LOGINซีจื่อหานเมื่อออกมาจากโรงพยาบาลแล้วแม้จะยังพะวงอยู่กับสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา แต่เมื่อเห็นว่าอย่างน้อยคุณหนูผู้นั้นก็ฟื้นแล้วจึงวางใจลง เมื่อเถ้าแก่ผู้ให้โอกาสมีงานด่วนเข้ามาเช่นนี้เขาเองก็ยากจะปฏิเสธเช่นกัน
“งานที่เพิ่งจะส่งมอบไปถูกเรียกกลับไปให้ปรับหลายจุด งานของรัฐถ้าพลาดคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว งานอื่นก็คงประมูลได้ยากขึ้น” เถ้าแก่อี้พูดด้วยสีหน้าหนักใจ
เขาเพิ่งจะพาคนงานชุดนี้กลับมาแต่งานกลับเกิดปัญหาขึ้นจึงต้องเรียกคนงานชุดนั้นกลับมาทั้งหมด ส่วนช่างหู เข่อซิน และคนงานชุดเล็กที่รับงานปรับปรุงบ้านอยู่ในเมืองไม่จำเป็นต้องมาร่วมประชุมด้วย
“ปัญหาอะไรกัน ก่อนออกมาเราตรวจสอบแน่แล้วว่าตรงตามแบบที่ตกลงกันไว้ทุกอย่าง นี่…หมายความว่ายังไงกัน” ช่างใหญ่ของงานนี้พูดออกมาอย่างไม่พอใจนัก แม้เขาจะไม่ได้มีความรู้สูงส่งเหมือนอย่างช่างใหญ่ของที่อื่น แต่ก็มีมากพอให้ประมูลงานของรัฐและทำได้ดี จนกระทั่งผู้นำระดับสูงมาจ้างให้ไปสร้างเป็นการส่วนตัวต่อไปอีกหลายคน
ซีจื่อหานตั้งใจฟังรายละเอียดที่เถ้าแก่และช่างหานถกเถียงกันเพื่อเก็บความรู้ เพราะเขาเองหากมีทุนมากพอก็อยากจะกระโดดลงมาในสนามนี้เช่นเดียวกัน ต่อให้ไม่ใช่เป็นการทำธุรกิจรับเหมา และเปลี่ยนเป็นการเป็นร้านขายวัสดุก่อสร้างก็ไม่เลว จื่อหานที่แม้จะจบเพียงชั้นมัธยมปลาย แต่เขาก็มองออกว่าต่อไปเมืองจะต้องขยายออกไป รัฐจะให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ หากอยากพลิกชีวิตในชนบทมีแต่จะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้
“จะยังไงก็ต้องกลับไปดูก่อน”
เมื่อเถ้าแก่สรุปเช่นนั้นคนงานก็ต้องเบียดเสียดกันขึ้นหลังรถเพื่อไปยังไซต์งานที่คุ้นเคยในทันที เมื่อคนงานทุกคนเห็นก็ต้องตะลึงเพราะความผิดพลาดที่ว่าเสมือนเป็นการถูกกลั่นแกล้งเสียมากกว่า แม้จะอยู่ท่ามกลางความมืดก็เห็นได้ชัดว่าบ้านหลังนี้ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนบ้านที่สร้างเสร็จแล้วสักนิดเดียว และไม่ใช่สภาพที่พวกเขาจำได้ด้วย
พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบในการตกแต่งภายใน ไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบตัวโครงสร้าง แต่น่าแปลกที่กำแพงด้านข้างของบ้านพังครืนลงมาเป็นรูแหว่งออกมา เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบงานนี้ยืนรอด้วยสีหน้าโกรธจัด
“นี่มันหมายความว่ายังไง พวกคุณแค่มาปูกระเบื้อง ทาสี ตกแต่งตามแบบ ทำไมบ้านรับรองหลังแรกถึงออกมาเป็นสภาพแบบนี้”
