ยิ่งได้เห็นแววตาที่จ้องมองเขาราวกับพยัคฆ์รอขย้ำเหยื่อ เขาก็อดสะท้านในอกวูบหนึ่งไม่ได้ หากบอกราคาที่นางไม่พอใจ นางคงไปร้านอื่นทันที
แต่แววตาของนางที่มองเขาอยู่ในยามนี้ ช่างให้ความคุ้นเคยที่ประหลาด แต่เขาก็ตอบไม่ได้ว่าเคยเห็นแววตาที่คล้ายกับนางจากที่ใด
“ข้าหมอหวง เจ้าเล่าชื่อแซ่อันใด”
“ข้าแซ่ฟู่ นามจือหลิน เจ้าค่ะ” จือหลินลุกขึ้นคารวะหมอหวงอย่างนอบน้อม ตามแบบซีรีส์ที่เคยผ่านตานางมา
“เช่นนั้นสองพันตำลึงทองเจ้าพอใจหรือไม่” จือหลินลองคคิดค่าเงินคร่าวๆ จากที่นางจ่ายค่าเกวียนและค่าเข้าเมืองอย่างใช้ความคิด
“สองพันห้าร้อยตำลึงทอง ข้าให้เจ้าเต็มที่แล้ว” หมอหวงที่เห็นจือหลินขมวดคิ้วคิดก็คิดว่านางไม่พอใจกับราคาที่เขาให้จึงกัดฟันเพิ่มให้นางอีกห้าร้อยตำลึงทอง
“เจ้าค่ะ แล้วถ้าดอกนี้เล่า” จือหลินเมื่อได้ราคาที่นางพอใจก็เริ่มหยิบดอกสีดำกับสีม่วงออกมาอย่างละดอก
“สวรรค์ เจ้า เจ้า โชคดีเกินไปแล้ว” หมอหวงกระโดดลุกจากเก้าอี้อย่างตกใจ เมื่อเห็นเด็กน้อยนำเห็ดหลินจือออกมาอีกสองดอก
“เจ้าต้องการให้ข้าตกใจจนตายหรือ” เขาถลึงตามองจือหลิน เมื่อเห็นนางขบขันกับท่าทางตกใจของเขา
“เหอะ หากมีอีกก็รีบเอาออกมาให้หมดเสีย ข้าจะได้ตกใจทีเดียว” จือหลินนางยังไม่หยิบออกมา เพราะต้องการจะฟังก่อนว่าจะได้ราคาเท่าใด
“ท่านซื้อเท่าใดเจ้าคะ” หมอหวงอ้าปากค้างอย่างพูดไม่ออก นางจะฉลาดเกินไปแล้ว เขารู้ว่านางยังมีในตะกร้าอีก แต่ไม่ยอมเอาออกมาเพราะกลัวว่าจะได้ราคาน้อยลง
“เหอะ เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ ดอกดำข้าให้สี่พันตำลึงทอง ส่วนดอกม่วงข้าให้หกพันตำลึงทอง” จือหลินไม่คิดว่ายุคนี้จะให้ราคาเห็ดสีดำกับสีม่วงมากกว่าสีแดง
หากต่อไปพวกเขารู้ว่าสรรพคุณยาเห็ดหลินจือแดงมีมากกว่าสีอื่นไม่รู้จะทำหน้าเช่นไร แต่ก็อย่างว่าคงคิดว่าสีดำกับสีม่วงหายากกว่าสีแดงก็เป็นไปได้
“เช่นนั้นข้าก็ขายทั้งหมดเจ้าคะ” จือหลินนำเห็ดที่เหลืออย่างละดอกออกมาว่างจนเต็มโต๊ะ หมอหวงแทบอย่างจะทึ้งผมตนเอง เพราะเขาไม่เคยพบเห็ดหลินจือที่ดอกใหญ่เช่นนี้มาก่อนทั้งยังมีมากถึงหกดอกตรงหน้าเขา โดยคนที่เก็บได้เป็นเพียงเด็กน้อยวัยสิบหนาว
เขาต้องมองนางเสียใหม่แล้วที่กล้าแบกตะกร้าเข้าเมืองโดยมีของล้ำค่านี้อยู่บนหลังเพียงผู้เดียว
“บิดามารดาของเจ้าเล่า” เขาเอ่ยถามเรื่องที่สงสัยเมื่อบอกให้หลงจู๊ไปจัดการเรื่องเงินมาให้จือหลินแล้ว
“มารดาข้านางป่วยจึงไม่อาจเดินทางเข้าเมืองได้ ส่วนบิดาสารเลวข้าไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด” นางจิบชาพร้อมทั้งเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ
หมอหวงไม่รู้จะต้องตกตะลึงเรื่องของจือหลินมากน้อยแค่ไหน
