“อุ๊ย!ดับสิๆ คอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะจัดการกับนังเด็กคนนี้ยังไง!”
แม่เฒ่าเซี่ยงยังคงสาปแช่งต่อไป
พลังการต่อสู้นั้นน่าทึ่งมาก แต่สองหมัดจะสู้สี่มือได้อย่างไร และเศษเงินอัดในกระเป๋าก็ถูกนางเซี่ยงแย่งเอาไปทั้งหมดแล้ว
โดยที่ซูหวั่นได้เฝ้ามองสถานการณ์นี้ตั้งแต่ต้นจนจบ
นางกระตุกมุมปากขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน โดยที่นึกตลกขึ้นมาในใจว่า คนชั่วก็ต้องให้คนชั่วจัดการกันเองสินะ
ประโยคนี้ช่างสมเหตุสมผลเสียจริงๆ
ในฐานะลูกสะใภ้ นางหลี่ก็ได้เข้าไปช่วยห้ามด้วยเช่นกัน แต่ก็ถูกตบกลับมาสองสามฉาดแทน เดิมทีซูหวั่นก็คิดอยากจะเข้าไปช่วยนาง แต่คิดไปคิดมานางก็หยุดฝีเท้าลง
เพราะเห็นว่าการดับไฟค่อนข้างจะตึงเครียดมากยิ่งกว่า
แม้ว่านางจะจุดไฟ แต่นางก็ไม่อยากจะเผาบ้านให้มอดไหม้ไปหรอกนะ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วนาง แม่ และน้องชายจะไปอยู่ที่ไหนได้?
“ปัง!”
หมู่บ้านซีสุ่ยมีขนาดไม่ใหญ่นัก เมื่อมีเพลิงไหม้เกิดขึ้นก็จะมีคนถือถังไม้มาช่วยดับไฟในทันที
เมื่อผลักเปิดประตูไม้ออกมา ทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่อยู่ด้านใน
และเมื่อหญิงชราคนหนึ่งได้เห็นแม่เฒ่าเซี่ยงที่เสื้อผ้ารุ่งริ่งไปหมดก็ถามขึ้นมาว่า“เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องลุกขึ้นมาตบตีกันแบบนี้ด้วย?”
แม่เฒ่าเซี่ยงรีบจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเอง และลุกขึ้นมาจากพื้น“โจรพวกนี้มาแย่งเงินอัดของข้าไป ยังจะเผาบ้านข้าอีก รีบมาช่วยกันดับไฟเร็วเข้า!”
ทุกคนต่างก็รู้สึกแปลกๆ
พวกเขารู้จักกับคนในสกุลเจิ้งดี และนั่นก็เป็นบ้านทางฝั่งสามีน้องสาวของแม่เฒ่าเซี่ยงไม่ใช่เหรอ แล้วญาติที่กินดองกันจะมาแย่งสิ่งของกันได้อย่างไร
ซึ่งซูหวั่นก็ตกตะลึงกับความหน้าหนากว่ากำแพงเมืองของแม่เฒ่าเซี่ยงเป็นอย่างมาก นี่ยังเอาเรื่องการวางเพลิงโยนไปให้พวกสกุลเจิ้งอีกงั้นเหรอ
เพลิงไหม้ไม่ได้ลุกลามมากนัก แต่ควันค่อนข้างมาก จึงดับได้อย่างรวดเร็ว
“ท่านแม่ ท่านแม่ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
นางหลี่ส่ายหน้าและมองไปทางซูหวั่น“อาหวั่น ทำไมเจ้าถึงผลีผลามขนาดนี้!”
“ถ้าข้าไม่ทำแบบนี้จะทำให้พวกเขากลัวได้อย่างไรกัน?”แววตาของซูหวั่นสงบนิ่ง“หากข้าไม่ทำแบบนี้ก็คงถูกคนสกุลเจิ้งมัดไปอย่างแน่นอน หรือว่าท่านแม่จะยอมเห็นผลลัพธ์แบบนี้ได้?ท่านแม่ จิตใจที่ดีงามไม่ควรใช้กับคนชั่วนะคะ”
นางหลี่ปิดปากเอาไว้อย่างแน่นหนา
และใบหน้าที่ซีดเซียวนั้นก็มีความอับอายเพิ่มขึ้นมาแล้วในตอนนี้“เป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ทำให้พวกเจ้าต้องอยู่อย่างยากลำบากขนาดนี้”
“ท่านแม่ ข้าไม่เคยถือโทษโกรธท่านแม่เลยนะ”ซูหวั่นถอนหายใจเมื่อรู้ว่านางหลี่คิดมากขึ้นมาอีกแล้ว“ข้าแค่ต้องการบอกท่านแม่ว่า บางเรื่องก็ต้องใช้ไม้แข็งเข้ามาจัดการ ไม่งั้นคนอื่นก็ยังคงคิดว่าท่านแม่ถูกรังแกได้ง่ายๆนะ!”
ขอบตาของนางหลี่แดงระเรื่อ“แม่รู้ดี”
“หลี่เจิ้งมาแล้ว!”
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นชายหนุ่มหรือเปล่าที่ตะโกนออกมา แต่ทุกคนก็ต่างหลีกทางให้กับเขา หลี่เจิ้งมองไปรอบๆ และก็รับรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
จากนั้นเขาก็มองไปยังแม่เฒ่าเซี่ยงอย่างตึงเครียด“ท่านป้า ข้าให้ท่านเอาเงินไปคืนสกุลเจิ้งแล้วไม่ใช่เหรอ?”
