Share

บทที่ 5 ย้ายบ้าน

last update Huling Na-update: 2025-07-08 15:43:33

จางจื่อหานพาซิ่วอิงกลับมาเก็บสองที่ห้อง สองสามีภรรยาช่วยกันเก็บของใส่กล่องไม้ยิ่งเก็บข้าวของจื่อหานก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ภรรยาและลูกๆ ของเขามีเพียงเสื้อผ้าเก่าๆ ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ของทั้งห้องมีแค่สองกล่องไม้ เขารู้สึกล้มเหลวในฐานะสามีและพ่อโดยสมบูรณ์ ดวงตาสีเข้มมองไปที่ภรรยาอย่างรู้สึกผิดเมื่อก่อนเธอและลูกๆ ต้องลำบากเป็อย่างมากแต่เขากลับไม่รู้อะไรเลย

“แม่จ๊ะ ป้าสะใภ้บอกว่าเราต้องออกไปจากที่นี่ เป็นเรื่องจริงเหรอจ๊ะ” ซูเม่ยเอ่ยถาม ซีซวนและซีห่าวก็เดินเข้ามาในห้อง ซีห่าวรีบเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ในทันที

“ผมจะไปกับแม่” ซีห่าวกลัวว่าแม่จะทิ้งจึงกอดไว้แน่น ซิ่วอิงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน

“แน่นอน พวกเราจะไปด้วยกันทั้งหมด” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับยกมือเรียวลูบหัวเด็กน้อย

“เราจะย้ายบ้านเหรอจ๊ะแม่” ซูเม่ยเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย ถ้าเธอไม่ต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้อีกนับว่าเป็นเรื่องที่ดี

“ใช่ ต่อไปนี้จะย้ายไปอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน” ซิ่วอิงตอบด้วยรอยยิ้ม

“ยกของไปไว้ที่บ้านท้ายหมู่บ้าน” จางจื่อหานเอ่ยบอกลูกชายคนโตเสียงเรียบ ซีซวนเห็นสายตาของพ่อก็ไม่กล้าขัดรีบยกกล่องไม้ออกไปทันที

“เราจะไปอยู่บ้านร้างท้ายหมู่บ้านเหรอจ๊ะ” ซูเม่ยเอ่ยถาม

“ใช่ เราจะไปอยู่ที่นั่นก่อนเดี๋ยวค่อยให้พ่อไปยื่นเรื่องขอสร้างบ้าน” ซิ่วอิงเอ่ยตอบลูกสาว

“เหอะ จะมีเงินสร้างบ้านไหมเถอะ” เหมยลี่เดินเข้ามาพร้อมกับมองเหยียด

“ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ” ซิ่วอิงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ พูดกับคนบ้ามีแต่จะเหนื่อยซะเปล่า

“นี่ หึ อย่ากลับมาสร้างความเดือดร้อนให้บ้านนี้ก็แล้วกัน” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินออกจากห้องไปซิ่วอิงก็ไม่ได้สนใจ เธอสำรวจดูห้องเมื่อเห็นว่าเก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดีแล้วก็ยื่นมือไปให้ซีห่าวจับ

“ไปกันเถอะค่ะ” เธอเอ่ยบอกร่างสูงที่ถือกล่องไม้รออยู่ เขาพยักหน้าให้เธอเบาๆ กวาดตามองห้องและบ้านหลังนี้ที่เขาอาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็กเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะพาภรรยาและลูกเดินออกไป ต่อจากนี้เขาต้องทุ่มเทให้มากเพื่อที่ภรรยาและลูกของเขาจะได้ไม่ลำบาก

ห้าคนพ่อแม่ลูกเดินออกมาจากบ้านพ่อเฒ่าจางมุ่งหน้าไปยังท้ายหมู่บ้านท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่มองมาราวกับพวกเขากำลังเจอเรื่องสนุก ดูเหมือนว่าวันนี้พวกเขาจะได้หัวข้อนินทาใหม่เสียแล้ว นังปากร้ายสร้างปัญหาจนถูกแม่สามีไล่ออกจากบ้าน! จางจื่อหานไม่ได้สนใจว่าชาวบ้านมองเขาด้วยสายตาแบบไหนที่เขาสนใจคือภรรยาของเขาจะรู้สึกแย่หรือไม่ ซิ่วอิงเห็นสายตาของจางจื่อหานมองมาที่เธอด้วยความเป็นห่วงก็ขมวดคิ้วงุนงง เกิดอะไรขึ้น?

