แชร์

บทที่ 18 เป้าหมายที่เพิ่มมา

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 18:52:19

บทที่ 18 เป้าหมายที่เพิ่มมา

       เมื่อเฟยเฟิ่งมาถึงบ้านก็เห็นว่ามีคนเพิ่มมาในบ้านหลายคนด้วยกัน ครอบครัวของซีผ่าเจียที่กลับไปในคราแรกที่เกิดเรื่องกลับมาพร้อมอาหารหลายอย่าง ซูหนิงฮวาภรรยาของซีผ่าเจียที่อยู่กันมายี่สิบปีเป็นคนจัดเตรียมให้ทั้งหมด

“ที่แท้ลูกค้าประจำผู้นี้ก็เป็นพี่สะใภ้ใหญ่เองหรือ” ว่านเฟยเฟิ่งรีบเข้าไปจัดเตรียมของเพื่อให้พี่สะใภ้ผู้นี้นำติดไม้ติดมือกลับไป

“ไม่ได้บอกเพราะกลัวเธอจะไม่ขายให้ อย่าถือโทษกันเลยน้องสะใภ้” หนิงฮวายิ้มแย้มออกมาอย่างอ่อนโยน

“พี่สะใภ้นำเนื้อที่ซื้อไปมาทำกับข้าวมากมายเช่นนี้ พี่นำเนื้อที่บ้านฉันติดกลับไปนะคะ ฉันคงลุกมาทำไม่ไหว นี่ก็เริ่มเจ็บแผลอีกแล้ว” เฟยเฟิ่งยิ้มอย่างเกรงใจ ยุคนี้การจะได้กินเนื้อไม่ง่าย แม้ว่าจะมีลูกค้าฝากซื้อทุกวัน แต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนไม่ใช่คนเดิม และซื้อในปริมาณที่เล็กน้อยมาก บ้างก็ซื้อให้เฉพาะลูกๆ ที่ยังเล็กอยู่ แต่ตนเองกินชิ้นเดียวพอให้หายอยาก

“อืม ขอบใจมาก นี่ลูกๆ ของฉันกับผ่าเจีย ผู้ชายคนโตกำลังจะแยกบ้านออกไปคือสื่อข่าย อายุสิบเก้าอีกหน่อยก็จะแต่งงานแล้ว ผู้ชายคนสุดท้องคือต่งจิ่ง เพิ่งจะสิบเอ็ดขวบ เรียกใช้งานได้ทั้งคู่ ส่วนคนกลางลูกสาวคนเดียวของฉัน อายุพอๆ กับเธอ ถ้าเบื่อก็มาพูดคุยกับฮวาจูได้ทุกเมื่อเลย”

“ฉันอายุได้สิบเจ็ดแล้ว กำลังต่อรองกับพ่อแม่ ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยได้ปีหน้าก็ยังไม่ต้องแต่งงาน” ฮวาจูพูดออกมาเสร็จก็นึกได้ รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นรู้สึกผิดในทันที “ขอโทษอาสะใภ้ด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไร ฉันขอให้เธอเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างที่ตั้งใจ ถ้ามีอะไรสงสัยฉันพอจะช่วยเป็นคู่ทบทวนได้ ฉันก็คงจะเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนกันถ้าไม่ได้ถูกแม่เลี้ยงทำแบบนี้” 

       ว่านเฟยเฟิ่งรู้ดีว่าหากยามนี้วิญญาณในร่างไม่ใช่เธอ ร่างนี้คงได้อาละวาดไปแล้ว เพราะคะแนนการสอบของเฟยเฟิ่งคนเก่านั้นมากพอที่จะเข้ามหาวิทยาลัยอะไรก็ได้ตามใจตน แต่เพราะเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ได้สร้างความเอ็นดูไว้ จึงถูกมองข้ามข้อนี้ไป และส่งให้แต่งงานไปง่ายๆ

“ฉันเคยเห็นชื่อเธอในหนังสือพิมพ์ว่าเป็นที่สามของมณฑล คนเดียวกันใช่ไหมคะ” ฮวาจูถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนักว่าเธอจำมาถูกหรือไม่ ฮวาจูพยายามจดจำชื่อเด็กนักเรียนหญิงที่สอบได้คะแนนสูงทั้งจากมณฑลตัวเอง และมณฑลข้างเคียงเพื่อเป็นแรงบันดาลใจจึงพอจะคุ้นชื่อของว่านเฟยเฟิ่งอยู่บ้าง