ระหว่างที่เถ้าแก่กำลังคุยกับเจ้าหน้าที่ของรัฐคนนั้น ซีจื่อหานก็หยิบไฟฉายไปส่องบริเวณที่เป็นรูกว้าง จากนั้นก็โพล่งออกไป “นี่ไม่ใช่ปัญหาจากฝ่ายเรา นี่เป็นเรื่องของโครงสร้าง กำแพงนี้ไม่มีทับหลัง ช่างใหญ่มาดูให้ทีครับว่าถูกต้องไหม”
“ช่างใหญ่รีบวิ่งไปดู” เถ้าแก่สั่งก่อนจะหยิบสัญญาของตัวเองมาส่องไฟฉายดู ก็แน่ใจว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด การทาสีเก็บงานละเอียดเรียบร้อยดี แต่ส่วนที่น่ากังวลคือในสัญญาระบุว่า หากโครงสร้างเกิดปัญหาแล้วจะต้องรื้อใหม่ ฝ่ายของอวี้ย่งจาต้องรับผิดชอบการตกแต่งใหม่ทั้งหมดเองด้วย
“ไม่มีทับหลังจริงๆ ก่อแต่อิฐขึ้นไปแบบนี้ย่อมไม่แข็งแรง มีแต่ต้องรื้อสร้างใหม่” ช่างหานพูดจบก็ยิ้มออกมา สมน้ำหน้าพวกจานปาต้งที่จะต้องผิดใจกับรัฐเพราะก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน
“ทำไมพวกคุณไม่ดูให้ดีก่อนจะเริ่มตกแต่ง” เจ้าหน้าที่ที่แม้จะรู้แล้วว่าไม่ใช่ความผิดของเถ้าแก่อวี้ก็ยังคงโกรธจัด และต้องการหาตัวคนผิดที่ไม่ใช่ตนเอง
“เวลาก่ออิฐแล้วจะฉาบปูนทับ ถ้าไม่ได้อยู่ในระหว่างสร้างยังไงก็ไม่มีทางรู้ได้ครับ” จื่อหานตอบออกไปและลอบสังเกตสีหน้าของเถ้าแก่ไปด้วยก็รู้แล้วว่าต้องมีปัญหาร้ายแรงบางอย่าง
“เอาล่ะ ไม่ใช่ความผิดพวกคุณก็แล้วไป ยังไงงานนี้ก็คงจะแก้ไขทัน ทำเสร็จก่อนกำหนดตั้งหลายเดือน ผมควรติดต่อหาเถ้าแก่จานก่อน” เจ้าหน้าที่สรุปแบบนั้นแล้วจึงเดินจากไป ปล่อยให้เถ้าแก่อวี้ทำหน้าสลับแดงสลับซีด
ซีจื่อหานเดินเข้ามาใกล้ตากวาดผ่านเห็นข้อสุดท้ายในสัญญาก็เข้าใจไปทันทีว่าเถ้าแก่ของตนถูกวางยาเสียแล้ว
“พวกนั้นจงใจสร้างให้ไม่ได้มาตรฐาน” จื่อหานพูดออกมา
อวี้ย่งจาพยักหน้ารับ แม้ว่าจื่อหานจะเป็นคนงานตามฤดูกาลแต่ก็เป็นคนฉลาดรอบรู้ทำอะไรได้รวดเร็ว เขาจึงได้ไว้ใจให้มาร่วมในงานใหญ่อยู่เสมอ และดูเหมือนครั้งนี้จื่อหานก็จะเข้าใจสถานการณ์ได้เร็วกว่าช่างใหญ่ของตนเสียอีก
“จงใจสร้างให้ไม่ได้มาตรฐาน ใครจะทำลายชื่อเสียงตนเองเช่นนั้น ต้องกลับมาแก้งานใหม่เสียเงินและเวลาไปทำไมกัน” ช่างหานส่ายหัว
“ในสัญญาระบุว่าถ้าต้องรื้อสร้างใหม่ เราก็ต้องรับผิดชอบตกแต่งใหม่เช่นเดียวกัน ทีแรกผมก็คิดแบบคุณว่าคงไม่มีใครยอมเสียหายแบบนั้นแน่ แต่ทีไหนได้ เลวจริงๆ” อวี้ย่งจาอยากจะชกคนเสียเดี๋ยวนั้น
คนงานที่ติดตามมาตกใจที่ต้องทำงานที่เสร็จไปแล้วซ้ำสอง โดยที่ความผิดนี้พวกเขาไม่ได้ก่อเสียด้วยซ้ำ แต่ในความตะลึงนี้ก็ยังปะปนไปด้วยความงุนงง ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เถ้าแก่และจื่อหานกำลังกล่าวถึง
“อีกไม่นานจะมีการประมูลสร้างตึกสูง จานปาต้งใช้วิธีนี้บีบเราออกจากการแข่งขัน เรากดราคาไปสู้ไม่ได้เพราะจะต้องขาดทุนจากการทำงานนี้ซ้ำสอง หากกดราคาอีกเถ้าแก่จะไม่เหลือช่องว่างให้หายใจ เราสู้ด้วยงานแบบก็ไม่ได้ เพราะคนคงต้องมาเร่งทำทางนี้เพื่อบีบให้เสร็จเร็วที่สุด คงไม่มีเวลาไปคิดแบบให้สวยล้ำพิเศษได้ขนาดนั้น”