“บ้านนี้ไม่มีคนอยู่มานาน เก่าไปหน่อยวันนี้ผมจะซ่อมแซมมันให้เสร็จ” จางจื่อหานเอ่ยบอกภรรยา

“มันยังคงดูใช้ได้อยู่ คุณแค่ซ่อมหลังคาส่วนฉันกับลูกๆ จะทำความสะอาดแค่นี้ก็น่าจะอยู่ได้แล้วค่ะ” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเขาด้วยรอยยิ้ม จางจื่อหานไม่เคยเห็นรอยยิ้มภรรยาก็ชะงักไปครู่หนึ่งรอยยิ้มของเธอสว่างไสวราวกับแสงเทียนในความมืดมิด

“เอาตามที่คุณว่า” จางจื่อหานเอ่ยตอบภรรยา

“คุณรู้หรือเปล่าคะว่าขอสร้างที่อาศัยต้องใช้เวลานานเท่าไหร่” ซิ่วอิงเอ่ยถามพลางช่วยเด็กๆ ทำความสะอาดไปด้วย

“ปกติก็อาจสักสองสามปี อนุมัติแล้วก็ต้องรอวัสดุอีกอย่างเร็วสุดน่าจะหนึ่งปี” จางจื่อหานเอ่ยตอบภรรยาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนกว่าพูดกับคนอื่นอยู่หลายส่วน แม้แต่ลูกๆ ก็ไม่ได้รับน้ำเสียงแบบนี้

“นานเกินไป” ซิ่วอิงพึมพำแต่จางจื่อหานที่เป็นทหารหน่อยรบพิเศษเขาย่อมมีการได้ยินดีกว่าคนทั่วไป

“ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาทางจัดการเรื่องนี้” เขาเองก็ไม่อยากให้ภรรยาอยู่บ้านหลังเก่านัก ช่วงหน้าร้อนคงไม่เป็นไรแต่หากฤดูฝนและฤดูหนาวมาถึงคงจะลำบากเป็นอย่างมาก เขาต้องรีบหาทางแก้ไขปัญหานี้

“แม่คะ กวาดเสร็จแล้วฉันกับพี่จะไปทำงานแลกคะแนนก่อนนะคะ” ซูเม่ยเอ่ยบอกคนเป็นแม่

“ไปเถอะ อย่าลืมกลับมากินอาหารกลางวันด้วย” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเด็กๆ

“วันนี้เราสามารถกินอาหารได้อีกเหรอครับ” ซีห่าวเอ่ยถามซิ่วอิงตาแป๋ว ปกติย่าจะให้พวกเขากินอาหารแค่วันละหนึ่งมื้อแล้ววันนี้พวกเขาก็กินไปแล้วไม่คิดว่าจะยังสามารถกินได้อีก

“ได้สิ ตอนนี้เราแยกบ้านออกมาแล้วและพ่อก็กลับมาแล้วเราไม่จำเป็นต้องอดอาหารอีกต่อไป” ซิวอิงงกลัวว่าจางจื่อหานจะรู้สึกแย่ที่ถูกแม่เฒ่าตัดขาดเธอจึงให้เขารับรู้ด้วยว่าครอบครัวดีใจที่เขากลับมาและพวกเธอต้องการพึ่งพิงเขา อย่างไรผู้ชายยิ่งในยุคสมัยนี้มักมีความรู้สึกถึงการเป็นผู้นำหากเขารับรู้ได้ว่าเขาเป็นที่พึ่งพิงให้กับครอบครัวได้เขาจะรู้สึกผ่อนคลายลง

“คุณคะ กองทัพให้คุณย้ายงานจริงๆ เหรอคะ” ซิ่วอิงเอ่ยถามหลังจากบอกให้ซีห่าวไปเล่น

“ผมจะขอย้ายงาน” จางจื่อหานพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนเป็นอย่างมาก

“ทำไมล่ะคะ” ซิ่วอิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย ทำไมจู่ๆ เขาถึงขอย้ายงานล่ะ?