“คนเดียวกัน” 

       

       เมื่อเฟยเฟิ่งระบุออกไปว่าเป็นคนเดียวกัน ทุกคนในบ้านก็หันมองหน้ากันอย่างตกตะลึง ครอบครัวคนรวยไม่ส่งลูกสาวที่เป็นถึงที่สามของมณฑลเรียนหนังสือ แต่กลับส่งมาแต่งงานกับผู้ชายอายุสามสิบปีที่ผ่านการแต่งงานมาสามครั้ง พ่วงลูกติดอีกสองคน ทั้งยังอยู่ในชนบท พวกเขาไม่อยากจะดูถูกตัวเอง แต่มองอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

“ฉันเคยอคติคิดว่าเธอคงมีปัญหาบางอย่าง แต่วันนี้ได้ยินคำว่าแม่เลี้ยงก็รู้แล้วว่ากลั่นแกล้ง” คู่สะใภ้ของเฟยเฟิ่งเอ่ยออกมา แต่แม้จะเป็นการตัดโอกาสกันก็ยังรู้สึกว่าโชคดีนักที่ชะตายังไม่เลวร้ายเกินไป ทำให้น้องสะใภ้ได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดีที่สุดในหมู่บ้าน หนิงฮวาคิดว่าหากจะมีใครย้ายจากชนบทไปเป็นคนเมืองได้คงมีแต่น้องชายสามีผู้นี้

“อย่าหาว่าฉันด่าอาฉันเลย แต่แม่เลี้ยงของเธอใจร้ายจริง ถ้าพ่อกับแม่จะให้หนูไปแต่งงานกับคนอายุสามสิบหนูก็คงไม่ยอมหรอก ต่อให้หล่อก็ไม่เอาอยู่ดี” ฮวาจูพูดออกมาอย่างขุ่นเคือง ให้แต่งานกับคนรุ่นอา ฮวาจูคนนี้ยอมตายดีกว่า

“แม่เลี้ยงฉันไม่ได้เป็นคนจับฉันแต่งงานกับอาชายของเธอมาหรอก เป็นอาหญิงของฉันเอง ถ้าให้แม่เลี้ยงเลือกคงต้องแก่กว่านี้ ไม่ทำงานทำการ มีประวัติตีเมีย หรือไม่ก็ติดเหล้าติดการพนัน ฉันเป็นคนเอาแต่ใจถ้าได้สามีเด็กกว่านี้อาหญิงคงกลัวว่าจะดึงฉันไม่อยู่” ว่านเฟยเฟิ่งขบขันเล็กน้อย ยอมด่าตนเองให้ผู้คนเห็นว่าเธอเองก็รู้นิสัยตัวเองอยู่

“ลูกชายฉันเป็นคนดี ดีที่สุด ดีกว่าที่ใครๆ รู้เสียอีก” ซูเจินปริปากออกมาเป็นคำแรกเพื่อปกป้องบุตร

“หน้าตาก็ดีผิดพ่อผิดแม่ผิดพี่ชาย” ซีผ่าเจียพูดคำที่ได้ยินมาตั้งแต่น้องชายคนนี้ถูกอุ้มเข้ามาในบ้าน

“แต่อาสะใภ้ดีกว่ามาก เกิดมาสวยเอาแต่ใจหน่อยก็ไม่เป็นอะไร” ซีต่งจิ่งกล่าวออกมาตามที่เคยได้ยินผู้ใหญ่พูดถึงคนสวยในหมู่บ้าน

“พูดบ้าอะไร” ซีสื่อข่ายรีบเอามือปิดปากน้องชาย

“น้าเฟิ่งก็สวยจริงๆ” ซูลี่กับหลันลี่พูดขึ้นพร้อมกัน

“แค่มองตาน้าเฟิ่งก็ลืมตอนที่ถูกดุไปหมดแล้ว” จื่อซวานกล่าวออกมาหน้าตาย หากไม่ใช่คำพูดของเด็กเจ็ดขวบคงคิดว่าเฟยเฟิ่งกำลังถูกจีบเข้าแล้ว

