“ท่านแม่ข้าจะเข้าเมืองต้องเดินทางไปเช่นไรเจ้าคะ” จือหลินเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อจัดการนำเห็ดตากแดดแล้ว

“หากเจ้าขึ้นเกวียนวัวหน้าหมู่บ้านก็ต้องรีบเตรียมตัวแล้ว” ลี่อินขมวดคิ้วคิด

เพราะว่านางก็ไม่ได้เมืองมานับสิบปีแล้ว หมู่บ้านไห่เหอ อยู่ห่างจากเมืองกว่างซียี่สิบลี้ (1ลี้=500เมตร) หากเดินเท้าก็ต้องมีถึงหนึ่งชั่วยาม หากนั่งเกวียนวัวก็เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น

หมู่บ้านไห่เหอมีลุงจงเป็นผู้ขับเกวียนรับส่งคนในหมู่บ้าน โดยมีค่านั่งเกวียนคนละสองอิแปะ (ค่าเงินในยุคนั้น) เพราะระยะทางไปกลับเพียงครั้งละหนึ่งชั่วยามเท่านั้น ลุงจงจึงว่งเกวียนไปกลับไปวันละสองรอบ

หากจือหลินนางจะเข้าเมืองวันนี้ก็คงต้องเตรียมตัวออกจากเรือนได้แล้ว จือหลินจึงเก็บเห็ดหลินจือที่ผึงแห้งแล้วใส่ลงในถุงที่มารดาเตรียมไว้ให้ ก่อนจะรีบแบกตะกร้าออกจากเรือนไปอย่างรวดเร็ว

ลี่อินต้องวิ่งออกมาจากเรือนเพื่อนำเงินให้จือหลินติดตัวไปเป็นค่าเกวียนและค่าเข้าเมือง เพราะนางรีบร้อนจนลืมแม้กระทั่งจะขอเงินจากมารดา

“อ้าวหลินเออร์ เจ้าจะรีบร้อนไปที่ใด” ชาวบ้านที่หน้าหมู่บ้านเอ่ยถามเด็กสาวอย่างสงสัย เพราะน้อยครั้งนักที่นางจะออกมาจากท้ายหมู่บ้าน

“ท่านป้า ข้าจะเข้าเมืองนำของป่าไปขายเจ้าค่ะ ไม่รู้จะทันเกวียนวัวหรือไม่” นางปาดเหงื่อที่เร่งรีบจากการเดินบอกกล่าวหญิงวัยกลางคนที่ถามนาง

“ทันทัน รีบไปเสีย ตาแก่จงยังไม่ออกเกวียน” จือหลินก้มหัวขอบคุณก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

“หลินเออร์เจ้าจะเข้าเมืองหรือ” ลุงจงที่กำลังจะออกเกวียนก็เอ่ยถามเมื่อเห็นนางเร่งฝีเท้ามาทางเกวียน

“เจ้าค่ะ” จือหลินหยุดหอบของเกวียนก่อนจะคลำหาเหรียญอิแปะที่มารดาให้มาแล้วส่งให้ลุงจง

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ขึ้นมานั่งข้างข้าด้านหน้านี้” ลุงจงตบที่ข้างที่นั่งของเขา เพราะด้านในมีคนนั่งอยู่เต็มแล้ว

“ท่านรับไปเถิดเจ้าค่ะ” จือหลินที่ขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วก็ยังคงยื่นเงินให้อย่างไม่ยอม

“ตัวเล็กเพียงนี้จะหนักอันใดเล่า ข้าไม่เอาเงินเจ้าหรอกเก็บไว้เสียเถิด” ลุงจงโบกมืออย่างไม่ยินยอมเช่นกัน

ภรรยาของเขาก็เอ็นดูจือหลินมากนัก ทุกครั้งที่เห็นนางตัวเล็กเพียงนี้ แต่ต้องแบกตะกร้าขึ้นเขาเพื่อหาของป่าก็นำกลับมาเล่าให้เขาฟังที่เรือนอยู่เสมอ

เมื่อถึงหน้าเก็บเกี่ยวเขายังแบ่งข้าวที่ปลูกกับแป้งไปให้สองแม่ลูกที่เรือนท้ายหมู่บ้านอยู่เป็นประจำ เพราะทั้งคู่ไม่มีที่ทำกินเช่นผู้อื่น อีกอย่างทั้งเขาและภรรยาก็อดที่จะเห็นสองแม่ลูกที่อาภัพไม่ได้

