Share

บทที่ 3 สิ่งที่ได้รู้

last update Huling Na-update: 2025-07-08 15:42:29

แม่เฒ่าจางนั่งกำตะเกียบจ้องมองไปยังครอบครัวของลูกชายคนรองด้วยสายตาไม่ค่อยจะพอใจ เธอไม่ชอบที่จะเห็นนังปากร้ายกับลูกๆ กินอาหารบนโต๊ะอย่างมีความสุข ถ้าไม่ใช่ว่าสามีต้องการไว้หน้าลูกชายคนเล็กเธอคงไล่พวกมันไปแล้ว เมื่อวานขโมยไข่เธอไปวันนี้ยังมีหน้ามากินอาหารอีก ยิ่งคิดเธอยิ่งโมโห!

“นี่เจ้าเล็ก” ในที่สุดแม่เฒ่าจางก็ทนไม่ไหวที่จะสั่งสอนลูกชาย

“แม่กินข้าวเถอะ” จางจื่อหานบอกผู้เป็นแม่แล้วคีบอาหารให้ภรรยา ซิ่วอิงเงยหน้ามองเขา

“กิน” จางจื่อหานเอ่ยบอกเธอก่อนจะคีบอาหารของตนเองเข้าปาก

“นี่แกยังเห็นหัวแม่คนนี้อยู่ไหม” แม่เฒ่าจางเริ่มโมโหที่ลูกชายคนเล็กไม่สนใจเธอ

“นี่น้องชาย ทำไมถึงเมินแม่แบบนี้” จางจื่อซวานอดไม่ได้ที่จะสั่งสอนเขา

“พี่ใหญ่คิดมากไป” จางจื่อหานเอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบ เขาไม่ได้เมินแม่แค่ต้องก่อนกินข้าวให้เรียบร้อยก่อนพูดคุย

“น้องสามีไม่ได้อยู่บ้านดูแลแม่กลับมาก็ทำตัวห่างเหินแบบนี้มันใช้ไม่ได้” เหมยลี่พูดขึ้น

“สะใภ้ใหญ่พูดถูก งั้นคุณควรกลับบ้านมาดูแลพ่อแม่” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นบ้าง ทั้งๆ ที่จางจื่อหานส่งเงินมาให้พวกเขาใช้จ่ายยังจะบอกว่าเขาไม่ได้ดูแลพ่อแม่อีก

“นี่ นี่” สะใภ้ใหญ่เหมยลี่พูดไม่ออก

“กินข้าว!” พ่อเฒ่าจางพูดขึ้นทุกคนไม่กล้าขัดพากันก้มหน้ากินข้าวต่อ

 

หลังจากกินข้าวเสร็จแม่เฒ่าก็สั่งให้เด็กๆ ไปเล่นที่อื่นเหลือเพียงผู้ใหญ่นั่งพูดคุยกัน จากนั้นแม่เฒ่าจางก็พร่ำพรรณนาถึงชีวิตอันแสนยากลำบากที่ผ่านมาของตนเองเพื่อตอกย้ำให้ลูกชายคนเล็กรู้จักกตัญญูจนซิ่วอิงได้แต่กรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย

“เจ้าเล็ก พี่ชายของลูกนั้นอยู่บ้านทำงานแลกคะแนนลำบากไม่น้อยลูกไปเป็นทหารสบายๆ มีอาหารดีๆ ให้กิน แต่พ่อแม่และพี่ชายอยู่อย่างอดๆ อยากๆ หลานๆ ตัวน้อยของลูกเองก็กินไม่อิ่ม ลูกไม่ได้อยู่บ้านพี่ชายพี่สะใภ้ก็ลำบากดูแลพ่อแม่” แม่เฒ่าจางพูดพลางซับน้ำตา (ปลอม) ไปด้วย

“แม่ ลูกชายไม่ได้อยู่ดูแลแม่นั้นเป็นความผิด” จางจื่อหานเอ่ยกับแม่เฒ่า แม่เฒ่าได้ยินแบบนั้นก็ได้ใจ

