“นี่แก แก อั๊ยหยาชีวิตฉันทำไมถึงโชคร้ายแบบนี้มีลูกชายก็ไม่เชื่อฟัง ลูกสะใภ้ก็อกตัญญู” แม่เฒ่าจางเริ่มเล่นละครร้องห่มร้องไห้ตัดพ้อชะตาชีวิตตัวเอง
“แม่ว่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ไม่?” ซิ่วอิงเอ่ยถามด้วยใบหน้าใสซื่อ “ฉันด่าเธอนั่นแหละ” แม่เฒ่าจางมองค้อนทันที “โอ้ งั้นเหรอ” ซิ่วอิงยกยิ้มแบบไม่ใส่ใจ “แก เจ้าเล็กดูเมียของลูกสิ เธอต้องการทำให้แม่ปวดใจตาย” แม่เฒ่าจางเอ่ยกับลูกชายหวังให้ลูกชายหย่ากับภรรยา “แม่ เรามาตกลงกันดีๆ เถอะ ผมจะแยกบ้านแม่ควรแบ่งเงินที่เราควรจะได้” จางจื่อหานไม่สนใจการแสดงของแม่เฒ่า “นี่ลูก” แม่เฒ่าจางพูดไม่ออก เธอรู้สึกเหมือนสูญเสียลูกชายที่เชื่อฟังไปแล้ว “เอาล่ะ พอกันได้แล้ว เจ้าเล็กจะแยกบ้านเราควรมอบเงินให้เขา” พ่อเฒ่าจางพูดออกมาในที่สุด หากเขายังปล่อยให้ภรรยาดื้อรั้นต่อไปลูกสะใภ้คนรองอาจจะไปคณะกรรมการปฏิวัติจริงๆ ถึงตอนนี้เราทุกคนจะมีความผิด “ไม่มีเงินแล้ว” แม่เฒ่าจางยังคงยืนกราน “ไปเอาออกมา ร้อยหยวนหรือสองร้อยหยวนนำมันออกมา” พ่อเฒ่าจางพูดเสียงแข็ง “ฉันจะไปมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไง ให้พวกเขายี่สิบหยวนก็พอนี่ถือว่ามากที่สุดแล้ว” แม่เฒ่าจางไม่ยินยอมที่จะเสียเงินจำนวนมากไป “จื่อหานไปเป็นทหารหลายปีส่งเงินกลับบ้านทุกเดือนส่วนแบ่งของเราอย่างน้อยก็ต้องสองถึงสามพันหยวน แต่ถือว่าให้เขาแสดงความกตัญญูต่อแม่ให้เราห้าร้อยหยวนก็พอ” ซิ่วอิงคิดว่าหากเธอต้องการหนึ่งพันหยวนแม่เฒ่าต้องไม่ยอมแน่นอน เธอเองก็ต้องการไว้หน้าสามีเพราะอย่างไรนี่ก็แม่เขาในยุคนี้ถือเรื่องความกตัญญูมากเพราะงั้นห้าร้อยหยวนถือว่าไม่มากไม่น้อยเกินไป “แกจะฆ่าฉันเรอะ” แม่เฒ่าจางตะคอก “งั้นเราไปที่คณะกรรมการปฏิวัติ” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับททำท่าลุกขึ้น “เดี๋ยวก่อนสะใภ้รอง ไปเอาเงินออกมา!” พ่อเฒ่าจางรีบเอ่ยห้ามก่อนจะออกคำสั่งกับภรรยา แม่เฒ่าจางไม่กล้าคัดค้านสามียอมไปหยิบเงินห้าร้อยหยวนมาให้สะใภ้ชัง “ฉันตายแน่แล้ว” หลังจากยื่นเงินให้ลูกสะใภ้คนรองแม่เฒ่าจางก็นั่งลงร้องไห้คร่ำครวญ “นี่น้องชาย ทำไมถึงบีบบังคับแม่ขนาดนี้” จางจื่อซวานโมโห เงินห้าร้อยหยวนกำลังหายไปต่อหน้าต่อตา “ฉันทำแบบนั้นเหรอ” จางจื่อหานเลิกคิ้วถาม เขาเพียงขอเงินที่เป็นส่วนแบ่งของภรรยาและลูกๆ เขาบีบบังคับแม่ตอนไหนกัน “นี่!” จางจื่อซวานเห็นสายตาเย็นชาของน้องชายก็พูดไม่ออกทำได้แค่ทำท่าทางฮึดฮัด “ฉันว่าในเมื่อแยกบ้านแล้วก็ควรตัดขาดกันไป เขียนหนังสือสัญญาทุกอย่างให้ชัดเจนตอนนี้น้องสามีไม่มีงานไม่แน่ว่าวันหน้าจะมาขอเงินเราอีก” เหมยลี่พูดขึ้น ในเมื่อไม่มีเงินนเธอก็ไม่ต้องการให้น้องสามีมาวุ่นวายที่นี่อีก “พูดอะไร ทำไมถึงพูดแบบนั้น” พ่อเฒ่าจางไม่เห็นด้วย ลูกคือเลือดเนื้อของพ่อแม่จะตัดขาดได้อย่างไรคนภายนอกจะหัวเราะเอาได้ “ฉันเห็นด้วย ในเมื่อแยกบ้านไปแล้วก็ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกันอีก เจ้าใหญ่ไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาเพื่อเขียนสัญญาให้ชัดเจน!” แม่เฒ่าจางเห็นด้วยในเมื่อลูกชายคนเล็กไม่ได้เป็นทหารเธอก็ไม่ต้องการเขาอีกต่อไปแต่ดูเหมือนแม่เฒ่าจางจะตีความหมายผิด จางจื่อหานบอกว่าย้ายงานไม่ใช่ออกจากกองทัพ เวลาผ่านไปสักพักจางจื่อซวานก็กลับมาพร้อมกับหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อมาถึงแม่เฒ่าจางก็จัดการบอกเล่าเรื่องต่างๆ พร้อมแจ้งสิ่งที่ต้องการให้ฟัง “ก็ตามที่บอกนั่นแหละ ฉันอยากจะเขียนสัญญาให้ชัดเจนว่าทั้งสองบ้านจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก” แม่เฒ่าจางพูดพลางเชิดหน้า “จะตัดขาดกันเลยเหรอ ตาเฒ่าจื่อหยวนแกคิดดีแล้วเรอะ” จื่อหยวนคือชื่อของพ่อเฒ่าจาง หัวหน้าหมู่บ้านไม่เห็นด้วยพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขา “ฉันว่าแยกกันอยู่ก็ดี บ้านนี้หลังเล็กคนเยอะมันอึดอัด” พ่อเฒ่าเองก็เห็นด้วยเพียงแต่ไม่อยากแสดงความลำเอียงออกนอกหน้ามากนัก “จื่อหาน แกเห็นว่ายังไง” หัวหน้าหมู่บ้านถามชายหนุ่มด้วยความเห็นใจเมื่อก่อนเป็นทหารส่งเงินให้ครอบครัวพอตอนนี้คนอื่นๆ คิดว่าเขาหาเงินไม่ได้ก็ตัดขาด นี่มันพ่อแม่แบบไหนกัน “ผมไม่มีอะไรขัดข้อง” จางจื่อหานเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “อวดดี” เหมยลี่เบะปาก “ถ้างั้นเดี๋ยวข้าจะเขียนสัญญาให้” เมื่อเห็นว่าจื่อหานไม่ได้ขัดข้องอะไรหัวหน้าหมู่บ้านก็ลงมือเขียนสัญญา “หัวหน้าหมู่บ้านคะ ในเมื่แม่เฒ่าให้ระบุลงไปว่าห้ามครอบครัวของเรามายุ่งเกี่ยวหรือขอเงินแลอาหาแบบบนี้ช่วระบุลงไปในสัญญาด้วยได้ไหมคะว่าพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับทรัพย์สินที่จื่อหานหามาได้เหมือนกัน” ซิ่วอิงพูดขึ้น