“…..” จางจื่อหานเม้มปากเงียบไม่ตอบแต่สายตามองเธออย่างอ่อนโยน

“แต่คุณกลับมาอยู่ที่นี่ก็ดีแล้วล่ะค่ะ ฉันกับลูกๆ ต้องการคุณ” เห็นเขาเงียบซิ่วอิงก็เดาได้ว่ามันคงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นดังนั้นเธอจึงไม่คาดคั้นและทำให้เขารู้สึกว่าเขาสำคัญมากแค่ไหนยิ่งตอนนี้เขาเพิ่งถูกแม่เฒ่าตัดขาดในใจเขาคงรู้สึกสับสนหลงทางไม่น้อย เธอต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่เขา

” อีกอย่างงานในกองทัพอันตรายมาก ฉันกลัวว่าคุณจะไม่ปลอดภัย” ซิ่วอิงยังคงพูดปลอบประโลมเขา หัวใจของจางจื่อหานเต้นแรงขึ้นความรู้สึกของการถูกใครสักคนห่วงใยเขาไม่เคยได้สัมผัส เขาโตมากับถูกคนเป็นแม่สอนว่าต้องเป็นลูกกตัญญูแม้ตัวเองจะเจ็บก็ไม่เป็นไรแต่พอเขาไปเป็นทหารทำให้เขาเรียนรู้จากเพื่อนในกองทัพว่าควรให้ความสำคัญกับภรรยาและลูกๆ หน้าที่ของลูกผู้ชายคือต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นที่พึ่งพิงให้กับภรรยาและลูก แต่ในวันนี้ที่เขาต้องเลือกเขาคิดว่าตัวเองกตัญญูต่อพ่อแม่มามากแล้วหลายปีกับการเสี่ยงชีวิตส่งเงินมาให้แม่ ละเลยต่อภรรยาเขาจึงคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาควรชดเชยช่วงเวลาที่ผ่านมาให้เธอ เป็นสามีที่ดี และเป็นพ่อที่ควรแก่การพึ่งพา

“ผมจะไปซ่อมหลังคา” เขาเอ่ยบอกเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม

“ให้ฉันช่วยนะคะ” ซิ่วอิงเอ่ยบอก เธอไม่อยากปล่อยให้ต้องเหน็ดเหนื่อยคนเดียว

“ไม่เป็นไร คุณพักเถอะ” จางจื่อหานปฏิเสธ เขาไม่ต้องการให้เธอเหนื่อย

“ช่วยกันจะได้เสร็จไวๆ ไงคะ” ซิ่วอิงยังคงยืนกราน

“ผมว่าคุณควรไปเตรียมอาหาร” จางจื่อหานหาทางหลีกเลี่ยง ข้านอแดดดร้อนเขากลัวผิวขาวๆ ดูบอบบางนั้นจะโดนแดดเผาเสียก่อน

“ก็ได้ค่ะ คุณระวังด้วยนะคะ” ซิ่วอิงยอมในที่สุดพร้อมกับกำชับให้เขาระมัดระวังก่อนที่เธอจะเดินไปก่อไฟที่ครัว วันนี้นอกจากธัญพืชแล้วเธอยังได้ไข่ไก่และผักมาบางส่วน อีกทั้งยังได้ไก่มาเลี้ยงอีกสองตัววันนี้เธอจึงคิดว่าจะทำไข่ผัดกุ้ยช่ายและน้ำแกงมะเขือ  และแพนเค้กแค่นี้ก็น่าจะพอ

เวลาผ่านไปสักพัก…..