“ไม่ต้องชมแล้วค่ะ ถ้าเท้าฉันไม่ติดพื้นจะยุ่งยากเอา รีบกินกันเถอะ เหมยหลันกินด้วยกันเลยสิ” เฟยเฟิ่งตัดบทหลังได้คำชมจนพอใจแล้ว ใครจะเชื่อว่าผมที่แหว่งของเธอยังไม่อาจทำลายความงามของใบหน้านี้ได้

        เหมยหลันที่ทำหน้าไม่ถูกเมื่อได้มารู้เรื่องภายในครอบครัวคนอื่นพยายามทำตัวเล็กลีบที่สุด แต่ไม่คิดว่าเฟยเฟิ่งจะยังหันมาเรียกหาตนเองได้ “ไม่ดีกว่า ฉันต้องกลับไปทำอาหารให้ที่บ้านด้วย”

“รอเดี๋ยว” เฟยเฟิ่งเตรียมของแห้งส่วนหนึ่งให้เหมยหลันกลับไปแทนคำขอบคุณที่อยู่เฝ้าบ้านให้กับเธอก่อนหน้านี้

.

.

.

       คืนนั้นหลังจากทุกคนกลับไปแล้วเฟยเฟิ่งก็ลุกขึ้นมานั่งทำของสำหรับขายในวันรุ่งขึ้น โดยมีจื่อซวานคอยช่วยอยู่ข้างกาย

“น้าเฟิ่ง น้าเฟิ่งรังเกียจพ่อไหม” ซีจื่อซวานได้ฟังเรื่องเมื่อตอนเย็นเริ่มรู้สึกกังวลใจกลัวว่าแม่เลี้ยงที่ทั้งสวยและเก่งเช่นนี้จะไม่พอใจคนบ้านตน

“ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยเจอพ่อของเธอสักหน่อย” เฟยเฟิ่งยักไหล่ไม่สนใจนัก ปั้นแป้งที่ต้องใช้ต่อไป 

“พ่อสามสิบแล้ว น้ารังเกียจไหม” จื่อซวานยังคงถามต่อ

“ถ้ายังดูดีก็ไม่รังเกียจ น้าชอบคนหล่อ แบบ…ช่างเถอะ” เฟยเฟิ่งพูดออกไปแล้วก็ชะงักค้างเพราะดันไปนึกถึงคนงานที่เจอในตลาด และที่โรงพยาบาลวันนี้ เพราะเมื่อมาคิดดูให้ดีแล้วผู้ชายคนนั้นหน้าตาดีมาก คมเข้มต่างจากอาตี๋ทั่วไปที่เธอเคยชิน 

ตี๋เข้มๆ ตรงเทสมากแม่ ทำไมฉันต้องย้อนมาแบบเลือกสามีเองไม่ได้ด้วยเนี่ย!

“งั้นน้าสบายใจได้ พ่อหล่อมาก คนในหมู่บ้านก็ชอบพ่อกันหมด ถ้าไม่มีข่าวลือแปลกๆ บ้านนี้คงไม่มีวันสงบแบบนี้หรอก ส่วนน้าเฟิ่งก็สวยที่สุดในหมู่บ้าน เกิดมาเจ็ดปีพึ่งเคยเจอคนสวยขนาดนี้ เหมาะสมจริงๆ”

“เหมาะสมก็เหมาะสม ถ้าน้าสวยอย่าลืมบอกพ่อให้ดีกับน้ามากหน่อยแล้วกัน”

“ครับ เรายังทำอาหารแบบเดิมใช่ไหม”

“ใช่แล้ว แต่ถ้าต่อไปไม่มีมะเขือเทศขายเราจะทำอะไรไปขายดีจื่อซวาน” 

“ขอไปคิดก่อนนะครับ”

“คิดไปเอาที่ประคบไปให้ย่าไปด้วยได้ไหม”

       หลังเด็กน้อยจากไปก็เหลือเพียงเฟยเฟิ่งทำงานอยู่คนเดียว นึกแปลกใจที่เมื่อกลางวันผีผู้ชายคนนั้นเข้ามาในบ้านและช่วยเธอต่อยตีกับคนบ้านอันได้

