แชร์

ตอนที่ 3 ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

ผู้เขียน: Bosskerr
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-21 22:32:48

เสียงตะโกนโวกเวกโวยวายปนความตกใจของสาวใช้ดังระงม สาวใช้คนหนึ่งทั้งร้องไห้ ร้องเรียก พลางเขย่าผู้เป็นเจ้านายไม่หยุด

“คุณหนู! คุณหนู ฟื้นสิเจ้าคะ! คุณหนู!”

เสียงนั้นดังลอดมาจากระยะไกล ก่อนที่ความมืดในจิตใจจะค่อย ๆ แยกออกเหมือนม่านหมอก

สาวใช้ร่างเล็กนามว่าอาเซียง นั่งร้องไห้อยู่ข้างบ่อน้ำ พอเห็นเปลือกตาของผู้เป็นเจ้านายขยับ นางก็ตาวาวด้วยความดีใจ น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด

“สวรรค์คุ้มครอง! คุณหนูฟื้นแล้ว คุณหนูยังไม่ตาย!”

หลินเย่วเอ๋อร์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาคมหวานสะท้อนกับแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านต้นเหมย เสียงนกร้องและเสียงลมพัดประสานกันราวกับกำลังบรรเลงบทเพลงต้อนรับคนจากอีกภพ แต่สิ่งแรกที่นางเห็นก็คืออาเซียงที่กำลังร้องไห้จนน้ำมูกน้ำตาไหลรวมกันเป็นสาย สาวใช้ตัวน้อยคนนั้นน้ำตาไหลอาบแก้ม

“นางเป็นใคร...” เสียงแหบพร่าเอ่ยเบา ๆ

อาเซียงรู้สึกตกใจและงุนงงในเวลาเดียวกัน

“คุณหนูจำข้าไม่ได้หรือเจ้าคะ ข้าอาเซียง! สาวใช้ที่อยู่ข้างกายคุณหนูมาตั้งแต่เล็ก!”

“อาเซียง?” หลินเยว่หลานขมวดคิ้ว

“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง นี่กำลังถ่ายละครกัยอยู่เหรอ”

“คุณหนูพูดอะไรเจ้าคะ พูดจาประหลาดนัด ข้าไม่เข้าใจ”

นางพยายามจะลุก แต่ก็ลื่นแหมะกลับลงไปในอ้อมแขนสาวใช้ทันที อาเซียงร้องลั่น

“ว้าย! คุณหนูอย่าขยับสิเจ้าคะ เดี๋ยวพลัดตกบ่ออีกรอบจะแย่!”

อาเซียงรีบเรียกคนให้มาช่วยหามเจ้านายสาวกลับเรือน ข่าวลือแพร่ไปทั่วเรือน

“คุณหนูตกน้ำ แต่ฟื้นแล้ว!”

แม้แต่แม่ครัวที่กำลังทอดปลาก็แทบทำตะหลิวหล่น ทุกคนในเรือนต่างก็ดีอกดีใจ เพราะในครั้งแรกที่ได้ยินว่าคุณหนูตกน้ำ พสกเขาก็คิดว่านางจะไม่รอดเสียแล้ว

หลินเย่วเอ๋อร์ถูกวางบนเตียงไม้กลึงลายงดงามในห้องกลาง เสียงร้องไห้ดีใจของผู้เป็นมารดาและเสียงตะโกนสั่งของผู้เป็นบิดาดังสลับกันไปมา

“เรียกหมอ! เรียกหมอเร็วเข้า!”

“ท่านพี่ ลูกลืมตาแล้วเจ้าค่ะ!”

หลินเยว่หลานนอนนิ่งอยู่บนเตียงในชุดผ้าเปียกแนบเนื้อ หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกได้ทั้งอก นางยังไม่เข้าใจว่าตนมาอยู่ที่ไหน แต่จิตใต้สำนึกบอกนางว่าที่นี่ไม่ใช่โลกที่นางเคยอยู่

หลินซุนซื่อผู้เป็นมารดาอย่างรีบเข้ามาเช็ดน้ำตา

“เยว่เอ๋อร์ของแม่ เจ้าทำแม่ตกใจแทบตาย! เจ้าเผลอตกบ่อได้อย่างไรกัน!”