แม่เฒ่าเซี่ยงเบือนหน้าหนี“ข้าคืน ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่คืนสักหน่อย แต่พวกนั้นฉีกหน้าข้าทันทีที่เข้ามา แล้วยังคิดที่จะมัดนังหนูหวั่นไปอีก นังหนูหวั่นโกรธจัดเลยจุดไฟเผาบ้าน แล้วจะให้ข้าทำยังไง!”
มันเป็นการบิดเบือนความจริงที่ยอดเยี่ยมสุดๆ!
นางเซี่ยงบิดปาก แล้วพูดว่า“ท่านพี่ อย่างไงเสียเราก็เป็นพี่น้องกัน ทำไมพี่ถึงได้พูดกลับกลอกแบบนี้!”
“เจ้ายังจำได้อีกเหรอว่าเราเป็นพี่น้องกัน เมื่อครู่ที่ข่วนหน้าข้าทำไมถึงไม่พูดแบบนี้ล่ะ!”
เมื่อเห็นว่าแม่ของตนกำลังจะเสียเปรียบ เจิ้งซื่อหลางก็มาช่วยสมทบว่า“ท่านน้า ถ้าท่านน้าเอาเงินออกมาเสียตั้งแต่ตอนแรก มันก็คงไม่วุ่นวายขนาดนี้หรอก ไม่ยอมยกหลานสาวให้ก็น่าจะพูดเสียเนิ่นๆ ไม่ใช่ว่าข้าจะหาเมียไม่ได้สักหน่อย!”
ถุย!
ทุกคนมองไปยังเจิ้งซื่อหลางด้วยความดูแคลน น้ำหน้าแบบนี้ หากหาได้จริงๆก็คงไม่ต้องรอถึงตอนนี้หรอก
ผู้เห็นเหตุการณ์ส่วนใหญ่ในหมู่บ้านซีสุ่ยต่างก็เอียนเองมาทางแม่เฒ่าเซี่ยงด้วยกันทั้งนั้น
เพราะยังไงเสียทุกคนก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน
หลี่เจิ้งมองไปยังซูหวั่นที่กำลังปาดน้ำตาด้วยขอบตาที่แดงก่ำและไม่พูดอะไรออกมา แต่ท่าทางแบบนี้ดูน่าเชื่อถือกว่าคนที่พูดพร่ำอยู่ไม่หยุดมากโข
ซึ่งซูหวั่นก็คงไม่ถึงขั้นที่จะต้องเปิดโปงแม่เฒ่าเซี่ยงออกมา
หลี่เจิ้งหันมามองคนของสกุลเจิ้ง“ในเมื่อพวกเจ้าได้รับเงินอัดไปแล้ว ก็รีบออกจากหมู่บ้านซีสุ่ยไปเถอะ ต่อไปก็อย่าเข้ามาอีก และบ้านตรงที่ถูกเผาไป พวกเข้าก็ชดใช้เป็นเงินสิบอัดก็แล้วกันนะ!”
และเจิ้งซื่อหลางก็ก่นด่าออกมาว่า“เราไม่ใช่คนที่จุดเผาสักหน่อย ทำไมจะต้องชดใช้เงินด้วย”
หลี่เจิ้งกัดฟัน“พวกเจ้าเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ ถ้าเจ้าไม่ชดใช้แล้วใครจะชดใช้ อย่าคิดว่าหมู่บ้านซีสุ่ยจะถูกรังแกได้ง่ายๆนะ ถ้าเจ้าไม่ชดใช้เงินค่าสินไหมก็อย่าหวังว่าจะออกจากหมู่บ้านไปได้!”
ใบหน้าที่เขียวคล้ำของเจิ้งซื่อหลางกลายเป็นขาวซีด
มันช่างน่าโมโหเสียจริง!
นางเซี่ยงรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยาก นางจึงควักเงินสิบอัดออกมาและโยนลงบนพื้น“เอาไปสิ ข้าไม่สนใจที่สับปะรังเคแบบนี้ของพวกเจ้าหรอกนะ!”
เมื่อแม่เฒ่าเซี่ยงเห็นเงิน ดวงตาของนางก็ลุกวาวขึ้นมาทันที
และนางก็คว้าเงินสิบอัดนั้นมาไว้ในมืออย่างรวดเร็ว
และคนสกุลเจิ้งก็มาอย่างดุดัน และกลับไปอย่างถูกคนเกลียดชัง
หลี่เจิ้งได้พาทุกคนออกไป และพวกผู้หญิงก็เริ่มจับกลุ่มนินทาขึ้นมา“เมื่อครู่พวกเจ้าเห็นหรือเปล่า แม่เฒ่าเซี่ยงถูกดึงทึ้งเสื้อผ้าจนเหลือแต่เสื้อกับกางเกงชั้นในแล้วนะ จุ๊จุ๊——”
แม่เฒ่าเซี่ยงถือเงินอัดแล้วลุกขึ้นมา จากนั้นก็ถลึงตาใส่ซูหวั่นอย่างดุดัน“นังเด็กบ้า เจ้ามาหาข้าเดี๋ยวนี้!”