ลุงจงถามจือหลินว่านางจะเข้าเมืองด้วยเรื่องอันใด เมื่อรู้ว่านางจะนำของป่าไปขายก็แนะนำให้นางไปขายให้กับผู้ใด หรือตั้งขายที่ใดถึงจะขายดีอีกด้วย

“ท่านปู่จง ท่านช่วยแนะนำร้านยาให้ข้าได้ไหมเจ้าคะ” จือหลินพยายามปรับน้ำเสียงให้ดูน่าเอ็นดูที่สุด แม้ดวงตาของนางไม่ได้ฉายแววเช่นเด็กน้อยทั่วไปก็ตาม

“ไปที่ร้านยาฟาไฉ ขายหรือซื้อล้วนให้ราคายุติธรรม” ลุงจงคิดว่าลี่อินนางเจ็บป่วยอีกแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้

เด็กน้อยวัยเพียงสิบหนาวกลับต้องคอยดูแลมารดาจนไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นเช่นเด็กคนอื่น แล้วครั้งนี้นางยังต้องเข้าเมืองเพื่อขายผักป่าที่มีอยู่ทั่วไปมาซื้อยาให้มารดาอีก

ลุงจงจึงบอกจือหลินก่อนที่นางจะลงจากเกวียนว่า หากเงินไม่พอให้วิ่งมาหาเขาที่เกวียนวัวหน้าประตูเมืองถึงอย่างไรก็เป็นเที่ยวสุดท้ายแล้วไม่ได้กลับเข้าหมู่บ้านแต่จะจอดรออยู่ที่หน้าประตูเมือง

จือหลินกล่าวขอบคุณก่อนที่จะเดินไปจ่ายค่าเข้าเมืองคนละหนึ่งอิแปะ แล้วเดินไปตามทิศทางที่ลุงจงได้บอกกล่าวนางไว้อย่างรวดเร็ว

เพราะถามมาแล้วว่าควรไปร้านไหนดีจึงไม่ต้องไปเดินถามขายให้กับร้านอื่น

“มาซื้อยาหรือขายสมุนไพรเล่า” เสี่ยวเอ้อหน้าร้านก็ไม่ได้ดูถูกจือหลินที่เห็นนางเป็นเด็กน้อยเสื้อผ้ามีแต่รอยปะชุน

“มาขายเจ้าค่ะ” จือหลินไม่โง่พอที่จะนำเห็ดหลินจือออกมาให้ดูหน้าร้าน เพราะยังมีชาวบ้านเดินเพ่นพ่านไปมาอย่างหนาตา

จือหลินนำตะกร้ามาวางด้านหน้าของนาง พร้อมเปิดแง้มให้เสี่ยวเอ้อดูถุงที่ใส่เห็ดหลินจือเพียงเขาเห็นผู้เดียว

“เจ้าเดินตามข้ามาทางนี้” เสี่ยวเอ้อรีบแหวกทางให้จือหลินจากชาวบ้านที่เขามาถามซื้อยา ก่อนจะพานางเข้าไปในห้องรับรองที่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว

เสี่ยวเอ้อยังนำน้ำชากับของว่างเข้ามาให้นางได้ดื่มกินตามคำสั่งของท่านหมอ ที่ยังไม่อาจปลีกตัวมาจากตรวจคนป่วยได้

“ไหน นำออกมาให้ข้าดูเสียหน่อย” เสียงของชายชราที่รีบร้อนเข้ามาเอ่ยขึ้นเมื่อเขาเปิดประตูห้องรับรอง

ทั้งท่านหมอและจือหลินต่างมองประเมินกันและกันก่อนที่เขาจะมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับนาง

หมอหวงไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่นำเห็ดหลินจือมาขายจะเป็นเด็กน้อยเพียงเท่านี้ แต่ท่าทางที่จิบชาของนางตอนที่เขาเข้ามาหากไม่บอกเป็นสตรีชาวบ้านคงคิดว่านางเป็นคุณหนูตกยากเป็นแน่

จือหลินก็มองชายชราตรงหน้าเช่นกัน จ้องมองไปที่แววตาที่มองมาที่นางเมื่อไม่เห็นถึงความเหยียดหยามและสายตาละโมบเมื่อรู้ว่านางนำสิ่งใดมาจึงได้หยิบเห็ดหลินจือดอกแดงออกมาหนึ่งดอก

“สวรรค์ เจ้าไปหามาจากที่ใด” หมอหวงลูบเห็ดหลินจือแดงดอกใหญ่กว่าสองฝ่ามือของเขารวมกันอย่างสั่นเทา

“ท่านรับซื้อหรือไม่เจ้าคะ” จือหลินนางไม่ตอบคำถามแต่เอ่ยถามเข้าเรื่องแทน

“ซื้อ ซื้อ แน่นอน เจ้าจะขายเท่าใด” 

“หึหึ เป็นข้าที่ต้องถามไม่ใช่หรือเจ้าคะ ว่าท่านซื้อเท่าใด” จือหลินเลิกคิ้วถาม

“ใช่ ใช่ ข้าขอคิดก่อน” หมอหวงจ้องมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างแปลกใจ เพราะไม่คิดว่านางจะฉลาดมากเช่นนี้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย   คู่บำเพ็ญเพียร(จบ)

    จือหลินนางพาชิงชางเข้าไปภายในมิติ ชิงชางเมื่อรู้ตอนนี้ตนอยู่ที่ใดเขาก็อุ้มจือหลินเข้าไปในห้องของนางนางรู้ว่าเขาต้องการทำสิ่งใดกับนางก็อดที่จะเอ่ยถามอย่างสงสัยไม่ได้“ท่านอยู่ในขั้นใด”“ข้าเร่งเดินลมปราณ เพื่อวันนี้หลินหลิน”ชิงชางไม่ยอมบอกนางแต่เขากับจุมพิตนางอย่างดูดดื่มแทน จือหลินราวกับต้องมนต์เมื่อได้รับสัมผัสที่อ่อนโยนของเขาชิงชางไล้นิ้วไปตามเรือนร่างของนาง พร้อมทั้งปลดชุดของนางอย่างรวดเร็ว“เจ้างามยิ่งนักหลินหลิน” เมื่อได้เห็นเรือนร่างที่เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าของนาง เขาก็อดที่จะจ้องมองอย่างตกตะลึงมิได้จือหลินนางก็ไม่ได้มีท่าทีที่เขินอายเช่นหญิงสาวทั่วไป กลับใจกล้ากว่าที่เขาคิด เพียงนางช้อนสายตายั่วยวนเขา ชิงชางก็รีบปลดชุดออกด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะขึ้นคร่อมตัวนางพร้อมกับมอบจุมพิตที่ร้อนแรงเต็มไปด้วยไฟปรารถนา จือหลินโอบรอบคอของเขาไว้ พร้อมทั้งใช้มือที่ซุกซนของนางสัมผัสไปที่เครื่องเพศของเขาโดยตรง“หลินหลิน เจ้าช่าง ซุก ซนนัก” ชิงชางเอ่ยแสงสั่นเทาออกมาอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้จือหลินนางเงยหน้าขึ้นหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าที่อดกลั้นของเขา แต่ต่อมานางก็รู้ตัวว่านางนั้นคิดผ

  • ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย   ออกเดินทาง

    ภายในมิติผ่านมาได้สองปี แต่ด้านนอกเพียงผ่านไปแล้วสี่เดือนเท่านั้น ชิงชางก็คิดจะออกไปจัดการเรื่องของตนในวังหลวง แม้แต่ขั้นระดับเขาก็ไม่ให้จือหลินตรวจสอบนางก็ไม่ว่าอันใด พาเขาออกไปส่งด้านนอกอย่างที่เขาต้องการ ชิงชางมองจือหลินอย่างลึกซึ้งก่อนจะเดินจากไปโดยที่เขาไม่เอ่ยอันใดสักคำจือหลินยืนมองแผ่นหลังของเขาอย่างสะท้านในอก นางคิดว่าตัวนางไม่อยากยึดติดหรือหวังในตัวของชิงชางแล้วแต่ก็ยังอดเศร้าใจไม่ได้“ชางเออร์เจ้ากลับมาเสียที” หลีจิ้งมองบุตรชายที่รูปร่างและกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างแปลกใจ“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ลูกมีเรื่องจะพูดกับพวกท่าน”“หากเป็นเรื่องของหลินเออร์ พ่อเข้าใจ แต่เจ้าก็ต้องรู้ว่าต่อไปเจ้ามิอาจมีนางเพียงผู้เดียวได้”หลีจิ้งมองบุตรชายอย่างจริงจัง เพราะตัวเขาที่คิดจะมีเพียงอี้หนิงในวังหลังเพียงหนึ่งเดียวยังไม่อาจทำได้เขาจำต้องรับบุตรสาวของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ทั้งผู้ที่เคยช่วยเหลือจนเขาได้นั่งในบัลลังก์ครั้งนี้ไว้อย่างเสียไม่ได้เพียงปีเดียวก็มีพระสนมมากถึงนับสิบคนแล้วชิงชางฟังคำพูดของบิดาหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด“ลูกไม่คิดจะเป็นฮ่องเต้เช่นเสด็จพ่อ ลูกต้องการออกเดิ

  • ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย   ความมุ่งมั่นของชิงชาง

    ชิงชางอับอายจนใบหูของเขาแดงก่ำ ตัวเขาจะเคยทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ที่ทำกับนางก็เป็นครั้งแรกของเขาเช่นกันแล้วสตรีเช่นนางกับพูดเรื่องเช่นนี้ออกมาได้อย่างไม่อายบอก หรือว่านางเคยถูกผู้ใดจุมพิตมาแล้วชิงชางยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดอาการหึงหวง เขาเดินเข้าไปจับใบหน้าของนางไว้แล้วจุมพิตนางอีกครั้งอย่างรุนแรงแต่ครั้งนี้จือหลินนางตกตะลึงอย่างแท้จริง เพราะไม่คิดว่าชิงชางจะจุมพิตนางอีกครั้ง นางคิดว่าคำพูดของนางจะทำให้เขาเกิดอยากเปลี่ยนใจจือหลินกลับเป็นฝ่ายดึงรั้งคอของชิงชางไว้ แล้วเริ่มใช้เรียวลิ้นของนางหยอกล้อกับเรียวลิ้นของชิงชางแทนในตอนแรกชิงชางก็นิ่งชะงักอย่างตกตะลึง เขาไม่คิดว่านางจะจุมพิตได้ช่ำชองเช่นนี้ แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความรัญจวนที่นางมอบให้ทั้งสองไม่รู้ว่าตนจุมพิตกันนานเพียงใด แต่เมื่อจือหลินนางถอนริมฝีปากออก ชิงชางกลับอาลัยอาวรณ์อย่างไม่สิ้นสุด“หลินเออร์ เหตุใดเจ้า”“ท่านอยากจะรู้ว่าเหตุใดข้าถึงจุมพิตเป็นใช่หรือไม่”จือหลินนางจ้องมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างหยอกล้อ ก่อนจะเล่าเรื่องที่นางไม่ใช่คนในภพนี้ให้ชิงชางได้ฟังทั้งคู่เข้ามานั่งในห้องนั่งเล่นที่โซฟาแทนห้องทดลองของจือหลินนางบอกเล่า

  • ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย   เจ้ากลับมาแล้ว

    บ่าวไพร่ในจวนตระกูลถานรวมทั้งองครักษ์ของชิงชางต่างแตกตื่นกันให้วุ่น เพราะเรื่องที่จือหลินและชิงชางหายตัวไปจากห้องนอนในเรือนของป๋อฉิวอย่างไร้ร่องรอยลี่อินที่ยังไม่หายดีก็ให้ตงฟางประคองตนมาที่ห้องของจือหลินอย่างร้อนใจจือหลินนางออกทันเห็นคนกำลังเข้าช่วยมารดาที่หมดสติอยู่ในห้องของนางพอดี“เกิดเรื่องใดขึ้นหรือเจ้าคะ” เสียงของนางทำให้ทุกคนหยุดนิ่งอยู่กับที่ คนที่มีสติที่สุดเห็นจะเป็นตงฟางที่วิ่งเข้ามากอดเอวพี่สาวไว้แน่น แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใครจือหลินต้องลูบหลังปลอบประโลมเขาอยู่พักใหญ่กว่าจะเงียบเสียงลง คงมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าตงฟางต้องแสร้งเข้มแข็งมากเพียงใด เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับพี่สาวของตน เพราะเขาต้องดูแลมารดาที่ล้มป่วยทั้งยังน้องชายคนเล็กที่เสียขวัญอีกด้วย“หลินเออร์ เจ้ากลับมาหาแม่แล้ว” ลี่อินเมื่อได้สติก็ลุกขึ้นดึงตัวบุตรสาวเข้ามาสวมกอดอย่างหวงแหนท่านผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อบ่าวไปแจ้งว่าพบตัวจือหลินแล้วก็รีบร้อนเดินมาทันที“หลินเออร์” ผู้เฒ่าถานมองหลานสาวด้วยดวงตาที่เออคลอไปด้วยน้ำตาส่วนฮูหยินผู้เฒ่าถานเดินเข้ามาสวมดอกนางไม่ต่างจากที่ลี่อินทำเลย“พวกท่านใจเย็นก่

  • ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย   ท่านเข้ามาได้อย่างไร

    ภายนอกมิติต่างวิ่งวุ่นตามหมอกันไปทั่ว เพราะหลายวันแล้วที่จือหลินนางนอนอย่างไม่ได้สติ พวกเขาที่รอเวลาให้นางตื่นก็ไม่อาจทนรอได้อีกหมอที่มาตรวจก็ไม่อาจหาสาเหตุที่ทำให้จือหลินนางหมดสติเช่นนี้ได้ เพราะร่างกายของนางเหมือนกับคนที่หลับสนิทเท่านั้นหลีจิ้งเมื่อจัดการเรื่องภายในวังหลวงเสร็จสิ้นก็มารับอี้หนิงกับอวี่ซีกลับเข้าวังหลวง เพื่อสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้และฮองเฮาพระองค์ใหม่ป๋อฉิวถูกราชโองการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีกรมกลาโหมทันทีที่หลีจิ้งขึ้นนั่งบัลลังก์ เขาไม่ได้รู้สึกยินดีกับตำแหน่งที่ได้จวนตระกูลถานยังไม่เปิดรับผู้คนที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดี เพราะบุตรสาวที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ในเรือนของเขาชิงชางเมื่อช่วยบิดาจัดการเรื่องในวังหลวงเสร็จสิ้น ตัวเขาก็แทบจะอยู่ที่จวนตระกูลถานไม่ยอมขยับไปที่ใด ได้แต่นั่งเฝ้าจือหลินที่นอนหลับอยู่บนเตียงเขามักจะนำตำรา หรือเรื่องที่พบเจอมาตลอดที่ไม่ได้อยู่กับนางมาเล่าให้นางฟัง จนคนที่เข้ามาพบเห็นอกเห็นใจเขาไม่ได้ป๋อฉิวก็ไม่ทำใจไล่เข้ากลับวังไม่ลง จึงปล่อยให้เขานั่งพูดอยู่เช่นนั้น เรื่องร้านค้าของจือหลินก็ไม่มีปัญหา เพราะของที่นางทำไว้ยังมีอีกมาก ลี่อินที่

  • ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย   ห้วงมิติเปลี่ยนแปลง

    ป๋อฉิวไม่เคยเห็นด้านที่อ่อนแอเช่นนี้ของนาง เขาอดที่จะจุกในอกไม่ได้ สุดท้ายแล้วอย่างไรนางก็เป็นเด็กสาวที่ต้องการคนปลอบประโลมชิงชางกับหลีจิ้งทรุดตัวลงอย่างสิ้นแรง ทุกคนล้วนได้รับผลกระทบจากการระเบิดพลังครั้งนี้ของจือหลินแต่เพียงไม่นาน ร่างกายที่ทุกคนได้รับบาดเจ็บ แม้แต่โรคที่รักษาไม่หายเมื่อถูกแสงสีขาวของจือหลินต่างก็หายราวปาฏิหาริย์ เรื่องนี้ชาวเมืองที่หนีไม่ทันจากแสงก็รับรู้ได้เช่นกันชาวชราที่เดินกลับเรือนเขาไม่อาจวิ่งหนีได้เช่นคนหนุ่มสาว เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งร่างกายที่ทรุดโทรมก็กลับแข็งแรงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจคนขอทานที่ขาหัก ล้มอยู่ที่พื้น เพราะโดนชนจนหนีไม่ทันก็กลับมาลุกขึ้นเดินได้เมื่อแสงสีขาวหายไปกลายเป็นที่ร่ำลือไปทั่ว ชาวเมืองทั้งหมดต่างออกจากเรือนเพื่อมารอแสงสีขาวอีกครั้ง แต่ก็ไม่เคยปรากฏขึ้นอีกเลยป๋อฉิวประคองบุตรสาวขึ้น ก่อนที่ทั้งคู่จะร่ำลาสองพ่อลูกกับจวนของตนไป“หลินเออร์” ชิงชางร้องเรียกนาง“ท่านจัดการเรื่องของท่านเถิด ข้าจะกลับจวนเพื่อไปดูมารดาและน้องชาย” จือหลินนางไม่ได้หันไปมองชิงชางเลยสักนิดจือหลินพูดจบนางก็หมดสติไปทันที เพราะการระเบิดพลังและการเลื่อนขั้นที่เกิดข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status