หญิงสาวมองมารดาผู้แต่งกายด้วยชุดผ้าฝ้ายแบบโบราณ ดวงหน้าขาวซีดแต่แฝงความอบอุ่น พลันใจนางก็เต้นแรงอีกครั้ง

“นี่ฉันหลุดเข้ามาในนิยายย้อนยุครึไงว่ะเนี่ย?” นางคิดในใจ

นางพยายามสงบใจ ตั้งสติ พูดเสียงอ่อน “ท่านแม่ ขะ...ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เพียงแค่ตกน้ำแล้วจำอะไรไม่ค่อยได้”

            หลินซุนซื่อถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้วที่เจ้ารอด หากเจ้าเป็นอะไรไป พ่อกับแม่คงขาดใจแน่”

เมื่ออาเซียงเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ให้ หลินเยว่หลานมองรอบห้องด้วยความงุนงง เครื่องเรือนทุกชิ้นทำจากไม้หอม ฝาผนังประดับภาพวาดพู่กันโบราณ ข้างโต๊ะยังมีกระปุกแป้งและกระจกทองเหลืองเก่า ๆ วางอยู่

นางมองกระจกแล้วตะลึงไปชั่วขณะ หญิงสาวในนั้นมีใบหน้านวลเนียน ใบหน้ารูปไข่ ดวงตาเรียวยาว ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ สวยกว่าตอนอยู่โลกเดิมอีก!

“โอ้พระเจ้า!” นางพึมพำเบา ๆ “นี่ฉันคงมาเกิดในร่างนางเอกนิยายแน่ ๆ”

อาเซียงที่ได้ยินสะดุ้งเฮือก “คุณหนู! ท่านพูดกับใครเจ้าคะ!”

“อ้อเปล่า ข้าพูดกับตัวเองน่ะ” นางหัวเราะแห้ง ๆ

“แค่รู้สึกว่าข้างดงามมากก็เท่านั้น”

สาวใช้ยิ้มพราย “คุณหนูงดงามอยู่แล้วเจ้าค่ะ แต่เมื่อก่อนท่านมักเอาแต่นอนเล่น ไม่ยอมออกไปไหน”

“ดีมาก! งั้นต่อจากนี้ข้าจะเริ่มต้นใหม่!” นางลุกขึ้นนั่งอย่างฮึกเหิม

“อาเซียง เจ้าช่วยหากระจกอีกบานให้ข้าหน่อย ข้าจะเช็กผิวหน้าตัวเองหน่อย

“ชะ...เช็ก? หมายถึงอันใดเจ้าคะ”

“ข้า...เอ่อ หมายถึงข้าต้องตรวจดูว่ามีรอยช้ำหรือบาดเจ็บไหม”

อาเซียงยื่นกระจกทองเหลืองมาให้พร้อมรอยยิ้มงุนงง “คุณหนูจะตรวจผิวหน้าเช่นนั้นทุกวันก็ไม่ว่า แต่วันนี้พักก่อนเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูเพิ่งฟื้น เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้”

อาเซียงบอกแบบนั้น แต่หลินเยว่หลานไม่ฟัง นางลูบแก้มตนเองแล้วเริ่มพึมพำเบา ๆ เหมือนกำลังอัดวิดีโอ

“สวัสดีทุกคนค่ะ วันนี้เราจะมาเปิดประสบการณ์การตกบ่อน้ำแบบเรียล ๆ เอ๊ะ! ไม่ใช่สิ ที่นี่ไม่มีกล้องนี่นา!”

อาเซียงงงงวย “คุณหนูพูดกับใครหรือเจ้าคะ?”