เธอต้องป้องกันไว้ก่อนเพื่อไม่ให้คนพวกนี้มาสร้างปัญหากับครอบครัวของเธอในภายหลัง “พวกแกมันอกตัญญู” แม่เฒ่าจางชี้หน้าด้วยความโมโห “แม่คะ ไม่ใช่ว่าแม่เป็นคนบอกตัดขาดกับพวกเราเหรอ แล้วทำไมตอนนี้มาว่าฉันล่ะคะ” ซิ่วอิงเอ่ยถามหน้าซื่อ “แก แก” แม่เฒ่าจางพูดไม่ออกได้แต่ชี้หน้ามือสั่น “งั้นฉันเขียนตามนั้น เอ้าประทับลายมือซะ” หัวหน้าหมู่บ้านยื่นสัญญาสามฉบับให้พวกเขาประทับลายมือเมื่อเสร็จแล้วก็ให้แม่เฒ่า จางจื่อหาน และหัวหน้าหมู่บ้านเก็บไว้คนละหนึ่งฉบับ “ตอนนี้น้องสามีก็ออกจากกองทัพแล้ว ทั้งยังต้องแยกบ้านคงจะลำบากหน่อยนะ” เหมยลี่พุดพลางยกยิ้มสะใจ ซิ่วอิงสวยแล้วอย่างไรตอนนี้แยกบ้านแล้วพวกเขาก็ไม่มีที่อยู่ เงินห้าร้อยหยวนถึงแม้จะมากแต่ถ้าใช้สร้างบ้านและซื้อของใช้มันก็หมดลง “แยกบ้านแล้วพวกแกก็เก็บข้าวของออกไปซะ” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่ใยดี “เจ้าเล็ก ลูกสามารถพักอยู่ที่นี่จนกว่าจะสร้างบ้านเสร็จ” เมื่ออยู่ต่อหน้าหัวหน้าหมู่บ้านพ่อเฒ่าจางยังต้องการแสดงความเห็นใจต่อลูกชายคนเล็ก “พูดบ้าอะไร อยู่ที่นี่ไม่ใช่ว่าเขาต้องกินอาหารที่นี่เหรอในเมื่อแยกบ้านแล้วก็ควรออกไปซะ” แต่แม่เฒ่าจางไม่คิดจะไว้หน้าสามี พ่อเฒ่าจางคิดว่าภรรยาเขาช่างโง่เง่า “จื่อหาน บ้านเก่าตรงท้ายหมู่บ้านไม่มีคนอาศัยอยู่ที่นั่น พาลูกเมียไปอยู่ที่นั่นก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวฉันจะยื่นขอที่พักอาศัยให้” การสร้างบ้านในยุคนี้ไม่สามารถสร้างเองตามใจชอบได้ต้องยื่นหนังสือของที่พักและถึงแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะวัสดุในการสร้างนั้นมักมีไม่เพียงพอแม้ว่าส่วนใหญ่จะสร้างบ้านด้วยดินก็ตาม “รีบไปซะสิ” เหมยลี่เอ่ยปากไล่ “จื่อหยวน ครอบครัวแกนี่น่ารังเกียจเกินไปแล้ว แยกบ้านก็ควรแบ่งธัญพืชและอาหารด้วย” หัวหน้าหมู่บ้านอดที่จะพูดไม่ได้ “อะไรกันหัวหน้า แบบนี้มันไม่ถูกต้องพวกเราทำงานแลกคะแนนมาทำไมต้องแบ่ง” จางจื่อซวานโวยวายทันที “พี่ใหญ่ พี่ต่างหากที่พูดไม่ถูกฉันกับลูกๆ ก็ทำงานแลกคะแนนเหมือนกันทำไมฉันถึงขอปันส่วนแบ่งไม่ได้ ที่ผ่านมาฉันไม่สนใจที่พวกคุณให้ฉันกับลูกกินแค่ธัญพืชเนื้อหยาบแต่ส่วนแบ่งในวันนี้ต้องยุติธรรม” ซิ่วอิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพอๆ กับสายตาของเธอในตอนนี้ จางจื่อหานมองภรรยามุมปากก็กระตุกยกยิ้ม