“ซีจื่อหานกล่าวถูกแล้ว เงินทุนและคนของเรามีจำกัดนัก โครงการเล็กๆ อย่างนี้จานปาต้งสามารถทำทิ้งขว้างได้ ไม่เสียหาย ผิดกับเราที่ความผิดพลาดนี้ถีบเราออกจากการแข่งขันสนามใหญ่เสียแล้ว” เถ้าแก่อวี้เหยียดยิ้มเยาะที่มีให้ตนเองออกมา จานปาต้งผู้นั้นบัดนี้เขาจดจำไว้ในใจแล้ว
คนงานทั้งหลายที่ได้ฟังคำอธิบายก็คาดไม่ถึงว่าจานปาต้งที่ยิ่งใหญ่กว่ารับเหมาเล็กๆ ตั้งไม่รู้กี่เท่าลงทุนมากขนาดนี้เพื่อกำจัดศัตรู ต่อให้พวกเขาลงประมูลก็ยังไม่แน่ว่าจะชนะ มีอันใดให้น่าหวาดกลัวกัน คนงานประจำมีอยู่ไม่มาก ที่เหลือจะถูกจ้างตามงานที่มี จะมีก็แต่ซีจื่อหานที่ทุกฤดูหนาวจะถูกจองตัวไว้ แม้ว่าจะมีหรือไม่มีงานก็ตาม
เมื่อรู้แน่แล้วว่าคงต้องอยู่ที่นี่ต่อไป และครั้งนี้คงจะต้องอยู่ทยอยทำไปพร้อมกับส่วนงานโครงสร้าง คนงานก็แยกย้ายไปทำเต็นท์นอนทันที เหลือแต่ช่างใหญ่ เถ้าแก่ และจื่อหานที่กำลังมีสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง
“เถ้าแก่อาจต้องกู้เงิน” จื่อหานกล่าวออกไป
“หลักประกันอะไรถึงจะพอกับโครงการแบบนั้นกัน” ช่างหานถามออกมา
“หากประมูลได้ก็ใช้สัญญาของรัฐเป็นตัวค้ำประกัน ถ้าคำสัญญาว่ารัฐจะจ่ายเงินให้ยังไว้ใจไม่ได้ก็ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือแล้ว หมดปัญหาเรื่องราคา ส่วนตัวแบบ…ลูกสาวเถ้าแก่กำลังเรียนสถาปัตยกรรม ที่ครั้งนี้แม้ว่าเราจะไม่ได้งานโครงสร้าง แต่ก็ยังได้ตกแต่งก็เพราะความสามารถของคุณหนูอวี้ เถ้าแก่ลองไว้ใจเธอดูสักครั้งเถอะครับ”
จื่อหานพูดออกไปเสร็จก็ลอบสังเกตสีหน้าเจ้านาย เมื่อพบประกายแห่งความหวังก็เดินเลี่ยงออกมาปล่อยให้ชายวัยกลางคนครุ่นคิดให้ถี่ถ้วน สมองของคนจบมัธยมปลายของเขาคงแก้ปัญหาได้เพียงเท่านี้ ที่ว่าหนาวนี้จะอยู่ทำงานรับเหมาเพียงสองเดือนก็คงต้องกลับคำแล้ว หวังก็แต่คุณหนูผู้นั้นจะไม่โกรธจนแอบหนีหายไปเสียก่อน
.
.
.
“ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้ว!” เฟยเฟิ่งตื่นขึ้นมาจามช่วงเช้ามืดหลายครั้งจนปวดแผล และกลายเป็นตื่นเต็มตานอนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
“ใครนินทาเนี่ย!”
บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามีสองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลังหลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญนอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวาน
บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน
บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs
บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ







