แชร์

บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามี

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-20 20:45:44

บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามี

       สองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลัง

       หลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญ

       นอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวานขอเลี้ยงอีกครั้ง เพราะเริ่มรู้สึกปลอดภัยจากบ้านอันแล้ว ไก่สี่ตัวนี้ให้ไข่ทุกวันจนเฟยเฟิ่งไม่จำเป็นต้องซื้อไข่ไว้กินกันในบ้านอีก ทั้งยังได้ปุ๋ยมาใส่ผักใบควบคู่ไปกับน้ำวิเศษที่ใช้ผสมรดอยู่เป็นประจำ 

       ส่วนซูลี่แม้จะไม่ได้ขอเลี้ยงหรือปลูกสิ่งใดเป็นพิเศษ แต่ดูท่าทางแล้วจะชอบทำอาหารยิ่งกว่าสิ่งใด จึงมาเป็นลูกมืออยู่บ่อยครั้ง ทั้งยังช่วยคิดว่าควรทำสิ่งใดไปขาย ซึ่งอาหารเหล่านั้นถูกใจเด็กวัยไม่เกินสิบขวบยิ่งนัก เฟยเฟิ่งจึงยกหน้าที่คิดรายการอาหารเอาใจเด็กวัยเดียวกันให้ซีซูลี่ไป

“ไก่ทอดแปลงร่างที่ซูลี่คิดนี่ขายดีจริงๆ” เฟยเฟิ่งคุยโวยามที่เดินกลับมาพร้อมกับเหมยหลันที่ไปตลาดในวันนี้

“หลันลี่ก็ชอบมากจริงๆ เธอคิดได้ยังไง ทำไส้สารพัดรสชาติมายัดไว้ในปีกไก่”

“ซูลี่คิดน่ะ บอกว่าขี้เกียจจะเอากระดูกออกเอง ถ้าเลาะเนื้อออก เอากระดูกออก แล้วยัดไส้เข้าไปใหม่น่าจะอร่อยกว่า”

“ซูลี่คิดเก่งจริง ต่อไปคงช่วยน้าเฟิ่งขายของได้เงินหมื่นหยวนตั้งแต่เล็กแน่ๆ” เหมยหลันหันไปชมซูลี่ที่เดินคุยกับหลันลี่อยู่ด้านหลัง

“ขอบคุณค่ะ” 

“ถึงบ้านเธอแล้ว ฉันไปก่อนนะ” เฟยเฟิ่งกล่าวลารอจนเหมยหลันเข้าบ้านแล้วจึงเริ่มเดินต่อ

“น้าเฟิ่งวันนี้ทำอะไรให้พ่อกินดีคะ”

“พ่อของซูลี่ว่าอยากกินปลา น้าคงจะทำปลาทอด น้ำแกงเต้าหู้ปลา แล้วก็ข้าวผัดผักดอง ซูลี่ว่ายังไง”

“ดีเลยค่ะ ซูลี่ช่วย”

“งั้นรีบไปเลย ใครวิ่งถึงบ้านก่อนชนะ!”

       ว่านเฟยเฟิ่งพูดจบก็รีบออกตัววิ่งพร้อมกับผลักรถเข็นขายของไปด้วย ส่วนซูลี่เองก็วิ่งสับขาออกไปอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน ทำให้ทั้งสองมาถึงหน้าบ้านอย่างพร้อมเพรียง

“วิ่งอีกแล้ว ถ้าท้องไส้อยู่แล้วไม่รู้ตัวจะทำยังไง” อันซูเจินที่กำลังจะออกไปพบปะเพื่อนฝูงวัยเดียวกันเอ่ย

“โถ่แม่ ฉันไม่ท้องหรอกน่า แม่จะไปข้างนอกอีกแล้วเหรอคะ ใครดูร้านล่ะ”

“กลับมาจากตลาดแล้วเธอก็ดูไปสิ” ซูเจินโบกมือปัดๆ อย่างไม่สนใจนัก

“ตอนจะเอาร้านก็จะเอาให้ได้ ได้ไปแล้วดันมาฝากน้าดู” เฟยเฟิ่งบ่นกับซูลี่พลางเดินไปทำกับข้าวหลังบ้าน มองไปก็เห็นจื่อซวานตรวจตราผักจนเฟยเฟิ่งอดไม่ได้ต้องเรียกเข้าบ้านมา

“สี่โมงค่อยออกไปดู ตะวันตรงหัวแบบนี้มาหลบแดดเถอะ”

“ครับน้าเฟิ่ง”

       ว่านเฟยเฟิ่งเร่งทำกับข้าวให้เสร็จเพราะยังต้องยกไปให้ซีจื่อหานที่ทั้งทำนา และก่อสร้างโรงเห็ดไปพร้อมกัน ตอนนี้ท่อนซุงที่มีเชื้อเห็ดชุดแรกถูกแผ่นพลาสติกคลุมไว้ และมีผ้าใบปักเป็นเต็นท์อย่างง่ายเอาไว้ก่อน เมื่อโรงเรือนเสร็จจึงจะย้ายเข้าไปได้

“ส่วนสุดท้ายก็คือผักสดไว้ให้กินควบคู่ไป นี่น้าตักแยกให้ย่าแล้ว อันนี้ของจื่อซวานกับซูลี่ เฝ้าบ้านกับร้านให้ดีนะ”

“ได้ครับ”

“อย่าลืมแต่งนิทานด้วยคำที่น้ากำหนดให้นะ กลับมาน้าจะตรวจ” เฟยเฟิ่งที่สั่งการบ้านเสร็จก็เอาตะกร้าคล้องแขนไว้ อีกมือถือร่มที่จื่อหานซื้อเอาไว้ให้