“เอ่อ เปล่า ๆ ข้าพูดกับตัวเอง แหะ ๆ เออนี่อาเซียง ข้าชื่ออะไรนะ”

“โธ่ คุณหนู ตกน้ำจนจำไม่ได้แม้แต่ชื่อเลยหรือเจ้าคะ”

“บอกมาเถอะน่า”

“คุณหนูชื่อหลินเยว่เอ๋อร์เจ้าค่ะ

หลินเยว่หลานตกใจเมื่อได้ยิน แซ่หลินเหมือนกัน ชื่อก็คล้ายกัน นางพยายามครุ่นคิด การที่นางมาอยู่ในร่างของหลินเยว่เอ๋อร์ได้ แสดงว่าหลินเยว่เอ๋อร์ตัวจริงตายไปตั้งแต่ตอนที่ตกน้ำแล้ว งั้นตอนนี้ก็เท่ากับว่านางได้มีโอกาสมีเกิดใหม่ ถึงจะผิดยุคสมัยไปหน่อยก็เถอะ

“โอเค ข้ารู้แล้ว งั้นต่อไปข้าก็คือเยว่เอ๋อร์”

“โอเคคืออะไรเจ้าคะคุณหนู”

“ก็หมายถึงข้าเข้าใจแล้ว แล้วท่านพ่อท่านแม่ข้าล่ะ ทำอาชีพอะไร” นางถามต่ออย่างสงสัยใคร่รู้

“นายท่านเป็นพ่อค้าเจ้าค่ะ ค้าขายพวกชาและสมุนไพร”

            นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คิ้วเรียวขมวดหมุ่นเขาหากัน ไม่นานก็ถามขึ้นอีก

            “ที่นี่เจริญแค่ไหนเหรอ มีตลาดหรือจุดค้าขายอะไรไหม”

            “มีเจ้าค่ะ เมืองนี้โดดเด่นด้านการค้ารองจากเมืองหลวง นายท่านเลยตัดสินใจปักหลักปักฐานอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ”

            หลินเยว่หลานตาโตเมื่อได้ยิน นางคิดถึงบางอย่างที่อยากจะทำ ในเมื่อชีวิตก่อนนางตายไป ยังไม่ทันได้ทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จ งั้นในเมื่อตอนนี้นางมีโอกาสได้มีชีวิตอีกครั้ง นางก็จะสานต่อความฝันของตัวเอง ถึงแม้มันจะคนละยุคสมัย แต่ก็คงไม่มีอะไรเกินความสามารถหรอก!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 6 แก้ไขให้ดูต่อหน้า

    “ขอมายืนดูเป็นสักขีพยาน จะได้ไม่กล่าวหากันทีหลัง” เขายิ้มมุมปาก“พวกท่านอย่ากังวล ข้ามาด้วยใจเป็นกลางเจ็ดสิบส่วน อีกสามสิบเผื่อไว้โต้แย้ง”เจี่ยนฮวายิ้มงาม “ใจเป็นกลางของท่านเฉิงนับว่าดีนัก ได้ฟังแล้วข้าถึงกับอยากยกน้ำชาให้”“ยกมาเถิด ข้ากระหายอยู่พอดี” เฉิงอวิ๋นหัวเราะอย่างสนุก การทดสอบเริ่มขึ้น สาวใช้ของสำนักสามคนถูกเรียกมานั่งเรียงแถว แผ่นผิวด้านหลังใบหูถูกป้ายบาล์มบาง ๆ อย่างระมัดระวัง หลินเย่วเอ๋อร์ยืนกอดถุงผ้าไว้แน่น แต่นัยน์ตายังยิ้ม คิ้วขมวดตั้งใจราวกับกำลังคุมเตาดิน“ลมอย่าแรง แสงอย่าเปรี้ยงนะ” นางพึมพำเสียงเบา ๆ จนไป๋จิ้งเซียวเหลือบมอง แล้วเหมือนจะกลั้นขำเวลาหนึ่งเค่อไหลผ่านไปอย่างช้า ๆ ทุกคนคุยกันไปเรื่อย ๆ เจี่ยนฮวาเปรยข่าวที่แพร่ตามตลาด“พักนี้แป้งขาวร้านข้าขายดีนัก พวกสาว ๆ น่ะชอบความขาววอกฉับไว ใคร ๆ ก็ชม”ยังพูดไม่ทันจบ สาวใช้คนหนึ่งก็ยกมือ “ท่านไป๋เจ้าคะ หลังใบหูข้าร้อนนิดหน่อยเจ้าค่ะ”ทุกสายตาหันไป ไป๋จิ้งเซียวรีบช้อนผมดู สีแดงชมพูจาง ๆ เกิดขึ้นเหมือนดอกทับทิมแรกแย้มเฉิงอวิ๋น “อะแฮ่ม” เขายกพัดชี้เบา ๆ “สีสวยนะ แต่ไม่ใช่เรื่องดี”อาเซียงหน้าถอดสี “หรือว่าบาล์มของคุ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 5 ขอใบอนุญาตจากสำนักโอสถ

