หน้าหลัก / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80) / บทที่ 12 ไม่ใช่ญาติก็ไม่ต้องมายุ่ง

แชร์

บทที่ 12 ไม่ใช่ญาติก็ไม่ต้องมายุ่ง

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-22 09:22:09

บทที่ 12 ไม่ใช่ญาติก็ไม่ต้องมายุ่ง

ฟางเจียวเหมยที่เวลานี้แต่งตัวให้ลูกน้อยเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ตอบกลับมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เสี่ยวเหลียนเห็นเครื่องบดมืออันนั้นไหมเล่า” หญิงสาวชี้ไปยังเครื่องบดมือที่เธอเอาออกมาจากมิติมาเตรียมไว้เพื่อบดข้าวให้ลูกกิน

“อันนี้ใช่ไหมคะ แล้วมันจะบดอาหารได้จริง ๆ เหรอคะ”

หลี่เหว่ยเหลียนหันมาตามที่พี่สะใภ้ชี้ให้ดูก่อนจะหยิบมันขึ้นมา เพราะน้ำหนักมันเบามากจึงแปลกใจว่าเจ้าเครื่องนี้มันสามารถบดอาหารให้ละเอียดได้ด้วยเหรอ

“ใช่แล้ว ส่วนบดได้จริงไหม เสี่ยวเหลียนมาช่วยฉันอุ้มสองแฝดหน่อย แม่ด้วยนะคะ เดี๋ยวฉันจะทำให้ดูว่าเครื่องนี้มีประสิทธิภาพอย่างไรบ้าง ช่วงกลางวันแม่จะได้ทำให้สองแฝดกินตอนฉันไม่อยู่” ฟางเจียวเหมยตอบกลับเมื่อทั้งสองมารับลูกไปแล้ว เธอก็สาธิตให้แม่และน้องสามีดูว่าเครื่องบดอาหารแบบนี้มีวิธีใช้อย่างไร

ทั้งสองแม่ลูกต่างมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพราะไม่เคยเห็นเครื่องบดอาหารแบบนี้มาก่อน ถึงจะเครื่องเล็ก ๆ แต่บดได้ละเอียดในเวลาเพียงไม่นานเลย

หลังจากที่บดอาหารให้ลูกน้องทั้งสองคนเสร็จแล้ว เธอก็บอกแม่กับน้องสามีให้กินอาหารก่อน ส่วนของเจ้าสองแฝดเธอจะป้อนเอง แม้ว่าจะไม่มีเก้าอี้เด็กสำหรับป้อนอาหารเหมือนยุคปัจจุบัน แต่เพราะหลายเดือนก่อน ที่หลี่อี้ข่ายกลับมา ชายหนุ่มทำเก้าอี้ไว้ให้ลูกสองตัว หญิงสาวจึงเอาผ้ามาวางทับซ้อน ๆ กัน แล้วหาผ้าผืนยาว ๆ มาผูกลูกติดกับเก้าอี้ไว้หลวม ๆ เพราะกลัวว่าเด็กน้อยจะดิ้นจนตกมานั่นเอง

แม้จะไม่เคยมีลูกมาก่อน แต่ว่าเธอทำทุกอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย อาจจะเพราะมีสัญชาตญาณความเป็นแม่จากร่างนี้ที่แม้จะร้ายกาจแค่ไหนแต่ก็รักลูกมาก

“เดี๋ยวแม่กับเสี่ยวเหลียนเช็ดคราบอาหารของอาหมิงและหนิงหนิงเอง เจียวเหมยรีบไปกินข้าวก่อนเถอะ วันนี้จะเข้าเมืองไม่ใช่เหรอ” หงหนิงชุนที่กินข้าวเสร็จแล้วก็เอ่ยกับลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ขอบคุณมากนะคะแม่” ฟางเจียวเหมยตอบกลับอย่างอ่อนโยนเช่นกัน ก่อนจะหันมายิ้มให้กับลูกน้อยทั้งสองแล้วเดินไปยังหน้าห้องเพื่อกินอาหารมื้อเช้าที่ได้ทำไว้ก่อนหน้านี้

 หลังจากกินอาหารมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน โดยไม่ลืมกำชับให้แม่และน้องสาวของสามีให้ใส่ชุดใหม่ด้วยเหมือนกัน