เธอเป็นแบบนี้แล้วทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง “สะใภ้รองซิ่วอิงพูดถูก ทำงานก็ควรได้รับส่วนแบ่งอีกอย่างจื่อหานไปเป็นทหารตามกฎเขาจะได้รับสิบคะแนนทุกวันส่วนแบ่งเขาย่อมได้มากกว่าคนอื่น ส่วนพวกเธอทำงานได้แค่วันละห้าหกแต้มเท่กับซีซวนและซูเม่ยด้วยซ้ำจะมาโวยวายอะไร จื่อหยวนแกลำเอียงได้น่าเกลียดเกินไปหน่อยไหม” หัวหน้าหมู่บ้านพูดอย่างไม่พอใจ “หัวหน้าเข้าใจผิดแล้ว จื่อหานแยกบ้านยังไงก็ต้องปันส่วนแบ่งให้เขาแน่นอน เจ้าใหญ่รีบไปเอาธัญพืชและอาหารออกมาให้หัวหน้าจัดการชั่งตวง” พ่อเฒ่าจางยังคงต้องการรักษาหน้ารีบบอกให้ลูกชายคนโตไปเอาอาหารมา “นับว่าแกยังมีความยุติธรรมอยู่บ้าง ไม่เหมือนภรรยาและลูกชายลูกสะใภ้คนโตของแก” หัวหน้าหมู่บ้านพูดอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งสามที่ถูกว่าได้แต่หน้าม้านด้วยความอับอายแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ หัวหน้าหมู่บ้านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา เมื่อนำอาหารทั้งหมดมาหัวหน้าหม่บ้านก็เรียกให้ลูกน้องเอาเครื่องชั่งตวงมาจัดสรรปันส่วนให้เสร็จสรรพ “ได้แล้วก็รีบพากันไสหัวไป” แม่เฒ่าจางพูดด้วยความโกรธตอนนี้เธอเสียทั้งเงินห้าร้อยหยวนและอาหารจำนวนมาก เจ้าลูกอกตัญญูเห็นเมียดีกว่าแม่ “ไปกันเถอะ” จางจื่อหานเอ่ยบอกภรรยาก่อนจะจูงมือเธอกลับไปเก็บของที่ห้อง ต่อไปนี้ครอบครัวของมีแค่ภรรยาและลูกเท่านั้น!“เรื่องนี้อย่าให้พ่อของแกรู้” แม่เฒ่าจางเอ่ยบอกลูกชายคนโต แม้ว่าพ่อเฒ่าจางจะลำเอียงรักลูกชายคนโตแต่เขาก็มักจะไว้หน้าตัวเองเสมอไม่แสดงออกถึงความลำเอียงมากเกินไป วันนี้พ่อเฒ่าจางมัววแต่ไปพูดคุยกับเพื่อนฝูงทำให้ทั้งสามคนคิดวางแผนที่จะทำเรื่องนี้“คุณแม่คะ แล้วนังนั่นจะไม่ไปแจ้งสันติบาลเหรอคะ” เหมยลี่เองก็อยากได้เงินห้าร้อยหยวนแต่เธอก็กังวลไม่ได้ หากนังปากร้ายนั่นไปแจ้งสันติบาลหรือคณะกรรมการปฏิวัติพวกเธออาจจะถูกจับ“มีลูกสะใภ้ที่ไหนจะแจ้งจับแม่สามี” จะสามารถทำแบบนั้นได้ยังไง ไม่เคยมีสะใภ้คนไหนกล้าแจ้งจับแม่สามีแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่โดนทุบตีก็ตามมันถูกมองว่าเป็นปกติเว้นเสียแต่ว่าจะมีคนตาย“แต่มันแยกบ้านไปแล้วนะคะ” เหมยลี่ไม่แน่ใจว่าสามารถทำแบบนั้นได้ เธอไม่อยากถูกจับ“นี่สะใภ้ใหญ่ เธอกลายเป็นคนขี้ขลาดตั้งแต่เมื่อไหร่” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่สบอารมณ์“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะแม่” เหมยลี่ที่เห็นแม่สามีเริ่มไม่พอใจก็ไม่กล้าที่จะแย้งอีก ในใจก็แอบเห็นด้วยว่าจางจื่อหานคงไม่แจ้งจับแม่ตัวเองหรอก“แม่ครับ ผมว่าเราควรไปตอนที่มันออกไปทำงาน” เวลานั้นชาวบ้านจะออกไปทำงานแลกคะแนนกันหมดไม่มีใครอยู่บ้านถือว่าทางสะด
หลังจากที่จางจื่อหานกลับไปที่กองทัพซิ่วอิงก็ยังคงทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ เพียงแต่ตอนนี้เธอคิดว่าเธอควรเริ่มไม่ทำงานแลกแต้มไม่งั้นส่วนแบ่งอาหารเธอจะได้น้อยลงเธอตั้งใจแล้วว่าจะทำให้ลูกๆ ของเจ้าของร่างกินอิ่มและนอนหลับได้เต็มที่หากเธอไม่ไปทำงานเกรงว่าอาหารจะไม่พอ วันนี้ซิ่วอิงจึงตื่นตั้งแต่ตีห้ามาเตรียมอาหารเช้าเป็นแพนเค้กและไข่ผัดมะเขือเทศ ส่วนแบ่งอาหารตอนแยกบ้านได้มาเยอะพอสมควรประกอบกับที่จางจื่อชิงนำมาให้ทำให้พวกเขามีอาหารเพียงพอที่จะกินอิ่มท้อง“แม่ทำไมวันวันนี้ตื่นเช้าจัง” ซูเม่ยที่ตื่นขึ้นมาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ส่วนซีซวนทำเพียงเหลือบมองแล้วนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว“ตื่นมาทำอาหาร” ซิ่วอิงเอ่ยตอบ เด็กคนนี้จะหาว่าเธอตื่นสายเหรอ?“แม่แปลกไปมาก” ซูเม่ยพูดพร้อมกับกินอาหาร“รีบกินจะได้รีบไปทำงาน” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเด็กสาว“วันนี้แม่จะไปทำงานด้วยเหรอ” เธอเห็นการแต่งตัวของคนเป็นแม่ก็พอจะเดาได้“แน่นอน ตอนนี้เราแยกบ้านแล้วต้องทำงานแลกคะแนน” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม“เมื่อก่อนไม่เห็นจะทำ” ซีซวนพึมพำเบาๆ“เมื่อก่อนแม่แค่เห็นว่าต่อให้ทำเราก็ไม่ได้กินดีกว่าเดิมเหมือนทำแล้วให้คนอื่นได้กิน แต่ตอ
“แม่ ฉันกลับมาแล้ว” ซุเม่ยรีบวิ่เข้ามาชโะโงกหน้าดูอาหารบนโต๊ะดวงทาของเธอวาววับ ซีซวนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อแต่ซิ่วอิงแอบเห็นว่าตอนที่มองอาหารดวงตาของเขาเป็นประกายไม่น้อย เด็กก็คือเด็กสินะ“ล้างมือหรือยัง” ซิ่วอิงเอ่ยถามเด็กๆ“แม่ไม่ต้องห่วง พวกฉันล้างเรียบร้อยแล้ว” ซีห่าวพูดพร้อมกับชูสองมือให้แม่ของตัวเองดู“งั้นรีบมากินเถอะ พ่อเขารอนานแล้ว” ซิ่วอิงรีบบอกเด็กๆ จากนั้นทั้งห้าคนก็ลงมือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย“แพนเค้กนี้อร่อยมาก