        ในระหว่างทางก็พลันคิดถึงผีสาวในบ้านที่เฟยเฟิ่งถามจนคิดคำถามไม่ออกก็ยังไม่ได้คำตอบว่าต้องการอะไร จนล่าสุดก็ถามออกไปตามตรงว่าปัญหาของวิญญาณตนนั้นรอคอยก่อนได้ใช่หรือไม่ เมื่อได้คำตอบว่าใช่ เฟยเฟิ่งก็จดจ่อกับการหาเงินแทน ไว้รอเธอหาวิธีสื่อสารได้ หรือคุณผีในบ้านส่งเสียงได้ค่อยพูดธุระกัน

       คิดได้เท่านั้นก็มาถึงยังที่นาของบ้านเล็กซี ซึ่งไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายด้วยมีจำนวนคนในบ้านน้อย ในยามที่ไปติดต่อเช่าที่เพิ่มหัวหน้าหมูบ้านยังเตือนว่าจื่อหานทำนาคนเดียวอาจจะทำไม่ไหว แล้วกลายเป็นว่าบ้านซีเก็บเกี่ยวผลผลิตได้น้อยกว่าที่จะต้องส่ง แต่จื่อหานก็เพียงแค่ยิ้มแล้วบอกว่าหากเป็นเช่นนั้นก็จะจ่ายส่วนต่างเอง หยางจงเย่จึงยอมตามใจให้เช่า

“คุณซีจื่อหาน อาหารกลางวันมาแล้วค่ะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องเรียกจื่อหานที่กำลังตรวจดูเมล็ดข้าวที่หว่านเอาไว้อยู่

“ตรงนี้เสร็จแล้ว เราไปดูจุดที่สร้างโรงเรือนเถอะ” ซีจื่อหานตะโกนขึ้นมา

       เฟยเฟิ่งรอจนจื่อหานขึ้นมาก็ส่งผ้าชุบน้ำไปให้เขาเช็ดมือให้สะอาด “แล้วต้องย้ายต้นข้าวไปปักดำเมื่อไหร่คะ”

“สัปดาห์หน้าน่ะ ตอนนี้แค่มาดูให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรมาทำลายข้าว”

“ทำโรงเรือนแค่สองคนกับช่างหูคิดว่าจะเสร็จทันก่อนเชื้อเห็ดเดินเต็มท่อนซุงไหมคะ” เฟยเฟิ่งถามออกไปอย่างไม่แน่ใจนัก ตอนนี้เมื่อเหลือคนงานประจำไม่มากจึงมีแค่ช่างหูที่มาสร้างโรงเรือนช่วยได้ แลกกับที่จื่อหานต้องไปช่วยงานในที่นาลุงหูด้วยเช่นกัน เพราะลูกชายของลุงหูเสียนิ้วมือไปในโรงงานทางใต้ จึงทำให้ช่างหูต้องปรับตัวมาเป็นคนงานตามฤดูกาล และหวนกลับมาทำนาเองอีกครั้ง

“ทันอยู่แล้วไม่ได้สร้างไปประกวดแข่งกับใคร ด้านบนมีช่องแสงให้ช่วงหน้าหนาวอุ่นอย่างที่คุณบอกไว้ เราจะได้มีเห็ดออกทุกฤดู”

“แต่ร้อนมากไม่ได้นะคะ”

“มีแผ่นไม้เลื่อนเปิดปิดได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะร้อนเกินไป มีผ้าใบไว้กางบังแดดได้อีกชั้นด้วย ไม่ต้องกังวล” จื่อหานพูดดักไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะถามต่อ

“ก็แค่ถามให้แน่ใจ” เฟยเฟิ่งทำหน้ามุ่ย

“อยู่กับผมคุณไม่จำเป็นต้องคิดทุกเรื่อง ภาระพวกนั้นผมจะแบกไว้ให้เอง” ซีจื่อหานพูดจบก็วางมือไปบนศีรษะที่สูงถึงแค่อกของเขา จื่อหานลูบสองสามครั้งก่อนจะเอามือออกแล้วเดินไปหาช่างหู

“ภาระพวกนั้นผมจะแบกไว้ให้เอง” เฟยเฟิ่งทำเสียงล้อเลียนคนที่เดินไปไกลแล้ว 

“เอ้า แล้วเราไปล้อเขาทำไมเนี่ย” เฟยเฟิ่งยกมือขึ้นเกาหัวตนเอง ไม่รู้ตัวเลยว่าที่ทำเช่นนั้นลงไป เพราะกำลังปกป้องหัวใจไม่ให้เผลอขัดเขินไปกับคำพูดนั้น

       ขาเล็กๆ ก้าวไปหาชายทั้งสองที่ปูผ้าในจุดเหมาะๆ ไว้รอแล้ว อาหารหน้าตาน่าทานปรากฏขึ้น พร้อมกับกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณทันทีที่เฟยเฟิ่งเปิดผ้าคลุมออก

“รีบกินฉันจะได้รีบกลับ ธุระที่บ้านไม่น้อยเลย ต้องไปเตรียมรายการอาหารให้งานเลี้ยงเพื่อนคุณปู่ด้วย”

“สะใภ้บ้านเล็กซีนี่ดีจริงนะ แค่มาส่งข้าวปล่อยสามีทำงานหนักงกๆ คนเดียว” อันส่งจื่อกล่าวออกมาลอยๆ เดินขึ้นมาบนเนินที่จื่อหานและพวกนั่งอยู่

เมื่อไหร่คนบ้านนี้จะตายๆ ไปสักทีเนี่ย!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามี

    บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามีสองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลังหลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญนอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวาน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้าน

    บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน

    บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!

    บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 35 ทำไมต้องแกล้งน้าเฟิ่ง

    บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป

    บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status