“นี่ตั๋วเงินของเจ้า” หมอหวงส่งตั๋วเงินให้จือหลิน
นางไม่แม้แต่จะตรวจนับ นางดึงตั๋วห้าสิบตำลึงออก จากนั้นก็โยนทั้งหมดเข้าถุงแล้วใส่ลงตะกร้าอย่างไม่เห็นว่ามีค่า
“ไม่นับก่อนรึ” หมอหวงจ้องมองจือหลินอย่างไม่อยากเชื่อ เงินเป็นหมื่นตำลึงทองนางทำราวเป็นเพียงใบไม้เท่านั้น
“ข้าดึงออกมาห้าสิบตำลึงเงิน ประเดี๋ยวจะเอาไปฝากที่ร้านฝากเงิน ทั้งหมดก็จะเหลือ สองหมื่นสี่พันเก้าร้อยเก้าสิบห้าตำลึงทอง หากท่านให้ไปครบข้าก็ค่อยมาเอาเพิ่มเจ้าค่ะ” จือหลินแสร้งทำใบหน้าใสซื่อ
“เจ้าคิดได้ไวถึงเพียงนี้” หมอหวงอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ ที่เด็กหญิงตัวเล็กจะรู้เรื่องคำนวณที่แม้แต่เขายังต้องใช้ลูกคิด แต่นางกลับไม่ได้ใช้ลูกคิดก็คิดออกมาได้แล้ว
จือหลินก้มหัวคารวะให้ก่อนจะเดินออกจากห้องรับรองไปราวกับนางเพียงเข้ามาตรวจรักษาโรคเท่านั้น
เพราะตะกร้าของนางยังมีผักป่าอยู่ ทุกคนจึงคิดว่านางเข้ามาขายผัก เมื่อขายไม่ได้ก็ออกไปจากโรงหมอเท่านั้น หากจือหลินได้ยินความคิดของผู้อื่นนางคงจะมองพวกเขาราวกับมองคนโง่ จะมีผู้ใดเข้ามาขายผักในร้านยาเล่า
ค่าเงิน
1 อิแปะ = 1 เหรียญทองแดง
1 ก้วน = 100 อิแปะ
1 ตำลึงเงิน = 1 ก้วน (100 อิแปะ)
1 ตำลึงทอง = 10 ตำลึงเงิน
หลงจู๊เมื่อเห็นจือหลินเดินออกจากห้องรับรองไปแล้ว แต่ยังไม่เห็นหมอหวงออกมา เขาก็เลยเดินเข้ามาดูในห้อง ก็พบหมอหวงที่นั่งเหม่อลอยอย่างคนไม่มีสติ
“ท่านหมอขอรับ” หลงจู๊สะกิดเรียกหมอหวง เมื่อเรียกเขาแล้วเขาไม่ได้ยิน
“ข้าไม่เคยพบเจอเด็กที่ใดฉลาดเพียงนี้มาก่อน” เขาพึมพำออกมาเบาๆ
หมอหวงสั่งให้คนของเขาเก็บเห็ดหลินจือทั้งหมดลงหีบอย่างเบามือ ก่อนที่เขาจะเร่งออกเดินทางเข้าเมืองหลวง เพื่อนำเห็ดไปให้นายท่านเจ้าของโรงหมอทันที
ถึงจะบอกว่าเงินที่เขาจ่ายให้จือหลินนับว่ามากแล้ว แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาย่อมมากกว่านี้หลายเท่านัก ไม่รู้ว่าเมื่อเห็ดหลินจือถูกนำเข้าลานประมูลจะเกิดคลื่นใต้น้ำในเมืองหลวงที่ใหญ่มากเพียงใด
จือหลินนางไม่อาจล่วงรู้สิ่งที่หมอหวงคิดได้ นางซื้อข้าวสาร แป้ง เนื้อหมู เครื่องปรุงต่างๆ ที่นางพอจะหาได้และผักเสร็จก็กลับไปที่เกวียนวัว
ลุงจงมองสิ่งของที่นางซื้อมาอย่างตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าผักป่าเพียงตะกร้าเดียวนางจะหาซื้อของมาได้มากถึงเพียงนี้
จือหลินนางทิ้งผักป่าของนางไปแล้วและใส่ของอย่างอื่นไว้ด้านบนตั๋วเงินที่นางได้มาอีกที จึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าด้านล่างเป็นตั๋วเงินเกือบสามหมื่นตำลึงทอง
เมื่อกลับถึงหมู่บ้านจือหลินกล่าวขอบคุณลุงจง ก่อนจะดินกลับเรือนอย่างรวดเร็ว แม้ผู้ใดจะเอ่ยถามนางก็เพียงตอบคำถามแต่ไม่ได้หยุดเท้าพูดคุย ทุกคนจึงคิดว่านางเป็นห่วงมารดาจึงไม่ได้รั้งตัวไว้
จือหลินนางพาชิงชางเข้าไปภายในมิติ ชิงชางเมื่อรู้ตอนนี้ตนอยู่ที่ใดเขาก็อุ้มจือหลินเข้าไปในห้องของนางนางรู้ว่าเขาต้องการทำสิ่งใดกับนางก็อดที่จะเอ่ยถามอย่างสงสัยไม่ได้“ท่านอยู่ในขั้นใด”“ข้าเร่งเดินลมปราณ เพื่อวันนี้หลินหลิน”ชิงชางไม่ยอมบอกนางแต่เขากับจุมพิตนางอย่างดูดดื่มแทน จือหลินราวกับต้องมนต์เมื่อได้รับสัมผัสที่อ่อนโยนของเขาชิงชางไล้นิ้วไปตามเรือนร่างของนาง พร้อมทั้งปลดชุดของนางอย่างรวดเร็ว“เจ้างามยิ่งนักหลินหลิน” เมื่อได้เห็นเรือนร่างที่เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าของนาง เขาก็อดที่จะจ้องมองอย่างตกตะลึงมิได้จือหลินนางก็ไม่ได้มีท่าทีที่เขินอายเช่นหญิงสาวทั่วไป กลับใจกล้ากว่าที่เขาคิด เพียงนางช้อนสายตายั่วยวนเขา ชิงชางก็รีบปลดชุดออกด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะขึ้นคร่อมตัวนางพร้อมกับมอบจุมพิตที่ร้อนแรงเต็มไปด้วยไฟปรารถนา จือหลินโอบรอบคอของเขาไว้ พร้อมทั้งใช้มือที่ซุกซนของนางสัมผัสไปที่เครื่องเพศของเขาโดยตรง“หลินหลิน เจ้าช่าง ซุก ซนนัก” ชิงชางเอ่ยแสงสั่นเทาออกมาอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้จือหลินนางเงยหน้าขึ้นหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าที่อดกลั้นของเขา แต่ต่อมานางก็รู้ตัวว่านางนั้นคิดผ
ภายในมิติผ่านมาได้สองปี แต่ด้านนอกเพียงผ่านไปแล้วสี่เดือนเท่านั้น ชิงชางก็คิดจะออกไปจัดการเรื่องของตนในวังหลวง แม้แต่ขั้นระดับเขาก็ไม่ให้จือหลินตรวจสอบนางก็ไม่ว่าอันใด พาเขาออกไปส่งด้านนอกอย่างที่เขาต้องการ ชิงชางมองจือหลินอย่างลึกซึ้งก่อนจะเดินจากไปโดยที่เขาไม่เอ่ยอันใดสักคำจือหลินยืนมองแผ่นหลังของเขาอย่างสะท้านในอก นางคิดว่าตัวนางไม่อยากยึดติดหรือหวังในตัวของชิงชางแล้วแต่ก็ยังอดเศร้าใจไม่ได้“ชางเออร์เจ้ากลับมาเสียที” หลีจิ้งมองบุตรชายที่รูปร่างและกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างแปลกใจ“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ลูกมีเรื่องจะพูดกับพวกท่าน”“หากเป็นเรื่องของหลินเออร์ พ่อเข้าใจ แต่เจ้าก็ต้องรู้ว่าต่อไปเจ้ามิอาจมีนางเพียงผู้เดียวได้”หลีจิ้งมองบุตรชายอย่างจริงจัง เพราะตัวเขาที่คิดจะมีเพียงอี้หนิงในวังหลังเพียงหนึ่งเดียวยังไม่อาจทำได้เขาจำต้องรับบุตรสาวของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ทั้งผู้ที่เคยช่วยเหลือจนเขาได้นั่งในบัลลังก์ครั้งนี้ไว้อย่างเสียไม่ได้เพียงปีเดียวก็มีพระสนมมากถึงนับสิบคนแล้วชิงชางฟังคำพูดของบิดาหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด“ลูกไม่คิดจะเป็นฮ่องเต้เช่นเสด็จพ่อ ลูกต้องการออกเดิ