“ฉันไปในเมืองนะคะแม่ แล้วแม่กับเสี่ยวเหลียนอย่าลืมใส่เสื้อผ้าใหม่ ๆ ที่ฉันซื้อมาให้นะ และทำทุกอย่างตามที่ฉันเคยบอกไว้”

“จ้ะ แม่เข้าใจแล้ว ระวังตัวด้วยนะเจียวเหมย” หงหนิงชุนพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะบอกด้วยความเป็นห่วง

“ค่ะ ฉันไปนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็เดินออกจากห้องไป

ส่วนทางด้านบ้านฟาง ฟางหลู่เฉินก็ใส่เสื้อผ้าใหม่ที่น้องสาวซื้อให้ด้วยเหมือนกัน แม้ว่าจะเสียดายและกลัวว่าจะเปื้อนตอนทำงานก็ตาม แต่เพราะชายหนุ่มทำงานแปลงเดียวกับลูกชายและหลานชายบ้านใหญ่หลี่ เขาจึงตัดสินใจใส่และเริ่มทำตามแผนของฟางเจียวเหมย

แต่ทว่ากลับโดนแม่เลี้ยงเอ่ยขัดอีกแล้ว

“เสื้อผ้าใหม่และสะอาดแบบนั้น ทำไมไม่เอามาให้พ่อใส่สักตัวหรือ ไม่ก็เอาไปขาย คงได้เงินไม่น้อย ดีกว่าเอามาใส่ลงแปลงนาแบบนี้เสียดายของแย่”

ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่สนใจ เพราะไม่อยากทะเลาะด้วย เลยเอ่ยบอกพ่อเพียงไม่กี่คำเท่านั้น “ผมไปทำงานก่อนนะครับพ่อ” พูดจบฟางหลู่เฉินก็เดินออกมาทันที โดยไม่สนใจพ่อและแม่เลี้ยงรวมถึงลู่อันเซียนลูกสาวของแม่เลี้ยงที่มองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ

เมื่อเดินออกมาจากบ้านก็เจอเข้ากับคำทักทายของชาวบ้าน ซึ่งมีทั้งยิ้มแย้มทักทายอย่างมีไมตรี มีทั้งจำพวกที่ขี้อิจฉาและชอบจิกกัดเมื่อเห็นชายหนุ่มใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ ชายหนุ่มเดินออกมาได้ไม่นานก็พบกับหลี่เหว่ยเหลียนที่อุ้มหลานสาวมาด้วยเรียกเขาเอาไว้

“พี่หลู่เฉิน แม่ให้มาตามไปกินมื้อเช้าน่ะ พี่สะใภ้ทำอาหารไว้แล้วก่อนเข้าเมือง” เด็กสาวบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะก้มมองหลานสาวที่สอดส่องสายตามองไปทั่วเพราะเพิ่งได้มีโอกาสออกมาเที่ยวข้างนอกห้อง

“อ้าว เสี่ยวเหลียนเองเหรอ ขอบใจมาก แล้วนี่เจียวเหมยไปแล้วเหรอ” ชายหนุ่มแกล้งลืมว่าต้องไปกินมื้อเช้าที่บ้านสามหลี่ตามที่น้องสาวได้กำชับไว้เมื่อคืนเพราะความเกรงใจ แต่ไม่คิดว่าหลี่เหว่ยเหลียนจะมาตามคล้ายกับรู้ว่าเขาจะไม่ไป

“ไปแล้วค่ะ หนิงหนิงให้ลุงใหญ่อุ้มหน่อยไหม ลุงใหญ่ใส่ชุดใหม่แล้ว”

หลี่เหว่ยเหลียนตอบกลับชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยบอกหลานสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เพราะเมื่อวานพี่ชายบ้านฟางไม่ยอมอุ้มหลานทั้งสองคนเพราะเห็นว่าชุดเปื้อนฝุ่นจากการทำงานและขึ้นเขามา วันนี้เมื่อเห็นอีกฝ่ายใส่ชุดใหม่ จึงเอ่ยขึ้นคล้ายกับกำลังพูดคุยกับหลานสาว เด็กน้อยก็เหมือนรู้เรื่องด้วยการยิ้มกว้างออกมาและยื่นมือน้อย ๆ ไปทางชายหนุ่มเป็นการตอบรับ

“ส่งหลานมาให้พี่เลย”