“หรือว่าเสียผ่าจะหลอกให้เรากลัว แต่จริงๆ ไม่มีผีในบ้านกันแน่” เฟยเฟิ่งพึมพำออกมาอย่างไม่เข้าใจนัก แต่ครู่ต่อมาก็เห็นการเคลื่อนไหวที่หางตาปรากฏขึ้นพอดี

แม่ง…ถือเป็นคำเชิญอีกใช่ไหมเนี่ย

       เมื่อหันกลับไปก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงที่เคยเห็นสะท้อนจากน้ำอย่างในวันแรกที่โผล่มาช่วงเวลานี้ ผีตนนั้นขยับปากแต่กลับไม่มีเสียงพูดออกมาสักคำเดียว

“ทำไมเธอถึงมาน่ากลัวแบบนี้ทุกครั้งเลย ฉันจะหัวใจวายเอานะ” เฟยเฟิ่งพนมมือขึ้นอย่างหวาดกลัว

      แต่แม้จะพูดแบบนั้นผีตนนี้ก็ยังคงอยู่ในรูปลักษณ์เดิมไม่เปลี่ยนแปลง ผมที่ปิดหน้าให้เห็นแค่ปากก็ยังเป็นเช่นนั้น สีผิวซีดเซียวก็ไม่ได้สดใสขึ้น ชุดสีทะมึนก็ยังคงหม่นแสง

“หรือเธอโกรธ นั่นเฟยเฟิ่งรึเปล่า ครั้งแรกเธอพูดว่าคืน หมายถึงคืนร่างใช่ไหม ฉันทำไม่เป็น วันนี้ตอนล้มวิญญาณก็ไม่หลุดเหมือนครั้งแรก ฉันขอโทษ ฉันน่ะ..”

       ผีผู้หญิงตนนั้นยกมือขึ้นคล้ายว่าจะห้ามให้หยุดพูด จากนั้นก็พยายามขยับปากอีกครั้ง แต่ไม่มีเสียงออกมาเช่นเดิม ผีสาวพยายามอยู่หลายครั้ง เฟยเฟิ่งเองก็ลุ้นจนเหนื่อย อยากรู้ความต้องการของวิญญาณสาวเช่นกัน แต่พยายามเท่าใดก็เห็นแต่ท่าทีท้อถอยก่อนวิญญาณจะจางหายไป นั่นทำให้เฟยเฟิ่งไม่รู้สึกกลัวผีตนนี้อีกต่อไป คิดเองว่าคงเปลี่ยนรูปลักษณะที่ปรากฏไม่ได้จึงเป็นเช่นนั้น

ที่แท้ก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง เรื่องที่ว่าอ่อนแอก็คงจะจริงสินะ

“ไม่เห็นหน้าแล้วจะรู้ได้ยังไงกันว่าเป็นใครต้องการอะไร” เมื่อจบกับผีในบ้านเฟยเฟิ่งก็เตรียมของที่ทำก่อนได้อีกนิดหน่อยจึงตัดสินใจปิดบ้าน

       เมื่อเดินเข้าไปภายในก็ได้ยินย่าของเด็กๆ เล่านิทานพื้นบ้านให้หลานฟังดังมาจากห้องนอน ทำให้เข้าใจทันทีว่าเหตุใดจื่อซวานไม่ได้กลับออกไปช่วยอีก ที่แท้ก็มีเรื่องบันเทิงแบบนี้ให้ฟังนี่เอง

       ว่านเฟยเฟิ่งมองกระเป๋าผ้าที่สอดไว้ใต้เตียง และย้อนนึกไปถึงเรื่องราวความทรงจำที่ได้เห็น เธอสาบานกับตัวเองแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องประสบความสำเร็จมากกว่าพี่น้องคนละแม่ของร่างนี้ให้ได้

“ชีวิตของเธอต้องไปได้ไกลกว่ามิ่งจานอ้าย นังจิ่งเหมยจะต้องเสียใจที่ส่งเธอมาตั้งตัวไกลหูไกลตาแบบนี้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามี

    บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามีสองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลังหลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญนอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวาน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้าน

    บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน

    บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!

    บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 35 ทำไมต้องแกล้งน้าเฟิ่ง

    บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป

    บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status