“แม่ กลิ่นหอมจังเลยครับ” ซีห่าวเดินเข้ามาเกาะโต๊ะมองดูอาหารที่วางอยู่ด้วยดวงตาเป็นประกาย

“เดี๋ยวรอพ่อกับพี่ๆ ของลูกก่อน” ซิ่วอิงเอ่ยบอกลูกชาย เธอต้องสอนให้เขารู้ว่าหิวแค่ไหนก็ต้องรู้จักรอคนอื่นไม่ควรที่จะโลภกินเองคนเดียว

“เดี๋ยวผมจะไปตามพี่ๆ เอง” ซีห่าวอาสา ถ้าเขาไปตามพี่ๆ ก็จะได้รีบกลับมาเขาก็จะได้กินเร็วขึ้น

“ได้ ลูกต้องระมัดระวัง” ซิ่วอิงกำชับเธอกลัวว่าเขาจะรีบมากจนหกล้ม เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะวิ่งออกไปสวนทางกับจางจื่อหานที่เดินเข้าพอดี

“ซีห่าวไปตามพี่ๆ ของเขา” เธอเอ่ยบอก จางจื่อหานพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะมองอาหารบนโต๊ะ เธอทำอาหารเป็นด้วยเหรอ? อย่างไรก็ตามเจ้าของร่างขึ้นชื่อว่าเป็นคนปากร้ายและขี้เกียจเพราะงั้นการที่เธอทำอาหารออกมาได้ดูดีขนาดนี้มันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายอยู่มาก

“คุณหิวหรือยัง กินก่อนพวกเขาสิ” เธอกลัวว่าเขาจะเหนื่อยและหิวเกินไป อย่างไรก็ตามในยุคนี้พ่อแม่กินก่อนลูกกินทีหลังนับว่าเป็นเรื่องปกติถึงแม้ว่ามันจะสวนทางกับสิ่งที่เธอต้องการสอนลูกๆ ก็ตามเธออาจจะต้องอธิบายให้พวกเขาฟังในภายหลังว่าพ่อของพวกเขาทำงานหนักจึงหิวมากต้องกินก่อนและจะได้รีบไปทำงานต่อ และเธอต้องสอนถึงเวลาที่มีจำกัดทำให้บางครั้งอาจมีคนใดคนหนึ่งจำเป็นต้องกินก่อน

“ไม่เป็นไร รอพวกเขา” จางจื่อหานเอ่ย เขาไม่ได้หิวมากขนาดนั้นอย่างไรในเวลาปฏิบัติภารกิจเขาแทบไม่ได้กินอาหารเลยด้วยซ้ำเพียงแค่รอให้ลุกๆ กลับมานับว่าไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา ซิ่วอิงเห็นว่าเขาแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นที่ไม่สนใจจะรอภรรยาและลูกกินในใจเธอก็มีความพึงพอใจเพิ่มขึ้นในหลายส่วน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 8 บุกรุก!

    “เรื่องนี้อย่าให้พ่อของแกรู้” แม่เฒ่าจางเอ่ยบอกลูกชายคนโต แม้ว่าพ่อเฒ่าจางจะลำเอียงรักลูกชายคนโตแต่เขาก็มักจะไว้หน้าตัวเองเสมอไม่แสดงออกถึงความลำเอียงมากเกินไป วันนี้พ่อเฒ่าจางมัววแต่ไปพูดคุยกับเพื่อนฝูงทำให้ทั้งสามคนคิดวางแผนที่จะทำเรื่องนี้“คุณแม่คะ แล้วนังนั่นจะไม่ไปแจ้งสันติบาลเหรอคะ” เหมยลี่เองก็อยากได้เงินห้าร้อยหยวนแต่เธอก็กังวลไม่ได้ หากนังปากร้ายนั่นไปแจ้งสันติบาลหรือคณะกรรมการปฏิวัติพวกเธออาจจะถูกจับ“มีลูกสะใภ้ที่ไหนจะแจ้งจับแม่สามี” จะสามารถทำแบบนั้นได้ยังไง ไม่เคยมีสะใภ้คนไหนกล้าแจ้งจับแม่สามีแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่โดนทุบตีก็ตามมันถูกมองว่าเป็นปกติเว้นเสียแต่ว่าจะมีคนตาย“แต่มันแยกบ้านไปแล้วนะคะ” เหมยลี่ไม่แน่ใจว่าสามารถทำแบบนั้นได้ เธอไม่อยากถูกจับ“นี่สะใภ้ใหญ่ เธอกลายเป็นคนขี้ขลาดตั้งแต่เมื่อไหร่” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่สบอารมณ์“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะแม่” เหมยลี่ที่เห็นแม่สามีเริ่มไม่พอใจก็ไม่กล้าที่จะแย้งอีก ในใจก็แอบเห็นด้วยว่าจางจื่อหานคงไม่แจ้งจับแม่ตัวเองหรอก“แม่ครับ ผมว่าเราควรไปตอนที่มันออกไปทำงาน” เวลานั้นชาวบ้านจะออกไปทำงานแลกคะแนนกันหมดไม่มีใครอยู่บ้านถือว่าทางสะด