ชายหนุ่มรู้ความหมายของเด็กสาว จึงยื่นมือเข้ามาอุ้มหลี่หนิงตัวน้อยมาแนบอก “เป็นยังไงบ้าง หนิงหนิงของลุง” พอได้อุ้มหลานสาวเท่านั้น ชายหนุ่มก็เปลี่ยนแววตาเรียบนิ่งเป็นอบอุ่นและอ่อนโยนทันที ก่อนจะพยักหน้าให้หลี่เหว่ยเหลียนเพื่อพากันเดินไปยังบ้านสามหลี่

กลับมาทางด้านของฟางเจียวเหมย หลังจากเดินออกมาจากบ้าน ครั้งนี้หญิงสาวเลือกที่จะขึ้นเกวียนเข้าไปในเมืองเพราะกลัวว่าจะเจอชาวบ้าน เนื่องจากเวลานี้ยังเช้าอยู่มาก จึงไม่สะดวกที่จะหลบเอาจักรยานออกมา แต่เพราะเธอขึ้นชื่อว่าเป็นสะใภ้ร้ายกาจของบ้านหลี่และหญิงสาวร้ายกาจแห่งบ้านฟาง เลยทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครอยากจะเสวนาหรือคุยด้วย มีแต่เพียงนินทาและพูดกระทบกระทั่งมาตามลมเท่านั้น

“โอ๊ะ!! วันนี้สะใภ้บ้านสามหลี่เข้าเมืองอีกแล้วเหรอเนี่ย สงสารแต่อาข่ายที่ไปทำงานต่างเมืองเพื่อส่งเงินมาให้เมียถลุงเล่น”

นางหลันจีบปากจีบคอพูดขึ้นมาเพราะไม่ชอบฟางเจียวเหมย

เนื่อง จากหล่อนหวังจะให้ลูกสาวแต่งเข้าบ้านสามหลี่เพราะมั่นใจว่าหาก

ลูกของหล่อนแต่งเข้าไปแล้วจะสามารถทำให้หลี่อี้ข่ายแยกบ้านได้นั่นเอง แล้วเงินเดือนของเขาก็จะเป็นของลูกสาวหล่อน แต่ทุกอย่างก็พังลงมาไม่เป็นท่าเพราะหญิงร้ายกาจคนนี้มาสร้างเรื่องน่าอับอายจนหลี่อี้ข่ายต้องแต่งเข้าบ้านสามหลี่ ลูกสาวนางเลยยังไม่ได้แต่งจนถึงทุกวันนี้

“ต่อให้ฉันจะถลุงเงินที่สามีส่งมาให้จนหมด แล้วป้ามาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ญาติก็ไม่ใช่ คนรู้จักฉันก็ว่าไม่น่าจะใช่เหมือนกัน แบบนี้เขาเรียกว่า....” ฟางเจียวเหมยยังคงเชิดหน้าตอบตามแบบฉบับนางร้ายประจำหมู่บ้าน มือทั้งสองข้างกอดอกก่อนจะกวาดสายตามองอย่างเหยียด ๆ

“เอ๊ะนังนี่ ฉันแค่เตือนหล่อนเท่านั้น อาข่ายทำงานอย่างหนักกว่าจะได้เงินมา แทนที่หล่อนจะช่วยประหยัด แต่นี่อะไร วัน ๆ เอาแต่คอยถลุงเงินเล่น หรือว่าตกน้ำจนเกือบตายในวันนั้นไม่ทำให้คิดได้เลยหรืออย่างไร”

นางหลันไม่วายจะยกเรื่องที่ฟางเจียวเหมยตกน้ำในวันนั้นออกมาพูด เพราะเชื่อว่าวันนั้นไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ที่ลูกสาวตัวเองและหลี่เชี่ยนหยู่ลูกสาวคนเล็กของซ่งเจียฮุยวางแผนผลักลูกสะใภ้บ้านสามตกน้ำ หากวันนั้นไม่มีชาวบ้านที่มาซักผ้าที่ริมน้ำ ป่านนี้หญิงร้ายกาจคนนี้คงตายไปแล้ว

โดยไม่รู้เลยว่าหล่อนนั้นคาดการณ์ถูกต้อง เพราะฟางเจียวเหมยคนก่อนได้ตายไปแล้วจริง ๆ ซึ่งคนที่อยู่ตรงหน้าหล่อนในเวลานี้คือหญิงสาวที่มาจากอนาคตอย่างไรล่ะ