    รุ่งอรุณวันถัดมา ตลาดตงเหมินยังไม่เปิดดีนัก กลิ่นโจ๊กข้าวหอมก็ลอยมาก่อนใคร หลินเย่วเอ๋อร์นั่งจัดผมเรียบร้อย ใส่เสื้อผ้าเรียบสีอ่อน มือหนึ่งตรวจดูกระปุกทดลองที่วางเรียงบนถาดไม้ อีกมือหนึ่งชี้หน้าผากอาเซียงเบา ๆ เพราะสาวใช้ตัวดีเอาแต่หัวเราะคิกคักไม่หยุด“เจ้าจะขำอะไรนักเล่า” เย่วเอ๋อร์เอ่ยน้ำเสียงเข้ม แต่หางคิ้วยังยิ้มอาเซียงยิ่งขำ “เมื่อวานพวกชาวบ้านพูดกันใหญ่เลยเจ้าค่ะคุณหนู ทั้งตรอกเหนือ ตรอกใต้ เอาแต่พูดถึงร้านหยกมรกตของเราที่ให้ลองฟรีกันใหญ่ พวกเขายังบอกอีกว่าคุณหนูใจกล้ามาก! ของที่ให้ลองใช้ก็ดีมากด้วยเจ้าค่ะ”หลินเย่วเอ๋อร์หัวเราะเบา ๆ “ให้คนลองย่อมจำง่ายกว่าขายเลย เราต้องให้พวกเขาได้ลองก่อน ถ้าของเราดีคนก็จะตามมาซื้อเอง เจ้าน่ะหัวเราคิกคักมาตั้งนาน นิ่งเสียบ้างเถอะ ประเดี๋ยวหน้าจะยับก่อนวัย” ว่าจบก็แตะคางอาเซียง ปรับองศานิดหน่อย“ยิ้มแบบนี้สิถึงจะงาม เห็นหรือไม่ ยิ้มมากเกินไปมุมปากจะแตก”“งั้นข้าทาบะ...บาล์มสักนิดได้หรือไม่เจ้าคะ” อาเซียงทำตาแป๋ว“ได้สิ” เย่วเอ๋อร์ส่งกระปุกเล็กให้“ทาบาง ๆ พอให้ชุ่ม อย่าทาเสียจนเหมือนจูบรังผึ้งทั้งรังล่ะ”อาเซียงทำท่าทะเล้น “รับทราบเจ้าค่ะ!” แล

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 4 เกิดใหม่ไม่ทันไรก็คิดจะรวย