“เรื่องนั้นแม่ไม่ถือโทษโกรธลูก แค่ลูกต้องหย่ากับนางปากร้ายนั่น” แม่เฒ่าจางเอ่ยพลางตวัดตาไปมองซิ่วอิง ซิ่วอิงที่ถูกมองทำเพียงยักไหล่

“แม่ ฉันหย่าไม่ได้” จางจื่อหานปฏิเสธ

“ทำไมถึงหย่าไม่ได้ แค่ส่งเธอกลับบ้านเดิม” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่พอใจทันที

“นี่น้องสามี เธอไม่รู้หรอกว่าอยู่ที่นี่ซิ่วอิงทำแม่ปวดหัวมากขนาดไหน” เหมยลี่รีบใส่ไฟทันที

“พี่สะใภ้ของลูกพูดถูก ถ้ามีมัแกนก็ไม่มีแม่แกเลือกเอา” แม่เฒ่าจางยื่นคำขาดทันที

“น้องชายคิดให้ดี น้องชายเป็นนายทหารจะหาแต่งภรรยาดีๆ กว่านี้ก็ย่อมได้ อย่าทำให้แม่ต้องทุกข์ใจ” จางจื่อซวานพูดเพื่อบอกว่าเขาควรกตัญญูต่อแม่และหย่ากับผู้หญิงคนนี้ซะ

“อืม งั้นก็แยกบ้าน” จางจื่อหานพูดโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ในฐานะลูกเขาไม่สามารถทำให้แม่หนักใจ แต่ในฐานะสามีและพ่อเขาไม่สามารถทอดทิ้งภรรยาและลูกได้เช่นกัน

“อยากแยกก็แยก แต่เงินเดือนต้องส่งมาบ้านใหญ่แล้วแม่จะเป็นคนแบ่งให้ภรรยาลูกเอง” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่สนใจ เธอสนใจแค่เงินเท่านั้น

“อาจจะไม่มีเงินเดือนแล้ว” จางจื่อหานพูดเสียงเรียบ

“อะไรนะ!” ทุกคนยกเว้นซิ่วอิงกับจางจื่อหานร้องออกมาด้วยความตกใจ

“หมายความว่าไงไม่มีเงินเดือนแล้ว” แม่เฒ่าจางถามอย่างร้อนรน

“กองทัพย้ายงานให้ฉันแล้ว ฉันไม่แน่ใจเรื่องเงินเดือน” จางจื่อหานเอ่ยบอก

“นี่น้องสามีโดนปลดออกจากกองทัพเหรอ?” เหมยลี่เอ่ยถาม ในใจเธอรู้สึกไม่ยินยอมที่เงินจำนวนมากจะหายไป

“หรือว่าแกขี้ขลาดกลัวตายเลยขอลาออกเอง” จางจื่อซวานเอ่ยถาม พ่อเฒ่าจางแม้จะไม่แสดงออกแต่ในใจก็คิดหนัก

“ไม่ได้เรื่อง แกไม่เป็นทหารแล้วจะทำอะไรกินจะมาอยู่บ้าทำงาแลกกแต้มเรอะ” แม่เฒ่าจางที่ฟังลูกชายคนโตพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ

“แม่ ไม่ใช่ว่าแม่กับพี่ชายพี่สะใภ้บอกว่าเขาไม่ได้อยู่บ้านดูแลพ่อแม่เหรอ นี่เขาก็ย้ายกลับมาเพื่อแสดงความกตัญญูแล้วไง” ซิ่วอิงทนไม่ไหวพูดขึ้น ลูกชายกลับบ้านแทนที่จะดีใจแต่กลับห่วงเงินมากกว่าชีวิตลูกชาย