“ก็พูดอยู่นี่ไงว่าป้าเกี่ยวอะไรด้วย ต่อให้ฉันจะใช้เงินที่ ผ สระ อัว ผัว ฉันส่งมาให้จนหมด มันก็ไม่หนักหัวใคร เพราะนี่มันคือเรื่องของครอบครัวบ้านสามหลี่ แม่สามียังไม่พูด แล้วป้ายุ่งด้วยทำไม หรือว่ายังคิดที่จะให้พี่อี้ข่ายแต่งเข้าบ้านป้า” ฟางเจียวเหมยจีบปากจีบคอพูด พร้อมกับนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าตามความทรงจำของร่างเดิม

เมื่อโดนเด็กรุ่นลูกเอาความจริงตอกหน้ากลับมาแบบนี้ นางหลันจึงเงียบปากตัวเองอย่างทันที ไม่นานเกวียนประจำหมู่บ้านก็มาถึง ชาวบ้านและเหล่าเด็กนักเรียนต่างก็ทยอยขึ้นเกวียนทันที

การที่ต้องนั่งเกวียนแบบนี้ ฟางเจียวเหมยนึกถึงรถประจำทางในยุคอนาคตที่เธอจากมา หากเธอสามารถหาทุนได้เยอะ การจะทำกิจการเดินรถก็น่าสนใจเหมือนกัน!!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม

    บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม“แล้วถ้าเป็นหยกล่ะ เธอมีราคาในใจหรือเปล่า” กงเฉินเสวียนพูดสวนขึ้นมา ‘ในเมื่อสิบสองก้อนล้วนแต่ผ่าออกมาเป็นหยกทั้งนั้น แล้วก้อนใหญ่จะไม่ใช่หยกได้อย่างไร และถ้าเป็นหยกจักรพรรดิขึ้นมา ราคาของมันจะอยู่ที่หลายสิบล้านหยวน ซึ่งถ้าเขาสามารถขอซื้อมาได้ นั่นก็หมายความว่า หญิงสาวคนนี้จะสร้างเม็ดเงินให้เขาได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว’ เขาคิดคำนวณในใจพร้อมกับรอคำตอบฟางเจียวเหมยนั้นยังไม่ตอบ แต่หันมาสบตากับสามีอีกครั้งเพื่อขอปรึกษา เนื่องจากเธอเองก็ไม่รู้ค่าของเงินในยุคนี้เท่าไรนัก ถ้าถามว่าเธออยากได้เงินมากหรือไม่นั้น ก็ตอบได้เลยว่าอยากได้ เนื่องจากเธอคิดจะทำธุรกิจมากมาย แต่สิ่งที่เธอขาดอย่างเดียวก็คือเงิน ต่อให้จะขายหยกก่อนหน้านี้ไปแล้ว มันก็ได้แค่ไม่กี่แสนหยวนเท่านั้น มันยังไม่เพียงพอตามที่เธอต้องการ“ราคาในใจฉันมีอยู่แล้วค่ะ อยู่ที่ว่านายท่านกงจะสู้ราคาฉันไว้หรือเปล่า” ฟางเจียวเหมยมองสบตากับสามีครู่หนึ่ง เมื่อเขายิ้มให้เธอจึงหันกลับมาตอบ นั่นจึงทำให้นายท่านกงอมยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ“ถ้าอย่างนั้นเธอให้เขาผ่าหินก้อนนี้เลยดีหรือไม่ เราจะได้มาดูกันว่าด้านในเป็นอะไร เมื่อ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาล

    บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาลเจ้าของร้านมองก้อนหินที่หญิงสาวชี้แล้วได้แต่แปลกใจเนื่องจากหินก้อนนี้วางอยู่ที่ร้านมานานแล้วแต่ไม่เคยมีใครสนใจเลย ซึ่งเขาเองก็คิดว่าหินก้อนนี้มันเป็นเพียงหินธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งมันยังดูเกะกะอีกด้วย แต่ก็ยังโก่งราคาตามแบบพ่อค่า“ฉันขายให้หนึ่งพันหยวน” พ่อค้าบอกราคาขึ้นมา“ตกลงฉันซื้อในราคาหนึ่งพันหยวน และเอาหินก้อนนี้ นี่ด้วย” ฟางเจียวเหมยตอบกลับอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเลือกหินที่เธอต้องการ ซึ่งในก้อนเล็กพวกนี้มีหยกจักรพรรดิถึงสามก้อน ยังไม่รวมก้อนใหญ่ก้อนนั้น ส่วนก้อนอื่น ๆ เป็นหยกสีเขียวซึ่งราคาก็แพงอยู่พอสมควรนี่จึงทำให้เจ้าของร้านและคนที่ยืนอยู่บริเวณนี้ต่างก็หน้าเปลี่ยนสี ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะบ้าถึงขนาดซื้อก้อนหินก้อนโตที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะมีหยกอยู่ด้านใน แถมราคาที่เธอซื้อนั้นก็แพงมากด้วยเวลานี้ทั้งพ่อค้าและคนที่มาเสี่ยงโชคหาซื้อหยกต่างก็มารุมล้อมร้านนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนของนายท่านกงอยู่ด้วย เพราะต้องการมาดูสินค้าให้กับเจ้านาย ขนาดชายคนนี้อยู่วงการค้าหยกมานาน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครตัดสินใจแบบนี้มาก่อน เขาจึงยืนมองดูสถานการณ์อย่างสนใจ“ทั้งหมดสองพันสอง

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 29 ตลาดค้าหยก

    บทที่ 29 ตลาดค้าหยกเมื่อได้รับคำที่สนับสนุนตนเองจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงมีความมั่นใจมากขึ้นและจะตั้งใจทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ภรรยาผิดหวัง“เรื่องราวเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ แล้วเถ้าแก่เฉาเป็นหนี้คนพวกนั้นเท่าไร” ชายหนุ่มเอ่ยถามทันที“ฉันกู้ยืมเงินคนพวกนั้นหลายเดือนแล้ว ฉันเองก็จ่ายดอกเบี้ยตรงมาทุกเดือนแต่ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนั้นถึงมาทวงโดยบอกว่าฉันไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยเลย พอฉันโต้แย้งไปเขาก็ไม่พอใจและพังร้านจนเละไปหมด แล้วบอกว่าฉันต้องคืนเงินทั้งหมดภายในสามวัน ไม่อย่างนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัยของคนในบ้าน เงินตั้งสี่หมื่นหยวน ฉันจะเอามาจากไหนมาคืนในเวลาแค่สามวัน ต่อให้ขายร้านก็ไม่พออยู่ดี” เถ้าแก่เฉาพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา ก่อนจะมองหลี่อี้ข่ายกับสหายอีกสามคนด้วยสายตาที่สงสัย ว่าทำไมอยู่ดี ๆ คนงานของร้านเถ้าแก่เฉินต่างก็ดูเปลี่ยนไป แถมยังใส่เสื้อผ้าใหม่ดูจะมีราคาอีกด้วยหลี่อี้ข่ายได้ฟังก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมเจ้าหนี้ของเถ้าแก่เฉาถึงได้มาทวงเงินเอาวันนี้ ซึ่งทุกคนก็คิดเหมือนกัน“หรือว่า...” ฉีฮุ่ยพูดขึ้น ก่อนจะหันมามองหน้าสหายอีกสามคน “ฉันคิดว่าใช่นะ อย่าลืมสิว่าฉันประกา

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่

    บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่หลังจากฟังเรื่องราวทุกอย่างจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงโน้มตัวคว้าร่างของภรรยาเข้ามากอดไว้แน่น เหมือนเขากลัวจะสูญเสียเธอไปจริงๆ ภายในใจนั้นรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจปกป้องเธอและทุกคนในครอบครัวได้“พี่ขอโทษนะเจียวเหมย ที่ไม่อาจปกป้องน้องและทุกคนได้ เลยทำให้น้องและทุกคนต้องเจอกับความลำบากมากมายกับบ้านใหญ่ และขอบคุณน้องมากที่ดูแลแม่และทุกคนจนหลุดพ้นจากที่นั่นออกมาได้ ขอบคุณจริง ๆ”หลี่อี้ข่ายกอดภรรยาไว้แน่นแล้วเอ่ยขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิด“ไม่ต้องขอบคุณแล้วค่ะ แล้วก็อย่าคิดมากเลยนะคะ อย่างไรเราก็คือสามีภรรยาและครอบครัวเดียวกัน ตอนนี้ฉันซื้อบ้านและพาพี่ใหญ่ฉันมาอยู่ด้วยนะ พี่จะว่าอะไรไหม”ฟางเจียวเหมยบอกถึงเรื่องที่เธอซื้อบ้านและให้พี่ชายมาอยู่บ้านเดียวกันให้สามีฟัง“พี่ภรรยาก็คือครอบครัวเรา อย่าคิดมากเลยนะ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลฟางเจียวเหมยยิ้มกว้าง ในใจนั้นคิดไม่ผิดที่บอกความลับแก่สามีและสาเหตุหลักที่เธอบอก เพราะหากเธอต้องส่งสินค้าให้คู่ค้าตอนอยู่ที่เมืองนี้ เธอจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างที่ชวนปวดหัวให้กับสามี การที่หลี่อี้ข่ายรับรู้เรื่องมิติของ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด

    บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด“พี่อี้ข่าย พี่อี้ข่ายฟังฉันอยู่ไหมคะ” ฟางเจียวเหมยขยับตัวมาใกล้ ๆ แล้วเรียกพร้อมกับโบกมือไปตรงหน้าสามีที่ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างแปลกใจ“เอ่อ..คะ ครับ พี่จะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ครับ” หลี่อี้ข่ายได้เรียกสติตัวเองกลับมาก็ตอบอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนู มีการผลักประตูห้องน้ำเข้าไปด้วย ทั้งที่หน้าห้องเขียนไว้ว่า ‘โปรดดึง’“น่ารักเหมือนกันแฮะ” ฟางเจียวเหมยมองภาพนั้นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ในใจนั้นคิดว่าสามีคนนี้น่ารักน่าแกล้งดีเหมือนกัน แต่พอก้มมองชุดนอนที่ตัวเองใส่ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมสามีถึงหน้าแดงและยืนตัวแข็งทื่อแบบนั้น จากนั้นก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์ พร้อมกับพูดออกมาว่า “โป้แล้วไง ใส่ให้สามีมองนะไม่ใช่ใส่ให้คนอื่นมองสักหน่อย”แต่พอหลี่อี้ข่ายออกมาจากห้องน้ำเท่านั้น เธอถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเพราะรูปร่างกำยำที่เย้ายวนใจของเขา“เอ่อ...พี่ไม่ใส่เสื้อผ้าหน่อยเหรอ” ฟางเจียวเหมยเอ่ยถามเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าสามีเดินขึ้นมานอนบนเตียงด้วยร่างกายที่ไม่ต่างกับเปล่าเปลือย เพราะเขามีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอวไว้เท่านั้น“ใส่ทำไมล่ะ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟาง

    บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟางฟางเจียวเหมยเห็นท่าทางของพนักงานคนหนึ่งก็เข้าใจทันทีว่าต่อให้เธอและสามีแจ้งความก็ไม่สามารถเอาผิดคุณหนูเฉินได้ แต่เธอเป็นแม่ค้าย่อมไม่ยอมเสียเปรียบแน่ อย่างนี้ต้องหาทางเอาคืนอย่างสาสม อย่าลืมสิว่าเธอคือโกดังเคลื่อนที่ การที่จะหาคู่ค้าจากเมืองนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ก่อนจะเดินมากระซิบบางอย่างข้างหูสามี ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าตาม เขาเองก็ไม่อยากทำร้ายสหายในร้านเหมือนกัน เขาเชื่อเต็มร้อยว่าสหายไม่ใช่คนที่เอาพัสดุของเขาไป แต่อาจจะเป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น“ว่าแต่พี่ลาออกได้เลยใช่ไหม เราจะได้ไปหาโรงแรมที่พักกัน ฉันลงรถไฟมาก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย ตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก” ฟางเจียวเหมยพูดกับสามีด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เรื่องเอาคืนผู้หญิงคนนี้นั้นเธอคิดในใจไว้แล้ว อย่างไรวันนี้ก็พักเอาแรงก่อนดีกว่า“ครับ พี่ลาออกได้เลย เดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันนะ พี่ขอไปเก็บของก่อน” ชายหนุ่มตอบกลับภรรยาทันทีและเตรียมหมุนตัวออกไปจากร้านเพื่อจะไปที่พักเก็บของ แต่ทว่าฟางเจียวเหมยกลับห้ามไว้เสียก่อน“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่อี้ข่าย ของที่พี่มีมันคงเก่าหมดแล้ว ฉันได้เตรียมเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วล่ะ ของที่มีอยู่ที่นี

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status