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 7 ใครว่านางปากร้ายขี้เกียจ?

    หลังจากที่จางจื่อหานกลับไปที่กองทัพซิ่วอิงก็ยังคงทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ เพียงแต่ตอนนี้เธอคิดว่าเธอควรเริ่มไม่ทำงานแลกแต้มไม่งั้นส่วนแบ่งอาหารเธอจะได้น้อยลงเธอตั้งใจแล้วว่าจะทำให้ลูกๆ ของเจ้าของร่างกินอิ่มและนอนหลับได้เต็มที่หากเธอไม่ไปทำงานเกรงว่าอาหารจะไม่พอ วันนี้ซิ่วอิงจึงตื่นตั้งแต่ตีห้ามาเตรียมอาหารเช้าเป็นแพนเค้กและไข่ผัดมะเขือเทศ ส่วนแบ่งอาหารตอนแยกบ้านได้มาเยอะพอสมควรประกอบกับที่จางจื่อชิงนำมาให้ทำให้พวกเขามีอาหารเพียงพอที่จะกินอิ่มท้อง“แม่ทำไมวันวันนี้ตื่นเช้าจัง” ซูเม่ยที่ตื่นขึ้นมาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ส่วนซีซวนทำเพียงเหลือบมองแล้วนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว“ตื่นมาทำอาหาร” ซิ่วอิงเอ่ยตอบ เด็กคนนี้จะหาว่าเธอตื่นสายเหรอ?“แม่แปลกไปมาก” ซูเม่ยพูดพร้อมกับกินอาหาร“รีบกินจะได้รีบไปทำงาน” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเด็กสาว“วันนี้แม่จะไปทำงานด้วยเหรอ” เธอเห็นการแต่งตัวของคนเป็นแม่ก็พอจะเดาได้“แน่นอน ตอนนี้เราแยกบ้านแล้วต้องทำงานแลกคะแนน” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม“เมื่อก่อนไม่เห็นจะทำ” ซีซวนพึมพำเบาๆ“เมื่อก่อนแม่แค่เห็นว่าต่อให้ทำเราก็ไม่ได้กินดีกว่าเดิมเหมือนทำแล้วให้คนอื่นได้กิน แต่ตอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 6 จากลา