ไข่ผัดกุ้ยช่ายนี่ก็เหมือนกันฉันไม่เคยเคยกินอะไรแบบนี้มาก่อน” คำพูดไร้เดียงสาของลูกสาวไม่ต่างจากเข็มนับพันที่ทิ่มลงที่ใจของผู้เป็นพ่อ ริมฝีปากหนาขบเม้มจนเลือดห่อจนกระทั่งมีมือเรียวมาจับมือข้างที่เขาวางไว้บนขา จางจื่อหานหันไปมองไปใบหน้าของภรรยาเธอยกยิ้มบางๆ ให้เขาดูอบอุ่นและอ่อนโยนหัวใจของเขารู้สึกผ่อนคลายลง“พ่อกลับมาแล้วต่อไปนี้พวกเราจะได้กินแต่ของอร่อย” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับคีบอาหารให้กับซีห่าวตัวน้อย“ห่าวห่าว เวลาผู้ใหญ่ให้ของต้องพูดว่ายังไง” ซิ่วอิงพูดกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเธอต้องค่อยๆ สอนเขา“ขอบคุณครับแม่” ซีห่าวเอ่ยขอบคุณพ
จางจื่อหานพาซิ่วอิงกลับมาเก็บสองที่ห้อง สองสามีภรรยาช่วยกันเก็บของใส่กล่องไม้ยิ่งเก็บข้าวของจื่อหานก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ภรรยาและลูกๆ ของเขามีเพียงเสื้อผ้าเก่าๆ ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ของทั้งห้องมีแค่สองกล่องไม้ เขารู้สึกล้มเหลวในฐานะสามีและพ่อโดยสมบูรณ์ ดวงตาสีเข้มมองไปที่ภรรยาอย่างรู้สึกผิดเมื่อก่อนเธอและลูกๆ ต้องลำบากเป็อย่างมากแต่เขากลับไม่รู้อะไรเลย“แม่จ๊ะ ป้าสะใภ้บอกว่าเราต้องออกไปจากที่นี่ เป็นเรื่องจริงเหรอจ๊ะ” ซูเม่ยเอ่ยถาม ซีซวนและซีห่าวก็เดินเข้ามาในห้อง ซีห่าวรีบเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ในทันที“ผมจะไปกับแม่” ซีห่าวกลัวว่าแม่จะทิ้งจึงกอดไว้แน่น ซิ่วอิงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน“แน่นอน พวกเราจะไปด้วยกันทั้งหมด” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับยกมือเรียวลูบหัวเด็กน้อย“เราจะย้ายบ้านเหรอจ๊ะแม่” ซูเม่ยเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย ถ้าเธอไม่ต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้อีกนับว่าเป็นเรื่องที่ดี“ใช่ ต่อไปนี้จะย้ายไปอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน” ซิ่วอิงตอบด้วยรอยยิ้ม“ยกของไปไว้ที่บ้านท้ายหมู่บ้าน” จางจื่อหานเอ่ยบอกลูกชายคนโตเสียงเรียบ ซีซวนเห็นสายตาของพ่อก็ไม่กล้าขัดรีบยกกล่องไม้ออกไปทันที“เราจะไปอยู่บ้านร้างท้ายหม