“กตัญญูบ้าบออะไรกัน แค่ส่งเงินมาก็พอ” แม่เฒ่าจางตอบกลับ

“แบบนี้น้องสามีก็ต้องมาอยู่ที่บ้านทำงานแลกคะแนนใช่ไหม มีคนเพิ่มขึ้นอาหารก็อาจจะน้อยลง” เหมยลี่เอ่ยออกมา ถ้าไม่มีเงินเดือนจางจื่อหานก็เท่ากับว่าเขาไร้ประโยชน์

“กังวลอะไร เขาบอกว่าจะแยกบ้านไม่ใช่เหรอ ก็แยกไปสิ ต่างคนต่างกิน” แม่เฒ่าจางรีบเอ่ยบอก

“แม่ จะแยกบ้านก็ต้องมีเงิน” ซิ่วอิงพูดขึ้น

“เงินอะไร ฉันไม่มี” แม่เฒ่าจางปฏิเสธทันที

“แม่ ไม่ใช่ว่าแม่บอกว่าเงินเดือนที่ได้จะเก็บไว้ให้ฉันเหรอ” จางจื่อหานเอ่ยถาม

“พูดบ้าอะไร ที่ผ่านมาไม่ต้องกินต้องใช้หรือยังไง” แม่เฒ่าจางเริ่มเฉไฉ ตอนนั้นเธอแค่พูดเพราะอยากเก็บเงินเดือนของลูกชายไว้จะเอาเป็นจริงเป็นจังได้อย่างไร

“ได้ เงินส่วนนั้นผมถือว่าตอบแทนบุญคุณแม่แต่เราเคยตกลงกันว่าเงินเดือนครึ่งหนึ่งจะต้องมอบให้ภรรยาและลูกๆ ของผมแต่เท่าที่รู้มาพวกเขาไม่เคยได้รับมันเลยสักครั้ง” จางจื่อหานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“นี่แกกล้ามาซักไซ้แม่เรอะ” แม่เฒ่าจางเริ่มโกรธควันออกหู

“นี่จื่อหานแกพูดกับแม่แบบนี้ได้ยังไง เงินพวกนั้นก็เอามาเลี้ยงลูกเมียแกทั้งนั้น” จางจื่อซวานพูดอย่างไม่พอใจ

“ใช่ น้องสามีไม่อยู่บ้านไม่รู้หรอกว่าพวกเราลำบากกันแค่ไหน” เหมยลี่กล่าวพลางมองด้วยสายตาไม่ชอบใจ

“พูดอะไรของพวกคุณ เอาเงินมาเลี้ยงฉันกับลูกงั้นเหรอพวกคุณกล้าพูดได้ยังไงไม่รู้จักละอายใจบ้างเหรอ ฉันกับลูกได้กินแค่ธัญพืชเนื้อหยาบวันละมื้อใส่ผ้าไม่ได้ตัดใหม่สักครั้ง แต่พวกคุณกลับได้กินข้าววันละสามมื้อ ลูกของพี่ใหญ่ได้กินไข่ทุกมื้อ เมื่อวานฉันแค่ขอเงินสองหยวนพี่สะใภ้ใหญ่ถึงกับผลักฉันหัวชนผนังหมดสติไปทั้งวัน ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ตาย!” ซิ่วอิงระบายสิ่งที่เจ้าของร่างเคยพบเจออกมาพร้อมกับแสร้งปิดหน้าร้องไห้ให้ดูน่าสงสารที่สุด

“…..” แม่เฒ่าจางกับจางจื่อซวานและเหมยลี่ได้แต่อ้าปากค้าง การแสดงนี่มันอะไรปกตินางปากร้ายต้องโวยวายด่าทอพูดจาไร้เหตุผลไม่ใช่เหรอแล้วนี่มันอะไรกัน มันกำลังฟ้องสามีว่าถูกพวกเขารังแก! จางจื่อหานที่ได้ยินว่าที่ผ่านมาลูกเมียต้องเจออะไรบ้างในใจเขาก็รู้สึกขมฝาดสายตาของเขาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ

“เจ้าเล็กแกอย่าไปฟัง” แม่เฒ่าจางเอ่ยบอกลูกชาย เพียงแต่ได้รับความเงียบกลับมาเธอจึงได้ใจว่าลูกชายคนเเล็ยังคงเชื่อฟังเธอไม่เชื่อนังปากร้ายนั่นใครจะคิดว่าที่จางจื่อหานไม่พูดเพราะกำลังจุกในอกก่อนที่เขาจะพูดสิ่งที่แม่เฒ่าไม่ต้องการ

” แม่ ฉันจะแยกบ้านแม่ควรมอบเงินให้เราในส่วนแบ่งของภรรยาของฉัน “จางจื่อหานพูดด้วยน้ำเสียงติดจะเย็นชา

“พูดบ้าอะไร ส่วนแบ่งอะไร” แม่เฒ่าจางเริ่มร้อนรน เธอไม่ต้องการมอบเงินให้กับครอบครัวลูกชายคนเล็ก

“นี่น้องสามี ถ้าแม่มอบเงินให้เธอแล้วพวกเราจะอยู่ยังไง พี่สะใภ้จะสอนเธอให้ว่าอย่าโลภให้มากนักเงินนั่นเธอมอบให้แม่แล้วก็ควรเป็นของแม่เธอจะแยกบ้านไปมันเกี่ยวอะไรกับเงินของเรา” เหมยลี่พูดอย่างไม่ชอบใจ เธอเย่อหยิ่งคิดว่านี่คือแนวคิดที่ถูกต้องเงินพวกนั้นควรเป็นคนพวกเธอไม่ใช่ของบ้านรอง

“พี่สะใภ้ใหญ่พูดได้ดี เช่นนั้นพวกเราควรไปหาคณะกรรมการปฏิวัติให้เขาตัดสินเรื่องนี้ ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าคณะกรรมการปฏิวัติจะตัดสินคนที่ยักยอกเงินที่นายทหารส่งให้ภรรยาและลูกอย่างไร ติดคุกหรือโดนยิงเป้านั่นคือโทษที่จะได้รับ” ซิ่วอิงตอบกลับ เธอรู้ดีว่าในยุคนี้คนหวาดกลัวเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะชาวบ้านที่ไม่มีความรู้พวกเขาสามารถเผชิญความยากลำบากได้แต่พวกเขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 8 บุกรุก!

    “เรื่องนี้อย่าให้พ่อของแกรู้” แม่เฒ่าจางเอ่ยบอกลูกชายคนโต แม้ว่าพ่อเฒ่าจางจะลำเอียงรักลูกชายคนโตแต่เขาก็มักจะไว้หน้าตัวเองเสมอไม่แสดงออกถึงความลำเอียงมากเกินไป วันนี้พ่อเฒ่าจางมัววแต่ไปพูดคุยกับเพื่อนฝูงทำให้ทั้งสามคนคิดวางแผนที่จะทำเรื่องนี้“คุณแม่คะ แล้วนังนั่นจะไม่ไปแจ้งสันติบาลเหรอคะ” เหมยลี่เองก็อยากได้เงินห้าร้อยหยวนแต่เธอก็กังวลไม่ได้ หากนังปากร้ายนั่นไปแจ้งสันติบาลหรือคณะกรรมการปฏิวัติพวกเธออาจจะถูกจับ“มีลูกสะใภ้ที่ไหนจะแจ้งจับแม่สามี” จะสามารถทำแบบนั้นได้ยังไง ไม่เคยมีสะใภ้คนไหนกล้าแจ้งจับแม่สามีแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่โดนทุบตีก็ตามมันถูกมองว่าเป็นปกติเว้นเสียแต่ว่าจะมีคนตาย“แต่มันแยกบ้านไปแล้วนะคะ” เหมยลี่ไม่แน่ใจว่าสามารถทำแบบนั้นได้ เธอไม่อยากถูกจับ“นี่สะใภ้ใหญ่ เธอกลายเป็นคนขี้ขลาดตั้งแต่เมื่อไหร่” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่สบอารมณ์“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะแม่” เหมยลี่ที่เห็นแม่สามีเริ่มไม่พอใจก็ไม่กล้าที่จะแย้งอีก ในใจก็แอบเห็นด้วยว่าจางจื่อหานคงไม่แจ้งจับแม่ตัวเองหรอก“แม่ครับ ผมว่าเราควรไปตอนที่มันออกไปทำงาน” เวลานั้นชาวบ้านจะออกไปทำงานแลกคะแนนกันหมดไม่มีใครอยู่บ้านถือว่าทางสะด