    “แม่ ฉันกลับมาแล้ว” ซุเม่ยรีบวิ่เข้ามาชโะโงกหน้าดูอาหารบนโต๊ะดวงทาของเธอวาววับ ซีซวนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อแต่ซิ่วอิงแอบเห็นว่าตอนที่มองอาหารดวงตาของเขาเป็นประกายไม่น้อย เด็กก็คือเด็กสินะ“ล้างมือหรือยัง” ซิ่วอิงเอ่ยถามเด็กๆ“แม่ไม่ต้องห่วง พวกฉันล้างเรียบร้อยแล้ว” ซีห่าวพูดพร้อมกับชูสองมือให้แม่ของตัวเองดู“งั้นรีบมากินเถอะ พ่อเขารอนานแล้ว” ซิ่วอิงรีบบอกเด็กๆ จากนั้นทั้งห้าคนก็ลงมือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย“แพนเค้กนี้อร่อยมาก ไข่ผัดกุ้ยช่ายนี่ก็เหมือนกันฉันไม่เคยเคยกินอะไรแบบนี้มาก่อน” คำพูดไร้เดียงสาของลูกสาวไม่ต่างจากเข็มนับพันที่ทิ่มลงที่ใจของผู้เป็นพ่อ ริมฝีปากหนาขบเม้มจนเลือดห่อจนกระทั่งมีมือเรียวมาจับมือข้างที่เขาวางไว้บนขา จางจื่อหานหันไปมองไปใบหน้าของภรรยาเธอยกยิ้มบางๆ ให้เขาดูอบอุ่นและอ่อนโยนหัวใจของเขารู้สึกผ่อนคลายลง“พ่อกลับมาแล้วต่อไปนี้พวกเราจะได้กินแต่ของอร่อย” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับคีบอาหารให้กับซีห่าวตัวน้อย“ห่าวห่าว เวลาผู้ใหญ่ให้ของต้องพูดว่ายังไง” ซิ่วอิงพูดกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเธอต้องค่อยๆ สอนเขา“ขอบคุณครับแม่” ซีห่าวเอ่ยขอบคุณพ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 5 ย้ายบ้าน

    จางจื่อหานพาซิ่วอิงกลับมาเก็บสองที่ห้อง สองสามีภรรยาช่วยกันเก็บของใส่กล่องไม้ยิ่งเก็บข้าวของจื่อหานก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ภรรยาและลูกๆ ของเขามีเพียงเสื้อผ้าเก่าๆ ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ของทั้งห้องมีแค่สองกล่องไม้ เขารู้สึกล้มเหลวในฐานะสามีและพ่อโดยสมบูรณ์ ดวงตาสีเข้มมองไปที่ภรรยาอย่างรู้สึกผิดเมื่อก่อนเธอและลูกๆ ต้องลำบากเป็อย่างมากแต่เขากลับไม่รู้อะไรเลย“แม่จ๊ะ ป้าสะใภ้บอกว่าเราต้องออกไปจากที่นี่ เป็นเรื่องจริงเหรอจ๊ะ” ซูเม่ยเอ่ยถาม ซีซวนและซีห่าวก็เดินเข้ามาในห้อง ซีห่าวรีบเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ในทันที“ผมจะไปกับแม่” ซีห่าวกลัวว่าแม่จะทิ้งจึงกอดไว้แน่น ซิ่วอิงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน“แน่นอน พวกเราจะไปด้วยกันทั้งหมด” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับยกมือเรียวลูบหัวเด็กน้อย“เราจะย้ายบ้านเหรอจ๊ะแม่” ซูเม่ยเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย ถ้าเธอไม่ต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้อีกนับว่าเป็นเรื่องที่ดี“ใช่ ต่อไปนี้จะย้ายไปอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน” ซิ่วอิงตอบด้วยรอยยิ้ม“ยกของไปไว้ที่บ้านท้ายหมู่บ้าน” จางจื่อหานเอ่ยบอกลูกชายคนโตเสียงเรียบ ซีซวนเห็นสายตาของพ่อก็ไม่กล้าขัดรีบยกกล่องไม้ออกไปทันที“เราจะไปอยู่บ้านร้างท้ายหม