ชิงชางอับอายจนใบหูของเขาแดงก่ำ ตัวเขาจะเคยทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ที่ทำกับนางก็เป็นครั้งแรกของเขาเช่นกันแล้วสตรีเช่นนางกับพูดเรื่องเช่นนี้ออกมาได้อย่างไม่อายบอก หรือว่านางเคยถูกผู้ใดจุมพิตมาแล้วชิงชางยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดอาการหึงหวง เขาเดินเข้าไปจับใบหน้าของนางไว้แล้วจุมพิตนางอีกครั้งอย่างรุนแรงแต่ครั้งนี้จือหลินนางตกตะลึงอย่างแท้จริง เพราะไม่คิดว่าชิงชางจะจุมพิตนางอีกครั้ง นางคิดว่าคำพูดของนางจะทำให้เขาเกิดอยากเปลี่ยนใจจือหลินกลับเป็นฝ่ายดึงรั้งคอของชิงชางไว้ แล้วเริ่มใช้เรียวลิ้นของนางหยอกล้อกับเรียวลิ้นของชิงชางแทนในตอนแรกชิงชางก็นิ่งชะงักอย่างตกตะลึง เขาไม่คิดว่านางจะจุมพิตได้ช่ำชองเช่นนี้ แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความรัญจวนที่นางมอบให้ทั้งสองไม่รู้ว่าตนจุมพิตกันนานเพียงใด แต่เมื่อจือหลินนางถอนริมฝีปากออก ชิงชางกลับอาลัยอาวรณ์อย่างไม่สิ้นสุด“หลินเออร์ เหตุใดเจ้า”“ท่านอยากจะรู้ว่าเหตุใดข้าถึงจุมพิตเป็นใช่หรือไม่”จือหลินนางจ้องมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างหยอกล้อ ก่อนจะเล่าเรื่องที่นางไม่ใช่คนในภพนี้ให้ชิงชางได้ฟังทั้งคู่เข้ามานั่งในห้องนั่งเล่นที่โซฟาแทนห้องทดลองของจือหลินนางบอกเล่า
บ่าวไพร่ในจวนตระกูลถานรวมทั้งองครักษ์ของชิงชางต่างแตกตื่นกันให้วุ่น เพราะเรื่องที่จือหลินและชิงชางหายตัวไปจากห้องนอนในเรือนของป๋อฉิวอย่างไร้ร่องรอยลี่อินที่ยังไม่หายดีก็ให้ตงฟางประคองตนมาที่ห้องของจือหลินอย่างร้อนใจจือหลินนางออกทันเห็นคนกำลังเข้าช่วยมารดาที่หมดสติอยู่ในห้องของนางพอดี“เกิดเรื่องใดขึ้นหรือเจ้าคะ” เสียงของนางทำให้ทุกคนหยุดนิ่งอยู่กับที่ คนที่มีสติที่สุดเห็นจะเป็นตงฟางที่วิ่งเข้ามากอดเอวพี่สาวไว้แน่น แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใครจือหลินต้องลูบหลังปลอบประโลมเขาอยู่พักใหญ่กว่าจะเงียบเสียงลง คงมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าตงฟางต้องแสร้งเข้มแข็งมากเพียงใด เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับพี่สาวของตน เพราะเขาต้องดูแลมารดาที่ล้มป่วยทั้งยังน้องชายคนเล็กที่เสียขวัญอีกด้วย“หลินเออร์ เจ้ากลับมาหาแม่แล้ว” ลี่อินเมื่อได้สติก็ลุกขึ้นดึงตัวบุตรสาวเข้ามาสวมกอดอย่างหวงแหนท่านผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อบ่าวไปแจ้งว่าพบตัวจือหลินแล้วก็รีบร้อนเดินมาทันที“หลินเออร์” ผู้เฒ่าถานมองหลานสาวด้วยดวงตาที่เออคลอไปด้วยน้ำตาส่วนฮูหยินผู้เฒ่าถานเดินเข้ามาสวมดอกนางไม่ต่างจากที่ลี่อินทำเลย“พวกท่านใจเย็นก่