    วันต่อมา เมื่อหลินเย่วเอ๋อร์ฟื้นตัวดีแล้ว นางนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง มองตลาดที่อยู่ไกลออกไป เสียงพ่อค้าแม่ค้าโวยวายต่อราคาดังลอดเข้ามาถึงในเรือน กลิ่นขนมอบสมุนไพรหอมลอยมาตามลมโชยมาแตะจมูก“ที่นี่ชื่อเมืองอะไรนะอาเซียง?” นางเอ่ยถามอาเซียง“เมืองเว่ยเจินเจ้าค่ะ เมืองการค้าทางตอนใต้ของแคว้นอวี้”“อืม...” หลินเย่วเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ“แล้วตระกูลหลินของเราก็ทำแค่อาชีพค้าขายอย่างเดียวเหรอ หรือยังมีอย่างอื่นอีกไหม”“ใช่เจ้าค่ะ นายท่านค้าขายชาและสมุนไพรเจ้าค่ะ ช่วงนี้การค้าซบเซาเพราะร้านคู่แข่งเปิดใหม่หลายเจ้า เลยขายไม่ค่อยดีนักเจ้าค่ะ”หญิงสาวหรี่ตา “แสดงว่าสกุลหลินเป็นพ่อค้าระดับกลาง มีฐานะพออยู่ได้แต่ก็ไม่ถึงขั้นร่ำรวย ถ้าจะเริ่มกิจการเกี่ยวกับความงามใหม่ ก็ต้องเริ่มจากศูนย์จริง ๆ! แต่ก็น่าสนใจนะเนี่ย”นางหันไปมองกระปุกแป้งบนโต๊ะ กลิ่นแปลก ๆ ลอยขึ้นมา พอเปิดฝาดูก็เห็นผงขาววอกจนแสบตา“นี่อะไรน่ะอาเซียง!”“แป้งทาหน้าของคุณหนูเจ้าค่ะ เป็นของร้านฮวาเหมยจวงในตลาด ชาวบ้านว่ากันว่าทาแล้วขาวทันตาเลยนะเจ้าคะ”“ขาวทันตาหรือตายทันตากันแน่!” หลินเย่วเอ๋อร์แทบจะโยนกระปุกทิ้ง“นี่มันกลิ่นสารโลหะชัด ๆ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 3 ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

    เสียงตะโกนโวกเวกโวยวายปนความตกใจของสาวใช้ดังระงม สาวใช้คนหนึ่งทั้งร้องไห้ ร้องเรียก พลางเขย่าผู้เป็นเจ้านายไม่หยุด“คุณหนู! คุณหนู ฟื้นสิเจ้าคะ! คุณหนู!”เสียงนั้นดังลอดมาจากระยะไกล ก่อนที่ความมืดในจิตใจจะค่อย ๆ แยกออกเหมือนม่านหมอกสาวใช้ร่างเล็กนามว่าอาเซียง นั่งร้องไห้อยู่ข้างบ่อน้ำ พอเห็นเปลือกตาของผู้เป็นเจ้านายขยับ นางก็ตาวาวด้วยความดีใจ น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด“สวรรค์คุ้มครอง! คุณหนูฟื้นแล้ว คุณหนูยังไม่ตาย!”หลินเย่วเอ๋อร์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาคมหวานสะท้อนกับแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านต้นเหมย เสียงนกร้องและเสียงลมพัดประสานกันราวกับกำลังบรรเลงบทเพลงต้อนรับคนจากอีกภพ แต่สิ่งแรกที่นางเห็นก็คืออาเซียงที่กำลังร้องไห้จนน้ำมูกน้ำตาไหลรวมกันเป็นสาย สาวใช้ตัวน้อยคนนั้นน้ำตาไหลอาบแก้ม“นางเป็นใคร...” เสียงแหบพร่าเอ่ยเบา ๆอาเซียงรู้สึกตกใจและงุนงงในเวลาเดียวกัน“คุณหนูจำข้าไม่ได้หรือเจ้าคะ ข้าอาเซียง! สาวใช้ที่อยู่ข้างกายคุณหนูมาตั้งแต่เล็ก!”“อาเซียง?” หลินเยว่หลานขมวดคิ้ว“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง นี่กำลังถ่ายละครกัยอยู่เหรอ”“คุณหนูพูดอะไรเจ้าคะ พูดจาประหลาดนัด ข้าไม่เข้าใจ”นางพยายามจะลุก แต่ก

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 2 รอยยิ้มสุดท้ายของหลินเยว่หลาน