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 7 ใครว่านางปากร้ายขี้เกียจ?

    หลังจากที่จางจื่อหานกลับไปที่กองทัพซิ่วอิงก็ยังคงทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ เพียงแต่ตอนนี้เธอคิดว่าเธอควรเริ่มไม่ทำงานแลกแต้มไม่งั้นส่วนแบ่งอาหารเธอจะได้น้อยลงเธอตั้งใจแล้วว่าจะทำให้ลูกๆ ของเจ้าของร่างกินอิ่มและนอนหลับได้เต็มที่หากเธอไม่ไปทำงานเกรงว่าอาหารจะไม่พอ วันนี้ซิ่วอิงจึงตื่นตั้งแต่ตีห้ามาเตรียมอาหารเช้าเป็นแพนเค้กและไข่ผัดมะเขือเทศ ส่วนแบ่งอาหารตอนแยกบ้านได้มาเยอะพอสมควรประกอบกับที่จางจื่อชิงนำมาให้ทำให้พวกเขามีอาหารเพียงพอที่จะกินอิ่มท้อง“แม่ทำไมวันวันนี้ตื่นเช้าจัง” ซูเม่ยที่ตื่นขึ้นมาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ส่วนซีซวนทำเพียงเหลือบมองแล้วนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว“ตื่นมาทำอาหาร” ซิ่วอิงเอ่ยตอบ เด็กคนนี้จะหาว่าเธอตื่นสายเหรอ?“แม่แปลกไปมาก” ซูเม่ยพูดพร้อมกับกินอาหาร“รีบกินจะได้รีบไปทำงาน” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเด็กสาว“วันนี้แม่จะไปทำงานด้วยเหรอ” เธอเห็นการแต่งตัวของคนเป็นแม่ก็พอจะเดาได้“แน่นอน ตอนนี้เราแยกบ้านแล้วต้องทำงานแลกคะแนน” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม“เมื่อก่อนไม่เห็นจะทำ” ซีซวนพึมพำเบาๆ“เมื่อก่อนแม่แค่เห็นว่าต่อให้ทำเราก็ไม่ได้กินดีกว่าเดิมเหมือนทำแล้วให้คนอื่นได้กิน แต่ตอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 6 จากลา

    “แม่ ฉันกลับมาแล้ว” ซุเม่ยรีบวิ่เข้ามาชโะโงกหน้าดูอาหารบนโต๊ะดวงทาของเธอวาววับ ซีซวนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อแต่ซิ่วอิงแอบเห็นว่าตอนที่มองอาหารดวงตาของเขาเป็นประกายไม่น้อย เด็กก็คือเด็กสินะ“ล้างมือหรือยัง” ซิ่วอิงเอ่ยถามเด็กๆ“แม่ไม่ต้องห่วง พวกฉันล้างเรียบร้อยแล้ว” ซีห่าวพูดพร้อมกับชูสองมือให้แม่ของตัวเองดู“งั้นรีบมากินเถอะ พ่อเขารอนานแล้ว” ซิ่วอิงรีบบอกเด็กๆ จากนั้นทั้งห้าคนก็ลงมือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย“แพนเค้กนี้อร่อยมาก ไข่ผัดกุ้ยช่ายนี่ก็เหมือนกันฉันไม่เคยเคยกินอะไรแบบนี้มาก่อน” คำพูดไร้เดียงสาของลูกสาวไม่ต่างจากเข็มนับพันที่ทิ่มลงที่ใจของผู้เป็นพ่อ ริมฝีปากหนาขบเม้มจนเลือดห่อจนกระทั่งมีมือเรียวมาจับมือข้างที่เขาวางไว้บนขา จางจื่อหานหันไปมองไปใบหน้าของภรรยาเธอยกยิ้มบางๆ ให้เขาดูอบอุ่นและอ่อนโยนหัวใจของเขารู้สึกผ่อนคลายลง“พ่อกลับมาแล้วต่อไปนี้พวกเราจะได้กินแต่ของอร่อย” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับคีบอาหารให้กับซีห่าวตัวน้อย“ห่าวห่าว เวลาผู้ใหญ่ให้ของต้องพูดว่ายังไง” ซิ่วอิงพูดกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเธอต้องค่อยๆ สอนเขา“ขอบคุณครับแม่” ซีห่าวเอ่ยขอบคุณพ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 5 ย้ายบ้าน

    จางจื่อหานพาซิ่วอิงกลับมาเก็บสองที่ห้อง สองสามีภรรยาช่วยกันเก็บของใส่กล่องไม้ยิ่งเก็บข้าวของจื่อหานก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ภรรยาและลูกๆ ของเขามีเพียงเสื้อผ้าเก่าๆ ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ของทั้งห้องมีแค่สองกล่องไม้ เขารู้สึกล้มเหลวในฐานะสามีและพ่อโดยสมบูรณ์ ดวงตาสีเข้มมองไปที่ภรรยาอย่างรู้สึกผิดเมื่อก่อนเธอและลูกๆ ต้องลำบากเป็อย่างมากแต่เขากลับไม่รู้อะไรเลย“แม่จ๊ะ ป้าสะใภ้บอกว่าเราต้องออกไปจากที่นี่ เป็นเรื่องจริงเหรอจ๊ะ” ซูเม่ยเอ่ยถาม ซีซวนและซีห่าวก็เดินเข้ามาในห้อง ซีห่าวรีบเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ในทันที“ผมจะไปกับแม่” ซีห่าวกลัวว่าแม่จะทิ้งจึงกอดไว้แน่น ซิ่วอิงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน“แน่นอน พวกเราจะไปด้วยกันทั้งหมด” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับยกมือเรียวลูบหัวเด็กน้อย“เราจะย้ายบ้านเหรอจ๊ะแม่” ซูเม่ยเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย ถ้าเธอไม่ต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้อีกนับว่าเป็นเรื่องที่ดี“ใช่ ต่อไปนี้จะย้ายไปอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน” ซิ่วอิงตอบด้วยรอยยิ้ม“ยกของไปไว้ที่บ้านท้ายหมู่บ้าน” จางจื่อหานเอ่ยบอกลูกชายคนโตเสียงเรียบ ซีซวนเห็นสายตาของพ่อก็ไม่กล้าขัดรีบยกกล่องไม้ออกไปทันที“เราจะไปอยู่บ้านร้างท้ายหม