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 4 ตัดขาด

    “นี่แก แก อั๊ยหยาชีวิตฉันทำไมถึงโชคร้ายแบบนี้มีลูกชายก็ไม่เชื่อฟัง ลูกสะใภ้ก็อกตัญญู” แม่เฒ่าจางเริ่มเล่นละครร้องห่มร้องไห้ตัดพ้อชะตาชีวิตตัวเอง“แม่ว่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ไม่?” ซิ่วอิงเอ่ยถามด้วยใบหน้าใสซื่อ“ฉันด่าเธอนั่นแหละ” แม่เฒ่าจางมองค้อนทันที“โอ้ งั้นเหรอ” ซิ่วอิงยกยิ้มแบบไม่ใส่ใจ“แก เจ้าเล็กดูเมียของลูกสิ เธอต้องการทำให้แม่ปวดใจตาย” แม่เฒ่าจางเอ่ยกับลูกชายหวังให้ลูกชายหย่ากับภรรยา“แม่ เรามาตกลงกันดีๆ เถอะ ผมจะแยกบ้านแม่ควรแบ่งเงินที่เราควรจะได้” จางจื่อหานไม่สนใจการแสดงของแม่เฒ่า“นี่ลูก” แม่เฒ่าจางพูดไม่ออก เธอรู้สึกเหมือนสูญเสียลูกชายที่เชื่อฟังไปแล้ว“เอาล่ะ พอกันได้แล้ว เจ้าเล็กจะแยกบ้านเราควรมอบเงินให้เขา” พ่อเฒ่าจางพูดออกมาในที่สุด หากเขายังปล่อยให้ภรรยาดื้อรั้นต่อไปลูกสะใภ้คนรองอาจจะไปคณะกรรมการปฏิวัติจริงๆ ถึงตอนนี้เราทุกคนจะมีความผิด“ไม่มีเงินแล้ว” แม่เฒ่าจางยังคงยืนกราน“ไปเอาออกมา ร้อยหยวนหรือสองร้อยหยวนนำมันออกมา” พ่อเฒ่าจางพูดเสียงแข็ง“ฉันจะไปมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไง ให้พวกเขายี่สิบหยวนก็พอนี่ถือว่ามากที่สุดแล้ว” แม่เฒ่าจางไม่ยินยอมที่จะเสียเงินจำนวนมากไป“จ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 3 สิ่งที่ได้รู้

    แม่เฒ่าจางนั่งกำตะเกียบจ้องมองไปยังครอบครัวของลูกชายคนรองด้วยสายตาไม่ค่อยจะพอใจ เธอไม่ชอบที่จะเห็นนังปากร้ายกับลูกๆ กินอาหารบนโต๊ะอย่างมีความสุข ถ้าไม่ใช่ว่าสามีต้องการไว้หน้าลูกชายคนเล็กเธอคงไล่พวกมันไปแล้ว เมื่อวานขโมยไข่เธอไปวันนี้ยังมีหน้ามากินอาหารอีก ยิ่งคิดเธอยิ่งโมโห!“นี่เจ้าเล็ก” ในที่สุดแม่เฒ่าจางก็ทนไม่ไหวที่จะสั่งสอนลูกชาย“แม่กินข้าวเถอะ” จางจื่อหานบอกผู้เป็นแม่แล้วคีบอาหารให้ภรรยา ซิ่วอิงเงยหน้ามองเขา“กิน” จางจื่อหานเอ่ยบอกเธอก่อนจะคีบอาหารของตนเองเข้าปาก“นี่แกยังเห็นหัวแม่คนนี้อยู่ไหม” แม่เฒ่าจางเริ่มโมโหที่ลูกชายคนเล็กไม่สนใจเธอ“นี่น้องชาย ทำไมถึงเมินแม่แบบนี้” จางจื่อซวานอดไม่ได้ที่จะสั่งสอนเขา“พี่ใหญ่คิดมากไป” จางจื่อหานเอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบ เขาไม่ได้เมินแม่แค่ต้องก่อนกินข้าวให้เรียบร้อยก่อนพูดคุย“น้องสามีไม่ได้อยู่บ้านดูแลแม่กลับมาก็ทำตัวห่างเหินแบบนี้มันใช้ไม่ได้” เหมยลี่พูดขึ้น“สะใภ้ใหญ่พูดถูก งั้นคุณควรกลับบ้านมาดูแลพ่อแม่” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นบ้าง ทั้งๆ ที่จางจื่อหานส่งเงินมาให้พวกเขาใช้จ่ายยังจะบอกว่าเขาไม่ได้ดูแลพ่อแม่อีก“นี่ นี่” สะใภ้ใหญ่เหมยลี่พูดไม่ออก“

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status