    ภาพนั้นอาจเป็นเพียงเงาดวงไฟสะท้อน แต่หัวใจคนที่สู้ชีวิตจนชนะมาได้นับครั้งไม่ถ้วนอย่างหลินเยว่หลาน นางรู้ดีว่าสัญชาตญาณไม่เคยโกหกลิฟต์สแตนเลสส่องเงาคนสองคนที่ยืนเคียงกัน หลินเยว่หลานซบผนังลิฟต์เพื่อหายใจ หูอื้อเหมือนกำลังดำน้ำ ซูเหม่ยหรงยืนข้าง ๆ กดชั้นล่าง มือข้างหนึ่งพยุงไหล่ แล้วอีกข้างถือโทรศัพท์ค้างบนหน้าจอแผนที่โรงพยาบาล ทุกอย่างดูเหมือนเป็นความช่วยเหลือที่ดีและถูกต้องประตูลิฟต์เปิด ทว่าเวลารอรถกลับกลายเป็นเหมือนบททดสอบที่นอกจากจะเจ็บตัวแล้วยังต้องเจ็บใจเงียบ ๆ หลินเยว่หลานเอียงคอมองท้องฟ้า เมฆดำโผล่มาแทนที่ดาวอย่างว่องไว นางยิ้มกับตัวเอง“โชคดีจัง ลืมพกร่ม...” แล้วหัวเราะเบา ๆ ที่ไม่มีใครได้ยิน อารมณ์ขันยังทำงานแม้ตัวนางอยู่ในสภาพที่แย่รถของซูเหม่ยหรงจอดอยู่ตรงลานจอดรถ เมื่อทั้งคู่มาถึงรถ ซูเหม่ยหรงจับแขนหลินเยว่หลานพานางขึ้นเบาะหน้า ขณะคาดเข็มขัด นางเอ่ยเสียงราบเรียบ“อย่าหลับนะ พูดกับฉันไปเรื่อย ๆ”หลินเยว่หลานมองเส้นไฟบนถนนที่ยืดยาว นางเริ่มเล่าเรื่องต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ“ฉันเคยปิดฝาลิปสลับกันด้วยนะ เพราะมีลิปหลายแท่ง ช่วงหัดแต่งหน้าใหม่ ๆ ทาไปทามาลิปไปติดฟัน สรุปฟันแดงเหมือน

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 1 ความงามสุดท้ายของหลินเยว่หลาน

    ค่ำวันศุกร์ปลายฤดูร้อน เมืองใหญ่สว่างวาบด้วยป้ายไฟและเสียงรถยนต์พ่นลมหายใจยาวไม่รู้เหนื่อย คอนโดหรูย่านธุรกิจที่ว่ากันว่าวิวดีระดับพรีเมียม มีเลาจน์บนชั้นดาดฟ้าสำหรับนั่งรับประทานอาหาร จิบเครื่องดื่ม ไปพร้อมกับบรรยาศที่ดีแบบสุด ๆเสียงรองเท้าส้นเสียงดังจิกพื้นเหมือนโน้ตดนตรี หลินเยว่หลานเข้ามาอย่างมั่นใจ หญิงสาวที่แม้ไม่ต้องพยายามแต่งสวยก็เด่นสะดุดตา นางคือบิวตี้บล็อกเกอร์ตัวท็อป ผู้ติดตามหลักล้าน คลิปแนะนำสกินแคร์ 7 วันสวยด้วยหน้าสดของนางถูกแชร์อย่างถล่มทลายค่ำนี้นางแต่งตัวสวยแบบเรียบหรู แต่งหน้าอ่อน ๆ เบา ๆ หน้าผิวฉ่ำแบบน้ำค้าง ตาเรียวสวยดูใจดีและดื้อในเวลาเดียวกัน ชุดเดรสไหมสีน้ำนมไหลลู่ เหมาะกับแสงโกลเด้นของไฟระย้าที่คลอไปกับเพลงแจ๊สเบา ๆจานเรียกน้ำย่อยถูกยกมาเสิร์ฟ เสียงแก้วกระทบกันเบา ๆ ราวกับประกายดาว หลินเยว่หลานยิ้มให้ซูเหม่ยหรง เพื่อนนสาวคนสนิทที่อยู่ข้างนางมาตั้งแต่เริ่มทำคลิปแรก“ดีลคืนนี้ตกลงแล้ว นับว่าเราเริ่มต้นได้ดีทีเดียว” นางพูดเสียงเบาแต่ชัด“แบรนด์ของเราจะเปิดพรีออเดอร์เดือนหน้า”ซูเหม่ยหรงสวยคมแบบแม่เสือสาว ยิ้มเก่งจนคนรอบข้างรู้สึกสบายใจง่าย นางหัวเราะนุ่ม“ฉัน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status