ภายนอกมิติต่างวิ่งวุ่นตามหมอกันไปทั่ว เพราะหลายวันแล้วที่จือหลินนางนอนอย่างไม่ได้สติ พวกเขาที่รอเวลาให้นางตื่นก็ไม่อาจทนรอได้อีกหมอที่มาตรวจก็ไม่อาจหาสาเหตุที่ทำให้จือหลินนางหมดสติเช่นนี้ได้ เพราะร่างกายของนางเหมือนกับคนที่หลับสนิทเท่านั้นหลีจิ้งเมื่อจัดการเรื่องภายในวังหลวงเสร็จสิ้นก็มารับอี้หนิงกับอวี่ซีกลับเข้าวังหลวง เพื่อสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้และฮองเฮาพระองค์ใหม่ป๋อฉิวถูกราชโองการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีกรมกลาโหมทันทีที่หลีจิ้งขึ้นนั่งบัลลังก์ เขาไม่ได้รู้สึกยินดีกับตำแหน่งที่ได้จวนตระกูลถานยังไม่เปิดรับผู้คนที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดี เพราะบุตรสาวที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ในเรือนของเขาชิงชางเมื่อช่วยบิดาจัดการเรื่องในวังหลวงเสร็จสิ้น ตัวเขาก็แทบจะอยู่ที่จวนตระกูลถานไม่ยอมขยับไปที่ใด ได้แต่นั่งเฝ้าจือหลินที่นอนหลับอยู่บนเตียงเขามักจะนำตำรา หรือเรื่องที่พบเจอมาตลอดที่ไม่ได้อยู่กับนางมาเล่าให้นางฟัง จนคนที่เข้ามาพบเห็นอกเห็นใจเขาไม่ได้ป๋อฉิวก็ไม่ทำใจไล่เข้ากลับวังไม่ลง จึงปล่อยให้เขานั่งพูดอยู่เช่นนั้น เรื่องร้านค้าของจือหลินก็ไม่มีปัญหา เพราะของที่นางทำไว้ยังมีอีกมาก ลี่อินที่
ป๋อฉิวไม่เคยเห็นด้านที่อ่อนแอเช่นนี้ของนาง เขาอดที่จะจุกในอกไม่ได้ สุดท้ายแล้วอย่างไรนางก็เป็นเด็กสาวที่ต้องการคนปลอบประโลมชิงชางกับหลีจิ้งทรุดตัวลงอย่างสิ้นแรง ทุกคนล้วนได้รับผลกระทบจากการระเบิดพลังครั้งนี้ของจือหลินแต่เพียงไม่นาน ร่างกายที่ทุกคนได้รับบาดเจ็บ แม้แต่โรคที่รักษาไม่หายเมื่อถูกแสงสีขาวของจือหลินต่างก็หายราวปาฏิหาริย์ เรื่องนี้ชาวเมืองที่หนีไม่ทันจากแสงก็รับรู้ได้เช่นกันชาวชราที่เดินกลับเรือนเขาไม่อาจวิ่งหนีได้เช่นคนหนุ่มสาว เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งร่างกายที่ทรุดโทรมก็กลับแข็งแรงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจคนขอทานที่ขาหัก ล้มอยู่ที่พื้น เพราะโดนชนจนหนีไม่ทันก็กลับมาลุกขึ้นเดินได้เมื่อแสงสีขาวหายไปกลายเป็นที่ร่ำลือไปทั่ว ชาวเมืองทั้งหมดต่างออกจากเรือนเพื่อมารอแสงสีขาวอีกครั้ง แต่ก็ไม่เคยปรากฏขึ้นอีกเลยป๋อฉิวประคองบุตรสาวขึ้น ก่อนที่ทั้งคู่จะร่ำลาสองพ่อลูกกับจวนของตนไป“หลินเออร์” ชิงชางร้องเรียกนาง“ท่านจัดการเรื่องของท่านเถิด ข้าจะกลับจวนเพื่อไปดูมารดาและน้องชาย” จือหลินนางไม่ได้หันไปมองชิงชางเลยสักนิดจือหลินพูดจบนางก็หมดสติไปทันที เพราะการระเบิดพลังและการเลื่อนขั้นที่เกิดข