“นี่แก แก อั๊ยหยาชีวิตฉันทำไมถึงโชคร้ายแบบนี้มีลูกชายก็ไม่เชื่อฟัง ลูกสะใภ้ก็อกตัญญู” แม่เฒ่าจางเริ่มเล่นละครร้องห่มร้องไห้ตัดพ้อชะตาชีวิตตัวเอง“แม่ว่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ไม่?” ซิ่วอิงเอ่ยถามด้วยใบหน้าใสซื่อ“ฉันด่าเธอนั่นแหละ” แม่เฒ่าจางมองค้อนทันที“โอ้ งั้นเหรอ” ซิ่วอิงยกยิ้มแบบไม่ใส่ใจ“แก เจ้าเล็กดูเมียของลูกสิ เธอต้องการทำให้แม่ปวดใจตาย” แม่เฒ่าจางเอ่ยกับลูกชายหวังให้ลูกชายหย่ากับภรรยา“แม่ เรามาตกลงกันดีๆ เถอะ ผมจะแยกบ้านแม่ควรแบ่งเงินที่เราควรจะได้” จางจื่อหานไม่สนใจการแสดงของแม่เฒ่า“นี่ลูก” แม่เฒ่าจางพูดไม่ออก เธอรู้สึกเหมือนสูญเสียลูกชายที่เชื่อฟังไปแล้ว“เอาล่ะ พอกันได้แล้ว เจ้าเล็กจะแยกบ้านเราควรมอบเงินให้เขา” พ่อเฒ่าจางพูดออกมาในที่สุด หากเขายังปล่อยให้ภรรยาดื้อรั้นต่อไปลูกสะใภ้คนรองอาจจะไปคณะกรรมการปฏิวัติจริงๆ ถึงตอนนี้เราทุกคนจะมีความผิด“ไม่มีเงินแล้ว” แม่เฒ่าจางยังคงยืนกราน“ไปเอาออกมา ร้อยหยวนหรือสองร้อยหยวนนำมันออกมา” พ่อเฒ่าจางพูดเสียงแข็ง“ฉันจะไปมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไง ให้พวกเขายี่สิบหยวนก็พอนี่ถือว่ามากที่สุดแล้ว” แม่เฒ่าจางไม่ยินยอมที่จะเสียเงินจำนวนมากไป“จ
แม่เฒ่าจางนั่งกำตะเกียบจ้องมองไปยังครอบครัวของลูกชายคนรองด้วยสายตาไม่ค่อยจะพอใจ เธอไม่ชอบที่จะเห็นนังปากร้ายกับลูกๆ กินอาหารบนโต๊ะอย่างมีความสุข ถ้าไม่ใช่ว่าสามีต้องการไว้หน้าลูกชายคนเล็กเธอคงไล่พวกมันไปแล้ว เมื่อวานขโมยไข่เธอไปวันนี้ยังมีหน้ามากินอาหารอีก ยิ่งคิดเธอยิ่งโมโห!“นี่เจ้าเล็ก” ในที่สุดแม่เฒ่าจางก็ทนไม่ไหวที่จะสั่งสอนลูกชาย“แม่กินข้าวเถอะ” จางจื่อหานบอกผู้เป็นแม่แล้วคีบอาหารให้ภรรยา ซิ่วอิงเงยหน้ามองเขา“กิน” จางจื่อหานเอ่ยบอกเธอก่อนจะคีบอาหารของตนเองเข้าปาก“นี่แกยังเห็นหัวแม่คนนี้อยู่ไหม” แม่เฒ่าจางเริ่มโมโหที่ลูกชายคนเล็กไม่สนใจเธอ“นี่น้องชาย ทำไมถึงเมินแม่แบบนี้” จางจื่อซวานอดไม่ได้ที่จะสั่งสอนเขา“พี่ใหญ่คิดมากไป” จางจื่อหานเอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบ เขาไม่ได้เมินแม่แค่ต้องก่อนกินข้าวให้เรียบร้อยก่อนพูดคุย“น้องสามีไม่ได้อยู่บ้านดูแลแม่กลับมาก็ทำตัวห่างเหินแบบนี้มันใช้ไม่ได้” เหมยลี่พูดขึ้น“สะใภ้ใหญ่พูดถูก งั้นคุณควรกลับบ้านมาดูแลพ่อแม่” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นบ้าง ทั้งๆ ที่จางจื่อหานส่งเงินมาให้พวกเขาใช้จ่ายยังจะบอกว่าเขาไม่ได้ดูแลพ่อแม่อีก“นี่ นี่” สะใภ้ใหญ่เหมยลี่พูดไม่ออก“