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 4 ตัดขาด

    “นี่แก แก อั๊ยหยาชีวิตฉันทำไมถึงโชคร้ายแบบนี้มีลูกชายก็ไม่เชื่อฟัง ลูกสะใภ้ก็อกตัญญู” แม่เฒ่าจางเริ่มเล่นละครร้องห่มร้องไห้ตัดพ้อชะตาชีวิตตัวเอง“แม่ว่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ไม่?” ซิ่วอิงเอ่ยถามด้วยใบหน้าใสซื่อ“ฉันด่าเธอนั่นแหละ” แม่เฒ่าจางมองค้อนทันที“โอ้ งั้นเหรอ” ซิ่วอิงยกยิ้มแบบไม่ใส่ใจ“แก เจ้าเล็กดูเมียของลูกสิ เธอต้องการทำให้แม่ปวดใจตาย” แม่เฒ่าจางเอ่ยกับลูกชายหวังให้ลูกชายหย่ากับภรรยา“แม่ เรามาตกลงกันดีๆ เถอะ ผมจะแยกบ้านแม่ควรแบ่งเงินที่เราควรจะได้” จางจื่อหานไม่สนใจการแสดงของแม่เฒ่า“นี่ลูก” แม่เฒ่าจางพูดไม่ออก เธอรู้สึกเหมือนสูญเสียลูกชายที่เชื่อฟังไปแล้ว“เอาล่ะ พอกันได้แล้ว เจ้าเล็กจะแยกบ้านเราควรมอบเงินให้เขา” พ่อเฒ่าจางพูดออกมาในที่สุด หากเขายังปล่อยให้ภรรยาดื้อรั้นต่อไปลูกสะใภ้คนรองอาจจะไปคณะกรรมการปฏิวัติจริงๆ ถึงตอนนี้เราทุกคนจะมีความผิด“ไม่มีเงินแล้ว” แม่เฒ่าจางยังคงยืนกราน“ไปเอาออกมา ร้อยหยวนหรือสองร้อยหยวนนำมันออกมา” พ่อเฒ่าจางพูดเสียงแข็ง“ฉันจะไปมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไง ให้พวกเขายี่สิบหยวนก็พอนี่ถือว่ามากที่สุดแล้ว” แม่เฒ่าจางไม่ยินยอมที่จะเสียเงินจำนวนมากไป“จ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 3 สิ่งที่ได้รู้

    แม่เฒ่าจางนั่งกำตะเกียบจ้องมองไปยังครอบครัวของลูกชายคนรองด้วยสายตาไม่ค่อยจะพอใจ เธอไม่ชอบที่จะเห็นนังปากร้ายกับลูกๆ กินอาหารบนโต๊ะอย่างมีความสุข ถ้าไม่ใช่ว่าสามีต้องการไว้หน้าลูกชายคนเล็กเธอคงไล่พวกมันไปแล้ว เมื่อวานขโมยไข่เธอไปวันนี้ยังมีหน้ามากินอาหารอีก ยิ่งคิดเธอยิ่งโมโห!“นี่เจ้าเล็ก” ในที่สุดแม่เฒ่าจางก็ทนไม่ไหวที่จะสั่งสอนลูกชาย“แม่กินข้าวเถอะ” จางจื่อหานบอกผู้เป็นแม่แล้วคีบอาหารให้ภรรยา ซิ่วอิงเงยหน้ามองเขา“กิน” จางจื่อหานเอ่ยบอกเธอก่อนจะคีบอาหารของตนเองเข้าปาก“นี่แกยังเห็นหัวแม่คนนี้อยู่ไหม” แม่เฒ่าจางเริ่มโมโหที่ลูกชายคนเล็กไม่สนใจเธอ“นี่น้องชาย ทำไมถึงเมินแม่แบบนี้” จางจื่อซวานอดไม่ได้ที่จะสั่งสอนเขา“พี่ใหญ่คิดมากไป” จางจื่อหานเอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบ เขาไม่ได้เมินแม่แค่ต้องก่อนกินข้าวให้เรียบร้อยก่อนพูดคุย“น้องสามีไม่ได้อยู่บ้านดูแลแม่กลับมาก็ทำตัวห่างเหินแบบนี้มันใช้ไม่ได้” เหมยลี่พูดขึ้น“สะใภ้ใหญ่พูดถูก งั้นคุณควรกลับบ้านมาดูแลพ่อแม่” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นบ้าง ทั้งๆ ที่จางจื่อหานส่งเงินมาให้พวกเขาใช้จ่ายยังจะบอกว่าเขาไม่ได้ดูแลพ่อแม่อีก“นี่ นี่” สะใภ้ใหญ่เหมยลี่พูดไม่ออก“

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status